Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1533

ตอนที่ 1533

ฉินซีพยักหน้า รอยยิ้มที่สดใสปรากฏบนใบหน้าที่เรียบเนียน “ดี!”

เธอมีความหวังกับอนาคตอย่างมาก คิดว่าขอแค่มีลู่เซิ่นอยู่ด้วย แม้ฟ้าจะถล่มลงมา ก็ไม่กลัว

หลังจากที่มั่นใจว่าจั่วยีกับจั่วเอ้อจากไปแล้วจริงๆ คุณปู่เช่เดินออกไปนอกประตู

คุณปู่เช่คิดว่า จะต้องรีบไปตามหาฉินซีกับลู่เซิ่นกลับมา บอกพวกเธอว่าคนขององค์กรมาที่นี่แล้ว

ฉินซีกับลู่เซิ่นมัวแต่พูดคุยกันอยู่ข้างใน ลืมเรื่องของคุณปู่เช่ไปเลย

เมื่อทั้งสองคนออกมา ไม่เห็นคุณปู่เช่ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉินซี

“อาเซิ่น เมื่อครู่คุณเห็นคุณปู่เช่ไปทางไหนไหม?”

ฉินซีตกใจ ในเวลานี้ไม่เห็นคุณปู่เช่อยู่ตรงหน้า ทำให้เธอรู้สึกเป็นกังวล

ลู่เซิ่นมองใบหน้าที่กังวลของเธอ พูดปลอบใจว่า “น่าจะไปตามหาพวกเราที่ริมแม่น้ำ คุณไม่ต้องตกใจ พวกเราไปหาเขา”

เขาพูดไปด้วย ก็จับมือฉินซีไปด้วย เดินไปทางริมแม่น้ำ

ในที่สุด ทั้งสองคนก็เจอคุณปู่เช่ระหว่างทาง

คุณปู่เช่ตามหาฉินซีกับลู่เซิ่นไปหนึ่งรอบแต่ก็ไม่เจอ ยังคิดว่าพวกเขาถูกคนกลุ่มนั้นจับตัวไปแล้ว ในใจตื่นตระหนกมาก

แต่เมื่อเขาเห็นฉินซีกับลู่เซิ่นปรากฏตัวตรงหน้า ทันใดนั้นตาก็แดง

“อีนังหนู!พวกคุณสองคนหนีไปอยู่ที่ไหนมา!”

คุณปู่เช่ก้าวไปข้างหน้า มือข้างหนึ่งจับหนึ่งคน ถามอย่างสงสัย

ฉินซีรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงลมหายใจที่กังวล เล็ดลอดออกมาจากเขา กล่าวด้วยความรู้สึกผิด “ขอโทษค่ะ คุณปู่เช่ ที่ทำให้ท่านเป็นห่วงพวกเรา”

ถึงแม้ว่าคุณปู่เช่จะไม่ใช่ปู่แท้ๆของเธอ แต่ความรักและความห่วงใยที่คุณปู่เช่มีให้เธอ ไม่น้อยไปกว่าปู่แท้ๆเลย

คุณปู่เช่จ้องมองที่เธอ “พวกคุณสองคนให้ฉันเป็นห่วงน้อยลงหน่อยได้ไหม?สถานการณ์คับขันเช่นนี้ ยังเดินไปเรื่อยอีก คุณรู้ไหมเมื่อครู่คนขององค์กรมาตามหาพวกคุณแล้ว ถ้าพวกคุณรโดนจับตัวไป ชายชราอย่างฉันควรจะทำอย่างไร!”

เขากล่าวด้วยความเจ็บใจ เห็นได้ชัดว่าถูกฉินซีกับลู่เซิ่นทำให้ตกใจไม่น้อย

ลู่เซิ่นรู้ถึงความกังวลของเขา รีบกล่าวออกไปว่า “คุณปู่เช่ ท่านใจเย็นๆนะ เมื่อครู่พวกเราเห็นคนขององค์กรมา ดังนั้นจึงไปซ่อนตัว ไม่ได้ตั้งใจวิ่งไปเรื่อย”

คุณปู่เช่ที่ถูกเขาโน้มน้าว ก็ค่อยๆสงบลง

ไม่แปลกใจเลยเมื่อครู่ตอนที่จั่วเอ้อไปตามหา แต่ไม่เจออะไรเลย ที่แท้ก็ซ่อนตัวนี่เอง

คุณปู่เช่กล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ดูแล้วคุณก็ไม่ได้โง่เกินไปนะ ถ้าอยู่ในป่านี้ ยังให้พวกเขาจับตัวได้ มันก็น่าอายเกินไปแล้ว”

แม้จะเป็นการสรรเสริญ แต่ว่าลู่เซิ่นรู้สึกว่าในคำพูดของคุณปู่เช่มีความลึกซึ้งมากกว่านั้น

ลู่เซิ่นรู้ เวลานี้คุณปู่เช่อารมณ์ไม่ดี ก็เพราะเกิดจากความเป็นห่วงพวกเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้หักล้าง แต่พูดไปตามน้ำกับคุณปู่เช่ “คุณปู่เช่สั่งสอนถูกต้องแล้ว พวกเรากลับไปก่อนแล้วค่อยคุยกันนะ”

ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่จะมาคุยกัน ใครจะรู้จั่วยีจั่วเอ้อยังทิ้งคนไหวที่นี่หรือไม่

คุณปู่เช่พักหน้า “อืม”

ทั้งสามคนกลับมายังกระท่อม

ฉินซีกับลู่เซิ่นมองหน้ากัน ต่างคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว

ฉินซีคิดแล้วคิดอีก แต่ก็พูดไม่ออกจริงๆ

เธอมองไปที่ลู่เซิ่น เหมือนให้เขาพูดก่อน อธิบายให้คุณปู่เช่เข้าใจ

ลู่เซิ่นรู้ว่าเธอลำบากใจ ดังนั้นปากบางก็ขยับ “คุณปู่เช่ พวกเรามีบางอย่างจะบอกท่าน”

เขาลังเลและหยุดพูด จ้องสายตาคู่นั้นที่เฉียบคมของคุณปู่เช่

คุณปู่เช่นั่งบนที่นั่งหลัก จ้องมองฉินซีกับลู่เซิ่น ในใจเต็มไปด้วยความเสียดาย “ฉันรู้ พวกคุณต้องการที่จะบอกว่า พวกคุณเตรียมตัวจะไปจากที่นี่แล้วใช่ไหม”

เขาเห็นสีหน้าของฉินซีกับลู่เซิ่นที่ลำบากใจ จึงพูดออกมาตรงๆ

ทันทีที่คำพูดนี้กล่าวออกมา บรรยากาศในบ้านเย็นลงทันที

ลู่เซิ่นพยักหน้า ภายใต้ความกดดัน “ใช่”

เขาก็ไม่อยากจากไป แต่ตอนนี้สถานการณ์ถูกบังคับ จำเป็นต้องจากล่วงหน้า

คุณปู่เช่เข้าใจความลำบากใจของเขา ถอนหายใจยาว “จริงๆแล้ว ฉันคาดเดาไว้แล้ว ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ถาวร แผลของคุณก็หายดีแล้ว และคนขององค์กรก็ตามมาถึงที่นี่แล้ว ถ้ายังไม่ไป อาจจะไปไม่ได้แล้วจริงๆ”

ต่อให้วันนี้ฉินซีกับลู่เซิ่นไม่เกริ่นเรื่องนี้ คุณปู่เช่ก็จะเป็นคนพูดเอง

ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว ฉินซีกับลู่เซิ่นอยู่ต่อที่นี่ ก็จะอันตรายมากขึ้น

ถึงแม้คุณปู่เช่จะอายุมากแล้ว แต่หัวสมองก็ยังดีอยู่

เขาวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่สามารถฝืนความรู้สึกในใจได้

มองใบหน้าที่แก่ชราของคุณปู่เช่ลู่เซิ่นรู้สึกจุกอกพูดไม่ออก

ฉินซีอดไม่ได้โน้มน้าวว่า “คุณปู่เช่ท่านไปกับฉันและลู่เซิ่นดีไหม ท่านก็บอกแล้ว ตอนนี้ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว บางทีจั่วยีกับจั่วเอ้ออาจจะคอยจับตาดูท่านต่อไป เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราลงมือทำร้ายท่าน แล้วท่านจะรับมืออย่างไร?”

ในใจเธอเป็นห่วงเสมอ และหวังว่าวันนี้คุณปู่เช่สามารถไปกับพวกเราด้วย

แต่น่าเสียดาย คุณปู่เช่มีความคิดเป็นของตัวเอง

เผชิญหน้ากับคำถามของฉินซีคุณปู่เช่ส่ายหัวซ้ำๆ “ฉันอยู่ที่นี่มาทั้งชีวิตแล้ว และคุ้นชินแล้ว ตอนนี้ให้คนแก่ๆอย่างฉัน เร่ร่อนไปกับพวกคุณ ฉันคงจะทนไม่ไหว ในเมื่อพวกคุณไปแล้ว พวกเขาหาคนไม่เจอ และไม่มีร่องรอยอะไร ต่อให้จับตาดูฉันไว้ แล้วจะมีประโยชน์อะไร พวกเขาอยากจะเฝ้าก็ให้พวกเขาเฝ้าไป ฉันไม่สนใจอยู่แล้ว ถ้านานวันพวกเขาหาไม่เจอ ก็จะยอมแพ้ไปเอง”

คุณปู่เช่คิดหาวิธีรับมือไว้นานแล้ว

เขาพูดตรงไปตรงมามาก แต่ฉินซีก็ยังไม่สบายใจ

แต่มีอย่างหนึ่งที่คุณปู่เช่พูดถูก

ตอนนี้คุณปู่เช่อายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว แล้วให้เขาหนีเร่ร่อนไปกับพวกเขา ทนไม่ได้จริงๆ

ฉินซีคิดแล้วคิดอีก “เช่นนั้นฉันส่งท่านออกไปข้างนอก แล้วหาคนดูแลท่าน หรือเปลี่ยนสถานที่ แล้วหาภูเขาลูกอื่นให้ท่าน ท่านคิดว่าเช่นนี้ดีไหม?”

เธอยังรู้สึกว่าอยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัย อันตรายเกินไป ถ้าสามารถออกไปได้ ก็น่าจะออกไปให้เร็วที่สุด

คนในองค์กรไม่มีความเป็นมนุษย์ พวกเขาไม่สนใจศีลธรรมอะไรทั้งนั้น ขอแค่ได้ข่าวหรือเบาะแสก็พอ

คุณปู่เช่มองดูสีหน้าที่กังวลของเธอ พูดด้วยรอยยิ้ม “ฉินซี ไม่ต้องกังวลนะ เมื่อครู่นี้ฉันยังสามารถทำให้พวกเขากลับไปได้ ก็ต้องมีความสามารถปกป้องตัวเองได้ ครั้งหน้าถ้าพวกเขามา ฉันก็จะใช้วิธีเดิมรับมือก็ได้แล้ว”

พูดถึงตรงนี้ คุณปู่เช่หยุดชั่วครู่ แล้วพูดต่อว่า “อีกอย่าง ถ้าพวกเราไปกันหมดตอนนี้ คนกลุ่มนั้นก็ต้องรู้ว่าพวกเราพูดโกหกสิ คุณพาฉันไปด้วยจะเป็นภาระมาก ไม่สะดวกในหารหลบหนี ถึงเวลานั้นทุกคนตกอยู่ในมือพวกเขา”

คำพูดของคุณปู่เช่ ก็มีเหตุผล

แต่ฉินซีก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกว่าทิ้งคุณปู่เช่ไว้ที่นี่คนเดียว เป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมมาก

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท