Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – บทที่ 1547 ต้องการชีวิตของฉัน

บทที่ 1547 ต้องการชีวิตของฉัน

จูเซี่ยงเหวินยังไม่รู้ว่าตัวเองถูกลู่เซิ่นจับตามองแล้ว ในขณะนี้เขายังคงกำลังมองดูความคิดเห็นและ Weibo ที่ได้รับการรีโพสต์ขึ้นมาไม่หยุดของตัวเองอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง แล้วมุมปากของเขาก็มีปรากฏรอยยิ้มที่ความพึงพอใจเล็กน้อยออกมาดูเหมือนว่าเขาจะมองเห็นอนาคตแล้วว่าข่าวที่ตัวเองเปิดเผยออกมาในครั้งนี้ จะต้องดังในชั่วข้ามคืน แล้วธุรกิจการโฆษณาต่างๆก็กรูเกรียวกันเข้ามาหาเขา และเขาก็เพียงแค่ต้องคอยนั่งนับเงินก็พอแล้ว……

เขาไม่ได้ลบรูปภาพที่ตัวเองโพสต์ลงไปเลย แต่กลับทำการยั่วยุแทน เขาอัพโหลดรูปถ่ายที่เขาเคยถ่ายไว้ก่อนหน้านี้ด้วยสองสามรูป จากนั้นก็แสดงรอยยิ้มที่หยาบช้ามากออกมา

พอWeiboนี้ได้โพสต์ออกมาก็เหมือนกับการเติมเชื้อเพลิงลงไปในกองไฟ ตอนนี้คนที่ต่อว่าเขาด้วยความไม่พอใจในตอนแรกก็นั่งไม่ติดกันแล้ว แล้วขู่ว่าจะเฉือนเอาเนื้อของเขาออกมา และคนที่เห็นความคึกคักแล้วยังคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรือคนที่ถือโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ในขณะที่เกิดความวุ่นวายก็กำลังถือโอกาสนี้เกาะกลุ่มกันอยู่ในคอมเมนต์นั้น

แสงจากโทรศัพท์มือถือได้แสดงให้เห็นสีหน้าของจูเซี่ยงเหวิน และก็ยังทำให้ความสบายใจที่บิดเบี้ยวไม่สามารถหลบซ่อนอยู่ภายในดวงตาของเขาได้อีกต่อไปด้วยเช่นกัน

“เนื้อคน……”เขาหัวเราะด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ “ถ้าสามารถหาผมเจอได้ ผมก็คงต้องขอบคุณพวกคุณเช่นกัน”

เพื่อที่จะสามารถหามุมที่ดีในการจับภาพของลู่เซิ่นกับฉินซีเจอแล้ว เขาจึงตั้งใจซ่อนตัวอยู่ในมุมที่ไม่สะดุดตามุมหนึ่ง บรรยากาศที่คึกคักของสวนสนุกไม่ได้แผ่มาจนถึงมุมนี้ที่เขาซ่อนตัวอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าจะไม่มีแสงไฟ ไม่มีเสียงดนตรีที่ไพเราะ และความเงียบสงัดโดยรอบนั้นก็ไม่เข้ากันเล็กน้อยก็ตาม

ความเงียบนี้ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงตั้งใจเลือกที่นี่

อยู่ในสถานที่แบบนี้ ไม่ว่าใครจะเดินเข้ามาใกล้ๆ เขาก็สามารถโต้ตอบกลับไปได้ในทันที

เขาไม่มีความคิดที่จะเปิดเผยตัวเองออกไปในตอนนี้

ดังนั้นจูเซี่ยงเหวินจึงจับจ้องไปที่โทรศัพท์เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของทุกคนตลอดเวลา พร้อมกับกำลังตั้งใจสังเกตสิ่งที่อยู่โดยรอบไปด้วย

แต่ทว่าความเงียบสงัดที่เสมอต้นเสมอปลายโดยรอบทำให้ความระแวดระวังของเขาผ่อนคลายลง

ดังนั้นเขาจึงยืนอยู่ที่เดิม แล้วรีเฟรช Weibo อีกสองสามครั้ง เมื่อเห็นว่ากระแสของการทะเลาะวิวาทในคอมเมนต์มีแนวโน้มลดลง เขาก็ตัดสินใจที่จะติดตามสองคนนั้นไปอีกครั้ง

ขอเพียงแค่ได้ถ่ายรูปอีกสักสองสามรูป ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องกระแสความนิยมแล้ว

มุมปากของเขามีรอยยิ้มที่พึงพอใจแขวนอยู่ แล้วเขาวางโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเสื้อ แต่พอเงยหน้าขึ้นมากลับต้องตื่นตกใจจนสะดุ้งโหยง เนื่องจากเขาไม่รู้เลยว่าคนหนึ่งคนมายืนอยู่ตรงหน้าเขาโดยที่เขาไม่รู้เนื้อรู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่

ผู้คนที่มากำลังหันหลังอยู่ ก็เลยไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจน แต่เห็นเพียงว่าเขาตัวสูงมากเท่านั้น

เพื่อการสร้างกระแสความนิยมแล้วหลายปีมานี้จูเซี่ยงเหวินจึงได้ทำเรื่องที่ไร้คุณธรรมไม่น้อย คนที่ผู้พยาบาทกับเขาก็มีเพิ่มมากขึ้น ตอนแรกก็รู้สึกหวาดผวา คาดไม่ถึงว่าจะถูกขู่ให้ตกใจจนเกือบจะกระโดดขึ้นมาขนาดนี้ ทันใดนั้นเขาก็ก้าวถอยหลังก้าวใหญ่ๆไปหนึ่งก้าว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า “แกเป็นใคร!”

แต่เขายังไม่ทันได้ยืนอย่างมั่นคง นัยน์ตาก็พบว่ามีคนสกัดอยู่ข้างหลังของตัวเองด้วยอีกหนึ่งคน

เขายังไม่ทันได้กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ก็ถูกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังคนนั้นเตะเข้าไปที่หลังหัวเข่าหนึ่งที ทำเขาคุกเข่าลงไปทั้งตัวอย่างควบคุมไม่อยู่

เขาจึงต้องยื่นมือออกไปค้ำยันพื้นเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองให้มั่นคงในทันที แต่เขากลับรู้สึกว่าไหล่ของตัวเองถูกชายร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างหน้าเหยียบเอาไว้แล้ว กำลังของคนคนนั้นมีเยอะมาก ทำให้เขาต้องนอนก้มหน้าลงกับพื้นในทันที และใบหน้าด้านข้างของเขาก็ถูไปกับพื้น จนรู้สึกปวดแสบปวดร้อนขึ้นมา

“พวกแกทำอะไร!” จูเซี่ยงเหวินพูดออกมาอย่างสั่นเทา “ช่วยด้วย!”

ก็ต้องโทษที่เขากินปูนร้อนท้องเอง ออกห่างจากพรรคพวกแล้วตัวเองก็มาซ้อนตัวอยู่ในมุมที่ไร้ผู้คนแบบนี้ จึงไม่มีใครให้ความสนใจกับการร้องขอความช่วยเหลือของเขาเลย

เห็นได้ชัดว่าสองคนนั้นไม่ได้สนใจการร้องของความช่วยเหลือของเขาเลย และเขาถึงกับได้ยินผู้ชายที่มีร่างสูงใหญ่คนนั้นหัวเราะเบาๆออกมาอีกด้วยทันใดนั้นเศษผ้าชิ้นหนึ่งก็ถูกยัดเข้าไปในปากของเขา ดวงตาก็ถูกปิดเอาไว้ด้วย มือทั้งสองข้างถูกมัดไขว้เอาไว้ด้านหลัง เท้าของชายคนนั้นยังเหยียบอยู่ข้าลำคอของเขา ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

ในที่สุดจูเซี่ยงเหวินก็รู้สึกตื่นตระหนกตกใจเมื่อรู้สึกตัวอีกทีในภายหลัง แล้วพูดขอให้ไว้ชีวิตอย่างไม่ชัดเจนอยู่ในปาก

เมื่อสักครู่นี้เขาไม่ได้ยินการกระทำและคำพูดใดใดเลย แสดงให้เห็นว่าสองคนนี้มีฝีมือที่ยอดเยี่ยมมากเลยทีเดียว แม้แต่เสียงฝีเท้าเพียงนิดเดียวก็ไม่ได้ยิน ทว่า…แม้ว่าเขาจะมีศัตรูอยู่ไม่น้อย แต่ในเวลาชั่วขณะหนึ่งเขาก็นึกไม่ออกเลยว่าเขาเคยไปก่อเรื่องอะไรกับคนที่มีฝีมืออย่างนี้มาด้วย

……แล้วพวกเขาทำเพื่ออะไรล่ะ?

……ต้องการจะเอาชีวิตของฉันเหรอ?

จูเซี่ยงเหวินยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดกลัว และร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านขึ้นมาทั้งตัวอย่างควบคุมไม่ได้

แต่ทว่าสองคนนั้นกลับไม่สนใจต่อการแสดงออกของเขาเลยซักนิด ทั้งสองร่วมกันถอดเสื้อคลุมของเขาออก แล้วก็มีคนเอื้อมมือไปล้วงเอาของที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขาออกมาจนหมดเกลี้ยง

จูเซี่ยงเหวินได้ยินแต่เสียงวุ่นวายดังขึ้นมา ราวกับว่าสิ่งของทั้งหมดของเขาถูกล้วงออกไปหมดแล้ว หลังจากนั้นเสื้อคลุมของเขาก็ถูกโยนลอยละลิ่วกลับมาบนใบหน้าของเขา

จูเซี่ยงเหวินยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา แรงที่เหยียบอยู่บนคอของเขาก็หายไปในทันใด และไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆอยู่รอบตัวเขาเลย

เขาตะลึงงัน เขาพยายามยกศีรษะขึ้นมา กลับพบว่าไม่มีใครอยู่รอบๆตัวเขาเลย

ถ้าไม่ใช่เพราะสภาพที่น่าสังเวชของเขา ทั้งหมดนี้ก็คงเป็นเหมือนกับเรื่องเหลวไหลและความฝันหนึ่งของเขา

เขาคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความงุนงงเป็นเวลานาน จึงมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา แล้วพยายามดิ้นรนที่จะยืนขึ้นมา และหยิบเสื้อคลุมของตัวเองขึ้น พอเขาลูบๆคลำๆดู …ก็ไม่มีอะไรแล้ว

จูเซี่ยงเหวินราวกับถูกฟ้าผ่า เขาคลำหาสักพักหนึ่งอย่างละเอียดถี่ถ้วนเหมือนคนบ้า

ไม่มีอะไรเลย

ทั้งโทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ และกุญแจ

——เขาถูกปล้นแล้วงั้นเหรอ?

จูเซี่ยงเหวินรู้สึกปวดใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงคุกเข่าลงกับพื้นในทันที

กุญแจกระเป๋าสตางค์ล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย หากไม่มีโทรศัพท์มือถือแล้ว การถ่ายทอดสดของเขาจะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อีกต่อไปแล้ว

แฟนคลับในWeiboที่กว่าจะสะสมมาอย่างยากลำบาก……

เขากำหมัดขึ้นมาอย่างโกรธเคืองด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วเดินโซเซและเดินออกไปจากมุมนี้

——ที่นี่จะต้องมีกล้องวงจรปิดอย่างแน่นอน เขาจะต้องหาคนที่ใจกล้ามาปล้นเขาอยู่ที่นี่โดยไม่กลัวแม้แต่เทวดาฟ้าดินให้เจอให้จงได้!

……

คนที่ใจกล้าพอที่จะปล้นคนตอนกลางวันแสกๆนั้นไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นลู่เซิ่นกับฉินซีนั่นเอง

ทั้งสองคนไม่ใช่ว่าจะไปปล้นเพื่อเอาเงินที่น่าเวทนานั้นของจูเซี่ยงเหวินเลย แต่เพื่อโทรศัพท์มือถือของเขาต่างหาก

นี่คือเรื่องที่ทั้งสองคนได้ปรึกษาหารือกันเรียบร้อยแล้ว

“ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดที่จะพิสูจน์ได้ว่าเขาเป็นผู้เปิดเผยที่อยู่ของเรา ดังนั้นเราต้องเอาโทรศัพท์ของเขามาให้ได้ก่อน แล้วค่อยเช็คให้แน่ใจสักหน่อยเพื่อความชัวร์” ฉินซีแนะนำ

ลู่เซิ่นพยักหน้า แล้วพูดว่า “ดี แต่ว่าเราก็ไม่สามารถตั้งใจไปเอาโทรศัพท์มาโดยตรงได้ ไม่อย่างนั้นมันจะง่ายต่อการถูกค้นพบตัวตน ไม่สู้เอาของทั้งหมดของเขามาให้หมดเลย จะได้ไม่ถูกเปิดเผย”

ฉินซีก็เห็นด้วย

ดังนั้นจึงมีฉากที่จูเซี่ยงเหวินคิดว่าตัวเองถูกปล้นขึ้นมา

ด้วยฝีมือของทั้งสองคนการจัดการกับจูเซี่ยงเหวินก็แค่เรื่องกล้วยๆเรื่องหนึ่งเท่านั้น ทั้งสองคนมาแล้วก็ไปอย่างเบาหวิว แม้แต่ จูเซี่ยงเหวินก็มองไม่เห็นร่างของพวกเขาทั้งสองคนอย่างชัดเจน

แน่นอนว่าโทรศัพท์มือถือของจูเซี่ยงเหวิน มีรหัสผ่าน แต่รหัสผ่านง่ายๆแค่นี้เป็นเพียงเรื่องกล้วยๆสำหรับลู่เซินกับฉินซีเท่านั้น

ภายในไม่กี่นาที โทรศัพท์ของจูเซี่ยงเหวินก็ถูกปลดล็อคออกมาแล้ว

“นี่เขา……ตามพวกเรามาตลอดทางเลยนี่นา” ฉินซีเพิ่งจะเปิดอัลบั้มรูปภาพออกมาดู ก็ต้องตกตะลึง

รูปภาพที่อยู่ด้านในเป็นภาพที่เริ่มตั้งแต่ตอนที่พวกเขาเข้ามาในสวนสนุกแรกๆ เรื่อยไปจนถึงตอนที่พวกเขาเข้าไปรับประทานอาหารในร้านอาหาร

เธอออกจากอัลบั้ม แล้วคลิกเข้าไปที่ Weibo

เมื่อได้เห็นIDที่คุ้นเคยนั้น เธอก็รู้ว่า พวกเขาไม่ได้ตามหาผิดคน

“เมื่อกี้ฉันเพียงแต่เตะเขาไปหนึ่งทีเท่านั้น มันเสียเปรียบเขาเกินไปแล้วจริงๆ” ในขณะที่ฉินซีกำลังดู Weibo เธอก็พูดขึ้นมาด้วยความโกรธแค้น

และหว่างคิ้วของลู่เซินก็มีความโกรธเกรี้ยวที่เย็นชาเช่นเดียวกัน

ไม่ง่ายเลยที่เขากับฉินซีจะได้มีโอกาสสักโอกาสออกมาพักผ่อนหย่อนใจอย่างนี้ แต่กลับถูกดวงตาของบล็อกเกอร์คนนี้ก่อกวนเข้าแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะอารมณ์ดีไปโดยปริยาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง……การที่เขาทำเช่นนี้ มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าเขาจะเปิดเผยที่อยู่ของพวกเขาให้จ้านเซินได้เห็นแล้ว

ถ้าถูกพวกเขาพบตัวแล้ว……คนที่ชื่อจูเซี่ยงเหวินคนนี้ ตายไปซะก็ไม่เสียดาย

แล้วความหมองหม่นก็ปรากฏขึ้นมาในดวงตาของลู่เซิ่น

“ตอนนี้อยากจะทำอะไร?” สีหน้าของฉินซีก็เคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อยเช่นเดียวกัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท