Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1488

ตอนที่ 1488

บทที่1488 อดกลั้นอย่างเต็มที่

ฉินซีข่มขู่ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความแน่วแน่

ลู่เซิ่นรู้ ฉินซีพูดจริงทำจริงมาโดยตลอด

เขาได้แต่ใช้ความคิดอย่างหนักหาข้ออ้าง “ฉินซี เธอใจเย็นหน่อย ฉันรักเธอ เรื่องนี้จนตายก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันทำตอนนี้ ล้วนแต่เพื่ออนาคตของเราสองคน เพียงแต่ตอนนี้ยังบอกเธอไม่ได้ หวังว่าคุณจะเข้าใจ ให้ผ่านไปอีกซักระยะดีไหม ฉันจะไปหาเธอแน่นอน”

ลู่เซิ่นพูดปลอบโยนเสียงต่ำ หวังว่าฉินซีจะเชื่อใจตน

อันที่จริง ในใจของลู่เซิ่นก็เจ็บปวดมาก

เขาเองก็อยากเจอฉินซีมาก แต่ก็ไม่หวังให้เธอกังวลไปด้วย

ฉินซีฟังออกว่าเขาไม่เตรียมที่จะบอกตน หัวใจก็เย็นลงทันที

ฟันกัดริมฝีปากแน่น ฉินซีผิดหวังแล้วจริงๆ

ฉินซีแอบตัดสินใจ ในเมื่อลู่เซิ่นไม่เตรียมที่จะสารภาพ งั้นก็อย่าโทษว่าเธอทำอะไรโดยพลการ

“โอเค ฉันรู้แล้ว”

ฉินซีบังคับตัวเองให้ใจเย็นลง ฝืนรอยยิ้มออกมา

เธอแสร้งทำทีเข้าอกเข้าใจ แต่ที่จริงกลับคิดไว้เรียบร้อยแล้วว่าขั้นต่อไปจะทำยังไง

เหยาจ้าวยืนอยู่ด้านข้าง มองใบหน้าที่บอบบางของเธอ รู้สึกน่ากลัวอย่างอธิบายไม่ได้

เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไม เอาแต่รู้สึกว่ารอยยิ้มนี้ของฉินซีมันแปลกๆ ราวกับมีคนต้องทุกข์ทรมาน

เดิมทีลู่เซิ่นนึกว่าตนยังจะต้องเปลืองน้ำลายอีก ถึงจะสามารถหยุดความอยากรู้อยากเห็นของฉินซีได้ แต่คิดไม่ถึงว่า จะคลี่คลายได้ง่ายดายแบบนั้น

ในใจเขาถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก พูดพลางยิ้มบางๆ “วางใจเถอะ ไม่ปล่อยให้เธอรอนานหรอก”

จากการวินิจฉัยของโจวซิง อีกครึ่งเดือน เขาก็สามารถฟื้นตัวกลับมาเหมือนเดิมแล้ว

ถึงตอนนั้น เรื่องที่ลู่เซิ่นจะทำเป็นอย่างแรก ก็คือไปหาฉินซี

“อื้มอื้ม”

ฉินซีพยักหน้าเป็นเด็กดี “งั้นนายทำธุระเถอะ ทางฉันยังมีธุระ ไม่สะดวกคุยเยอะ วางล่ะ”

พูดจบ เธอก็วางสายโทรศัพท์ไปทันที

การเคลื่อนไหวของฉินซีว่องไวมาก ไม่ให้เวลาลู่เซิ่นได้ตอบสนองเลย

แต่ว่า ลู่เซิ่นเองก็สามารถเข้าใจได้

ถึงอย่างไรตอนนี้ตัวของฉินซีก็อยู่ในองค์กร เรื่องทุกอย่าง จำเป็นต้องระมัดระวัง

วันนี้ฉินซีโทรศัพท์มาหาตน ก็เสี่ยงมากแล้ว

ถ้าเวลาที่คุยสายนานเกินไป ง่ายมากที่จะถูกจ้านเซินจับได้ ถึงตอนนั้นจะยุ่งยาก

ลู่เซิ่นหาข้ออ้างต่างๆนาๆมาช่วยฉินซีปกปิดอยู่ในใจ แต่ไม่รู้ว่าเพียงเพราะฉินซีอารมณ์ไม่ดีเฉยๆหรือเปล่า ดังนั้นถึงวางสายไป

หลังจากฉินซีวางสาย ก็มองไปบนโต๊ะด้วยแววตาเป็นประกาย

ท่าทางที่มืดมนแบบนี้ ทำให้เหยาจ้าวอดไม่ได้ที่จะไว้อาลัยให้อุปกรณ์ของตนสามวินาที

เหยาจ้าวเอ่ยปากร้องไห้อย่างไม่มีน้ำตา “คุณป้า โกรธก็โกรธไป อย่าทำลายข้าวของเด็ดขาด ต่อให้ทำลายข้าวของ ก็อย่าทำลายที่นี่นะ”

เขาก้าวไปข้างหน้า มองไปที่ฉินซีอย่างระแวดระวัง หวังว่าเธอจะแสดงความเมตตา ปล่อยของล้ำค่าน้อยๆเหล่านี้ของตนไป

ต้องรู้ว่า ของเหล่านี้เป็นกำลังกายและสมองในการค้นคว้าตลอดหลายปีของเหยาจ้าว จะถูกทำลายไปแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้น ก็ต้องเริ่มต้นใหม่

ฉินซีได้ยินเสียง ก็ค่อยๆได้สติกลับมา “ฉันรู้”

เธอเอ่ยปากอย่างเย็นชา สีหน้าไม่แยแส

“ออกไปปฏิบัติภารกิจครั้งต่อไป ฉันจะไปหาลู่เซิ่นที่โรงพยาบาล นายจัดเตรียมให้ฉันหน่อย”

ฉินซีเอาความคิดของตน บอกกับเหยาจ้าวตั้งแต่ต้นจนจบ

ตอนนี้ในองค์กร เธอสามารถไว้วางใจได้ก็มีแค่เหยาจ้าวเท่านั้น

“อะไรนะ!”

เหยาจ้าวเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ ราวกับได้ยินอะไรที่น่ากลัว

เดิมทีเขานึกว่าฉินซีคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว ก็วางใจได้จริงๆแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่า เธอตัดสินใจที่จะไปหาลู่เซิ่น

“ฉินซี หรือว่าเธอไม่กลัวจ้านเซินรู้เข้าหรอ?”

เหยาจ้าวพูดอย่างประหม่า หม่นหมองลงทันที

เขารู้สึกว่าฉินซีตอนนี้จะต้องถูกชนจนมึนหัวแน่ ไม่อย่างนั้นจะพูดคำอย่างนี้ออกมาได้ยังไง

พูดถึงเรื่องธุรกิจ ใบหน้าของเหยาจ้าวเองก็เก็บรอยยิ้มที่ชิวๆสบายๆไว้

ฉินซีรู้ถึงผลลัพธ์จากการกระทำแบบนี้ของตนเป็นธรรมดา ว่าอันตรายขนาดไหน “ถูกรู้เข้าแล้วจะเป็นยังไงได้ อย่างมากก็แค่ความตาย ยังไงก็ดีกว่าใช้วิตอยู่แบบนี้”

ตอนที่เธอพูด ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มที่โศกเศร้าแต่งดงาม

ฉินซีราวกับคิดได้แล้ว แต่มีเพียงในใจของเหยาจ้าวที่รู้ดี ว่าตอนนี้เธอเสียใจมากแค่ไหน

คนคนหนึ่งที่โหยหาอิสรภาพขนาดนั้น กลับถูกตัดปีกทิ้ง กักขังไว้ในกรง

ตอนนี้แม้แต่ความคาดหวังอย่างระมัดระวังอันน้อยนิดในใจ ก็ค่อยๆจางหายไป เธอจะเป็นปกติอยู่ได้ยังไง

“เฮ้อ……”

เหยาจ้าวถอนหายใจ คิ้วตาเต็มไปด้วยความปวดใจ “ฉันรู้แล้ว ฉันจะช่วยเธอ”

ท้ายที่สุดเขาก็ทนไม่ได้ที่จะมองดูฉินซีตกลงไปในเหวลึกเพียงคนเดียว

ถึงอย่างไรเขาก็ตัวคนเดียว ไม่แน่ว่าครั้งนี้อาจจะมีการฝ่าฟันใหม่ๆ

ฉินซีได้ยินเขาพูดแบบนี้ ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มจริงใจที่หาได้ยากออกมา “พี่ชาย ขอบคุณนะ”

น้อยมากที่เธอจะเรียกเหยาจ้าวว่าพี่ชาย แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง กลับเป็นเลือดข้นกว่าน้ำ

นอกประตู

ดวงตาสีดำเข้มของจ้านเซินก็เผยแสงน่าประหลาด พายุฝนรุนแรงบรรจุอยู่ในนั้น

เดิมทีเขานึกว่าฉินซีทำใจได้แล้วจริงๆ กลับนึกไม่ถึงว่า ที่แท้ทั้งหมดนี่คือกำลังหลอกเขา

มือทั้งสองที่วางอยู่ข้างกายกำหมัดแน่น หัวใจของจ้านเซินเต้นรัวอย่างรุนแรง เส้นเลือดที่แขนนูนขึ้นมา

เขาหันตัวจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว ทั่วตัวแผ่ออร่าที่มืดมน

ทั้งสองคนไม่รู้เลย ว่าเรื่องที่พวกเขาวางแผนไว้ จ้านเซินได้ยินหมดแล้ว

……

วันนั้น

ฉินซีถูกจ้านเซินเรียกตัวอีกครั้ง

“ฉินซี พรุ่งนี้มีภารกิจหนึ่งสำคัญมาก จำเป็นต้องให้เธอออกไปปฏิบัติการ”

จ้านเซินมองตรงไปที่ฉินซีที่ยืนอยู่ตรงข้าม ในใจรวบรวมลมพายุ

เขาคิดไม่ถึงเลย ว่าคนสองคนที่เคยสนิทกัน ตอนนี้จะเดินมาถึงจุดนี้ได้

ทั้งๆที่ฉินซียืนอยู่ตรงหน้าเขา แต่จ้านเซินกลับอ่านใจเธอไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ฉินซีกำลังเตรียมจะหาโอกาสออกไป ไม่คาดคิดว่าจะมาเร็วขนาดนี้

เธอระงับความสุขในใจลง แสร้งทำท่าทีเคร่งขรึม พยักหน้า “โอเค ฉันจะกลับไปเก็บกระเป๋า”

ฉินซีพูดอย่างแทบทนรอไม่ไหว หลังจากพูดจบ ก็หันตัวจะจากไป

“รอเดี๋ยว!”

แสงเย็นแวบผ่านดวงตาของจ้านเซิน มองแผ่นหลังของเธอ ทันใดนั้นก็เรียกให้เธอหยุด

ขาของฉินซีชะงัก หันตัวอย่างสงสัย “ทำไมหรอ?”

ในใจเธอมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ แต่เธอก็พูดไม่ออกว่ามันเป็นเพราะอะไรกันแน่

จ้านเซินเอ่ยปากนิ่งๆ “ฉินซี ก่อนที่จะไปปฏิบัติภารกิจ เธอมีอะไรอยากจะพูดกับฉันไหม?”

สาเหตุที่เขาถามแบบนี้ เพราะอยากจะให้โอกาสฉินซีซักครั้ง

แต่ว่า ฉินซีกลับไม่เข้าใจ

ตอนนี้ในใจเธอมีแต่ลู่เซิ่น “ไม่มีนะ”

ฉินซีมองจ้านเซินแปลกๆ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถามแบบนี้

พูดคำนี้ออกไป ในใจจ้านเซินก็เจ็บปวด

มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา “ฉันรู้แล้ว เธอออกไปเถอะ”

ฝ่ามือที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะกำหมัดแน่น เขาอดกลั้นไว้สุดกำลัง ในใจมีความคิดแล้ว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท