Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1514

ตอนที่ 1514

ต่อให้เป็นฉินซีที่เป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ ก็ไม่มีข้อยกเว้น

ฉินซีใบหน้าแดงก่ำ แม้แต่ลำคอเองก็ถูกย้อมจนเป็นสีแดงเรื่อไปด้วย “ฉัน……ฉัน……”

เธอคิดที่จะแก้ต่างให้กับตนเอง แต่กลับไร้เหตุผลโ้ต้ตอบใดๆ

ความห่วงใยทำให้เกิดความว้าวุ่นใจประโยคนี้ไม่ผิดเลยสักนิด ตอนนี้ฉินซีอยากจะมุดหายเข้าไปในรูสักแห่ง

“แกอะไรของแก รีบปล่อยเขาซะสิ”

ปู่เช่เอ็ดด้วยทีท่าดุดัน ทำให้ฉินซีเกิดความรู้สึกอับอายขึ้นมาเล็กน้อย

ลู่เซิ่นจ้องทีท่าน่าสงสารของเธอ พลันกล่าวปกป้องเขาอย่างหักห้ามไม่ได้ “คุณปู่เช่ ท่านอย่าว่าฉินซีเลย พูดไปมากกว่านี้เธอจะร้องไห้อยู่แล้ว”

เขาโอบไหล่ของฉินซีเอาไว้ ดึงเข้ามากอด

ทีท่าของลู่เซิ่นที่ปกป้องภรรยา ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้ปู่เช่โกรธ ตรงกันข้ามกลับทำให้เขานึกขำเข้าไปใหญ่ “พอได้แล้ว พอได้แล้ว!เรื่องของพวกแกสองคน คนแก่อย่างฉันไม่ยุ่งด้วยแล้ว ฉันไปก่อน แล้วแกเสร็จแล้วก็รีบพักผ่อนซะ”

ปู่เช่กล่าว พรางโบกไม้โบกมือ มุ่งเดินออกไปด้านนอก

เขาปิดประตูให้กับทั้งคู่อย่างเอาใจใส่

ในห้องเงียบสงัด มีเพียงแค่ฉินซีและลู่เซิ่น

ฉินซีมุดอยู่ในอ้อมอกของลู่เซิ่น ได้กลิ่นไม้จันทน์จากตัวเขาอย่างชัดเจน

กลิ่นอายนี้ ทำให้หัวใจที่เต้นตุ้มต่อมของฉินซีสงบลง

ลู่เซิ่นก้มศีรษะสูดดมกลิ่นเครื่องหอมของฉินซี ให้ความรู้สึกสัมผัสที่ละมุนในอ้อมกอด ลูกกระเดือกที่เซ็กซี่เกลือกกลิ้งขึ้นลง

เขาเกิดเข้าใจขึ้นมากะทันหัน เพราะเหตุใดเมื่อสักครู่ปู่เช่ถึงพูดออกมาแบบนั้น

ทั้งคู่ไม่ได้เจอกันนาน ไม้แห้งและไฟที่โหมกระหน่ำ ควบคุมไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ

อุณหภูมิในห้องสูงขึ้น ไม่รู้เพราะเหตุใด ฉินซีและลู่เซิ่นจู่ๆ ก็จูบขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ขณะที่ลู่เซิ่นคิดที่จะไปต่ออีกสเต็ป ฉินซีพลันได้สติกลับคืนมาเสียอย่างนั้น

เขาขยิบตาจับจ้องลู่เซิ่น จับมือที่ไม่อยู่นิ่งเอาไว้แน่น “ไม่ได้”

ฉินซีกล่าวด้วยน้ำเสียงกระเส่า ที่มีตัณหาปนอยู่

ลู่เซิ่นจ้องมองเธอนิ่ง น้ำเสียงแหบพร่า “เป็นอะไรไป?”

ลู่เซิ่นในตอนนี้ ได้ลืมเลือนสิ่งที่ปู่เช่กำชับเสียสิ้น

แม้ว่าฉินซีเองก็อยากที่จะใกล้ชิดกับเขามาก แต่ประโยคของปู่เช่ เธอไม่กล้าที่จะขัด

เธอผลักไสมือของลู่เซิ่นออก จัดแจงเสื้อผ้าของตนเองให้เรียบร้อย “นายอย่าทำอะไรนะ ไม่อย่างนั้น ฉันจะไปนอนที่เก้าอี้”

ฉินซีแสร้งถลึงตาโตใส่เขาอย่างดุดัน ใบหน้าแดงก่ำ

เธอคิดว่าแบบนี้จะหยุดลู่เซิ่นไว้ได้ แต่ฉินซีไม่รู้เลย ว่าเสียงที่อ่อนหวานของเธอ เสมือนกับเด็กสาวที่ออดอ้อน ไม่เพียงไม่เป็นผลเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับทำให้อีกฝ่ายอยากจะจับคร่อมเธอเอาไว้มากไปกว่าเก่า

ลู่เซิ่นมองเธอที่มีทีท่าโมโหของเธอ พลันยกมุมปาก

เขารู้ว่าฉินซีเป็นห่วงเขา ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะวู่วามจริงๆนั่นแหละ

ไร้หนทาง ลู่เซิ่นได้แต่อดทนเอาไว้

เขาดึงแขนของฉินซี รั้งหญิงสาวเอาไว้ “โอเค ฉันไม่เล่นแล้ว เธออย่าโกรธเลย”

ลู่เซิ่นง้อหญิงสาวด้วยความอดทน หวังว่าฉินซีจะมีความสุขขึ้นมาบ้าง

ฉินซีจับต้องเขาอย่างจริงจัง “ถ้างั้นนายต้องสัญญากับฉัน ตอนนอนอยู่นิ่งๆ หากฉันจับได้ว่านายคิดไม่ซื่อ ฉันก็จะไม่สนใจนายอีกเลย”

เธอจับจ้องลู่เซิ่นนิ่ง รอคำตอบจากชายหนุ่ม

ลู่เซิ่นพยักหน้ารับ “โอเค ผมสาบาน ตอนกลางคืนผมจะนอนเฉยๆ ไม่ทำอะไรเด็ดขาด”

เขาเองก็ไม่อยากให้บาดแผลของเขาฉีกเช่นเดียวกัน ลู่เซิ่นยังอยากจะทำสิ่งดีๆ ให้กับฉินซีอีกมากมาย อยากเขาเกิดพิการรักษาไม่ได้ขึ้นมา สำหรับฉินซีแล้ว คือภาระอย่างหนึ่ง

ลู่เซิ่นเข้าใจถึงความรุนแรงในสิ่งนี้ดี เมื่อสักครู่เพียงแค่เขาไม่ทันได้ควบคุมตนเองชั่วขณะ ตอนนี้เขาได้สติกลับคืนมาแล้ว ก็จะไม่ทำอะไรแบบนั้นอีก

เมื่อฉินซีได้ยินเขาพูดอย่างนั้น ถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก

ขณะที่เธอคิดที่จะกล่าว ว่าเราเข้านอนกันเถอะ แต่กลับนึกอะไรบางอย่างได้ มัวเสียเวลาครึ่งค่อนวัน แต่ยังไม่ได้ทายา

ฉินซีได้แต่ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง “ยกเสื้อขึ้นสิ”

เธอหยิบขวดยาขึ้น ทายาให้กับลู่เซิ่นอย่างตั้งใจ

ทีท่าตั้งใจของเธอ ช่างน่ารักเสียเหลือเกิน ทำให้รู้สึกใจสั่น

ลู่เซิ่นนึกโชคดีมาก ที่ได้พบกับฉินซี ทำความรู้จักกัน รักกัน

ชีวิตที่เหลือ เขาหวังว่าจะได้อยู่กับฉินซีไปจนแก่เฒ่า

ลู่เซิ่นที่เป็นลูกผู้ชายอกสามศอก โดยปกติแล้วไม่ค่อยได้พูดจาหวานซึ้ง

เขารู้สึกว่า คำพูดจะไพเราะสักเพียงไหน ก็ไม่จริงใจเท่ากับการกระทำ

เมื่อฉินซีช่วยลู่เซิ่นทำแผลเสร็จ เธอแหงนหน้าขึ้น ก็ได้พบกับสีหน้าที่ลึกซึ้งของเขา

เธอนิ่งไปสักพัก พวงแก้มแดงก่ำ พลันกล่าวอย่างประหม่า “นายมองฉันทำไม ยังไม่รีบเข้านอนอีก”

ฉินซีกล่าว พลันสะบัดหน้าไปอีกทาง

เธอถือโอกาสเก็บยา เพื่อหลบหลีก

หากแต่ ลู่เซิ่นไม่คิดที่จะปล่อยเธอไป

ลู่เซิ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ผมอยากนอนกอดคุณ”

เมื่อเทียบกับความสุขุมในทุกที ฉินซีได้ยินน้ำเสียงที่ออดอ้อนปนอยู่

ฉินซีเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ พลันจ้องหน้าเขานิ่ง

เธอยากที่จะเชื่อ ว่าคำพูดแบบนี้ จะออกมาจากปากของลู่เซิ่น

วันนี้ลู่เซิ่นก็ปลดปล่อยเสียที เขาเอื้อมมือไปข้างหน้า รั้งตัวฉินซีเข้ามา “คุณภรรยา นอนกับผมนะ ได้ไหม~”

คำว่าภรรยา แทบจะหลอมละลายกระดูกของฉินซี

ฉินซีสูญเสียพลังการต่อต้านทันที พลันถูกเขาลากไปอย่างนั้น

ลู่เซิ่นในแบบนี้ เธอไม่สามารถกล่าวคำปฏิเสธได้เลย

ฉินซีถูกอุ้มขึ้นเตียงอย่างว่าง่าย ก่อนวางลงบนเตียง

เธอถอนหายใจอย่างไร้หนทาง แม้เธอจะแสดงออกว่าลำบากใจ แต่ในใจกลับดีใจเป็นอย่างมาก ราวกับว่าทานน้ำผึ้งที่หอมหวานเข้าไป

“ก็ได้ เรานอนด้วยกัน”

ฉินซีนอนอยู่ที่จ้างกายเขา ใกล้ชิดติดกับร่างเขาแน่น

ลู่เซิ่นกอดเธอแน่น มองเธออย่างอ่อนโยนราวกับน้ำ

เขาบรรทมจูบบนหน้าผากของฉินซี “ฝันดีนะ คุณภรรยา”

ขนตายาวงอนของฉินซีสั่นเล็กน้อย หัวใจตุ้มต่อม เต้นระรัวอย่างหนัก

เธอไม่รู้ว่าควรที่จะอธิบายความรู้สึกแบบนี้อย่างไร ทั้งตัวเบาหวิว

ฉินซีรู้สึกว่า ครั้งนี้สามารถหนีออกมากับลู่เซิ่นได้ ช่างมีความสุขเสียเหลือเกิน

เธอไม่เคยต้องการที่จะกลับไปที่ที่เย็นชาไร้หัวใจ และลดทอนความเป็นมนุษย์แบบนั้นอีก

ขอเพียงแค่ได้อยู่ข้างกายลู่เซิ่น ต่อให้ไปที่ที่ลำบากยังไง เธอก็ยอม

“ฝันดี คุณสามี”

ฉินซีกล่าวอย่างหักห้ามไม่ได้ พลันหน้าแดงก่ำ

เธอไม่กล้าลืมตาขึ้น กลัวว่าลู่เซิ่นจะเห็นความเขินอายของเขาในตอนนี้

ลู่เซิ่นเบิกตากว้างอย่างดีใจ อยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นเธอหดหัวอย่างกับเต่า จึงนิ่งเงียบ

เขายิ้มอ่อน “หลับเถอะ”

ลู่เซิ่นดึงผ้าห่มขึ้น เพื่อคลุมร่างของเธอ

เขาตบหลังของฉินซีอย่างแผ่วเบา กล่อมเธอหลับอย่างอดทน

วันนี้วิ่งวุ่นมาทั้งวัน ฉินซีอยู่ในสภาพจิตใจที่ตึงเครียดมาโดยตลอด

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท