I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี – ตอนที่ 179

ตอนที่ 179

ตอนที่ 179 เป็นไปไม่ได้

“วิกกี้ โรงแรม Sunset Tower ที่อยู่ตรงข้าม Andaz ใช่มั้ย ” ชายที่นั่งฝั่งคนขับผู้มีใบหน้าดูหยาบ ผิวขาว อายุราวๆ30ปีถามขึ้นขณะจ้องมองไปยังทางด้านหน้า

“ก็ใช่สิ บนถนนสาย Sunset Strip จะให้มีโรงแรม Sunset Tower สองแห่งหรือไง?” เวอร์จีเนียตอบกลับชายขับรถ หลังจากนั้นก็หยิบกระจกออกมาจากกระเป๋าแล้วส่องใบหน้าตัวเอง เพื่อเช็คความเรียบร้อย หลังจากนั้นก็หยิบลิปสติกขึ้นมาทาปากอย่างระมัดระวัง กิริยาท่าทางอย่างนี้ทำให้ชายคนขับรถไม่พอใจเล็กน้อย “วิกกี้ ฉันไม่เข้าใจเธอเลยจริงๆ ว่าทำไมเธอต้องเอาตัวเองไปเกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มคนนั้น พวกเธอสองคนอายุห่างกันตั้งสิบปี”

“ฉันบอกแล้วว่า เรื่องส่วนตัวของฉันนายไม่ต้องมายุ่ง” เวอร์จีเนียตอบกลับออกมาโดยไม่คิด พอรู้สึกตัวจึงรู้สึกผิดว่าไม่สมควรพูดกับพี่ชายตัวเองแบบนี้ หล่อนจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “ไมค์ ฉันอยู่กับเอริคฉันมีความสุขมาก ถึงแม้ว่าเขาอายุยังน้อย แต่เขาดูแลเอาใจใส่ฉันเสมอ”

ไม่เคิล แมดเซน ยังขมวดคิ้วอยู่ “หนุ่มคนนั้นไม่ได้บอกว่าจะทำตามสัญญากับเธอไม่ใช่เหรอ? เขาจะไม่แต่งงานกับเธอ

เมื่อเวอร์จีเนียได้ยินคำพูดนั้นดวงตาของหล่อนก็เศร้าลงเล็กน้อย หล่อนกล่าวด้วยเสียงเบาว่า : ฉันก็ไม่ได้คาดหวังให้เขาแต่งงานกับฉันหรอก

“แต่เธออายุยี่สิบแปดปีแล้ว ฉันหวังว่าเธอจะได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆสักคนที่เชื่อถือได้ เพียงแต่ไม่ใช่ตอนนี้ที่จะทำให้เด็กหนุ่มนั้นหันมาชอบเธอ” ไมเคิลกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย พูดถึงตรงนี้แล้วชายที่นั่งฝั่งคนขับก็ทนไม่ไหวหักพวงมาลัยไปข้างทาง แล้วหันหน้ามาคุยกับน้องสาวตัวเอง “ฉันหวังว่าพวกเธอทั้งสองจะมีความสุข วิกกี้”

“แต่งงานแล้วจะมีความสุขจริงๆเหรอ” เวอร์จีเนียกล่าวพร้อมกับเก็บลิปสติกและกระจกใส่กระเป๋า “พ่อแม่ของพวกเราก็ไม่เห็นจะมีความสุขสักนิด แม้แต่ตัวนายเองก็ยังหย่าไปแล้วครั้งหนึ่ง “

ไมเคิล แมดเซน ยังคงกล่าวต่อ “ด้วยเหตุนี้ไงฉันถึงหวังให้เธอได้พบผู้ชายดีๆสักคน ในโลกนี้ยังมีผู้ชายดีๆอีกมากแค่ยังหาไม่เจอ เรายังมีเวลาก็ลองหาใหม่ได้ ดูฉันสิถึงแม้ว่าฉันจะหย่าไปแล้วก็ตาม แต่ตอนที่ฉันอยู่กับชิน่าฉันมีความสุขมาก ถ้าเรายังอยู่ด้วยกันป่านนี้เธออาจจะมีหลานชายไม่ก็หลานสาวแล้วแหละ”

“โอเคๆ รู้แล้วๆ ไมเคิลวันนี้เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีกได้มั้ย?” เวอร์จีเนียเริ่มเบียงเบนประเด็นออกจากเรื่องหญิงสาวที่ถูกบังคับแต่งงาน เพราะพ่อแม่ของหล่อนนั้นหย่าร้างกัน แม่ของหล่อนก็เอาแต่ทำงาน มีเพียงพี่ชายที่มีอายุมากกว่าหล่อนสี่ปีเท่านั้นเป็นผู้เลี้ยงดูหล่อนมาจนโตทุกวันนี้ เพราะเหตุนี้หล่อนจึงไม่คิดจะสนใจพ่อแม่ของตัวเองเลยแม้แต่น้อย สนใจก็แต่พี่ชายของตัวเอง เท่านั้น

“โอเค ถ้าเธอไม่ชอบ ฉันก็จะไม่พูด” ไมเคิล แมดเซน ทอดสายตาไปยังถนนด้วยความเบื่อหน่าย และจนปัญญา

เมื่อไมเคิลหยุดพูดประเด็นนี้ทำให้เวอร์จีเนียหายใจได้คล่องขึ้น พวกเขาสองคนเงียบกันพักใหญ่ เวอร์จีเนียทอดมองออกไปนอกหน้าตารถ อีกไม่นานก็ถึงโรงแรม Sunset Tower แล้ว เวอร์จีเนียก็กล่าวขึ้น “ฉันรู้ว่านายไม่ชอบเอริค แต่รออีกสักหน่อยอย่างพึ่งเสียมารยาทได้มั้ย ฉันหวังว่าเขาจะให้บทตัวละครกับนายตามที่เขาได้พูดไว้”

ไมเคิลจึงกล่าวกลับว่า “แน่นอน ว่าฉันจะไม่เสียมารยาท แต่จำไว้ว่าครั้งนี้ที่ทำเพราะฉันอยากดูหนังของเธอเท่านั้น อย่าหวังว่าฉันจะดีกับเขาเพราะบทนี้”

เวอร์จีเนียก็หมดปัญญา หล่อนเข้าใจนิสัยพี่ชายคนนี้ดี ถ้าพูดให้ดีก็คือเขาไม่ได้สนใจชื่อเสียงเงินทอง แต่ก็ไม่ได้บอกว่าไม่หวังที่จะก้าวหน้า สิ่งที่ทำให้พี่ชายคนนี้มาเป็นนักแสดงมันมากกว่าชื่อเสียง ตอนนี้เขาก็ยังเป็นเช่นนั้น

เมื่อทั้งสองคนใกล้ถึงโรงแรม Sunset Tower เวอร์จีเนียก็เห็นปาปารัสซี่จำนวนไม่น้อยยืนออกันอยู่ด้านนอกของโรงแรม หล่อนรีบหยิบแว่นตาดำขึ้นมาใส่ทันที แต่ถึงแม้ว่าจะทำอย่างนี้แล้วก็ไม่สามารถหยุดสัญชาตญาณของปาปารัสซี่ได้ กลุ่มคนในนั้นเห็นเงาของหล่อนก็รีบวิ่งมาห้อมล้อมกระจกรถของหล่อนทันที

เมื่อเห็นว่าชีวิตของน้องสาวตัวเองไม่ค่อยเป็นข่าว ไมเคิลก็ชะลอความเร็วลง กลุ่มปาปารัสซี่เห็นต่างก็ดีใจ ทยอยกันมาห้อมล้อมรถของเวอร์จีเนียพร้อมทั้งทุบกระจกรถตะโกนเรียกชื่อหล่อน

ไมเคิลก็ปล่อยให้เหล่าปาปารัสซี่ตะโกนเรียกกันจนเสียงแหบเสียงแห้งแต่ก็ไม่ได้ตอบใดออกจากพวกเขาเลย ไมเคิลขับรถไปจอดยังลานจอดรถ แล้วทั้งสองพี่น้องก็ขึ้นลิฟต์ไป

“อีกคนแล้วเหรอ เมื่อครู่จูเลียร์ โรเบิร์ตก็มาแล้ว ก็ไม่ได้ข่าวอะไรเลย ไม่รู้ว่าพวก Fierfly จะทำอะไรกันแน่” หนึ่งในกลุ่มปาปารัสซี่ที่ถูกหน่วยรักษาความปลอดภัยกันออกมา หลังจากนั้นพวกเขาก็รอด้านนอกต่อด้วยความผิดหวัง พวกเขาหวังเพียงแค่แขกคนต่อไปที่มานี้จะทำให้เขาได้ข่าวอะไรไปบ้าง

“คุณเพิ่งมาถึงยังไม่ถึงสิบนาทีเลย จอร์ด ในครึ่งชั่วโมงก่อนหน้าบรรดาหนุ่มฮอร์ลีวูดต่างก็เข้ากันไปก่อนแล้ว”

อื้อ เคน ใครมากันแล้วบ้าง? ปาปารัสซี่ จอร์ด ถามขึ้น

เคนเอนตัวมาข้างหูของ จอร์ด แล้วกระซิบว่า “CEO ของ Disney ชื่อ Michael Eisner อีกท่านเป็นรองผู้อำนวยการจัดจำหน่ายของวอร์เนอร์บราเธอส์ นอกจากนี้ยังมีรองผู้อำนวยการของพาราเมาต์พิกเจอส์ อย่าง เนเทอร์ ทาร์ล ถัดไป เป็นรองผู้อำนวยการโคลัมเบีย เอมี่ ปาร์ก บริษัทภาพยนตร์ยักษใหญ่ทั้งเจ็ดแห่งมาแล้วสี่แห่ง อีกสามแห่งก็ต้องส่งคนมาอย่างแน่นอน”

จอร์ด คิดตามคำอธิบายของเคน แล้วต้องถอนหายใจออกมา “เป็นไปไม่ได้ ฮออร์ลีวูดเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เคนส่ายหัว “เรื่องนี้ยังไม่ชัดเจน แต่ที่แน่ๆต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับ Fierfly ฉันได้ยินคนวงในโรงแรมเข้าพูดกันว่า คืนนี้จะมีจัดปาร์ตี้ด้วย “

“คืนนี้?” จอร์ดมองดูนาฬิกา “ตอนนี้เพิ่งจะบ่าย 13.35 ไม่ใช่ละคุณมั่วแล้ว ถ้ามีปาร์ตี้จริงๆแล้วพวกฮอร์ลีวูดจะรีบร้อนมาอะไรกันตอนนี้?”

“ข่าวนี้ไม่ผิดแน่ เพราะพ่อครัวแม่ครัวก็กำลังเตรียมอาหารสำหรับงานปาร์ตี้คืนนี้อยู่”

จอร์ด ถามขึ้น “แล้วคุณคิดว่าเรื่องอะไรละ”

“บางที… เอาละ เรื่องนี้มันผิดปกติเกินไปฉันเองก็คิดไม่ออก แต่ช่วงนี้ก็ไม่มีข่าวที่ว่ าFirefly จะทำการรับซื้อบริษัท New Line Cinema แต่อย่างใด ฉันไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกันอย่างไร New Line Cinema นี้ก็ต้องเป็นของบริษัทสองอันดับต้นๆอยู่แล้ว ถ้า Firefly อยากร่วมมือด้วยเอริค วิลเลียมก็ต้องขายหนังและสิทธิจัดจำหน่ายให้กับพวกเขา ไม่แน่อีกไม่กี่ปีข้างหน้าอาจจะมีบริษัทยักษ์ใหญ่เพิ่มขึ้นอีกในฮอร์ลีวูดก็เป็นได้ “

จอร์ด เดาว่า “คุณอย่าบอกนะว่าการรวมตัวครั้งนนี้ Firefly เป็นผู้เริ่มขึ้น เป็นไปได้มั้ยหนังอีกสองสามเรื่องของ Firefly จะเลือกบริษัทหนึ่งในเจ็ดนี้เป็นผู้จัดจำหน่าย ระดับผู้อำนวยการถึงต้องมาด้วยตนเอง ? “

หลังจากกล่าวจบ เคนและเหล่าพวกปาปารัสซี่ที่ได้ยินก็พากันหัวเราะ หนึ่งในปาปารัสซี่จึงกล่าวขึ้น “จะเป็นไปได้อย่างไร ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะมาขอร้อง Firefly ให้ร่วมมือด้วยก็เป็นได้ ถ้าเอริค วิลเลียมเป็นผู้กำกับหนังเอง บางทีบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งเจ็ดก็อาจจะมาหาด้วยตัวเองเพื่อพิสูจน์ศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่”

จอร์ด เองก็รู้สึกว่าตัวเองคาดเดานั้นไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด เขาเกาหัวและโต้แย้งกลับไปด้วยเสียงอันเบา “ไม่ใช่ว่าหนังเรื่อง The Others กับ เรื่อง Pretty Woman เอริค วิลเลียมเป็นผู้เขียนบทเองเหรอ”

ถึงอย่างไรก็ตามบทสนทนาของเขาก็ไม่ได้เป็นที่สนใจของเหล่าปาปารัสซี่นัก หนึ่งในกลุ่มปาปารัสซี่ก็ยังคงถกเถียงเรื่องการรวมตัวของบริษัทยักษ์ใหญ่พร้อมทั้งรอคอยการมาของคนอื่นต่อไป

บ่อยครั้งที่ดูเหมือนการคาดเดานั้นจะไร้สาระแต่มันมักจะเป็นความจริงเสมอ

ครั้งนนี้ มีเพียง Firefly ที่เป็นผู้จัดงานแถลงข่าวหนังทั้งสองเรื่อง The Others กับ Steel Magnolia ด้วยตนเอง

เมื่อเอริคได้ส่งคำเชิญออกไปเขาคิดว่าทางบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหกแห่งจะส่งผู้บริหารธรรมดาหนึ่งหรือสองคนมาเท่านั้น แต่เมื่อไม่นานมานี้เขาได้รับรู้ข่าวว่า Michael Eisner ของ Disneyไม่รู้คิดอย่างไรให้ผู้ช่วยติดต่อมายัง Firefly โดยตรงบอกว่าจะมาดูตัวอย่างของหนังด้วยตัวเอง แต่เดิมนั้นเอริคตั้งใจจะจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวหนังที่ ห้องประชุมขนาดเล็กที่บริษัท Firefly แต่เขาเปลี่ยนไปจัดที่ห้องประชุมหรูหราที่ Sunset Tower Hotel แทน ถึงอย่างไรแล้ว Michael Eisner ก็อยู่ที่นั้นอยู่แล้ว ถ้าไปจัดในห้องประชุมขนาดเล็กในบริษัทเกรงว่าจะเป็นไม่ให้เกียรติอีกฝ่าย

หลังจากนั้นบริษัทหนังใหญ่อื่นๆอีกหลายแห่งได้ยินข่าวที่ Michael Eisner จะไปร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวหนัง พวกเขาต่างวางแผนที่จะส่งผู้บริหารคนสำคัญมาร่วมงานครั้งนี้ด้วย

ถึงอย่างไรในบรรดาทั้งเจ็ดบริษัทมีเพียงหนึ่งบริษัทที่ CEO อย่าง Michael Eisner มาร่วมงานด้วยตัวเอง ส่วนที่อื่นเช่นโคลัมเบียก็ส่งผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการอย่าง เอมี่ ปาร์คาร์ มาร่วมงานครั้งนี้ด้วย เพราะเอมี่และเอริคต่างมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ส่วนบริษัทอื่นๆก็ส่งรองผู้อำนวยการ ไม่ก็ผู้บริหารระดับสูง แต่ถึงอย่างไรทุกคนที่รวมตัวกับที่นี้ต่างก็ทำตัวหรูหรากันทั้งนั้น เหล่าผู้อำนวยการไล่ลงไปถึงผู้บริหารของบริษัทหนังยักษ์ใหญ่ทั้งเจ็ดต่างมารวมตัวกันที่นี่ก็เพียงเพราะว่าอยากได้สิทธิในการจัดจำหน่ายหนังหนึ่งในสองเรื่องนี้ ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นเลยในรอบสิบปี

สองพี่น้องเวอร์จีเนียและไมเคิลขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นที่จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวหนัง เมื่อกำลังจะก้าวออกมาหล่อนก็เล่นผู้ช่วยของเอริค อลัน ฟิชแมนยืนรออยู่หน้าลิฟต์

“สวัสดี อลัน เอริคละ?” เวอร์จีเนียถามขึ้น

“คุณวิลเลียมกำลังยุ่งมากจึงออกมารับคุณไม่ได้ คุณแมดเซนเชิญมากับผม ผมจะพาพวกคุณไปพักที่ห้องรับรอง ” อลันกล่าวอย่างสุภาพ

เวอร์จีเนียพยักหน้าอย่างผิดหวัง ไมเคิลที่ไม่รู้สถานการณ์ตรงหน้า เขาจึงรู้สึกว่าเอริคนั้นเย็นชากับน้องสาวเขาเกินไปจึงรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที แต่ถึงแม้ว่าไมเคิลจะไม่พอใจมาก แต่เข้าก็ไม่แสดงมันออกมา อลันได้พาทั้งสองไปยังห้องรับรอง

หลังจากที่ก้าวเข้ามาในห้องเวอร์จีเนียก็เห็นคนจำนวนไม่น้อย ในบรรดาเหล่านั้นคือผู้กำกับหนัง Steel Magnolia อย่างเฮอร์เบิร์ต รอสส์ และ นักแสดงนำอย่าง จูเลีย โรเบิร์ต ,แซลลี ฟิลด์ และ เชอร์ลี่ย์แม็กเลน ส่วนเรื่อง The Others มีโจนาธานเดมม์เพียงคนเดียว ซึ่งดูจากสถานการณ์แล้วก็เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะนักแสดงทั้งสองคนของหนังเรื่องThe Others ไม่เหมาะสมที่เข้าร่วมงานแถลงข่าวในช่วงบ่าย อีกทั้งนักแสดงทั้งสองคนก็ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังมากขนาดนั้น และก็ไม่ได้เป็นนักแสดงนำ เพราะเหตุนี้จึงไม่มีสิทธิเข้าร่วมงานแถลงข่าวครั้งนี้ แต่หนังเรื่อง Steel Magnolia ไม่เหมือนกัน เพราะมีผู้กำกับอย่างเฮอร์เบิร์ต รอสส์ความสามารถของเขาไม่ต้องพูดถึง ในกลุ่มนักแสดงหนังเรื่องนี้นอกจากจะมีนักแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างจูเลีย โรเบิร์ตแล้ว นักแสดงอีกสองคนอย่างแซลลี ฟิลด์ และ เชอร์ลี่ย์แม็กเลนก็มีชื่อเสียงจนได้รับรางวัลออสก้าติดต่อกัน ซึ่งทั้งชื่อเสียงและประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งสองก็นับว่ามากกว่าจูเลีย โรเบิร์ต ถึงอย่างไรนักแสดงหญิงทั้งสามคนก็เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน

เมื่อเห็นเวอร์จีเนียเข้ามาในห้อง โจนาธานเดมม์ ก็เข้ามากล่าวทักทายเวอร์จีเนียอย่างสนิทสนม ทีมงานของเรื่อง Steel Magnolia ก็ยืนขึ้นและกล่าวทักทายหญิงสาวที่เดินเข้ามา

I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี

I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี

Status: Ongoing

ผู้กำกับหนังได้กลับมาเกิดในปี 1988 ที่ฮอลลีวูดในฐานะเด็กชายชาวตะวันตกวัย 18 ปีที่ชื่อ เอริควิลเลียม จากนั้นเขาก็เริ่มเขียนบนทหนัง เพลงและรายการทีวีขึ้น แล้วกลายเป็นผู้กำกับที่เก่งในทุกด้านของวงการบันเทิง ชนะใจของดาราสาวทุกคนและเข้าสู่เส้นทางตำนานผู้กำกับแห่งฮอลลีวูด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท