บทที่1460 เพื่อนชั่ว
“ในห้องจัดเลี้ยงทั้งหมดล้วนเป็นหูเป็นตาให้กับจ้านเซิน นายระวังหน่อย เดี๋ยวจะถูกจับได้” โจวเอ้อแสร้งทำเป็นไม่ได้ตั้งใจเดินเขามาหาเขา ก่อนเตือนเขาด้วยเสียงเบา
เสียงที่ดังขึ้นมา ดึงลู่เซิ่นให้ออกมาจากความโกรธ
มาถึงจุดนี้แล้ว ความพยายามที่ทุ่มเทไปจะเสียไปเปล่าๆ
ลู่เซิ่นหายใจเข้าลึก และระงับความโกรธในใจ
เขาหลับตาลง พยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะซ่อนไฟที่ลุกโชนในดวงตาของเขา “ฉันรู้”
ลู่เซิ่นพูดด้วยเสียงแหบพร่า โจวเอ้อสามารถได้ยินเสียงความอดทนจากความโกรธได้ในน้ำเสียงของเขา
โจวเอ้อพูดอย่างเจ็บปวดว่า “อย่าห่วงเลย ฉินซีจัดการได้แน่”
ในสายตาของเขา ฉินซีเป็นผู้หญิงเข้มแข็งที่ยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง
เธอสามารถปกป้องตัวเองจากอันตรายได้
โจวเอ้อมองไปทางฉินซี
แน่นอน เขาเห็นว่าฉินซียังคงรักษาระยะห่างกับหลูจื๋อหลินครึ่งเมตร
ฉินซีมองไปยังหลูจื๋อหลินอย่างต้องการตักตวงผลประโยชน์ ดวงตาสีเข้มทอแววรังเกียจ “ขอบคุณประธานหลู ที่เข้าใจค่ะ ”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงไม่ร้อนไม่หนาว ไอเย็นชาแผ่ออกมาทั่วทั้งร่าง
หลูจื๋อหลินเห็นการป้องกันในดวงตาของเธอ ก่อนจะถอนมือออกไปอย่างเก้อๆ
เขาไม่ได้โกรธ แต่กลับรู้สึกฉินซีแบบนี้ยิ่งน่าท้าทายไปอีกแบบ
หลูจื๋อหลินหัวเราะชอบใจพลางพูด “คุณฉินเกรงใจมากไปแล้วครับ วันนี้เป็นโอกาสที่หายาก อย่างนั้นผมแนะนำเพื่อนบางคนให้คุณดีกว่า?”
เขาพูดอย่างกระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกาย
ที่เรียกว่าเพื่อนของหลูจื๋อหลิน คือพวกลูกคนรวยที่ใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาไปวันๆ กับเขา
อาศัยว่าที่บ้านมีเงิน เลยทำอะไรตามอำเภอใจข้างนอกได้ ไม่ได้มีความสามารถอะไรมากนัก
หลูจื๋อหลินฉลาดเฉียบแหลม เขารู้ว่ารูปร่างหน้าตาและความรู้ความสามารถของฉินซีนั้นจะต้องดึงดูดความชื่นชอบจากชนชั้นสูงมากมาย
ถึงเวลานั้นก็คงมีชายหนุ่มเข้ามาหาแทบไม่ขาดสาย ถ้าหากผู้ชายคนไหนที่มาแล้วโดดเด่นกว่าเขา ฉินซีต้องถูกพวกเขาดึงดูดแน่นอน
หลูจื๋อหลินไม่อนุญาตให้มีเรื่องทำนองนั้นเกิดขึ้น ดังนั้นเขาจะหากลุ่มที่แย่กว่าตัวเองเป็นพิเศษมาให้
เป็นแผนการที่ฉินซีคาดไม่ถึง
แต่เธอไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านั้น จุดประสงค์ของการมาที่นี่คือทำภารกิจที่จ้านเซินมอบหมายไว้ให้สำเร็จ
ครั้งนี้ฉินซีต้องตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลของหลูจื๋อหลิน และค้นหาหลักฐานการหลีกเลี่ยงภาษีของเขาเพื่อดูว่าเขามีผู้สมรู้ร่วมคิดอื่นอีกหรือไม่
เมื่อเผชิญหน้ากับคำเชิญของหลูจื๋อหลิน เธอพยักหน้า “คงต้องรบกวนประธานหลูแล้วค่ะ”
ริมฝีปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้าที่ใสสะอาดของฉินซี
เธอดูสูงส่งและสง่างามเมื่อสวมหน้ากากสีทอง
เธอแยกกับจั่วยีจั่วเอ้อตั้งแต่หลังจากเดินเข้ามาแล้ว
หลูจื๋อหลินเป็นคนที่ระมัดระวังตัวมาก ถ้าเขาเห็นคนมากมายอยู่ข้างหลังเธอ เขาจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน ดังนั้นฉินซีจึง แยกทั้งสองคนออกจากกัน ปล่อยให้พวกเขารอเงียบๆ ที่มุมไปคนเดียว
เธอทำเช่นนี้เพราะยังมีเหตุผลอยู่อีกอย่างคือ ไม่มีการเฝ้ามองจั่วยีจั่วเอ้อ เธอจะได้พูดคุยกับลู่เซิ่นได้มากหน่อย
“คุณฉิน ผมบอกไปแล้วนะครับว่าระหว่างเราไม่จำเป็นต้องมาเกรงใจอะไร ถ้าหากคุณยังพูดขอบคุณ ผมจะโกรธจริงๆแล้วนะ”
หลูจื๋อหลินกล่าว ขณะพาเธอเดินไปหาเพื่อนของเขา
เขาแสร้งทำท่าทางไม่มีความสุข พลางมองไปยังฉินซี
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ฉินซีพยักหน้า ก่อนตอบ “โอเคค่ะ ฉันจะไม่พูดแล้ว”
เขาพูดอย่างลวกๆ เธอไม่ได้เอาคำพูดของหลูจื๋อหลิน มาใส่ใจ
หากแผนการเป็นไปด้วยดี นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่หลูจื๋อหลินจะได้จัดงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้ที่นี่
สิ่งที่รอเขาอยู่ คือชีวิตในคุกอันยาวนานที่ไม่มีสาวงามหรือเหล้ารสชาติดี ฉันไม่รู้ว่าหลูจื๋อหลินที่เคยมองว่าความสุขสำคัญกว่าชีวิตจะทนได้หรือไม่
ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในขอบเขตการพิจารณาของฉินซี สิ่งที่เธอต้องทำคือรวบรวมหลักฐาน
เธอเดินตามหลูจื๋อหลินอย่างว่าง่าย ไปหากลุ่มเพื่อนชั่วของเขา
เมื่อเห็นหลูจื๋อหลินนำสาวงามที่ไม่มีใครเทียบได้มา ใบหน้าของทุกคนปรากฏความประหลาดใจ
ดวงตาลุกโชนไปด้วยกองเพลิงสาดใส่มายังร่างของฉินซี ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดจนต้องขมวดคิ้ว
หลูจื๋อหลินมองไปยังแววตาที่มีความอิจฉาของทุกคน เขาอิ่มอกอิ่มใจ ก่อนจะพูดออกมาว่า “ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับเพื่อนสนิทของผมฉินซี คุณฉินครับ”
เขาเปิดทางเล็กน้อยเพื่อเผยให้เห็นฉินซี
“คุณฉินเพิ่งเรียนจบจากต่างประเทศและกลับมายังเมืองไห่ได้ไม่นาน ครอบครัวเพื่อนฝูงต่างก็ไม่ได้อยู่ในประเทศนี้ หวังว่าทุกคนจะไว้หน้าผมและปฏิบัติดูแลคุณฉินดีๆนะครับ”
คำพูดของหลูจื๋อหลินทำให้ฉินซีอยู่ในขอบเขตป้องกันของเขาทันที ในเวลาเดียวกันก็บอกทุกคนว่าฉินซีเป็นผู้หญิงของเขาและบอกพวกเขาว่าอย่างให้ความสนใจกับฉินซี
แม้ว่าทุกคนจะไม่เห็นรูปลักษณ์ของฉินซี แต่แนวสันกรามของเธอที่เผยออกมาให้เห็น รูปร่างสวยงาม และผิวที่ขาวราวกับหิมะ ก็เพียงพอแล้วที่จะตัดสินได้ว่าเป็นหญิงงาม
เมื่อบวกกับท่าทางที่ประจบประแจงของ หลูจื๋อหลินแล้วก็ยิ่งมั่นใจได้ว่าฉินซีไม่ใช่สินค้าอย่างแน่นอน
ต้องการรู้ว่าสายตาของหลูจื๋อหลินเฉียบมาก ของคุณภาพงั้นๆเขาไม่เสียเวลามายุ่งหรอก
ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอหน้าตาของฉินซี ชายคนหนึ่งในนั้นที่มีหน้าตาเหมือนลิงพูดขึ้นมา “คุณฉินนำหน้ากากมา ปิดบังแน่นหนาเสียขนาดนี้ ถ้าหากเจอกันทีหลัง แล้วจำหน้าตาของคุณฉินไม่ได้ แน่นอนว่ามองไม่ออกแน่ จะดีกว่าไหมครับถ้ากอดหน้ากากให้ทุกคนได้เห็นหน้าตาเสียหน่อย เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิดในการเจอกัน การทำให้คุณฉินเคืองใจคงไม่ใช่เรื่องดี”
เขากลอกตา คิดหาข้ออ้าง
ฉินซีรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร ด้านหลังหน้ากากใบหน้าที่งดงามเผยรอยยิ้มเย็นชา “วันนี้ไม่ใช่งานเลี้ยงปลอมตัวหรือคะ? ถ้าหากถอดหน้ากากแล้วมันคงจะหมดความน่าสนใจ”
เธอพูดเบาๆ และปฏิเสธผู้ชายที่ขอให้เธอถอดหน้ากาก
เมื่อเห็นเธอไม่ยินยอม ใบหน้าของชายคนนั้นปรากฏความไม่พอใจ “คุณฉิน ผมไม่ได้ให้คุณถอดตลอดทั้งคืนนี่ครับ แค่ชั่วคราวเท่านั้น ให้ทุกคนได้รู้จักหน่อยแค่นั้นเอง”
เขามองว่าฉินซีเป็นผู้หญิงที่แสร้งทำเป็นว่าตัวเองสูงส่งอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเห็นเธอไม่ยินยอมที่จะถอดหน้ากากลง มันทำให้เขาเกิดความไม่พอใจ
ฉินซีมาที่นี่เพื่อทำภารกิจ ไม่ได้มาเพื่อทำให้ใครพอใจ
เธอมองไปยังผู้ชายตรงหน้าอย่างเย็นชา “คุณผู้ชายคนนี้ ไม่เข้าใจความหมายที่ฉันพูดหรือคะ?”
ในโลกของผู้ใหญ่ หากไม่มีการตอบสนองเชิงบวก นั้นก็หมายถึงการปฏิเสธ
ความหมายง่ายๆเช่นนี้ เขาไม่เข้าใจไม่ได้
เป็นเพียงแค่ลูกของคนรวยที่เคยชินกับการกำเริบเสิบสาน ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะยินยอมหรือไม่ บังคับให้อีกฝ่ายำตามคำสั่ง
ในสายตาของพวกเขา ผู้หญิงไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกจากของเล่นไว้ฆ่าเวลา
นี่พูดอะไร!
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉินซีพูด ชายคนนั้นพลันมีโทสะขึ้นมา สองมือกำหมัดแน่น