Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1503

ตอนที่ 1503

ฉินซีกล่าว พรางสตาร์ทเครื่องยนต์

ลู่เซิ่นจ้องมองแผ่นหลังของเธอ ดวงตาดำขลับประกายแสงแวววาว

กระทั่งเครื่องยนต์หายลับตาไป ลู่เซิ่นถึงได้ละสายตา

เขาทำตามคำของฉินซี ค้นหาสถานที่มิดชิด รอเธออย่างเงียบๆ

ฉินซีมุ่งไปข้างหน้า กวาดสายตาไปรอบๆ

ลู่เซิ่นรอเธออยู่คนเดียว แถมยังบาดเจ็บ เธอไม่กล้าที่จะล่าช้า

เมื่อฉินซีซ่อนรถเรียบร้อยแล้ว พร้อมนำหญ้าหนาๆ ปิดซ้อนเอาไว้ ก่อนที่จะเดินย้อนกลับไปยังทางเดิมด้วยเม็ดเหงื่อที่แตกโชก

“อาเซิ่น…..”

หลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง ฉินซีกลับมาด้วยเหงื่อที่ท่วมกาย

เมื่อลู่เซิ่นได้ยินเสียง จึงเดินออกมา “ฉินซี ในที่สุดก็กลับมาสักที”

เขาจ้องมองทีท่าหอบด้วยความเหนื่อย ด้วยความเจ็บปวดใจ

“เหนื่อยไหม”

ลู่เซิ่นเดินไปที่เธอ พลันยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดเม็ดเหงื่อบนหน้าผากที่ไหลพราก

ทีท่าที่อ่อนโยนของเธอ ทำให้ฉินซีรู้สึกอบอุ่นหัวใจ

ฉินซีสบสายตาที่ฉายแววห่วงใยคู่นั้น พร้อมส่ายหน้า “ไม่เหนื่อย คุณอยู่กับฉัน ฉันจะเหนื่อยได้ยังไง!”

ขอเพียงแค่หนีออกไปจากที่นี่ได้ การที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันนั้นคุ้มค่าทั้งนั้น

“โอเค เราอย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย เราเดินทางต่อเถอะ”

ฉินซีกล่าว พรางจูงแขนของลู่เซิ่น มุ่งไปยังด้านบน

หาทางของเขาลูกนี้ค่อนข้างคดเคี้ยว ต้นไม้ตั้งสูงตระหง่านเหนือเมฆ เสมือนกับป่าดึกดำบรรพ์

เมื่อสักครู่ลู่เซิ่นได้ตรวจดูรอบๆ บริเวณโดยรอบ ไม่รู้ว่าอาจเพราะผ่านการฝนตกเมื่อสักครู่นี้หรือไม่ โดยรอบถึงได้มีหมอกหนา

หมอกควีนสีขาวนี้จับตัวกันเป็นชั้นบรรยากาศ ช่วยเหลือฉินซีและลู่เซิ่นในการซ่อนตัว

ลู่เซิ่นกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ฉินซี เธอหาที่นี่พบได้ยังไง?”

จากปฏิกิริยาของฉินซีเมื่อสักครู่ เธอคุ้นเคยกับที่นี่มากอย่างเห็นได้ชัด

ฉินซีกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง “ก่อนหน้านี้ฉันมาทำภารกิจที่นี่ ตอนนั้นถูกไล่ล่า ก็เลยวิ่งหนี แล้วเจอที่นี่โดยบังเอิญ จึงซ่อนตัวอยู่ที่นี่ แต่เพราะบาดเจ็บสาหัสจึงสลบไป เมื่อตื่นขึ้นมาก็ได้พบว่านอนอยู่ในกระท่อม เป็นผู้มีความสามารถที่อาศัยอยู่ที่นี่ช่วยฉันเอาไว้”

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่มหัศจรรย์เหล่านั้น ฉินซีรู้สึกว่าดวงของเธอนั้นค่อนข้างแข็ง

ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะผู้มีความสามารถท่านนั้นออกมาหายา แล้วพบกับร่างของเธอที่นอนจมอยู่ในกอหญ้า ไม่แน่ตอนนี้วิญญาณของเธออาจจะร่องลอยอยู่ไหนสักที่

ฉินซีกล่าวอย่างเรียบเฉย เสมือนกับว่าเป็นเรื่องเล็ก

แต่ ลู่เซิ่นที่ได้ยินหัวใจบีบรัดแน่น

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วแน่น “จ้านเซินให้เธอมาทำภารกิจงั้นเหรอ? เขาชอบเธอไม่ใช่หรือ? ทำไมเขาถึงได้มอบภารกิจที่อันตรายแบบนี้ให้กับเธอ!”

เขากล่าวอย่างดุดัน คิดว่าจ้านเซินไม่ใช่ลูกผู้ชาย ปากบอกว่าชอบฉินซี แต่กลับผลักไสเธอเข้าสู่อันตราย

ลู่เซิ่นจึงคิดว่า การที่จ้านเซินต้องการจับกุมตัวฉินซีกลับไป ก็แค่เพื่อให้ฉินซีทำภารกิจต่อไป ช่วยเหลือทีมเท่านั้น คำว่าชอบอะไรนั่น ก็แค่ข้ออ้างที่หลอกลวง

แม้ฉินซีจะรู้อยู่แก่ใจ ว่าเธอไม่ควรช่วยแก้ต่างให้กับจ้านเซิน

แต่ เธอก็ยังคงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “อันที่จริงภารกิจนั้นไม่อันตรายเลย เพียงแต่หลังจากนั้นได้มีผู้ช่วยเพิ่มขึ้น ก็เลยทำลายแผนที่งดงามของฉันเสียหาย ไม่อย่างนั้น ฉันก็ไม่ต้องบาดเจ็บสาหัสหรอก”

เรื่องนี้จะโทษใครไปไม่ได้ คงต้องโทษศัตรูที่เจ้าเล่ห์นัก

เหมือนกับหรูเว่ยเสียงในคราวนี้ ฉินซีไม่ทันได้เตรียมการ จนเกือบตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรู

จ้านเซินไม่รู้เลย เมื่อกลับไป รายงานเรื่องนี้กับจ้านเซิน เขาเองก็นึกเสียใจทีหลัง

ลู่เซิ่นกล่าวอย่างไม่พอใจ “แล้วยังไง ก็ต้องโทษจ้านเซินอยู่ดีที่ไม่ตรวจสอบให้เรียบร้อย”

เขาโยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้กับจ้านเซิน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ชอบขี้หน้าเขา

ฉินซีรู้ดี ว่าชาตินี้จ้านเซินและลู่เซิ่นไม่มีทางญาติดีต่อกัน เธอตึงไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้

เธอเปลี่ยนบทสนทนา “บาดแผลเจ็บรึเปล่า”

ฉินซีจับจ้องบริเวณหน้าท้องของเขา เมื่อสักครู่ระหว่างทาง เธอเก็บแผ่นไม้จากข้างทางมาหลายแผ่น ทำการห่อผ้าเอาไว้ที่ชั้นนอกเพื่อช่วยลู่เซิ่นเพื่อยึดบาดแผลของเขาเอาไว้

เพราะได้รับบาดเจ็บจากการทำภารกิจอยู่บ่อยครั้ง เพราะงั้นของเหล่านี้ ฉินซีได้พกติดตัวอยู่เสมอ

แม้ว่าอุปกรณ์จะเรียบง่าย แต่ก็พอใช้ประโยชน์ได้บ้าง

“ไม่เจ็บ”

ลู่เซิ่นส่ายหน้า ไม่ต้องการให้เธอเป็นห่วง

ฉินซีรู้ดี ว่าเขากำลังแสร้งเข้มแข็ง “อดทนอีกหน่อย อีกเดี๋ยวก็ถึงแล้ว”

แม้ว่าเขาลูกนี้จะดูใหญ่ แต่กลับไม่สูง

ทั้งคู่เดินอยู่ได้เพียงครึ่งชั่วโมง ก็ถึงยอดเขา

ฉินซีจ้องไปที่กระท่อมที่อยู่ไม่ไกล ดวงตาอำพันฉายแววแห่วงความยินดี “อาเซิ่น ดูสิ!กระท่อมหลังนั้นแหละ เรามาถึงแล้ว”

เธอกล่าวด้วยความดีใจ ใบหน้าที่งดงามเผยรอยยิ้มที่สดใส

ลู่เซิ่นจับจ้องทีท่าราวกับเด็กน้อยของเธอ พลันกุมมือของเธอเอาไว้ “อืม ถึงแล้ว”

เขากล่าวอย่างเอ็นดู ปล่อยให้ฉินซีลากเขามุ่งเข้าไปที่กระท่อม

เมื่อมาถึงหน้าประตู ฉินซีปล่อยแขนของเขา

“อาเซิ่น คุณรออยู่ที่นี่ก่อน ฉันจะไปดูว่าท่านอาจารย์คนนั้นอยู่ไหม”

จบคำ เธอไม่รอคำตอบจากลู่เซิ่น พลันพุ่งเข้าไปด้านในทันที

“คุณปู่เช่ คุณปู่เช่!”

ฉินซีตะโกนเสียงดัง แต่กลับไร้การตอบรับ

เธอวนหาโดยรอบ แต่กลับไม่พบคุณปู่เช่แม้เงา จึงขมวดคิ้วอย่างสงสัย

ฉินซีเหลือบมองข้าวของที่วางอยู่บนโต๊ะ น้ำชายังไงอุ่นอยู่ ภายในกระท่อมสะอาดเรียบร้อย ดูเหมือนว่าเพิ่งออกไปได้ไม่นาน คงยังไปได้ไม่ไกลนัก

เขาเพิ่งคิดที่จะไล่ตามไป ก็ได้พบกับคุณปู่เช่ที่ยืนคุยกับลู่เซิ่นอยู่ที่หน้าบ้าน

“แกเป็นใคร?”

เมื่อคุณปู่เช่กลับมาก็ได้พบว่ามีคนอยู่ในบ้านของเขา เขาได้กลิ่นคาวเลือดจากร่างกายของลู่เซิ่นอย่างแรง พลันขมวดคิ้วเป็นปม ดวงตาสีขุ่นเต็มไปด้วยการป้องกัน

ลู่เซิ่นคาดเดาจากอายุและการแต่งกายของเขา ชายที่ผมหงอกเต็มหัวตรงหน้า ชราที่สวมชุดสีขาว คงเป็นคุณปู่เช่ที่ฉินซีว่าไม่ผิดแน่

เขาเดินไปที่คุณปู่เช่ เมื่อเห็นว่าเขาเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจตน เขาไม่เข้าไปใกล้

“คุณปู่เช่ สวัสดีครับ”

ลู่เซิ่นกล่าวอย่างมีมารยาท

คุณปู่เช่นิ่งไป “แกรู้จักชื่อฉันได้ยังไง แกมาทำอะไร?”

เขาจ้องมองลู่เซิ่นนิ่ง รอคอยคำตอบของเขา

ลู่เซิ่นเล่าเรื่องราวอย่างตรงไปตรงมา “คุณปู่เช่ ผมชื่อลู่เซิ่น เป็นสามีของฉินซี”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น คุณปู่เช่ลืมตาโพลง

“ฉินซี?”

คุณปู่เช่เต็มไปด้วยความยินดี “แกเป็นสามีของฉินซีจริงหรือ เธอแต่งงานแล้วงั้นหรือ?”

เขาก้าวไปข้างหน้า คว้ามือของลู่เซิ่นขึ้นกุม ด้วยความตื่นเต้น

ลู่เซิ่นไม่คิดเลย ว่าเมื่อคุณปู่เช่ได้ยินชื่อของฉินซี จะมีปฏิกิริยาที่แรงขนาดนี้

เขานิ่งไป ก่อนที่จะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ครับ คุณปู่เช่ ผมกับฉินซีเราแต่งงานกันแล้ว”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท