Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – บทที่ 1542 รุมโจมตี

บทที่ 1542 รุมโจมตี

ถ้าเขาเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มนี้และอยากจะปกป้องฉินซีกับลู่เซิ่นจริงๆ เขาจะไม่สามารถทำเรื่องที่เลวร้ายเช่นนี้ออกมาอย่างเด็ดขาด

จูเซี่ยงเหวินเพียงแค่ต้องการใช้ประโยชน์จากฉินซีกับลู่เซิ่นให้มาเพิ่มความนิยมของตัวเองเท่านั้น พอคิดถึงตรงนี้ ภายในใจของเชี่ยนเชี่ยนก็รู้สึกโกรธเกรี้ยวขึ้นมา

เชี่ยนเชี่ยนจึงวิ่งไปที่Weiboของจูเซี่ยงเหวินแล้วแสดงความคิดเห็นหนึ่งประโยคว่า

——ผู้ที่เกี่ยวข้องบอกว่าไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป และไม่อนุญาตให้อัพโหลดรูปภาพแบบส่วนตัว กรุณาลบภาพด้วยค่ะ

อันที่จริงเชี่ยนเชี่ยนเป็นบล็อกเกอร์รายใหญ่ใน Weibo และเธอมีแฟนคลับมากมาย

ซึ่งเธอได้สะสมขึ้นมาทีละเล็กละน้อย ความนิยมของเธอจึงท่วมท้นมากกว่าความนิยมที่มาจากการฉวยโอกาสเกาะกระแสนี้ของจูเซี่ยงเหวินไปโดยปริยาย

จริงๆแล้วกลุ่มสาววายไม่ได้ใหญ่มากนัก และเชี่ยนเชี่ยนก็เป็นบุคคลระดับสูงในนั้น หลายคนจึงรู้จักเธอ

หลังจากที่เห็นเชี่ยนเชี่ยนแสดงความคิดเห็น แฟนคลับหลายคนก็ได้มากดถูกใจให้เธอ

ความคิดเห็นของเชี่ยนเชี่ยนจึงถูกดันขึ้นมาเป็นอันดับที่หนึ่งในชั่วพริบตา

ฉินซีกับลู่เซิ่นขึ้นไปบนรถไฟเหาะแล้ว ส่วนจูเซี่ยงเหวินก็ไม่กล้าขึ้นไปจึงรออยู่ด้านล่าง เขาเปิด Weibo ขึ้นมาด้วยความเบื่อหน่ายและเริ่มคำนวณว่าแฟนคลับของเขาจะถึง 500,000 เมื่อไหร่ และพอถึงเวลานั้นจะโพสต์รูปอะไรดี

แต่ทว่า เมื่อจูเซี่ยงเหวินเปิดWeiboขึ้นมา กลับเห็นความคิดเห็นของเชี่ยนเชี่ยน

รูม่านตาของจูเซี่ยงเหวินหดลงเล็กน้อย แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นไปมองรอบๆทันทีด้วยจิตใต้สำนึก

เขาไม่รู้ว่าเชี่ยนเชี่ยนเป็นใคร แต่จูเซี่ยงเหวินมั่นใจว่าบล็อกเกอร์คนนี้จะต้องอยู่ในสวนสนุกอย่างแน่นอน

จูเซี่ยงเหวินลบความคิดเห็นของเชี่ยนเชี่ยนอย่างร้อนตัว และแสงอันดุร้ายก็ส่องประกายออกมาผ่านดวงตาสีเข้ม

เขาคลิกเข้าไปในWeiboของเชี่ยนเชี่ยน หลังจากที่ได้เห็นว่าเธอมีแฟนคลับเป็นจำนวนมาก ในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา

เมื่อไหร่เขาจึงจะมีความนิยมแบบเชี่ยนเชี่ยนได้นะ ถ้าเป็นอย่างนี้ในช่วงเวลาต่อจากนี้ไปของเขาก็จะได้ไม่ต้องกลัดกลุ้มใจอีกแล้ว

เชี่ยนเชี่ยนคิดไม่ถึงเลยว่า จูเซี่ยงเหวินจะลบความคิดเห็นของเธอทิ้งไปแล้วจริงๆ

เธอจับโทรศัพท์เอาไว้แน่น ดวงตาสีเหลืองอำพันเป็นประกายด้วยไฟอันลุกโชนขึ้นมา

โมโหจะตายอยู่แล้ว! คนคนนี้กำเริบเสิบสานเกินไปแล้วนะ

เชี่ยนเชี่ยนคิดไม่ถึงเลยว่า หนังหน้าของจูเซี่ยงเหวินจะหนาได้ถึงระดับนี้

ภายใต้สายตาของมวลชนที่กำลังจ้องมองอยู่ จูเซี่ยงเหวินก็ยังทำการลบความคิดเห็นสุดฮอตของเธอและทำเรื่องที่หลอกลวงตัวเองออกมาได้

ภายในใจของเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกโกรธเกรี้ยวมาก เธอเปิดWeiboขึ้นมาด้วยความโกรธเคือง แล้วเคาะที่แป้นพิมพ์ด้วยปลายนิ้วจนมีเสียงดังปังๆ

ไม่นาน เชี่ยนเชี่ยนก็แก้ไขการเคลื่อนไหวใหม่ใน Weibo เรียบร้อยแล้ว

——ถ้าคุณรักในกลุ่มนี้จริงๆ ก็ได้โปรดล้างรูปภาพทั้งหมดใน Weiboของคุณไปซะ รูปทั้งหมดที่คุณถ่ายได้ล่วงละเมิดบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้วนะคะ คุณคิดว่าคุณลบความคิดเห็นออกไปแล้ว จะสามารถทำอะไรก็ได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยอย่างนั้นเหรอ?

น้ำเสียงของเธอดุดันมาก จนแฟนคลับทุกคนต่างก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเธอโกรธจริงๆ

ในวันธรรมดา เวลาที่เชี่ยนเชี่ยนโพสต์ Weibo เธอมักจะมีท่าทีที่ดูน่ารักมากๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้เธอไม่เคยดุร้ายและชั่วร้ายแบบนี้เลย

แฟนคลับจึงแสดงความคิดเห็นด้วยความรู้สึกเศร้าใจว่า

——เชี่ยนเชี่ยนอย่าโกรธเลย พวกเราทุกคนจะสนับสนุนคุณ และจะช่วยคุณ@เขานะคะ

——คุณผู้ชายท่านนี้ คุณให้เกียรติเขาหน่อยจะได้ไหม? ผู้ที่เกี่ยวข้องบอกแล้วว่า ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป คุณไม่เพียงแต่จะถ่ายรูปเท่านั้นแต่ยังโพสต์แบบส่วนตัวด้วย นี่มันเข้าข่ายการกระทำที่ผิดกฎหมายเลยนะ คุณรู้ไหม?

——กรุณาลบรูปถ่ายเดี๋ยวนี้เลย

เพียงชั่วขณะหนึ่ง จูเซี่ยงเหวินก็กลายเป็นเป้าหมายที่ทุกคนมารุมโจมตีกันแล้ว

แต่ยังมีคนอีกมากมายที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้ มาร่วมประสมโรงกัน และพูดตามอำเภอใจด้านล่าง

——แต่มันเป็นแค่รูปถ่ายเท่านั้นนะในเมื่อไม่อนุญาตให้โพสต์ แล้วทำไมพวกเขาถึงต้องทำเรื่องแบบนี้ล่ะ ทำเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เพื่อดึงดูดสายตาของคนอื่นและสร้างกระแสหรอกเหรอ?

——มุมมองความรักที่แปลกประหลาดแบบนี้ ฉันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ผู้ชายกับผู้ชายมันก็น่าขยะแขยงเกินไปแล้ว ในขณะที่ฉันดูฉันก็อยากจะอาเจียน รีบๆลบรูปเถอะ อย่าทำให้ดวงตาของฉันต้องแปดเปื้อนอยู่ตรงนี่เลย

——ฉันคิดว่าพวกเขาแค่กำลังกำกับและแสดงเองเท่านั้น คุณไม่เห็นเหรอว่านี่คือIDสำรองของWeiboที่สร้างขึ้นมาใหม่ ก็แค่จงใจจะดึงดูดความสนใจของผู้คนเท่านั้นแหล่ะ ทุกคนอย่าไปหลงกลนะ รีบแยกย้ายกันเถอะ

เมื่อเชี่ยนเชี่ยนเห็นว่าด้านล่างยังมีการกล่าวความคิดเห็นที่เลวร้ายมากขึ้น ซึ่งฉินซีกับลู่เซิ่นเป็นโสเภณียังไปยืนอยู่ในซุ้มประตูพรหมจรรย์อีก และดูถูกเหยียดหยามมุมมองความรักทั้งหมดที่นอกเหนือจากความรักระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง ความโมโหเดือดดาลที่อยู่ภายในใจก็ผุดปุดปุดขึ้นมา

เธอจึงอดไม่ได้ที่จะตอบกลับไปอย่างแค้นเคืองว่า “ถ้าทุกคนไม่รักก็สามารถออกไปได้ แต่ได้โปรดอย่ามาพูดให้ร้ายกัน ทุกคนล้วนมีบุคลิกลักษณะเฉพาะตัว และกรุณาเคารพความคิดของคนอื่นด้วย อย่ามาทำตัวเป็นนักเลงคีย์บอร์ดคอยให้คำแนะนำเรื่องการใช้ชีวิตของคนอื่นอยู่ในWeiboเลยค่ะ”

ในชั่วพริบตา Weibo ทำให้เกิดสงครามครั้งใหญ่ในทันที โดยบรรดาผู้ที่คิดว่าตนเองชอบธรรมและยืนอยู่บนจุดสูงสุดของศีลธรรมเหล่านั้นได้ดำเนินการโจมตีคนที่อยู่ในกลุ่มสาววาย

เชี่ยนเชี่ยนเกือบจะร้องไห้ด้วยความโกรธ เธอคิดว่าจำเป็นต้องบอกเรื่องนี้กับลู่เซิ่นและฉินซี

เธอจึงรีบค้นหาและถามทุกคนที่พบเจอในสวนสนุกถึงที่อยู่ของฉินซีกับลู่เซิ่น

โชคดีที่คู่สามีภรรยาฉินซีกับลู่เซิ่นนั้นสะดุดตามาก ดังนั้นทุกคนจึงจับตามองเป็นพิเศษ และในไม่ช้าเชี่ยนเชี่ยนก็มาถึงจุดตรวจตั๋วของรถไฟเหาะแล้ว

ในขณะที่จูเซี่ยงเหวินกำลังมองดูบรรยากาศคึกคักเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นของสงครามครั้งใหญ่ใน Weibo มุมปากของเขาก็ปรากฏมีรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา

“พิมพ์มาเลยสิ พิมพ์เข้ามาอีกให้มันคึกคักไปเลย!”

จูเซี่ยงเหวินอดไม่ได้ที่จะอยากปรบมือส่งเสียงเชียร์ ยิ่งทำให้เกิดการถกเถียงกันมากเท่าไหร่ คนที่รู้จักเขาก็ยิ่งเยอะมากเท่านั้น ไม่ว่ายังไงก็ตามมันก็ทำให้เขามีชื่อเสียงได้เหมือนกัน

ขอเพียงแค่เขามีกระแส แม้ว่าจะถูกคนด่าก็แล้วอย่างไรล่ะ

ในตอนนี้จูเซี่ยงเหวินสนใจแต่อยากจะดัง และไม่สนไม่แคร์สิ่งอื่นใดทั้งนั้น

เขากำลังเล่นมือถือด้วยความภาคภูมิใจเป็นอย่างมากโดยไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหาเลย

แล้วเชี่ยนเชี่ยนกับเขาก็เดินเฉียดไหล่กันไป และทั้งสองคนต่างก็ไม่ได้พบกับอีกฝ่ายแต่อย่างใด

……

ฉินซีกับลู่เซิ่นกำลังจับมือกันอย่างแนบแน่นบนรถไฟเหาะ

“กรี๊ดๆๆ!”

ในขณะที่ฉินซีกำลังร้องคำรามออกมาอย่างเต็มที่ รอยยิ้มสดใสก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเธอ

เธอไม่ได้มีความสุขขนาดนั้นมานานแล้ว วันนี้เธอมีความสุขมากจริงๆ

ส่วนลู่เซิ่นนั่งข้างเธอด้วยสีหน้าท่าทางที่สงบนิ่ง ในขณะที่ฟังเสียงหัวเราะที่ดังเหมือนระฆังสีเงินของเธอ ในดวงตาที่ดำขลับก็มีแสงแห่งความรักและหลงใหลเปล่งประกายแวววับขึ้นมา

ทันใดนั้น สายตาของเขาก็ถูกดึงดูดด้วยร่างเงาของคนคนหนึ่งเข้า

ลู่เซิ่นหรี่สายตามองดูแล้วมองดูอีก เมื่อรถไฟเหาะใกล้ถึงสถานี เขาจึงเพ่งดูอย่างละเอียด

สายตาของเขาตกไปอยู่บนตัวของจูเซี่ยงเหวิน จากนั้นเขาก็แสดงสีหน้าท่าทางที่ไม่เข้าใจ

ลู่เซิ่นหวนคิดอยู่สักพัก ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็ต้องมีเขาอยู่ที่นั่นด้วยทุกที่

ในใจของเขามีการคาดเดาอยู่อย่างเบาบาง และแล้วรถไฟเหาะก็มาถึงสถานีพอดี

ฉินซีจับมือของเขาอยู่ แล้วปลดเข็มขัดนิรภัยออกและพูดว่า “ที่รักคะ คุณกำลังเหม่ออะไรอยู่ ถึงที่หมายแล้วนะ”

เธอยื่นมือออกมาแกว่งไปมาอยู่เบื้องหน้าของลู่เซิ่น คิดว่าเมื่อสักครู่นี้เขาตกใจจนหน้ามืดไปแล้ว จึงยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา

ขณะกำลังมองไปที่รอยยิ้มที่อยู่ตรงมุมปากของฉินซี ลู่เซิ่นก็ถอนสายตากลับ แล้วพยักหน้าและพูดว่า “ยังอยากจะเล่นอีกครั้งไหม?”

เขาเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงรักและตามใจ ลู่เซิ่นรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ตอนที่กำลังนั่งรถไฟเหาะเมื่อสักครู่นี้ เธอมีความสุขมากที่ได้เล่นมัน

“อยากค่ะ!”

ฉินซีตอบอย่างมั่นใจ “ถ้าอย่างนั้นเราไปเล่นอีกครั้งไหมคะ?”

เธอเอ่ยปากพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น แล้วหลังจากที่พูดจบ เธอก็จูงมือของลู่เซิ่นไปเข้าคิวใหม่อีกครั้ง

ลู่เซิ่นไม่ได้ห้ามเธอแต่อย่างใด เขาเดินตามเธอไปอย่างเงียบๆ

บนใบหน้าของเขาอ่อนโยนมาก แต่ภายในใจกลับกำลังวางแผนว่าควรจะไปทดสอบจูเซี่ยงเหวินดูสักหน่อยว่าเป็นอย่างไร

ฉินซีหลงอยู่ในรถไฟเหาะมานานมาก จนลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ไปแล้ว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท