I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี – ตอนที่ 178

ตอนที่ 178

ตอนที่ 178 ห่างเหิน

พอคิดถึงนักแสดง เอริคก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า นาย ไมเคิล เมคเซน ซึ่งรับบทเป็นตัวละคร Mr.Jin ในชาติที่แล้วนั้นเป็นพี่ชายของเวอร์จีเนีย ถึงแม้ว่าอิริคจะสนิทกับเวอร์จีเนียมาครึ่งปีแล้วก็ตาม แต่เขากลับไม่เคยเจอกับ นาย ไมเคิล เมคเซน มาก่อนเลย เขารู้เพียงแค่เธอกับพี่ชายนั้นสนิทกันมาก ในความคิดส่วนตัวของ ไมเคิล เมคเซน นั้น เขาจะมองว่าตัวเขาเองจะดูเป็นคนที่มีบุคลิกหยาบๆ ซึ่งเหมาะสมกับบทบาทตัวร้าย แต่เมื่อฟังที่เวอร์จีเนียเล่านั้น เอริครู้ได้ทันทีว่า ไมเคิล เมคเซน เป็นคนที่มีความสามารถรอบด้าน เขาเคยเป็นทั้งนักมายากล ชอบถ่ายภาพยนต์ และรักการเขียนกลอนเป็นที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับอาชีพนักแสดงแล้วกลับกลายเป็นงานอดิเรกเลย

ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเจออีกฝ่ายมาก่อน แต่เวอร์จีเนียของยังคงเป็นผู้หญิงของเขา ไมเคิล เมคเซน ก็ต้องเป็นคนของเขาเช่นกัน เอริคใช้มาตรฐานตัวเองเพื่อไม่ให้ผลประโยชน์ตกไปเป็นของคนอื่น

บทละครจาก เควนซ์เขาต้องการคอนเฟริมให้ชัดเจน เอริคจึงกล่าวว่า “อย่างนี้ เควนซ์ บทบาทของ Mr. Jin ฉันได้เลือกผู้สมัครที่ยอดเยี่ยมไว้คนหนึ่งให้คุณแล้ว รับรองว่าคุณต้องพอใจแน่นอน”

ดูจากรอยยิ้มที่ปรากฏบนหน้าเอริคไม่มีอะไรที่ไม่พอใจ ในใจของเควนซ์ ทาเรนตี้กลับรู้ว่า แม้ว่าเขาไม่พอใจแต่สุดท้ายก็ต้องพอใจ

เอริคเพิ่งเปิดเงื่อนไขที่ไม่รวมการแก้เนื้อหาและการสร้างหนัง ทำให้เควนซ์ออกอาการดีใจ เพราะคนที่แทรกเข้าไปนั้นไม่มีใครที่รับได้ ถึงอย่างไรก็ต้องยึดตามกฏ เอริคนั้นเป็นนักลงทุน เขาไม่กลัวผู้สมัครเป็นนักแสดงเหล่านั้นจะมีปัญหา
“ไม่มีปัญหา เอริค ฉันมั่นใจว่าคนที่คุณแนะนำต้องดีแน่นอน” เควนซ์ยิ้ม พวกเขาพูดคุยกันต่อ ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับพนักงานคนหนึ่งยื่นหน้ามาแล้วพูดว่า “ผู้กำกับวิลเลียมถึงเวลาแล้ว”

เอริคมองนาฬิกาแล้วลุกขึ้นยืน “งั้นก็ตามนี้”

เควนซ์และลอเรนซ์รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วจับมือกับเอริคอีกครั้ง แต่กลับต้องสับสน ว่าจะทำอย่างไรต่อ ?

เมื่อเอริคที่ออกไปอย่างรีบร้อนมองมาทั้งสองคนแล้วตีที่หัวของตัวเอง “ขอโทษ ช่วงนี้ฉันยุ่งไปหน่อย บางอย่างก็ขี้ลืมสะได้ มากับฉัน”

เอริคมอบงานให้ผู้ช่วยของเขา แล้วหันไปแนะนำกับทั้งสองคน “นี่คืออัลเลน ผู้ช่วยของฉัน เขาจะพาพวกคุณไปพบกับเจฟฟรีย์แฮนเซน พวกคุณสามารถปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องต่างๆกับเขาได้”

เมื่อส่งทั้งสองแล้ว เอริก็กลับมาทำงานต่อ อยู่ๆสาวน้อยตัวเล็กก็ปรากฏอยู่ข้างๆเขา

?เอริคตกใจ “ทำไมเธอยังไม่ไป”
ดูเหมือนดรูฟ์จะไม่พอใจเมื่อได้ยินเอริคพูดอย่างนั้น ยิ่งทำให้เธอโกรธมากขึ้น มือเล็กนั้นเท้าสะเอวแล้วโต้เถียงกลับ “ทำไมฉันต้องไป ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น”

เอริคยักไหล่ ถึงอย่างไรก็ตามสาวน้อยก็ถูกทำโทษมาแล้วตอนอยู่ในสตูดิโอ DARK WAR “แล้วแต่ อย่ายุ่งวุ่นวายเป็นพอ”

” เอริค ฉันรู้สึกว่า พวกคนที่นี่ไม่ค่อยชอบฉันเลย ” สาวน้อยที่โอบแขนเอริคที่อยู่ตรงหน้าเขา กระซิบข้างหูเขาเบาๆ เมื่ออยู่ในสตูดิโอ Dark War เธอถูกปฏิบัติตัวราวกับเจ้าหญิง ทีมงานที่อยู่ภายใต้เอริคไม่มีใครที่เธอควบคุมไม่ได้ แต่ที่นี้ไม่เพียงแต่เธอจะไม่รู้จักแล้ว อีกทั้งยังห่างเหินกับเธอด้วย ถึงแม้จะสุภาพกับเธอ แต่ก็รักษาระยะห่างกับเธอไว้เช่นกัน

เอริคกล่าวทักทายแล้วให้สตูดิโอ เริ่มเตรียมตัว แล้วหันไปขยี้หัวของสาวน้อย “เธอยังไม่เข้าใจอีกเหรอ พ่อของเจนเป็นผู้สร้างละครทีวี ทีมงานที่นี่จอร์นก็เป็นคนหามา ที่นี่เจนคือเจ้าหญิง หล่อนไม่ชอบเธอ แน่นอนว่าคนที่นี่ก็ห่างเหินกับเธอเหมือนกัน”

“โอ๊ะ ช่างประจบกันจริงๆ “สาวน้อยแบะปาก

“มันเป็นแค่ปฏิกิริยาธรรมชาติที่พวกเขาเลือกหลีกเลี่ยง ถ้าไม่ใช่เพราะการเมืองในสำนักงาน พวกเขาต้องใกล้ชิดเธอแน่ บางทีเธออาจจะโดนใส่รองเท้าให้อย่างคาดไม่ถึงก็ได้” เอริคยิ้มขณะที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้กำกับ มองเงาคนที่เดินไปเดินมาเพื่อเตรียมตัวถ่ายหนัง แล้วรับสมุดหนังมาจากผู้ช่วย

อันที่จริงแล้วคนที่ห่างเหินกับดรูซ์ เป็นเพราะอนิสตันได้รับความสนใจมากเกินไป ถึงแม้สาวน้อยจะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ แต่เธอกลับเก่งด้านการหาเพื่อนมาก ไม่เพียงแต่กับนักแสดงคนอื่นๆ แม้แต่ทีมงานละครก็ชอบเธอมากเช่นกัน และยิ่งพ่อของเธอเป็นผู้สร้างหนังอีก (Friends) คนในสตูดิโอทำตัวเหินห่างกับดรูซ์แต่กับอนิสตันคนนี้ที่เป็นศัตรูหัวใจกลับไม่มีอะไรน่าแปลก
เมื่อเปรียบเทียบกัน ถึงแม้ดรูฟ์จะเก่งด้านการเข้าสังคม แต่นิสัยกลับไม่ดีเท่าที่ควร เมื่อแสดงออกมาต่อหน้าเอริค ทั้งคุณวุฒิและนิสัยทั่วไปของสาวน้อยนั้นบกพร่องมาก ตอนนี้ยังมีเอริคค่อยหนุนหลังอยู่ ดูเหมือนว่าสาวน้อยจะไม่สามารถเก็บอาการได้อีก เมื่อตอนอยู่ในสตูดิโอ Dark War แสดงราวกับเจ้าหญิงองค์น้อย ระหว่างการถ่ายทำสิ่งที่เขากังวลการติดตั้งกล้องหกตัวที่ควบคุมให้ถ่ายไปทุกหนทุกแห่ง ก็มีเพียงแต่สาวน้อยนี้ที่สามารถทำได้ และยังไม่ถูกไล่ออกไป

แต่สำรับเอริคก็ไม่ได้กังวลใจที่ทำให้สาวน้อยสูญเสียการควบคุม เขารู้ว่าในใจดรูฟ์นั้นเข้าใจว่าตัวเองกำลังทำอะไร เมื่อครั้งยังเด็กเธออยากได้ความรักความเอ็นดูที่เธอควรจะได้ ทันทีเมื่อเธอได้รับสิ่งเหล่านี้ก็เกิดความโลภ และมันจะฉวยโอกาสเรียกร้องเพิ่ม ถึงแม้ยังไม่บรรลุนิติภาวะก็ยิ่งอยากได้มากขึ้น เพื่อชดเชยสิ่งที่ขาด

“ช่างเถอะ ฉันจะกลับไป” สาวน้อยดึงตัวเอริคขึ้น ในเมื่อเธอไม่ได้รับการต้อนรับจากที่นี่ เธอก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเอนเอียงไปกับสภาวะแบบนี้ “เอริค เมื่อคืนนายรับปากอะไรกับฉัน”

“เรื่องอะไร” อนิสตันที่ถือบทพูดเดินเข้ามาเมื่อได้ยินสิ่งที่ดรูฟ์พูดก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วมองไปทางเอริคอย่างคาดหวังกับคำตอบ

“บนโต๊ะในห้องหนังสือ เธอไปดูเองเถอะ ฉันเขียนมันไว้เยอะมาก เธอไปจัดการเองแล้วกัน”เอริคพูด

ดรูฟ์ยิ้มออกมา จูบเอริคเหลือไว้แต่รอยจูบสีแดง ก่อนตีก้นเล็กๆนั้นแล้วเดินจากไป

” ผู้หญิงใส่น้อยห่มน้อยเหมือนเด็กผู้หญิงข้างถนนในตอนกลางคืน” หญิงสาวพูดขึ้นหลังจากที่ดรูฟ์จากไป น้ำเสียงที่ดูเศร้า และร่างสูง1.6เมตรของหญิงสาวก็โผล่ออกมา ไม่เพียงแต่หุ่นที่สวยงดงามแล้ว อีกทั้งผิวขาวดุจน้ำนมของเธอยังเป็นที่อิจฉาของสาวหลายคน

ดรูฟ์เหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างจึงหันกลับมาหยุดอยู่ที่ประตูสตูดิโอ ทันที ๆ ในมือของเธอกางร่มกันแดดขนาดเล็ก พร้อมถือแว่นรูปหัวใจ พร้อมทั้งเขย่งปลายเท้ามามองอนิสตันแล้วทำหน้าตาตลกและแลบลิ้นสีชมพูใส่เธอ

เหตุการณ์แบบนี้ทำให้เป็นหญิงสาวยิ่งโกรธเคือง และก็ทำให้ทุกคนในกองถ่ายนิ่งอึ้งไป ผู้คนที่อยู่ในแวดวงภาพยนตร์เคยดูหนัง ( Lolita) กันอยู่มาก หญิงสาวสวมเสื้อเชิ้ตกางเกงขาสั้นร้องแรง เผยให้เห็นแขนขาวอมชมพูดกับขาที่ขาวใส บวกกับสียาทาเล็บสีดำที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้เธออย่างน่าหลงใหล ทุกการเคลื่อนไหว สไตล์หญิงสาวและซุกซนของสาวน้อยที่ทำให้ใจผู้ชายในที่นั้นเต้นแรงฮอร์โมนพลุกพล่านไปทั้งกอง

พอแล้ว ใบหน้ารูปไข่ของหญิงสาวกลุ้มใจ แล้วหันไปพูดกับเอริคว่า “นายแน่ใจใช่มั้ยว่าส่งเธอไปโรงเรียนคาทอลิก ไม่ใช่ที่อื่นใช่มั้ย”

เอริคยิ้มและคว้ามือเล็ก ๆ ของอนิสตัน: อืมเจน อย่าโกรธเลย ดรูฟ์เธอก็เป็นแบบนี้แหละ เธอก็ไม่ใช่พึ่งเจอสักหน่อย เออใช่สิ เธอมาหาฉันมีธุระอะไรเหรอ”

อนิสตันชี้ไปที่แก้มของ เอริค: นายต้องเช็ดลิปสติกบนใบหน้าของนายก่อนเถอะ

เอริครีบหากระดาษเช็ดใบหน้าของเขาด้วยความเก้อเขิน เพื่อให้หญิงสาววางใจ อนิสตันหารือเรื่องสคริปต์กับเอริคอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก เธอรู้สึกว่าเธอมีความคิดที่ดีกว่านี้

ในวันต่อมาการถ่ายทำ Friendก็ดำเนินไปอย่างเรียบร้อย ในระหว่างที่เอริคและบริษัทMiramaxของพี่น้องไวน์สไตน์กำลังรับประทานอาหารและพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการซื้อ แต่เป็นเพราะ พี่น้องไวน์สไตน์ที่เพิ่งแจ้งเกิดในหนังเรื่อง Sex, Lies and Videotapes ของสตีเวนโซเดอเบิร์ก และได้รับรางวัลที่ภาพยนตร์เมืองคานส์ Cannes Film Festival Golden Palm Awards ด้วยเหตุนี้ราคาขายจึงสูงตามที่เอริคได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว

พวกFireflyได้เริ่มเข้ามาติดต่อกับ โรเบิร์ด เชียร์ New Line Cinemaนี้ เอริคก็พยายามที่วางแนวคิดที่จะผนวกเข้ากับ บริษัทขายหนังMiramaxไว้ชั่วคราว เพราะเมื่อชีวิตที่แล้วของเอริค บริษัทขายหนังMiramaxมีความโดเด่นที่สุดในแวดวงภาพยนต์ ได้รับความดึงดูดจาก ดิสนีย์ นอกจากนี้ Sex, Lies and Videotapes ของสตีเวนโซเดอเบิร์ก ก็มีชื่อเสียงได้เพราะMiramax แต่ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศที่สุดกลับเป็นเรื่อง Reservoir Dogs และ Pulp Fiction ของ เควนซ์และยังมีผลงานอื่นๆ อีกทั้งคนรุ่นหลังที่เพิ่มขึ้นมากมายนั้น ยิ่งทำให้หนัง Pulp Fiction ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย ในเว็บไซต์ ของภาพยนต์อิสระ ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว Miramax ได้กลายเป็นบริษัทภาพยนต์ที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว

แต่ตอนนี้เควนซ์ ต้องพึ่งเอริค ตรงนี้แล้ว ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันแล้ว เอริคย่อมไม่ผลักเควนซ์ออกไปอีกแน่นอน

เมื่อตอนที่เคว็นซ์หายไป เควนซ์ ในอนาคตก็ยากที่บอกได้ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะยังใช้ชื่อโซเดอเบิร์ก อยู่ แต่โซเดอเบิร์กที่มีชื่อเสียงจากหนังเรื่อง Sex, Lies and Videotapes จนได้รับรางวัล Cannes Film Festival Golden Palm Awards ซึ่งตลอด10ปีไม่เคยรับรางวัลผลงานอะไรแบบนี้เลย ภายในโรงฉายเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เหมือนเริ่มต้นศตวรรษใหม่ก็ยิ่งระเบิดเป็นพลุแตก สถานการณ์เช่นนี้ Miramax ก็ยากที่จะกลับไปเป็นแบบเดิมๆเหมือนเมื่อก่อนอีก

เหตุผลดั้งเดิมของ เอริคที่ต้องการรับซื้อ Miramax สิ่งที่เห็นหลักๆเลยคือพี่น้องไวน์สไตน์ได้รับรางวัล ชีวิตครั้งที่แล้วพี่น้องไวน์สไตน์ ได้รับรางวังออสการ์ทองคำ ด้วยเหตุนี้เอริคถึงอยากได้ Miramax มาอยู่ภายใต้เขา ด้วยสายตาที่ชื่นชมอีกฝ่าย เอริคนั้นได้เปรียบกว่า เขากำลังสร้างหนังที่เคยดูมาเมื่อชีวิตครั้งก่อนในหัวของเขาแล้ว

ตอนนี้ยังไม่ใช้ Miramax ต้องอีกระยะหนึ่ง เอริคเองก็ไม่รีบ ชีวิตเดิมๆในอดีตได้เปลี่ยนไปแล้ว บางทีเพราะความสามารถของพี่น้องเวนสไตน์ยังอยู่ได้ในแวดวงภาพยนต์อย่างอิสระ แต่ถึงอยากให้เป็นเช่นชีวิตที่แล้ว เมื่อตอนที่มีเอริคอยู่นั้น ก็ไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว และการพัฒนาNew Line Cinema นั้นค่อยๆพัฒนาไปทีละขั้น ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะพัฒนาไปถึงสิบปี เอริคก็ยังมีโอกาสที่ยังควบคุมอีกฝ่าย แ ละได้รับรางวัลออสการ์ด้วยตัวพวกเขาเอง

I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี

I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี

Status: Ongoing

ผู้กำกับหนังได้กลับมาเกิดในปี 1988 ที่ฮอลลีวูดในฐานะเด็กชายชาวตะวันตกวัย 18 ปีที่ชื่อ เอริควิลเลียม จากนั้นเขาก็เริ่มเขียนบนทหนัง เพลงและรายการทีวีขึ้น แล้วกลายเป็นผู้กำกับที่เก่งในทุกด้านของวงการบันเทิง ชนะใจของดาราสาวทุกคนและเข้าสู่เส้นทางตำนานผู้กำกับแห่งฮอลลีวูด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท