Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1504

ตอนที่ 1504

แม้ว่าทั้งคู่จะตกลงกันอย่างลับๆ คนที่รู้เรื่องไม่มากนัก แต่ก็ได้จดทะเบียนกันแล้ว

ไม่ว่าอย่างไรลู่เซิ่นก็เสียใจ ที่ไม่ได้จัดงานแต่งที่ใหญ่โตให้กับฉินซี

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจัดให้กับเธอ แต่เป็นเพราะจ้านเซิน ฉินซีไม่กล้าอุกอาจ

คุณปู่เช่เผยสีหน้าแห่งความเกรี้ยวโกรธ “แกหลอกล่อฉินซีไปแล้ว ยังไม่มาบอกกับฉัน แถมยังไม่ได้เชื้อเชิญฉันไปงานแต่งอีก”

เขาจับจ้องลู่เซิ่น ด้วยความโกรธที่ปะทุ

คุณปู่เช่โกรธขึ้นมาจริงๆ เขาทำทีท่าหยิบท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมา คิดที่จะทำร้ายร่างกายเขา

ลู่เซิ่นไม่คิดเลย ว่าพูดคุยอยู่ดีๆ เขาจะลงมือใช้ความรุนแรงเสียอย่างนั้น ช้าไปก้าว เขาไม่ทันได้หลบ

ในขณะที่เขาคิดว่าต้องเจอดีแน่ ฉินซีพุ่งเข้ามากะทันหัน

เธอจับจ้องเหตุการณ์ด้วยความตระหนก “คุณปู่เช่ หยุดก่อน!”

ฉินซีตะโกนเสียงดัง ดวงตาอำพันประกายแววแห่งความกังวล

ทำไมพูดคุยอยู่ดีๆ ถึงได้ใช้ความรุนแรงเสียได้

ฉินซีรีบเข้ามาห้ามเอาไว้ พลันแย่งไม่กวาดมาจากมือของคุณปู่เช่

เมื่อคุณปู่เช่ได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย เขานิ่งไป

เพราะความลังเลในชั่วพริบตา ดูถูกฉินซีคว้าอาวุธมาไว้ได้

คุณปู่เช่จับจ้องเธอนิ่ง ดวงตาสีขุ่นประกายหยดน้ำตา “นางเด็กบ้า ปีนี้มานี้เธอไปอยู่ที่ไหนมา!ไม่รู้จักกลับมาเยี่ยมฉันบ้าง มีผู้ชายคนนี้แล้วลืมฉันไปเลยใช่ไหม!”

เขากล่าวด้วยความเสียใจ สายตาที่จับจ้องฉินซีเต็มไปด้วยความถือโทษ

ฉินซีสบสายตาของเขา พลันรู้สึกผิดขึ้นมา “ขอโทษ คุณปู่ เป็นความผิดของฉันเอง”

อันที่จริง ไม่ใช่เพราะเธอไม่อยากกลับมา เพียงแต่ระหว่างนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ฉินซีถูกรั้งเอาไว้

ลู่เซิ่นเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี จึงรีบกล่าว “ปู่ครับ ไม่ใช่เพราะไม่อยากกลับมาเยี่ยมท่าน เพียงแต่สองปีนี้ฉินซีความจำเสื่อม ลืมเรื่องราวในอดีตไป จึงไม่ได้กลับมา”

เขาไม่ได้ที่จะแก้ตัวให้กับฉินซี เขาไม่ต้องการที่จะให้ฉินซีและคุณปู่เช่ต้องผิดใจกัน

คุณปู่เช่นิ่งแข็ง ขมวดคิ้วแน่น “ความจำเสื่อม?”

เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นเพราะเหตุนี้ เขาคิดว่าเพราะโลกภายนอกช่างน่าดึงดูด ทำให้ฉินซีเสียคน จนลืมเขาไปแล้ว

ก่อนหน้านี้คุณปู่เช่เองก็เคยคิดที่จะลงจากเขาไปตามหาฉินซี แต่เมื่อคิดได้ว่าทั้งคู่เพียงแค่ได้พบกันเพราะความบังเอิญ หลังจากนั้นฉินซีมีใจกตัญญู มักจะหาเวลามาเยี่ยมเขาอยู่เสมอ เพราะงั้นเขาจึงมองฉินซีเป็นหลานสาวแท้ๆ

ตอนนี้เมื่อฉินซีไม่มาแล้ว ก็เท่ากับว่าวาสนาของทั้งคู่ได้สิ่นสุดกันแล้ว

เพราะงั้น สองปีมานี้คุณปู่เช่จึงอาศัยอยู่บนเขานี้คนเดียว แต่ในใจเขาก็ยังคงนึกถึงฉินซีอยู่เสมอ

ลู่เซิ่นพยักหน้ารับ “เพราะเหตุการณ์บางอย่างทำให้ฉินซีเสียความทรงจำ เพราะงั้นเธอไม่ได้ตั้งใจไม่มาหาท่าน อย่าโกรธไปเลย”

จากไม่ใช่เพราะฉินซีได้ความทรงจำกลับคืนมาแล้ว ชาตินี้คุณปู่เช่คงไม่ได้พบกับฉินซีอีก

คุณปู่เช่สีหน้าจริงจัง พลันกล่าวถาม “นี่มันเรื่องอะไรกัน!แกเป็นสามีของฉินซีไม่ใช่หรือไง แกดูแลเธอยังไง”

เขาจับจ้องลู่เซิ่นด้วยสายตาประกาย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ

ปู่เช่รู้สึกว่า ลู่เซิ่นไร้ความเป็นผู้นำแม้แต่น้อย เป็นลูกผู้ชาย แม้แต่ภรรยาของตนเองยังดูแลไม่ดี จะมีประโยชน์อะไร

ฉินซีไม่ต้องการให้เขาเข้าใจลู่เซิ่นผิด “คุณปู่คะ ฉันได้พบกับลู่เซิ่นหลังจากที่ความจำเสื่อม เรื่องนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขา เขาเสียสละทำเพื่อฉันมามาก”

เธอยืนขวางอยู่ตรงกลางระหว่างลู่เซิ่นและปู่เช่ เพื้อไม่ให้ทั้งคู่ทะเลาะกัน

คุณปู่เช่มองออกว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นไม่ธรรมดา เพราะงั้นเขาได้แต่ถอนหายใจยาว “พอได้แล้ว พวกเธอสองคนเข้าไปด้านในก่อนสิ เล่าให้ฉันฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

เขากล่าว พรางวางไม้กวาดลง เดินเข้าไปที่กระท่อม

ฉินซีและลู่เซิ่นต่างจ้องหน้ากันก่อนที่จะเดินตามเข้าไปติดๆ

คุณปู่เช่นั่งลงบนเก้าอี้ผู้นำในห้องโถง จับจ้องทั้งคู่ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

ฉินซีเดินเข้าไป กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ปู่ลู่เซิ่นบาดเจ็บ ช่วยเขารักษาได้หรือไม่ ปู่อยากรู้อะไร ฉันจะพูดความจริงทั้งหมด”

ดวงตาอำพันสายแววความห่วงใย เธอเกรงว่าหากเสียเวลาไปมากกว่านี้ อาการของลู่เซิ่นจะแย่เข้าไปใหญ่

หลังจากที่คุณปู่เช่เข้าใกล้ลู่เซิ่น ก็ได้กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้ง

แต่ผ่านไปนานขนาดนี้ เขากลับไม่ได้ยินลู่เซิ่นเอ่ยปากขอความช่วยเหลือแม้แต่น้อย

ดูเหมือนว่าไอ้หมอนี่ใช้ได้เลย ปฏิกิริยาของคุณปู่เช่ดีกับเขาขึ้นมาบ้าง

เขาแสร้งกล่าวด้วยความเย็นชา “ไปนั่งบนเตียงก่อน ฉันจะไปเตรียมของแล้วจะรีบตามไป”

จบคำคุณปู่เช่เดินออกจากห้องอีกครั้ง

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ฉินซีถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ใบหน้าที่ขาวซีดเริ่มเผยรอยยิ้มจางๆ “ลู่เซิ่น วิชาแพทย์ของคุณปู่เช่ดีมาก นายไม่ต้องกังวล ฉันจะประคองนายไปนั่งตรงนั้น”

ทีแรกอาการของเขาแย่กว่าลู่เซิ่นเป็นไหนๆ ภายใต้การรักษาของคุณปู่ เช่เธอหายดีเป็นปกติ

เธอเชื่อว่าครั้งนี้ลู่เซิ่นเองก็จะปลอดภัยเช่นเดียวกัน

ลู่เซิ่นเชื่อใจในตัวฉินซีอยู่แล้ว เขาพยักหน้ารับ “ผมดูออก วางใจเถอะ ผมจะอาศัยอยู่กับคุณปู่เช่อย่างดี”

เซนส์ของเขาแรงกล้ามาโดยตลอด เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน การที่คุณปู่ เช่ไม่พอใจในตัวเขา เป็นเพราะเขาคิดว่าตัวเขาไม่ดีต่อฉินซี

คุณปู่เช่รักและเอ็นดูฉินซีมาก ไม่เช่นนั้นเมื่อสักครู่คงจะไม่มีปฏิกิริยาที่รุนแรงเช่นนั้น

“อืมอืม”

เมื่อได้รับการยืนยันจากลู่เซิ่น ฉินซีถึงได้สบายใจขึ้นมาบ้าง

สิ่งที่เธอไม่อยากเห็น คือการฆ่าล้างกันเอง

ฉินซีประคองลู่เซิ่นให้นั่งลงบนเตียง คุณปู่เช่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาในห้อง

เขาอายุเจ็ดสิบปีแล้ว แต่ร่างกายยังไงแข็งแรง ไม่แพ้ชายวัยรุ่นอายุยี่สิบกว่าเลยแม้แต่น้อย

หากมองจากภายนอก คนรอบกายดูไม่ออกเลยว่าเขามากถึงขนาดนี้แล้ว

ลู่เซิ่นจับจ้องคุณปู่เช่ที่ดูราวกับวัยรุ่นไม่แก่เฒ่า เขาอยากจะรู้เสียจริงว่าคุณปู่เช่ใช้เคล็ดลับอะไรกันแน่

“ถอดเสื้อผ้าออก”

คุณปู่เช่กล่าวอย่างเคร่งครัด

ลู่เซิ่นไม่กล้าล่าช้า เขาถอดผ้าพันแผลออก เปิดรอยแผล

ขณะที่เขาถอดอยู่ ก็นึกถึงฉินซีที่อยู่ด้วย เพราะงั้นเขาจึงหยุดชะงัก

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วหันไปที่เธอ “ฉินซี เธอลองไปก่อนไหม”

เขาไม่อยากให้ฉินซีได้เห็นบาดแผลของเขา เพื่อไม่ให้เธอเป็นห่วงไปมากกว่านี้

แต่ฉินซีกลับยืนกรานที่จะอยู่ “ไม่ ฉันไม่ไป ฉันจะอยู่กับคุณ อย่าไล่ฉันออกไปเลย!”

เธอกล่าวอย่างมุ่งมั่น ดวงตาอำพันประกายแววแห่งความตั้งใจ

ฉินซีเข้าใจดี ว่าเหตุใดลู่เซิ่นถึงได้บอกให้เธอออกไปในเวลานี้

เธอสามารถแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น หลีกเลี่ยงด้วยตนเอง แต่เธอไม่อยากเป็นคนขี้ขลาด

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท