ฉินซีพยักหน้า รอยยิ้มที่สดใสปรากฏบนใบหน้าที่เรียบเนียน “ดี!”
เธอมีความหวังกับอนาคตอย่างมาก คิดว่าขอแค่มีลู่เซิ่นอยู่ด้วย แม้ฟ้าจะถล่มลงมา ก็ไม่กลัว
หลังจากที่มั่นใจว่าจั่วยีกับจั่วเอ้อจากไปแล้วจริงๆ คุณปู่เช่เดินออกไปนอกประตู
คุณปู่เช่คิดว่า จะต้องรีบไปตามหาฉินซีกับลู่เซิ่นกลับมา บอกพวกเธอว่าคนขององค์กรมาที่นี่แล้ว
ฉินซีกับลู่เซิ่นมัวแต่พูดคุยกันอยู่ข้างใน ลืมเรื่องของคุณปู่เช่ไปเลย
เมื่อทั้งสองคนออกมา ไม่เห็นคุณปู่เช่ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉินซี
“อาเซิ่น เมื่อครู่คุณเห็นคุณปู่เช่ไปทางไหนไหม?”
ฉินซีตกใจ ในเวลานี้ไม่เห็นคุณปู่เช่อยู่ตรงหน้า ทำให้เธอรู้สึกเป็นกังวล
ลู่เซิ่นมองใบหน้าที่กังวลของเธอ พูดปลอบใจว่า “น่าจะไปตามหาพวกเราที่ริมแม่น้ำ คุณไม่ต้องตกใจ พวกเราไปหาเขา”
เขาพูดไปด้วย ก็จับมือฉินซีไปด้วย เดินไปทางริมแม่น้ำ
ในที่สุด ทั้งสองคนก็เจอคุณปู่เช่ระหว่างทาง
คุณปู่เช่ตามหาฉินซีกับลู่เซิ่นไปหนึ่งรอบแต่ก็ไม่เจอ ยังคิดว่าพวกเขาถูกคนกลุ่มนั้นจับตัวไปแล้ว ในใจตื่นตระหนกมาก
แต่เมื่อเขาเห็นฉินซีกับลู่เซิ่นปรากฏตัวตรงหน้า ทันใดนั้นตาก็แดง
“อีนังหนู!พวกคุณสองคนหนีไปอยู่ที่ไหนมา!”
คุณปู่เช่ก้าวไปข้างหน้า มือข้างหนึ่งจับหนึ่งคน ถามอย่างสงสัย
ฉินซีรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงลมหายใจที่กังวล เล็ดลอดออกมาจากเขา กล่าวด้วยความรู้สึกผิด “ขอโทษค่ะ คุณปู่เช่ ที่ทำให้ท่านเป็นห่วงพวกเรา”
ถึงแม้ว่าคุณปู่เช่จะไม่ใช่ปู่แท้ๆของเธอ แต่ความรักและความห่วงใยที่คุณปู่เช่มีให้เธอ ไม่น้อยไปกว่าปู่แท้ๆเลย
คุณปู่เช่จ้องมองที่เธอ “พวกคุณสองคนให้ฉันเป็นห่วงน้อยลงหน่อยได้ไหม?สถานการณ์คับขันเช่นนี้ ยังเดินไปเรื่อยอีก คุณรู้ไหมเมื่อครู่คนขององค์กรมาตามหาพวกคุณแล้ว ถ้าพวกคุณรโดนจับตัวไป ชายชราอย่างฉันควรจะทำอย่างไร!”
เขากล่าวด้วยความเจ็บใจ เห็นได้ชัดว่าถูกฉินซีกับลู่เซิ่นทำให้ตกใจไม่น้อย
ลู่เซิ่นรู้ถึงความกังวลของเขา รีบกล่าวออกไปว่า “คุณปู่เช่ ท่านใจเย็นๆนะ เมื่อครู่พวกเราเห็นคนขององค์กรมา ดังนั้นจึงไปซ่อนตัว ไม่ได้ตั้งใจวิ่งไปเรื่อย”
คุณปู่เช่ที่ถูกเขาโน้มน้าว ก็ค่อยๆสงบลง
ไม่แปลกใจเลยเมื่อครู่ตอนที่จั่วเอ้อไปตามหา แต่ไม่เจออะไรเลย ที่แท้ก็ซ่อนตัวนี่เอง
คุณปู่เช่กล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ดูแล้วคุณก็ไม่ได้โง่เกินไปนะ ถ้าอยู่ในป่านี้ ยังให้พวกเขาจับตัวได้ มันก็น่าอายเกินไปแล้ว”
แม้จะเป็นการสรรเสริญ แต่ว่าลู่เซิ่นรู้สึกว่าในคำพูดของคุณปู่เช่มีความลึกซึ้งมากกว่านั้น
ลู่เซิ่นรู้ เวลานี้คุณปู่เช่อารมณ์ไม่ดี ก็เพราะเกิดจากความเป็นห่วงพวกเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้หักล้าง แต่พูดไปตามน้ำกับคุณปู่เช่ “คุณปู่เช่สั่งสอนถูกต้องแล้ว พวกเรากลับไปก่อนแล้วค่อยคุยกันนะ”
ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่จะมาคุยกัน ใครจะรู้จั่วยีจั่วเอ้อยังทิ้งคนไหวที่นี่หรือไม่
คุณปู่เช่พักหน้า “อืม”
ทั้งสามคนกลับมายังกระท่อม
ฉินซีกับลู่เซิ่นมองหน้ากัน ต่างคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว
ฉินซีคิดแล้วคิดอีก แต่ก็พูดไม่ออกจริงๆ
เธอมองไปที่ลู่เซิ่น เหมือนให้เขาพูดก่อน อธิบายให้คุณปู่เช่เข้าใจ
ลู่เซิ่นรู้ว่าเธอลำบากใจ ดังนั้นปากบางก็ขยับ “คุณปู่เช่ พวกเรามีบางอย่างจะบอกท่าน”
เขาลังเลและหยุดพูด จ้องสายตาคู่นั้นที่เฉียบคมของคุณปู่เช่
คุณปู่เช่นั่งบนที่นั่งหลัก จ้องมองฉินซีกับลู่เซิ่น ในใจเต็มไปด้วยความเสียดาย “ฉันรู้ พวกคุณต้องการที่จะบอกว่า พวกคุณเตรียมตัวจะไปจากที่นี่แล้วใช่ไหม”
เขาเห็นสีหน้าของฉินซีกับลู่เซิ่นที่ลำบากใจ จึงพูดออกมาตรงๆ
ทันทีที่คำพูดนี้กล่าวออกมา บรรยากาศในบ้านเย็นลงทันที
ลู่เซิ่นพยักหน้า ภายใต้ความกดดัน “ใช่”
เขาก็ไม่อยากจากไป แต่ตอนนี้สถานการณ์ถูกบังคับ จำเป็นต้องจากล่วงหน้า
คุณปู่เช่เข้าใจความลำบากใจของเขา ถอนหายใจยาว “จริงๆแล้ว ฉันคาดเดาไว้แล้ว ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ถาวร แผลของคุณก็หายดีแล้ว และคนขององค์กรก็ตามมาถึงที่นี่แล้ว ถ้ายังไม่ไป อาจจะไปไม่ได้แล้วจริงๆ”
ต่อให้วันนี้ฉินซีกับลู่เซิ่นไม่เกริ่นเรื่องนี้ คุณปู่เช่ก็จะเป็นคนพูดเอง
ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว ฉินซีกับลู่เซิ่นอยู่ต่อที่นี่ ก็จะอันตรายมากขึ้น
ถึงแม้คุณปู่เช่จะอายุมากแล้ว แต่หัวสมองก็ยังดีอยู่
เขาวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่สามารถฝืนความรู้สึกในใจได้
มองใบหน้าที่แก่ชราของคุณปู่เช่ลู่เซิ่นรู้สึกจุกอกพูดไม่ออก
ฉินซีอดไม่ได้โน้มน้าวว่า “คุณปู่เช่ท่านไปกับฉันและลู่เซิ่นดีไหม ท่านก็บอกแล้ว ตอนนี้ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว บางทีจั่วยีกับจั่วเอ้ออาจจะคอยจับตาดูท่านต่อไป เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราลงมือทำร้ายท่าน แล้วท่านจะรับมืออย่างไร?”
ในใจเธอเป็นห่วงเสมอ และหวังว่าวันนี้คุณปู่เช่สามารถไปกับพวกเราด้วย
แต่น่าเสียดาย คุณปู่เช่มีความคิดเป็นของตัวเอง
เผชิญหน้ากับคำถามของฉินซีคุณปู่เช่ส่ายหัวซ้ำๆ “ฉันอยู่ที่นี่มาทั้งชีวิตแล้ว และคุ้นชินแล้ว ตอนนี้ให้คนแก่ๆอย่างฉัน เร่ร่อนไปกับพวกคุณ ฉันคงจะทนไม่ไหว ในเมื่อพวกคุณไปแล้ว พวกเขาหาคนไม่เจอ และไม่มีร่องรอยอะไร ต่อให้จับตาดูฉันไว้ แล้วจะมีประโยชน์อะไร พวกเขาอยากจะเฝ้าก็ให้พวกเขาเฝ้าไป ฉันไม่สนใจอยู่แล้ว ถ้านานวันพวกเขาหาไม่เจอ ก็จะยอมแพ้ไปเอง”
คุณปู่เช่คิดหาวิธีรับมือไว้นานแล้ว
เขาพูดตรงไปตรงมามาก แต่ฉินซีก็ยังไม่สบายใจ
แต่มีอย่างหนึ่งที่คุณปู่เช่พูดถูก
ตอนนี้คุณปู่เช่อายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว แล้วให้เขาหนีเร่ร่อนไปกับพวกเขา ทนไม่ได้จริงๆ
ฉินซีคิดแล้วคิดอีก “เช่นนั้นฉันส่งท่านออกไปข้างนอก แล้วหาคนดูแลท่าน หรือเปลี่ยนสถานที่ แล้วหาภูเขาลูกอื่นให้ท่าน ท่านคิดว่าเช่นนี้ดีไหม?”
เธอยังรู้สึกว่าอยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัย อันตรายเกินไป ถ้าสามารถออกไปได้ ก็น่าจะออกไปให้เร็วที่สุด
คนในองค์กรไม่มีความเป็นมนุษย์ พวกเขาไม่สนใจศีลธรรมอะไรทั้งนั้น ขอแค่ได้ข่าวหรือเบาะแสก็พอ
คุณปู่เช่มองดูสีหน้าที่กังวลของเธอ พูดด้วยรอยยิ้ม “ฉินซี ไม่ต้องกังวลนะ เมื่อครู่นี้ฉันยังสามารถทำให้พวกเขากลับไปได้ ก็ต้องมีความสามารถปกป้องตัวเองได้ ครั้งหน้าถ้าพวกเขามา ฉันก็จะใช้วิธีเดิมรับมือก็ได้แล้ว”
พูดถึงตรงนี้ คุณปู่เช่หยุดชั่วครู่ แล้วพูดต่อว่า “อีกอย่าง ถ้าพวกเราไปกันหมดตอนนี้ คนกลุ่มนั้นก็ต้องรู้ว่าพวกเราพูดโกหกสิ คุณพาฉันไปด้วยจะเป็นภาระมาก ไม่สะดวกในหารหลบหนี ถึงเวลานั้นทุกคนตกอยู่ในมือพวกเขา”
คำพูดของคุณปู่เช่ ก็มีเหตุผล
แต่ฉินซีก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกว่าทิ้งคุณปู่เช่ไว้ที่นี่คนเดียว เป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมมาก