บทที่1462 ช่วยเหลืออย่างลับๆ
หลูจื๋อหลินพูดพลางเดินไปตามทางที่ฉินซีกำลังเดินไป
ในใจโกรธจนแทบจะระเบิด คิดรู้สึกว่าฉินซีไม่ไว้หน้าเขา
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาปฏิบัติต่อผู้หญิงคนหนึ่งราวกับแก้วตาดวงใจ แต่กลับได้ความเย็นชาเป็นสิ่งตอบแทน ในใจของเขาไม่สมดุล อยากจะถามฉินซีว่าทำไมถึงได้ทำกับเขาแบบนี้
……
ฉินซีไม่รู้เลยว่าหลูจื๋อหลินกำลังไล่ตามเธอมา ใจทั้งหมดของเธอจดจ่ออยู่ลู่เซิ่นหมดแล้ว
เธอเดินมาตรงหน้าของลู่เซิ่น หยิบแชมเปญจากถาดเสิร์ฟแล้วจิบเบาๆ
รสชาติหวานอ่อนๆกลิ่นลอยฟุ้ง สีหน้าของฉินซีเผยรอยยิ้มอ่อนๆออกมา
เธอประสานสายตากับลู่เซิ่น เห็นเงาของตนเองในสายตาฝ่ายตรงข้าม
เสียงเพลงเสนาะดังอยู่ในงานปาร์ตี้
ฉินซีใช้โอกาสนี้ค่อยๆเดินไปอยู่ข้างๆเขา พูดขึ้นเบาๆว่า:“ลู่เซิ่นฉันคิดถึงคุณมากเลย”
น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยกลิ่นอายของรักใคร่สุดซึ้งแยกจากกันไม่ได้ ทำให้ลู่เซิ่นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกวูบวาบ
หากไม่เป็นเพราะเขายังมีสติอยู่ ลู่เซิ่นก็คงจะพุ่งเข้าไปแล้วโอบเธอเข้ามาในอ้อมกอดแล้ว
ลูกกระเดือกเซ็กซี่กลอกไปมา ลู่เซิ่นสูดหายใจเข้าลึกพยายามกดความต้องการลึกๆของตนลง
ลู่เซิ่นจับจ้องมองไปที่เธอ สายตาที่ร้อนผ่าวนั้นราวกับสามารถมองทะลุหน้ากากสีทองนั้นได้ และสามารถมองทะลุใบหน้าของฉินซีที่แอบซ่อนอยู่ได้
สายตานั้นราวกับจะกลืนกินฉินซีเข้าไปก็มิปาน ทำให้ฉินซีรู้สึกอกสั่นขวัญหายอย่างบอกไม่ถูก
เสียงแหบแห้งดังออกมาจากช่องอก ลู่เซิ่นพูดว่า:“ผมก็คิดถึงคุณเหมือนกัน”
เขาเอ่ยปากพูดทีละคำทีละประโยค แต่ละคำที่พูดออกมาล้วนแฝงไว้ด้วยความคิดถึงอย่างลึกซึ้ง
ในใจของฉินซีสั่นระรัว เธอไม่รู้เลยว่าควรที่จะบรรยายความรู้สึกในขณะนี้อย่างไร
เธอรู้เพียงว่าเธอรักลู่เซิ่น รักจนยากที่จะถอนตัว รักจนขนาดสามารถสละชีวิตตนได้
หลังจากที่ฟังประโยคนี้จบ จู่ๆ ฉินซีก็รู้สึกเสียใจภายหลังที่ทำให้เขาโกรธ ตอนนี้กลับรู้สึกว่าอารมณ์ของตนเอ่อล้นออกมา ยากที่จะเก็บความรู้สึกไว้ได้
ฉินซีถอนหายใจอย่างเงียบๆ เธอไม่พูดไม่จาราวกับเธอไม่อยากมีชีวิตอยู่
เธออยากที่จะโผลเข้ากอดลู่เซิ่น แล้วบอกเขาว่าเธอคิดถึงเขามาก
เธออยากจะใช้ชีวิตร่วมกับเขา เธออยากจะให้ลู่เซิ่นพาเธอไปจากที่นี่ จากนั้นหนีไปให้ไกล ราวกับพวกเขาเป็นนกที่บินอย่างอิสระ และไม่กลับมาตลอดกาล
แต่ว่าในงานปาร์ตี้แห่งนี้มีสายตาเป็นจำนวนมากจับจ้องอยู่ เธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
ฉินซีพยายามระดับความต้องการของตนเอง ขณะกำลังจะพูดอะไรออกมากลับได้ยินเสียงฝีเท้าดังถี่มาจากด้านหลัง
“คุณฉิน”
แม้ว่าเธอจะไม่ได้หันไป แต่กลับรู้ว่าหลูจื๋อหลินตามา
หลูจื๋อหลินผลักลู่เซิ่นออกอย่างเผด็จการ ยืนอยู่ข้างหน้าของฉินซีพลางถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“คุณฉิน คุณทำแบบนี้หมายความยังไง?”
เขากัดฟัน น้ำเสียงอัดแน่นไปด้วยความโกรธที่บีบอัดอยู่
หากไม่ได้เห็นแก่ที่ฉินซีไม่เหมือนกับคนอื่น รวมไปถึงเป็นคนมีความรู้ความสามารถรอบด้าน คงเป็นไปไม่ได้ที่หลูจื๋อหลินจะยอมถอยให้ขนาดนี้ เขาก็คงจะเทตั้งแต่ที่เธออกตัญญูต่อเขาแล้ว
ดวงตาสว่างสดใสของฉินซีส่องแสงระยิบระยับ พลางพูดขึ้นอย่างผู้บริสุทธิ์ว่า:“ประธานหลูคุณถามฉันว่าฉันหมายความยังไง?ฉันก็อยากจะถามเหมือนกันว่าเพื่อนของคุณหมายความว่ายังไง?”
เธอพูดตรงๆโดยที่ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าหลูจื๋อหลินจะโกรธหรือไม่
“เดิมทีฉันคิดว่าเพื่อนของประธานหลูก็เหมือนกันท่านสง่า ผ่าเผยเป็นผู้ดี คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่ชื่อคุณชายหางกลับหาเรื่องฉันอย่างไม่ลดละ ฉันไม่อยากคบหากับคนพวกนั้นเป็นเพื่อนเลย หวังว่าประธานหลูจะเข้าใจ”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ฉินซีก็หยุดชะงัก พลางพูดต่อว่า:“ประธานหลู หวังว่าท่านจะไม่หาว่าฉันชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ฉันอยากจะพูดกับคุณประโยคหนึ่งที่นี่ว่าคุณรีบเลิกคบกับเพื่อนที่ไม่เรียนหนังสือ พวกนั้นเถอะ พวกเขาอาจจะทำให้คุณเสียชื่อเสียงได้”
ฉินซีขมวดคิ้วราวกับกำลังคิดเพื่อหลูจื๋อหลิน แต่แท้ที่จริงแล้วกำลังยุให้ความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองแตกหักรำ
เธอชื่นชมหลูจื๋อหลินว่าเป็นคนดีที่สมบูรณ์แบบด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์
จู่ๆประโยคนี้ก็ทำให้ความรู้สึกโกรธในใจของหลูจื๋อหลินคลายลง
จู่ๆเขาก็รู้สึกเบิกบานใจไม่น้อยเลย ริมฝีปากเผยรอยยิ้ม:“ขอบคุณคุณเฉินที่เตือน หากไม่ใช่เพราะเรื่องเมื่อสักครู่นี้ ผมก็คงถูกท่าทีในทุกๆวันของคุณชายหางหลอก ดีที่วันนี้คุณเฉินมาที่นี่ ทำให้ผมได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขามากขึ้น คุณวางใจเถอะ ต่อไปผมจะไม่คบหาสมาคมกับเขาอีก”
หลูจื๋อหลินตบที่หน้าอกของตัวเองเพื่อเป็นการยืนยัน ไม่นานก็ถูกฉินซีโกหกแค่คำพูดคำสองคำ
เมื่อเห็นว่าเขาหลอกง่าย ในใจของฉินซีก็รู้สึกไม่สนุก
เมื่อกลัวว่าฉินซีจะติดภาพที่ไม่ดีของตนเองหลูจื๋อหลินจึงรีบขอโทษอย่างรวดเร็วว่า:“คุณฉิน เรื่องเมื่อสักครู่นี้ผมขอโทษจริงๆนะครับ!ที่ผมทำให้คุณต้องลำบากใจ เป็นเพราะผมดีไม่พอเอง”
น้ำเสียงของเขาจริงใจเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกผิดกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
เมื่อฉินซีได้ยินเขาพูดเช่นนี้ น้ำเสียงก็อ่อนลงไม่น้อย:“ไม่เป็นไรค่ะประธานหลูไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง เมื่อสักครู่นี้คุณก็พูดแล้วว่า ก่อนหน้านี้คุณไม่รู้ว่าเขาเป็นคนแบบนั้น งานปาร์ตี้ในครั้งนี้ประธานหลูเป็นพระเอก ท่านคงยังมีเรื่องอีกมากที่ต้องจัดการ ท่านไม่จำเป็นต้องติดตามฉัน เดี๋ยวฉันจะเดินเล่นรอก่อน รอท่านจัดการธุระของท่านเรียบร้อยแล้วกลับมาหาฉันก็ยังไม่สาย”
เธอเอ่ยขึ้นอย่างอาอกเอาใจ แสดงออกให้เห็นถึงท่าทีที่เป็นมิตร
ในความเป็นจริงแล้วที่ฉินซีพูดแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าไม่อยากที่จะข้องแวะกับหลูจื๋อหลินอีกต่อไป อีกทั้งเธอยังต้องแฝงเข้าไปในงานเลี้ยงเพื่อตามหาหลักฐานหนีภาษีของหลูจื๋อหลิน
หลูจื๋อหลินยังมีเรื่องอีกมากที่ต้องจัดการ เพียงแต่ต้องการเอาอกเอาใจฉินซี จึงยอมเสียเวลาไปกับเธอมากขนาดนี้
เวลานี้ เมื่อได้ยินฉินซีพูดดังนั้นทำให้หลูจื๋อหลินรู้สึกดีกับเธอไม่น้อย
“ได้ ถ้างั้นเดี๋ยวผมจะหาพนักงานเสิร์ฟคอยติดตามคุณ พาคุณไปเดินให้ทั่ว หากคุณต้องการแก้ไขปัญหาอะไร ก็สามารถกำชับให้เขาไปทำได้”
หลูจื๋อหลินรู้สึกว่าฉินซีเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก ยิ่งเขาได้สัมผัสก็ยิ่งชอบ
เขาเหลือบตามองไปรอบๆ ก็เหลือบไปเห็นลู่เซิ่นที่ยืนอยู่ด้านหลังของตนเอง
หลูจื๋อหลินสีหน้าจริงจังชี้ไปที่เขาพลางพูดขึ้นว่า:“ต่อไปนายไม่ต้องทำอะไรแล้ว ทำเพียงติดตามคุณฉิน คอยดูแลให้เธอพอใจ หากคุณฉินมาฟ้องว่านายไม่ให้เกียรติเธอ ผมเอานายตายแน่”
เมื่อประโยคนี้ถูกพูดออกไป สีหน้าของฉินซีกับลู่เซิ่นก็เผยความดีใจออกมา
ดีที่ทั้งสองใส่หน้ากาก ไม่งั้นก็คงจะถูกดูออก
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าหลูจื๋อหลินจะจัดการแบบนี้
ทำให้ความรู้สึกที่ฉินซีรำคาญต่อหลูจื๋อหลินลดลงส่วนหนึ่งโชคดีที่เขาได้สร้างโอกาสให้พวกเขาทั้งสองอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ครับประธานหลู”
ลู่เซิ่นเผยริมฝีปากออก พลางพยักหน้า
ฉินซีพยายามระงับความรู้สึกของตนเอง ยังคงเสแสร้งทำทีเย็นชา:“ได้ค่ะ ขอบคุณประธานหลูที่ดูแล”
ฉินซีรีบพูดขึ้นว่า:“ถ้าเช่นนั้นประธานหลูไปจัดการธุระก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปเดินเล่นสักรอบหนึ่ง เปิดหูเปิดตากับสไตล์ของเมืองไห่สักหน่อย”