Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – บทที่ 1556 มีความสุขจริงๆใช่หรือไม่

บทที่ 1556 มีความสุขจริงๆใช่หรือไม่

ถังย่าไม่ได้ตอบคำถามของจ้านเซิน

เพราะว่าคำตอบก็ชัดเจนอยู่แล้ว

เดิมจ้านเซินก็ไม่ได้จะรอถังย่าตอบคำถามแล้วค่อยพูด เขาไม่ได้หยุดเว้นวรรคแม่แต่วินาทีเดียว แล้วพูดกับตัวเองต่อไปว่า:“นานมากแล้วนะ ที่ฉันไม่ได้เห็นเขามีความสุขแบบนี้”

ฉินซีอาจจะยังไม่รู้ตัว ว่าจ้านเซินเข้าใจเธอลึกซึ้งมากแค่ไหน บางครั้งเพียงแค่แวบตาเดียว เขาก็เห็นฉินซีที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แท้ที่จริงแล้วมีความสุขจริงๆเหรอ หรือแกล้งมีความสุขกันแน่

เพียงแต่ว่าจ้านเซินก่อนหน้านี้ ไม่เคยสนใจว่าเธอมีความสุขจริงๆมั๊ย

สำหรับเขาแล้ว แค่ฉินซีอยู่ข้างๆกายของเขา ก็พอแล้ว

สำหรับรอยยิ้มของเธอจะจริงใจหรือไม่นั้น ไม่สำคัญเลย

แต่พอดูคลิบวิดีโอที่อยู่ในมือนี้ จ้านเซินกลับรู้สึกสับสนเล็กน้อย

ในคลิปวิดีโอฉินซีสวมหน้ากากหนังมนุษย์ ดังนั้นจึงมีใบหน้าที่เหมือนคนแปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคย

แต่ก่อนตอนอยู่ในองค์กรเธอก็สวมหน้ากากหนังมนุษย์ไปทำภารกิจ แต่ฉินซีกลับไม่ค่อยยินยอม เพราะว่าเธอมักจะรู้สึกไม่สบายใจที่หน้ากากหนังมนุษย์เหมือนจริงจนเกินไป ทำให้มีหวาดกลัวเล็กน้อย

ดังนั้นในสถานการณ์ที่จะต้องสวมหน้ากาก เธอมักจะไม่มีความสุขเป็นอย่างมาก พอมีโอกาสดึงหน้ากากออก เธอก็จะดึงหน้ากากนั้นออกทันที

แต่เธอในคลิปวิดีโอ ทั้งทั้งที่เธอกำลังสวมหน้ากากอยู่ กลับมีความสุขมาก

จ้านเซินมองออกว่า เธอมีความสุขมาจากก้นบึ้งหัวใจของเธอจริงๆ

เขาไม่เข้าใจ ทั้งทั้งที่แต่ก่อนเธอรังเกียจสิ่งนั้นมาก ทำไมเธอยังยิ้มแบบมีความสุขได้?ถังย่ายังไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร

เธอไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนในการเอ่ยปากออกมา และไม่รู้ว่าจะพูดในฐานะของอะไร

บางทีอาจจะเป็นเพราะยาระงับประสาท จึงทำให้วันนี้จ้านเซินไม่เหมือนแต่ก่อน เขานิ่ง และเปิดโทรศัพท์ที่แบตใกล้จะหมดอีกครั้ง เพื่อจะกดเปิดคลิปวิดีโอนั้น

ในที่สุดถังย่าก็ทนไม่ไหว ลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างๆเขา เอามือปิดหน้าจอไว้ : “ไม่ต้องดูแล้ว”

จ้านเซินไม่ได้ขยับ ปล่อยให้ถังย่าปิดหน้าจอโทรศัพท์ แต่เขาก็ไม่ได้ละสายตาไปไหน ยังคงมองไปข้างหน้าเหมือนเดิม

ถังย่าหันไปมอง เพิ่งพบว่าสายตาของเขานั้นเหม่อลอย

ถังย่ารู้สึกเจ็บปวดใจอย่างอธิบายไม่ถูก

ที่แท้การที่เรารักใครสักคน……ช่างยิ่งใหญ่จริงๆ ขอเพียงให้เขามีความสุขก็พอแล้ว

ส่วนตัวเองจะได้อยู่เคียงข้างเขาหรือไม่ ไม่ได้สำคัญเลย

น้ำเสียงของเธอนุ่มนวลขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว คำพูดที่พูดออกมาราวกับเสียงถอนหายใจ

“จ้านเซิน ถึงเวลาที่จะจบเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว”

ความคิดของจ้านเซินถูกเธอตัดบทไป เขาเงยหน้าขึ้น แล้วกะพริบตาด้วยความสับสนเล็กน้อย

“จบ?ทำไมต้องจบ?”

ถังย่าฝืนยิ้ม เธอพูดในใจว่า “เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ฉินซีจะกลับมาอยู่เคียงข้างคุณ”

แต่ถ้าพูดตอนนี้ เธอเกรงว่าจะไปกระตุ้นอาการของจ้านเซิน สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดออกมา

จ้านเซินเห็นว่าเธอไม่ตอบ และหลบสายตา จึงพึมพำเหมือนพูดกับตัวเอง ย้ำคำพูดที่ฉินซีพูดในคลิปวิดีโออีกครั้ง: “พวกเรากลับไปที่เมืองหนานหลัง อีกสองวัน ที่เมืองหนาน จะเป็นเวลาที่จบเรื่องทั้งหมด”

หลังจากที่เขาพึมพำกับตัวเองเสร็จ จู่ๆก็หัวเราะแบบเย็นชา

“จบ?ได้ เราจะจบเรื่องนี้กัน”

น้ำเสียงที่โหดเหี้ยมของเขาทำให้ ถังย่าอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แต่เธอยังไม่ทันได้พูดอะไร จู่ๆประตูห้องคนไข้ก็ถูกเปิดออก

ถังย่าเงยหน้าขึ้นทันที พบว่าคนแรกที่เดินเข้ามานั้นเป็นคุณหมอที่ดูแลจ้านเซิน จึงโล่งอกไป

และพยาบาลที่เพิ่งนำทางให้เธอคนนั้น เดินตามหลังคุณหมอด้วยความหดหู่ใจ

“สถานการณ์ของคนไข้ยังไม่แน่นอน เธอกล้าพาคนเข้ามาได้ยังไง!” น้ำเสียงของคุณหมอเข้มงวดมาก เห็นอย่างได้ชัดว่ากำลังดุพยาบาล

นางพยาบาลไม่กล้าเอ่ยปากอะไร ได้เพียงแต่ก้มศีรษะอย่างเงียบๆ

คุณหมอเดินเร็วมาก เพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงข้างเตียงข้างจ้านเซิน เมื่อกำลังจะก้มลงเช็ค จู่ๆก็สบสายตากับจ้านเซินที่ลืมตาอยู่

เขามีประสบการณ์มากมาย ตอนนี้เขาอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ

นี่คือปริมาณสามเท่าของยากล่อมประสาท คนปกติธรรมดายากมากที่จะต้านทานได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะตื่นขึ้นมาในเวลาสั้นๆไม่กี่ชั่วโมง

ตอนแรกเขาเกือบคิดว่าจ้านเซินจะต้องถูกคนอื่นรบกวนแน่ๆ ดังนั้นเขาถึงหันไปมองที่ถังย่า เมื่อกำลังจะเอ่ยปากถาม จ้านเซินดูเหมือนจะมองทะลุไปความคิดของเขา จึงเอ่ยปากพูดไปแบบขี้เกียจว่า: “ฉันตื่นขึ้นมาเอง ยาของพวกคุณทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”

น้ำเสียงที่ไม่แยแสของเขาทำให้คุณหมอรู้สึกโกรธมาก

เขารู้ว่าภูมิหลังของจ้านเซินไม่ธรรมดา แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องแบบนี้

“ดูเหมือนตอนนี้คุณจะใจเย็นลงบ้างแล้ว” คุณหมอพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชา “ถ้าอย่างงั้นก็นอนพักผ่อนบนเตียงให้ดี ให้ยากล่อมประสาทหมดฤทธิ์ก่อนถึงแขกถึงเข้าเยี่ยมได้”

พูดจบ เขาดูเหมือนจะเหลือบไปมองถังย่า

ถังย่ารู้ว่าเขาพูดประโยคนี้ให้เธอฟัง และไม่ได้วางแผนที่จะโต้แย้ง ลุกขึ้นแล้วก็เดินออกไปข้างนอก

อันที่จริงแล้วเธอไม่ได้ทำอะไรเลย เดิมทีเธอแค่อยากจะดูว่าจ้านเซินยังดีอยู่มั๊ย เธอไม่คิดเลยว่าจ้านเซินจะฟื้นขึ้นมา และไม่คิดว่าเวลาสั้นๆไม่กี่นาทีที่พบกัน จะเปิดเผยความรักที่ซ่อนเร้นมานานหลายปีของตัวเอง

แต่ตอนนี้พูดอะไรก็สายเกินไปแล้ว ถังย่าหัวเราะเยาะตัวเอง เดินไปที่ข้างประตู แต่จู่ๆจ้านเซินกลับพูดขึ้นว่า “ตรวจสอบจูจื้อซิน เขามีปัญหา”

เสียงฝีเท้าของถังย่าหยุดลง

เมื่อกี้เขามัวแต่ยุ่งคอนเฟริมความปลอดภัยของจ้านเซินก่อน จากนั้นก็ต่อสู้กับปัญหาความรู้สึกระหว่างเธอกับจ้านเซิน จนลืมแม้กระทั่งลูกศิษย์คนนี้ของตัวเอง

แต่พอจ้านเซินเตือนเธอ เธอก็สังเกตเห็นว่า……ตลอดทางนี้ กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของจูจื้อซินเลย

ก่อนที่เธอจะไปหาลู่เซิ่นกับฉินซียัง มอบหมายให้เขาเฝ้าดูจ้านเซินให้ดีๆ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นแค่สมาชิกธรรมดาขององค์กร แต่เมื่อหัวหน้าเกิดเรื่อง ก็ไม่ควรที่จะหนีไปอย่างไร้ร่องรอยอย่างนี้

ถังย่ามอบความอ่อนโยนและความรู้สึกที่เห็นอกเห็นใจให้แต่จ้านเซินเท่านั้น ทั้งๆที่จูจื้อซินเป็นลูกศิษย์ของตัวเอง เขากลับไม่ไว้วางใจเลย แต่กลับคล้อยตามคำพูดของจ้านเซิน เธอสงสัยในตัวของจูจื้อซินเล็กน้อย

“ฉันรู้แล้ว” ถังย่าพูดตอบอย่างเรียบง่าย ก่อนที่คุณหมอที่อยู่กำลังจะเร่งให้เธอออกไปอีกครั้ง เธอเปิดประตู และเดินออกจากห้องคนไข้อย่างเด็ดขาด

ในห้องคนไข้เหลือแค่คุณหมอกับจ้านเซิน อันดับแรกเขาตรวจสอบสภาพร่างกายของจ้านเซินอีกครั้งอย่างละเอียด หลังจากนั้นก็รู้แปลกประหลาดที่พบว่าไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ ยาระงับประสาทขนาดสามเท่าไม่เพียงไม่ได้ก่ออันตรายต่อร่างขายของเขาเท่านั้น แม้แต่กระทั่งฤทธิ์ของยาก็ไม่ได้ผล ดังนั้นเขาจึงฟื้นขึ้นมาก่อน โดยที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคนอื่นสักนิดเลย

คุณหมออึ้งอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาทางสีหน้า แค่บอกกำชับให้เขานอนพักผ่อน จากนั้นเขาก็นำข้อมูลที่มีอยู่ออกไปวิเคราะห์

หลังจากที่เขาปิดประตูแล้ว จ้านเซินกลับไม่ได้ทำตามที่คุณหมอกำชับเลย เขากลับอยากลุกขึ้นแล้วลงจากเตียง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท