Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – บทที่ 1550 ได้เวลาอันสมควรแก่การยุติทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว

บทที่ 1550 ได้เวลาอันสมควรแก่การยุติทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว

ถังย่าไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งฝ่าไฟแดงบนถนนไปมากเท่าไหร่แล้ว แต่เธอกลับไม่ชอบใจที่ความเร็วของตัวเองยังช้าเกินไป

โชคดีที่เธออยู่ไม่ไกลจากสวนสนุกอยู่แล้ว หลังจากนั้นไม่กี่นาที เธอก็เหยียบเบรก แล้วหยุดที่หน้าประตูพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่กล่าวถึงในโพสต์ Weiboนั้น

เธอไม่แน่ใจว่าตอนนี้สองคนนั้นยังอยู่ในนี้รึเปล่า แต่ก็ทำได้เพียงวิ่งเหยาะๆเข้าประตูไปด้วยความหวังริบหรี่ แล้วตรงไปยังสถานที่ที่พวกเขาถ่ายรูปกัน

เมื่อเทียบกับสวนสนุกแล้ว ผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมีน้อยมาก ห้องโถงนิทรรศการหลายแห่งเกือบจะว่างเปล่าไปทั้งหมด นอกจากนี้ห้องโถงนิทรรศการที่ฉินซีและคนอื่นๆถ่ายรูปกันนั้นเดิมทีก็อยู่ไกลอยู่แล้ว ถังย่าจึงรีบเข้าไปที่ประตูด้วยความรีบเร่ง เพียงกวาดสายตามองดูเท่านั้น หัวใจของเธอก็จมลึกลงไปในทันที

……ไปแล้ว

ภายในห้องโถงนิทรรศการว่างเปล่า มีเพียงชายที่มีรูปร่างผ่ายผอมคนหนึ่ง เมื่อมองออกไปก็ไม่มีร่างของลู่เซิ่นกับฉินซีเลย

ในใจของเธอรู้สึกหงุดหงิด แต่ก็ไม่มีความคิดที่จะเสียเวลาอยู่ในนี้ต่อไป จึงหันหลังกำลังจะเดินออกไปข้างนอก กลับถูกผู้ชายคนนั้นเรียกเอาไว้

“ไม่ทราบว่า…คุณคือถังย่าใช่ไหมครับ?”

ถังย่าหยุดชะงักฝีเท้าลง แล้วหันไปมองชายคนนั้นด้วยสายตาที่เย็นชาเล็กน้อย “คุณเป็นใคร?”

……

ในขณะนี้ลู่เซิ่นกับฉินซีได้ออกไปจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแล้ว

รูปโฉมภายนอกของทั้งสองคนสะดุดตามากเกินไป ในตอนนี้พวกเขาต่างก็แสดงเป็นผู้ชาย พอเดินออกมาข้างนอกก็มีคนจ้องมองเยอะเกินไป สุดท้ายพวกเขาก็ไม่เอาแต่ใจตัวเองอีกต่อไปแล้ว จึงกลับเข้าไปในรถอย่างว่าง่าย

“ตอนนี้จะไปไหนล่ะ” ลู่เซิ่นสตาร์ทรถแล้ว กลับไม่ได้รีบขับออกไปข้างหน้า แต่หันไปมองที่ฉินซี

ฉินซียังสวมหน้ากากนั้นอยู่ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นใบหน้าของคนแปลกหน้า แต่ลู่เซิ่นกลับดูเหมือนว่าจะสามารถมองทะลุผิวหนังที่แปลกปลอมนี้และมองเห็นการแสดงออกทางสีหน้าที่แท้จริงของฉินซีได้

เธอไม่ได้มองไปที่ลู่เซิ่น แล้วก็ไม่ได้ตอบคำถามของลู่เซิ่นด้วย แต่กลับจ้องมองไปข้างหน้า แล้วถามด้วยความไม่เข้าใจว่า “ทำอย่างนี้ ไม่เสียใจเหรอ?”

ลู่เซิ่นยิ้มอ่อนๆ แล้วพูดว่า “ไม่เลย”

……

ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ตอบคำถามของถังย่าเลย แต่เขากลับหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด

ความสงสัยที่อยู่ภายในใจของถังย่าก็ยิ่งมีมากกว่าเดิม และไม่รีบร้อนเดินออกไปหาลู่เซิ่นกับฉินซีแล้ว แต่กลับก้าวเท้าเดินไปอยู่ข้างๆผู้ชายคนนั้น แล้วถามอีกครั้งว่า “คุณเป็นใคร?”

พอเดินเข้าไปสองสามก้าว ถังย่าจึงเห็นรูปร่างลักษณะของผู้ชายคนนั้นได้อย่างชัดเจน แม้ว่าเขาจะพยายามก้มศีรษะลงอย่างสุดความสามารถ แต่ถังย่าก็ยังเห็นรอยขีดข่วนและรอยฟกช้ำบนใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน และการหลบหลีกก็ดูไม่เป็นธรรมชาติ ดูเหมือนว่า…ถูกทุบตีมาอย่างไรอย่างนั้น

หรือว่าจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับองค์กร?

ถังย่ากำลังค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องในหัวสมองอย่างรวดเร็ว แต่กลับได้ยินเสียงของผู้ชายคนนั้นเอ่ยปากพูดออกมาด้วยเสียงที่เบามากว่า “มีคน…ให้ผมเอาสิ่งนี้มาให้คุณ”

ในขณะที่กำลังพูด ก็ยื่นโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งออกไปอย่างสั่นเทาไปด้วย

โทรศัพท์ดูใหม่เอี่ยมและแทบไม่มีร่องรอยการใช้งานใดๆเลย แต่เมื่อถังย่าเปิดหน้าจอให้สว่างขึ้นมา กลับมีการแสดงหน้าจอสำหรับป้อนรหัสผ่านปรากฏขึ้น

เธอขมวดคิ้ว แล้วเงยมองไปที่ชายคนนั้นและพูดว่า “รหัสคืออะไร?”

“ผม……ผมไม่รู้” ชายคนนั้นส่ายศีรษะอย่างแรง “ผู้ชายสองคนนั้นเพียงแค่ให้ผมเอาโทรศัพท์มาให้คุณเท่านั้น และบอกว่า…พอเอาให้คุณแล้ว คุณก็จะรู้เอง”

ปฏิกิริยาแรกของถังย่าคือตัวเองได้ถูกยั่วเย้าเสียแล้ว

ผู้ชายสองคนนี้ มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวเองนะ?

ใครเป็นคนคิดเรื่องพิเรนทร์นี้ขึ้นมา หรือมีคนตั้งใจอยากจะถ่วงเวลาของเธอ?

ขณะที่เธอกำลังจะอารมณ์เสีย ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมาในหัวสมองของเธอ

ผู้ชายสองคนเหรอ?

ฉินซีกับลู่เซิ่นในตอนนี้……ไม่ใช่ว่าอยู่ในรูปลักษณ์ของผู้ชายสองคนหรอกเหรอ?

หรือว่าจะเป็นพวกเขา?

พอคิดถึงตรงนี้ ความโกรธที่อยู่ภายในหัวใจของถังย่าก็หายไปแล้ว เปลี่ยนเป็นความสงสัยเต็มไปหมด

ผู้ชายคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงมีส่วนเกี่ยวข้องกับลู่เซิ่นหรือฉินซีได้ ทำไมพวกเขาสองคนถึงได้ปล่อยให้เขาฝากข้อมูลมาให้ตัวเอง ทำไม…พวกเขาถึงได้ฝากข้อมูลให้เธอ?

ในหัวใจของถังย่ามีคำถามมากมายที่ต้องการคำอธิบาย แต่ในเวลานี้กลับไม่มีเวลาที่จะไปถามอีก เธอทำได้เพียงใช้สายตาส่งสัญญาณไปให้ผู้ชายที่พยายามจะเดินจากไปคนนั้นอยู่ที่เดิมโดยไม่อยากขยับเขยื้อนไปไหน หลังจากนั้นก็ก้มศีรษะลงและครุ่นคิดรหัสผ่านของโทรศัพท์ขึ้นมา

ข้อมูลที่พวกเขาสองคนฝากมาให้เธอ….จะเป็นการเข้ารหัสแบบไหนกันนะ?

รหัสผ่านนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับพวกเขาทั้งสามคนอย่างแน่นอน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องเป็นวันที่สำคัญมากสำหรับพวกเขา

หรือว่าจะเป็น……

ในขณะที่ถังย่ากำลังลังเลใจอยู่ ก็พิมพ์วันที่ฉินซีถูกนำตัวออกมาจากรีสอร์ทชิงหยวนเป็นครั้งแรก

อันที่จริงเธอเป็นหนอนบ่อนไส้ที่แฝงตัวอยู่ข้างใน จึงทำให้ฉินซีต้องออกห่างจากลู่เซิ่น

ผิดพลาด

ถังย่าขมวดคิ้ว ครุ่นคิดสักครู่หนึ่ง แล้วก็เข้ารหัสด้วยวันที่ใหม่

วันนั้นที่เดิมทีฉินซีวางแผนจะจัดนิทรรศการภาพถ่าย

นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอทำความรู้จักกับฉินซีอย่างเป็นทางการ

ผิดพลาด

ถังย่าแทบจะหงุดหงิดนิดหน่อยแล้ว และลองออกใส่วันที่อีกสองสามครั้ง ซึ่งวันที่เหล่านั้นต่างก็ผิดหมดเลย

ถ้าหากใส่รหัสผิดพลาดอีกครั้ง โทรศัพท์จะถูกล็อคโดยอัตโนมัติ

เธอกัดริมฝีปากไปมา ทันใดนั้นเมื่อโชคมามันสมองก็ปราดเปรื่อง เธอได้ใส่วันที่ที่ฉินซีกับลู่เซิ่นแต่งงานกัน

แล้วโทรศัพท์ถูกปลดออกโดยไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ

ในหัวใจของถังย่ามีหลากหลายความรู้สึกผสมปนแปกันไป เธอบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง แต่เธอก็ไม่ไปใส่ใจอะไรมาก จึงก้มหน้าก้มตาเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

ด้านในของโทรศัพท์ยังใหม่เอี่ยมเหมือนกับด้านนอก และแทบไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ใดๆ เกือบจะเหมือนอย่างที่เธอสังหรณ์ใจเอาไว้เลย แล้วเธอก็กดเข้าไปในอัลบั้มโดยตรง

คิดไม่ถึงเลยว่าในอัลบั้มจะไม่มีรูปถ่ายใดใดเลย มีเพียงวิดีโอคลิปหนึ่งคลิป

ถังย่าเอื้อมมือออกไปเปิดวิดีโอ จึงพบว่านิ้วมือของตัวเองสั่นเล็กน้อย

จากนั้นไม่นานก็มีเสียงของลู่เซิ่นกับฉินซีดังออกมาจากในโทรศัพท์

“helloถังย่า สวัสดีจ้า”

เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสถานที่ถ่ายทำก็คืออยู่ในห้องโถงนิทรรศการแห่งนี้ แต่สาเหตุเป็นเพราะแสง ใบหน้าของคนทั้งสองคนในวิดีโอก็เลยไม่ชัดเจน ถังย่าได้แต่วินิจฉัยออกมาจากเสียงนั้น ว่าคนที่พูดอยู่คือฉินซีนั่นเอง “ฉันเดาว่าถ้าจะมีใครมาหาเรา คนคนนั้นน่าจะเป็นเธอ ดังนั้นก็เลยตัดสินใจถ่ายวิดีโอนี้ด้วยตัวเองเพื่อเป็นสื่อในการสื่อสารกับเธอ”

เสียงของฉินซี ไม่เหมือนกับถังย่าที่คาดการณ์เอาไว้เลย

เธอนึกว่าตลอดทางที่ลู่เซิ่นกับฉินซีหลบหนีอย่างหัวซุกหัวซุนมาเป็นเวลานานขนาดนี้ทั้งสองคนน่าจะหน้าตาดูไม่ได้และอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเสียอีก นึกไม่ถึงว่าทั้งสองคนจะมีเวลาว่างมาเที่ยวสวนสนุกอย่างสบายใจอย่างนี้ และก็คิดไม่ถึงเลยว่าฉินซีจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงและสำเนียงที่แทบไม่มีความแตกต่างกับตอนที่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่ในบ้านตระกูลลู่ก่อนหน้านี้เลย และไม่มีความหงอยเหงาเศร้าซึมใดใดด้วย

ถังย่ามีความรู้สึกลงอนิจจังเล็กน้อย แต่ท้ายที่สุดเธอก็สงบสติอารมณ์เอาไว้ แล้วฟังฉินซีพูดต่อ

แต่ทว่าคนที่พูดได้เปลี่ยนเป็นลู่เซิ่นแล้ว

เสียงของเขาก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากเมื่อก่อนเลย ยังมีท่าทางที่สงบจิตสงบใจเหมือนเดิม ราวกับว่าตอนนี้เขาไม่ได้ถูกตามล่าอยู่เลย แต่ทว่าเขาได้ดำเนินการจัดการเจรจาพูดคุยเอาไว้นานแล้วอยู่ในห้องประชุมห้องไหนสักห้อง

“ขอขอบคุณพวกคุณที่มอบประสบการณ์ชีวิตในการหลบหนีให้กับพวกเรา ให้พวกเราได้เก็บเกี่ยวช่วงเวลาและอิสรภาพในการอยู่ร่วมกันสองคนที่ไม่อาจเกิดขึ้นโดยง่าย เพียงแต่ตอนนี้เรารับได้ประสบการณ์มามากพอแล้ว อยากกลับไปใช้ชีวิตปกติสุขแล้ว”

ฉินซีหัวเราะเบาๆ แล้วพูดคล้อยตามว่า “ใช่ค่ะ ฉันก็อยากใช้ชีวิตของตัวเองเหมือนกัน แม้ว่าการเดินทางไปตามที่ต่างๆแบบนี้มันจะสนุกดี แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ใช่แผนระยะยาวที่เราอยากจะทำ”

ถังย่าหัวเราะเยาะอยู่ในใจ

ก็คงจะปากแข็งสินะ ชีวิตที่หลบหนีอย่างหัวซุกหัวซุนแบบนี้ก็ยังจะฝืนเรียกว่า “การเดินทาง”ได้อีก

แม้ว่าเธอเองก็จำต้องยอมรับเหมือนกันว่า ช่วงเวลานี้ของฉินซีกับลู่เซิ่นนั้นมีอิสระมากกว่าเมื่อก่อนจริงๆ

ในภาพ ลู่เซิ่นยื่นมือออกไปโอบกอดฉินซีเอาไว้

แม้ว่าจะมองไม่เห็นใบหน้าอย่างชัดเจน แต่ถังย่าก็ยังรู้สึกได้ว่าดวงตาของลู่เซิ่นกำลังจ้องมองมาที่หน้าจอ และเขาก็กำลังพูดคำต่อคำอยู่

“ได้เวลาอันสมควรแก่การยุติทุกสิ่งทุกอย่างแล้วสินะ”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท