Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – บทที่ 1574 ยังอยากจะสู้ต่อไหม

บทที่ 1574 ยังอยากจะสู้ต่อไหม

ฉินซีเพิ่งจะหันหน้ากลับไป ก็เห็นมีดที่กำลังส่องประกายแสงอันเยือกเย็นถูกกระแทกจนตกลงกับพื้นเข้าพอดี

หัวใจของเธอถูกบีบรัดจนแน่นขนัดขึ้นมาแล้ว

แล้วจ้านเซินก็พูดด้วยน้ำเสียงที่มีความโกรธเกรี้ยวอยู่อย่างเบาบางออกมาว่า “ดูไม่ออกเลยจริงๆ…ว่าคนที่เปิดเผยมี่เล่ห์เหลี่ยมอย่างประธานลู่ ก็สามารถแทงใครจากด้านหลังได้เหมือนกัน”

บนใบหน้าของลู่เซิ่นกลับไม่มีความตื่นตระหนกเลยสักนิดที่อาวุธถูกกระแทกจนตกลงไป ถึงขั้นที่ว่าในแววตาของเขายังมีความสุขุมเยือกเย็นแฝงอยู่ด้วย “เกรงว่านายจะเข้าใจอะไรฉันผิดไปนะ เพื่อที่จะชนะแล้ว เราต่างก็ต้องไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ใช่หรอ”

ทั้งสองคนไม่พูดกันเสียงดังเลย และตำแหน่งที่ฉินซียืนก็อยู่ไม่ใกล้พอ ดังนั้นเธอก็เลยไม่ได้ยินว่าทั้งสองคนพูดอะไรกันอยู่ เธอจึงทำได้เพียงกระวนกระวายอยู่ในใจ

และหลู่เซิน…ไม่ได้แสร้งทำเป็นสงบเยือกเย็นเลย

เขาเอียงศีรษะหลบหมัดที่โจมตีเข้ามาของจ้านเซินอีกครั้ง แต่ความสุขุมเยือกเย็นที่อยู่บนใบหน้านั้นเขากลับไม่ได้แสร้งทำเป็นสงบเยือกเย็นเลย

เขารู้สึกได้ว่าจังหวะการโจมตีของจ้านเซินถูกการโจมตีอย่างฉับพลันของเขาทำให้ยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว

ตอนที่จ้านเซินพูดกับเขาออกไปว่า “ฉันไม่พกอาวุธ เชิญนายตามสบายเลย” ลู่เซิ่นก็ได้วางแผนเอาไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว

เขารู้ว่าความหมายของคำพูดนี้ที่จ้านเซินพูด มันเป็นการยั่วยุ และก็เป็นการประชดประชันด้วย

จ้านเซินคิดว่าไม่ว่าลู่เซิ่นจะพกอาวุธมาด้วยหรือไม่ เขาก็ไม่สามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงกล้าพูดออกมาแบบนี้

และในใจของลู่เซิ่นก็รู้และเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างตัวเขากับจ้านเซินดี ในเวลานี้ เขาไม่สามารถทุ่มกำลังโจมตีได้ ทำได้เพียงใช้เล่ห์เหลี่ยมเท่านั้น

จุดประสงค์พื้นฐานของการโจมตีด้วยอาวุธ ไม่ใช่เพื่อการโจมตี แต่เพื่อทำให้จังหวะการโจมตีของจ้านเซินยุ่งเหยิงเท่านั้น

ถึงแม้ว่า…จะมีเวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้นก็ตาม

สำหรับคนอย่างจ้านเซิน การประมาทเลินเล่อทุกๆชั่วพริบตานั้นเป็นเรื่องเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

และลู่เซิ่นก็ไม่ใช่คนโง่ ฉินซีมองออกหมดทุกอย่างว่าจ้านเซินกำลังล้อเล่นกับเขาอยู่ และตัวเขาก็สามารถรู้สึกได้เองเช่นเดียวกัน

แน่นอนว่าในใจของเขาก็รู้สึกกระวนกระวายใจอยู่ แต่… เขาก็รู้เช่นเดียวกันว่าตัวเองไม่สามารถแสดงออกมาได้

ถ้าหากจ้านเซินรู้ว่าแผนการของเขาประสบผลสำเร็จแล้ว เช่นนั้นจ้านเซินจะต้องทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน

ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป……คงไม่ได้การแน่

ดังนั้นลู่เซิ่นก็เลยตัดสินใจเด็ดขาดลงไปว่า จะหยิบมีดที่ติดอยู่ในแขนเสื้อออกมา

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจ้านเซินก็มีความผิดปกติในจังหวะการต่อสู้ไปชั่วขณะแล้วจริงๆ

ลู่เซิ่นมองเห็นอย่างชัดเจน แต่ในใจของเขาไม่รู้สึกภาคภูมิใจเลย กลับยิ่งสุขุมเยือกเย็นมากกว่าเดิม

เมื่อสักครู่นี้ที่จ้านเซินชกหมัดนั้นลงมา ถ้าเขาก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว เขาก็จะสามารถสกัดกั้นทางหนีทีไล่ทั้งหมดลู่เซิ่นเอาไว้ได้

แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าจังหวะของเขายุ่งเหยิงไปหมดแล้ว เพราะว่าอยากจะโจมตีลู่เซิ่นให้หนัก คาดไม่ถึงว่าเขาจะก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย ซึ่งมันก็คือในขณะนี้นั่นเอง!

ลู่เซิ่นถูกกระแทกในทันที เขาถอยหลังไปครึ่งก้าวเพื่อหาโอกาสได้ตั้งตัวพักหายใจไม่ได้เลยเพราะว่าจ้านเซิน เขาก็เลยเดินมุ่งหน้าขึ้นไปปะทะกับเขาแทน ในขณะที่กำลังใช้ความเร็วที่รวดเร็วมากจนคนอื่นมองไม่เห็นอยู่นั้น เขาก็ชักมีดอีกเล่มหนึ่งออกมาจากแขนเสื้ออีกข้างหนึ่ง แล้วโบกมือจะไปฟันที่ลำคอของจ้านเซิน

แต่จ้านเซินเป็นคนที่ร้ายกาจมาก เขาเกือบจะรู้ความประสงค์ของลู่เซิ่นแล้วในทันที เขาคว้ามือที่ลู่เซิ่นกวัดแกว่งมาที่ร่างกายของเขาเอาไว้ในทันที พร้อมกับโก้งโค้งเอวลง ใช้รัศมีแห่งความคล่องแคล่วและยืดหยุ่นจนน่าเหลือเชื่อของมือซ้ายไปหยิบมีดเล่มนั้นที่ถูกเขาตีจนตกลงบนพื้นในตอนที่ลู่เซิ่นโจมตีเขาครั้งแรกขึ้นมา แล้วแทงไปบนร่างกายของลู่เซิ่นโดยไม่ทันได้กะพริบตา

แต่ลู่เซิ่นกลับไม่หลบหลีกเลย เขาเพียงแค่หมุนหักมุมเล็กน้อย เพื่อที่จะทำให้มีดเล่มนี้ของจ้านเซินไม่สามารถเอาชีวิตของตัวเองได้ แต่ร่างกายส่วนบนของเขากลับยังคงยืดไปข้างหน้าต่อไป จนกว่าเขาจะสามารถเอามีดของตัวเองไปจี้บนลำคอของจ้านเซินได้

จ้านเซินคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะโหดเหี้ยมขนาดนี้ เขาไม่ทันได้เตรียมป้องกันในชั่วขณะหนึ่ง ลำคอก็ถูกมีดของลู่เซิ่นบาดไปที่ผิวหนังเล็กน้อยเสียแล้ว ฉับพลันนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา และทำให้การเคลื่อนไหวของเขาหยุดชะงักลงเช่นกัน

ทุกอย่างเกิดขึ้นมาในชั่วพริบตา ฉินซีมาทันเวลาเพียงแค่ได้ตะโกนเสียงหลงออกมาว่า“ลู่เซิน” และเมื่อจ้องมองไปอีกครั้ง ทั้งสองคนต่างก็อยู่ในสภาพที่เข้าตาจนกันแล้ว

มีดที่อยู่ในมือของจ้านเซินได้แทงทะลุเข้าไปที่บริเวณหน้าท้องของลู่เซิ่นแล้ว ไม่รู้ว่าบาดเจ็บจนถึงส่วนไหน แต่พอสังเกตดูก็จะเห็นได้ว่ามีเลือดสดๆกำลังหยดลงมาไม่หยุด และมีดที่อยู่ในมือของลู่เซิ่นก็จี้อยู่บนลำคอของจ้านเซิน เพียงแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็จะสามารถปลิดชีวิตของจ้านเซินได้แล้ว

ในขณะที่ฉินซีกำลังมองดูเลือดสดๆที่แผ่กระจายออกไปเป็นบริเวณกว้างนั้น บนใบหน้าของเธอก็ไม่มีสีของเลือดฝาดแล้ว ราวกับว่าคนที่กำลังเลือดไหลออกมานั้นไม่ใช่ลู่เซิ่น แต่เป็นเธอ

“ลู่เซิ่น……” พอเธอเดินไปทางลู่เซิ่นสองก้าว จ้านเซินกลับกดมีดเข้าไปอีกหนึ่งเซนติเมตรตามการเคลื่อนไหวของเธอ

“อย่า!” ฉินซีกรีดร้องอย่างไม่เป็นผู้เป็นคน แล้วพูดจาสะเปะสะปะออกมาว่า “คุณอย่าขยับนะ ฉันจะถอยกลับไป ถอยกลับไปแล้ว!”

เธอยกมือขึ้นทั้งสองข้างเหมือนกับยอมจำนน แล้วถอยหลังไปสองก้าวใหญ่ๆ

ถังย่าก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าลู่เซิ่นจะใช้วิธีการจู่โจมในรูปแบบของการฆ่าตัวตายเช่นนี้เพื่อให้ได้รับความเท่าเทียมกันในเวลาอันสั้นในสนมประลองนี้ เดิมทีเธอคิดว่าการที่จ้านเซินได้รับชัยชนะจะต้องเป็นเรื่องที่แน่นอนและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นเธอก็เลยไม่รู้สึกกังวลใจสักเท่าไหร่ แต่พอได้เห็นรอยเลือดที่ไหลซึมอยู่บนคอนั้นในตอนนี้ ภายในหัวใจก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาในที่สุด

แม้จะรู้มานานแล้วว่า ภายในหัวใจของฉินซีไม่มีที่ว่างสำหรับตัวเองเลย แต่พอได้ยินฉินซีเรียกเพียงชื่อของลู่เซิ่นคนเดียวเท่านั้นในสถานการณ์แบบนี้ในตอนนี้ ภายในหัวใจของจ้านเซินก็ว่างเปล่าอย่างควบคุมไม่ได้ไปพักหนึ่ง และแน่นอนว่าพละกำลังที่อยู่ในมือ ก็ไม่มีหนทางที่จะควบคุมได้เช่นกัน

ลู่เซิ่นน่าจะเป็นคนที่มีสติสัมปชัญญะที่สุดในสี่คนนี้

จิตใจของเขาไม่ได้รับผลกระทบจากความเจ็บปวดที่แพร่กระจายออกมาจากบริเวณช่องท้องเลย แต่กลับยิ่งสงบเยือกเย็นลงมา

เขารู้ดีว่า ผลการประลองที่เสมอกันของเขากับจ้านเซินในขณะนี้เป็นเพียงผลชั่วคราวเท่านั้น แม้ว่ามีดของจ้านเซินน่าจะไม่ได้ทำร้ายไปถึงม้ามของเขาก็ตาม แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าตอนนี้เขากำลังเสียเลือดอย่างรวดเร็ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นาน ตัวเองก็จะรู้สึกเวียนหัวตาลายเพราะเสียเลือดเป็นแน่ และถ้าเกิดจ้านเซินรู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว ต่อให้มีดของตัวเองกำลังจี้อยู่ข้างลำคอของเขา เขาก็ต้องมีหนทางสลัดหลุดไปได้อย่างแน่นอน

ดังนั้นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องทำในตอนนี้ ก็คือต้องต่อสู้ให้รวดเร็วฉับไวที่สุด หากยังหาทางออกไม่ได้อย่างนี้ต่อไป เขาจะต้องตกเป็นเบี้ยล่างอย่างแน่นอน

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลู่เซิ่นก็เริ่มพูดออกมาว่า “จ้านเซิน ยังอยากจะสู้ต่อไหม?”

สีหน้าของจ้านเซินไม่สู้ดีเลย พละกำลังที่อยู่ในมือก็ไม่ได้ผ่อนคลายลงไปเลย แต่เขายังคงเหลือบมองลู่เซิ่นเบาๆ และพูดว่า “แล้วประธานลู่มีความคิดใหม่ๆบ้างหรือเปล่าล่ะ?”

สีหน้าและน้ำเสียงของลู่เซิ่นล้วนแล้วแต่เฉยเมยมาก ราวกับว่าเขากำลังนั่งอยู่ข้างๆโต๊ะเจรจาในห้องประชุมของบริษัทลู่ซื่อและไม่ได้ถูกคนแทงที่ท้องอย่างไรอย่างนั้น “เราสามารถลองพูดคุยกันก่อนได้นะ”

จ้านเซินหัวเราะเยาะ “ประธานลู่ พวกเราไม่สามารถพูดคุยกันได้เลย คุณต้องการฉินซี ผมก็เช่นกัน แต่เธอมีเพียงคนเดียว และเธอจะต้องเลือกเพียงตัวเลือกเดียวระหว่างเราสองคนอยู่ดี”

สีหน้าของลู่เซิ่นกลับไม่ได้หวั่นไหวอะไร เขาเพียงแต่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “จ้านเซิน ที่คุณยึดติดกับฉินซี เป็นเพราะว่าเธอคือฉินซี หรือเป็นเพราะ……คุณยังไม่ได้ครอบครองเธอกันแน่?”

คิ้วของจ้านเซินขมวดคิ้วเล็กน้อย

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยถามคำถามเช่นนี้กับตัวเอง

ฉินซีสำคัญมากจริงๆ แล้วก็พิเศษสำหรับเขามากจริงๆเช่นกัน แต่…เธอพิเศษจริงๆจนถึงขั้นที่ตัวเองจะต้องคลั่งไคล้ขนาดนี้เลยเหรอ?

หรือว่าตัวเองแค่รู้สึกไม่พอใจที่ไม่ได้ครอบครองเธอเท่านั้น?

แต่ในหัวสมองของจ้านเซินไม่มีกลไกจัดการทางอารมณ์ที่สามารถจัดการได้อย่างหนักแน่นอยู่เลย คำถามเหล่านี้จึงซับซ้อนเกินไป เมื่อเขานึกขึ้นมาได้ก็รู้สึกรำคาญใจ และไม่ไปสืบสาวราวเรื่องอะไรอีกเลย

ถึงอย่างไรสำหรับเขาแล้ว มันก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย ท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม คือเขาต้องการให้ฉินซีอยู่เคียงข้างตัวเอง

แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกลู่เซิ่นแทงในเวลานี้

ดูเหมือนว่าเขาจะมองเห็นการสั่นไหวของเขาแล้ว ลู่เซิ่นจึงหัวเราะขึ้นมา แล้วพูดต่อไปว่า “สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุดในโต๊ะเจรจาคือการแสดงไพ่ตายให้อีกฝ่ายได้ดู แต่ผมไม่ถือว่านี่เป็นการเจรจาเลย ดังนั้นผมจึงไม่กลัวที่จะบอกคุณหมดทุกอย่าง จ้านเซิน ถ้าวันนี้ผมไม่ได้พาฉินซีกลับไปด้วย ผมคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่คนเดียวได้ ขอเพียงแค่ฉินซีอยู่ด้วยกันกับผม ผมจึงจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้”

เมื่อสิ้นเสียงพูดของเขา บนใบหน้าของทุกคนก็ปรากฏสีหน้าที่ตื่นตระหนกตกใจออกมา แม้แต่ฉินซีก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าลู่เซิ่นจะกำลังโอบกอดความคิดเช่นนี้อยู่

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท