I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี – ตอนที่ 201

ตอนที่ 201

ตอนที่ 201 พรรณาให้เป็นจริงเข้าไว้

หลังจากอาหารมื้อค่ำ เดิมที่จอร์น แลนดิสอยากไปดื่มกาแฟและพูดคุยกับเอริคต่อ แต่พอเห็นหญิงสาวทั้ง 2 คนที่นั่งอยู่ข้างหลังของเอริคแล้ว ก็ทําให้จอร์น แลนดิสเข้าใจอีกฝ่ายได้ทันที เขาจึงตัดสินใจกลับก่อน แต่ก่อนที่จะเดินออกไปเขาก็หันมามองเอริคอีกครั้งแล้วทําท่าทางยกมือเชียร์ให้อีกฝ่าย เพื่อบอกเป็นนัยนๆว่าให้เขาลุยต่อไป เมื่อเอริคเห็นทําให้เขารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขารู้ว่าจอร์น แลนดิสนั้นเข้าใจเรื่องนี้ผิด แต่เขาไม่สามารถอธิบายเรื่องแบบนี้ให้จอร์นเข้าใจได้ มิฉะนั้นคงต้องพรรณาอีกยาวเป็นแน่

หลังจากที่จอร์นเดินจากไปแล้วเอริคจึงเรียกพนักงานมาเช็คบิล เมื่อเช็คบิลเสร็จแล้วเขาจึงหันไปมองจูเลียและเอลิซาเบธอีกครั้ง เขาอยากเดินตรงออกไปจากร้านเลยด้วยซ้ํา แต่เขาจะต้องเดินผ่านโต๊ะที่หญิงสาวทั้งสองนั่งอยู่ ความเป็นไปได้ที่หญิงสาวทั้งสองจะหันมาทักทายเขาแทบจะเท่ากับศูนย์เลย ขณะที่เอริคมองจูเลียอยู่ก็ทําให้เขานึกถึงเรื่องคืนนั้นที่หล่อนเมาจนไม่ได้สติแล้วพูดพรรณาออกมาโดยไม่รู้ตัว เอริคเองก็ไม่มีทางเลี่ยง เขาไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ตอนนี้ของจูเลีย กับเขาเป็นยังไง หล่อนรู้สึกยังไงกับเขากันแน่ หรือยังเป็นเพราะโรคสต็อกโฮล์มซินโดรม (อาการนี้เป็นอาการที่ตัวประกันหลงรักคนร้าย) หล่อนกําลังยอมแพ้กับโรคนี้อยู่?

แต่สิ่งหนึ่งที่เอริคแน่ใจมากคือหญิงสาวต้องการที่จะกําจัดความรู้สึกนี้ออกไป สําหรับเอริคเองเขาไม่ได้มีความรู้สึกว่าขาดผู้หญิงเลย ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงที่เขาชอบแล้วละก็เขาจะยอมทําทุกอย่าง เพื่อให้ได้หล่อนมาอยู่ข้างกายเขา แต่สําหรับจูเลียนั้นเขาไม่ได้ชอบหล่อนมากขนาดนั้น เพราะเหตุนี้เขาจึงไม่อยากดึงจูเลียเข้ามาพัวพันกับความไม่ชัดเจนของเขาอีก

พนักงานเดินนําเงินทอนและบิลค่าอาหารมาให้ เอริคเหลือทริปให้เล็กน้อยก่อนจะยืนขึ้น และ ตัดสินใจเดินตรงไปทาง

ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ งั้นก็ทักทายเลยละกัน

เมื่อเอริคเดินเข้ามา เอลิซาเบธก็เป็นคนแรกที่เห็นเขา หญิงสาวอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะยกกาแฟขึ้นมาดื่มอย่างเงียบๆ เพื่อปิดบังสีหน้าแปลกใจนั้นไว้ แม้แต่จูเลียเองก็ยังไม่สังเกตเห็นสีหน้าประหลาดใจของเอลิซาเบธเลยแม้แต่น้อย หล่อนยังคงกระซิบกระซาบกับเอลิซาเบธด้วยความตื่นเต้นอยู่

ถึงแม้ว่าจูเลียจะอายุมากกว่าหล่อน 3 ปีก็ตาม แต่หล่อนมักจะระมัดระวังตัวทุกครั้งที่จูเลียอยู่ใกล้ตัวหล่อน ด้วยความที่เอริคอยากรู้ว่าจูเลียกําลังพูดถึงอะไร เขาจึงทําท่าทางปิดปากไปทางเอลิซาเบธ แล้วเดินเข้าไปด้านหลังของหญิงสาวอย่างเงียบๆ

“…ผู้อํานวยการสร้างหนังคนนั้นบอกฉันว่า จูเลีย เราจะถ่ายทําในสตูดิโอทั้งหมดเลยนะ ฉากไหนที่ต้องถ่ายจากสถานที่จริงเราสามารถใช้ฉากในสตูดิโอทดแทนได้ ซึ่งเราสามารถถ่ายทําจนเสร็จได้อย่างสบายๆเลย แล้วถ้าบทไหนที่คุณไม่พอใจก็สามารถแก้ไขเองได้เลย ตอนที่ฉันได้ยินครั้งแรกฉันดีใจมากเลย เขาถึงกับเดินทางไปตามฉันถึงเมืองเล็กๆทางตอนใต้เพื่อแสดงความจริงใจเลยนะ แล้วยังจะเสนอราคาสูงถึง 5 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับฉันอีกด้วย ซึ่งไม่เคยมีใครให้ความสําคัญกับฉันมากขนาดนี้มาก่อน พวกเขาส่งบทให้ฉันดูทันที แต่เมื่อเห็นชื่อนางเอกแล้วฉันจึงปฏิเสธคุณเป็นเหมือนกับฉันไหมลิช พวกเขาตั้งชื่อนางเอกว่าวิเวียน โอ้พระเจ้า ฉันละไม่อยากจะเชื่อเลย พวกเขาตามกระแสมากเกินไป ฉันจึงแนะนําให้ผู้อํานวยการสร้างหนังคนนั้นเปลี่ยนชื่อนางเอก แต่อีกฝ่ายตอบกลับมาว่าไงรู้ไหม โครงเรื่องหนังสามารถเปลี่ยนได้แต่ชื่อนางเอกเปลี่ยนไม่ได้ แล้วยังบอกถึงข้อดีมากมายเกี่ยวกับชื่อนางเอกชื่อนี้อีก มันทําให้ฉันนึกได้ว่าเขาเคยพูดกับฉันเกี่ยวกับการตามกระแสเรื่องนี้แล้ว ฉัน…”

ขณะที่เอริคยืนฟังสิ่งที่จูเลียพูดบลาๆอยู่ข้างหลังทําให้เขาอดยิ้มบางๆออกมาไม่ได้ เอลิซาเบธที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับจูเลียมองไปทางหล่อนด้วยหางตาก่อนจะถามขึ้นทั้งๆที่รู้คําตอบอยู่ในใจแล้ว “พี่จูเลีย เขาในที่นี้หมายถึงใครเหรอ? ”

จูเลียพูดพลั้งพลูออกมาจนกระหายน้ํา หล่อนจึงยกแก้วน้ําผลไม้ขึ้นดื่มอีกใหญ่ก่อนจะพูดว่า “ไอหยา เธอก็รู้แล้วปะ ถึงแม้ว่าชายหนุ่มคนนั้นจะดูน่ารังเกียจมากก็ตาม แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาพูดออกมานั้นดูมีสมเหตุสมผลมาก”

“อื้อ…” เอลิซาเบธเงยหน้าชําเลืองมองเอริคที่ยืนล่วงกระเป๋ากางเกงอยู่ด้านหลังของจูเลีย “พูดอย่างนี้ แสดงว่าพี่กําจัดเรื่องร้ายๆของผู้ชายคนนั้นได้แล้วใช่ไหม? ”

“แน่นอนสิ” จูเลียยกมือขึ้นโบกไปมาอย่างไม่ลังเล แล้วพูดเสียงสูงกว่าปกติว่า “ฉันเอาเรื่องร้ายๆของคนน่ารังเกียจอย่างนั้นออกมาขยี้ๆๆแล้วโยนมันทิ้งลงในชักโครกไปหมดแล้ว”

เสียงลมดัง วืด วืด

ผ่านไปอึดใจเดียว เอลิซาเบธก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป หล่อนทุบโต๊ะอาหารก่อนจะหัวเราะออกมาอย่าบ้าคลั่ง

เมื่อลูกค้าคนอื่นๆในบริเวณนั้นได้ยินเสียงหัวเราะของเอลิซาเบธอย่างบ้าคลั่งแบบนั้นก็อดที่จะหันมามองไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือเอริคที่ยังคงยืนอยู่ข้างหลังของจูเลียก็หันมามองทางเอลิซาเบธเช่นกัน

เมื่อจูเลียเห็นท่าทางอย่างนั้นของหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามตัวเอง ถ้าจะให้หล่อนไม่รู้สึกถึงความผิดปกตินี้ก็คงจะดูปัญญาอ่อนเกินไป เอริคสังเกตเห็นเอวของจูเลียยืดตรงขึ้นแล้วทําท่าจะหันมาด้านหลังที่ที่เขายืนอยู่ แต่ดูเหมือนหล่อนจะหันมาไม่ได้ราวกับคอของหล่อนแข็งที่อจนไม่อาจหันไปทางไหนได้

“ได้ยินเธอพูดอย่างนี้ ฉันละเสียใจจริงๆ “ เอริคยักไหล่พร้อมยิ้มออกมาแล้วเดินไปนั่งตรงเก้าอี้ว่างด้านหน้าของโต๊ะซึ่งเป็นเก้าอี้ที่อยู่ระหว่างกึ่งกลางของหญิงสาวทั้งสองพอดี

เมื่อจูเลียได้ยินเสียงของเอริคหน้าของหล่อนก็หน้าถอนสีลงทันที จนเอริคเดินมานั่งลงข้างๆหล่อน จากที่หล่อนพูดน้ําไหลไฟดับเมื่อสักครู่ต้องหยุดลงทันที ความคิดมากมายเหล่านั้นที่หล่อนมีตอนแรกก็หยุดลงเช่นกัน ดวงตาโตๆคู่นั้นจ้องมองไปที่เอริคและค้างไว้หลายวินาที ก่อนที่หล่อนจะตัวงอพร้อมก้มหน้าและขดตัวเองอยู่บนเก้าอี้ทันทีเพื่อซ่อนความรู้สึกของตัวเองไว้ หล่อนพยายามอธิบายอย่างตะกุตะกะว่า “เอ…เอริค…ฉัน…ฉันไม่…เรื่องนั้น…ฉัน…”

เอริคเห็นท่าทางที่ค่อนข้างลําบากใจของหญิงสาว เขาหยอกล้อกับจูเลียเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น จนเขาได้ยินเสียงฮือฮือจากหญิงสาวที่นั่งขดตัวอยู่บนเก้าอี้ เขาจึงลุกขึ้นยืนทันทีก่อนจะพูดว่า “ฉัน…ไปก่อนนะ”

เมื่อเอริคพูดจบหญิงสาวก็รีบวิ่งออกไปจากร้านอาหารทันที

เอริคมองตามแผ่นหลังที่วิ่งออกจากร้านจนหายไปอย่างเงียบๆ แล้วคิดในใจว่าหล่อนคงกลัวเขามากจริงๆ ?

เอริคตีลงบนโต๊ะอาหารหน้าเอลิซาเบธอีกครั้งก่อนจะพูดว่า “เฮ้ ลิซหยุดหัวเราะได้แล้ว ระวังกล้ามค้างนะ”

เอลิซาเบธจึงเงยหน้าขึ้น ใบหน้าแดงกล่ำ ลักยิ้มบางๆยังคงปรากฏอยู่บนแก้มของหล่อน แล้วหล่อนก็มองไปยังที่นั่งตรงข้ามก่อนจะถามขึ้นว่า “เอ๊ะ พี่จูเลียละ? ”

เอริคเบะปาก ก่อนพูดว่า “ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าทําให้คนอื่นอับอายจนจูเลียวิ่งหนีออก ไปแบบนั้นอ่ะ”

เอลิซาเบธจ้องมองเอริคอย่างไม่ลดละแล้วพูดว่า “ทําไมมาโทษฉันอย่างนนี้ละ เป็นเพราะคุณนั้นแหละที่บอกไม่ให้ฉันส่งเสียงอ่ะ”

“ฉันแค่อยากรู้ว่าจูเลียจะพูดอะไร เป็นเพราะคุณไม่ใช่เหรอที่เป็นคนทําเสียเรื่องอ่ะ ? ”

เอลิซาเบธมองไปยังประตูทางออก แต่ก็หาจูเลียไม่เจอแม้แต่เงา หล่อนจึงพูดได้เพียงว่า “โอเค ฉันจะไปขอโทษหล่อนละกัน สุดท้ายแล้วคุณก็ยังมาโทษว่าเป็นความผิดฉัน แต่ไม่เคยโทษตัวเองเลย ฉันลงทุนพาพี่จูเลียหนีมาอีกซีกโลกหนึ่งแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่พี่จูเลียจะลืมเรื่องคุณได้ แล้วอยู่ๆคุณก็ดันมาโผล่ที่นี่อีกเนี่ยอ่ะนะ”

เมื่อได้ยินสิ่งที่เด็กสาวพ่นใส่จนเขาไม่สามารถพูดแทรกเพื่ออธิบายอะไรได้เลย

เอริคหมดปัญญา เขาจึงเปลี่ยนเรื่อง “คุณกําลังเรียนอยู่ไม่ใช่เหรอ นี่ก็เดือนกันยายนละ มหาวิทยาลัยก็น่าจะเปิดแล้วนะ ? “

“ฉันเรียนจบหลักสูตรแล้ว เหลือแค่เขียนวิทยานิพนธ์จบการศึกษาและการทําประโยชน์แก่สังคมเท่านั้น” เอลิซาเบธพูดอธิบาย แล้วก็พูดต่อว่า “ฉันเคยบอกแล้ว ว่าจะทําวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับหนังหลายเรื่องของคุณ จะเป็นอะไรไหมผู้กํากับใหญ่ ถ้าฉันจะให้คุณช่วยแสดงความคิดเห็นของเนื้อหาบางส่วน? ”

เอริคไม่ได้ตอบทันทีแต่กลับถามขึ้นว่า “หลายวันมานี้คุณก็น่าจะได้ข้อมูลบางส่วนจากจูเลียมาบ้างแล้ว”

เอลิซาเบธแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายทันใดก่อนจะพูดว่า “ฉันละอยากรู้จริงๆเลยว่าระหว่างพวกคุณสองคนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จนทําให้พี่จูเลียเป็นหนักมากจนเกินเยียวยาขนาดนี้ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะทําให้ฉันอยากกัดคุณให้จมเขี้ยวมากก็ตาม แต่เมื่อเจอเหตุการณ์นี้ก็ทําให้ได้รู้ว่าคําพูดดีๆ เหล่านั้นที่พี่จูเลียพูดออกมามันไม่ใช่ความจริงเลยแม้แต่น้อย ”

“ไม่แน่ฉันอาจจะเป็นอย่างนี้ก็ได้” เอริคพูดออกมาอย่างยิ้มๆ

“เป็นไปไม่ได้” เอลิซาเบธส่ายหน้าทันทีทันใด

เอริคจึงพูดด้วยความสงสัยขึ้นว่า “เฮ้ ลิช ตกลงแล้วคุณจะทําวิทยานิพนธ์เรื่องส่วนตัว ของฉันหรือเรื่องหนังของฉันกันแน่ละ”

“ทั้งหมดนั้นแหละ” เอลิซาเบธพูดออกมาอย่างไม่ปิดบัง “ฉันสนใจทุกเรื่องที่เกี่ยวกับคุณ”

“ฉันเคยเตือนคุณแล้วนะ…”

เอลิซาเบธไม่รอให้เอริคพูดจบหล่อนรับขัดจังหวะขึ้นทันทีเหมือนแมวน้อยที่ร้องออกมาเพราะโดนเหยียบหาง หล่อนถลึงตาใส่เอริคก็จะร้องตะโกนขึ้นว่า “เฮ้ นักเลงมากไป! ”

“โอเคโอเค” เอริคยกมือห้ามหล่อนอย่างจนปัญญา “ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นฉันขอตัว คุณต้องรีบพาจูเลียกลับลอสแองเจลิสโดยเร็วที่สุด คาร์พลูเครียดเรื่องจูเลียจนผมขาวหมดละ”

เอลิซาเบธถลึงตาใส่เอริคอีกครั้ง ก่อนจะพูดว่า “อย่าพูดจาเหลวไหล อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ ผู้จัดการนายหน้าคนนั้นของจูเลียหัวล้าน เครียดจนหัวขาวนี่คง…”

“ฉันแค่เปรียบเทียบ” เอริคยืนขึ้นอย่างไม่พอใจ “ถ้าคุณจําได้ก็ดี”

เมื่อหญิงสาวเห็นเอริคที่กําลังจะเดินออกไปหล่อนจึงรับดึงแขนเสื่อเขาไว้แล้วพูดว่า “เฮ่เฮ่เฮ่ จะรีบไปไหน นั่งคุยกันก่อนสิ นั่งคุยเรื่องหนังของคุณก่อนสิ”

เอริคมองดูมือที่จับแขนเสื้อของเขาไว้แน่นโดยไม่คํานึงถึงภาพลักษณ์ตัวเองของหญิงสาว เอริคนั่งลงก่อนพูดว่า “ลิชฉันจะสอนให้ สิ่งที่คุณต้องทําคือวิเคราะห์ผลลัพท์ที่จะเกิดขึ้นให้ได้ วิธีการนั้นง่ายมาก คุณแค่ต้องเขียนพรรณนาให้มันเกินจริงเข้าไว้ เขียนเหมือนหนังสือพิมพ์เหล่านั้นอ่ะ ตัวอย่างเช่นถ้าคุณอยากเขียนเกี่ยวกับหนังของฉัน คุณก็ต้องหาจุดเด่นของหนังแต่ละเรื่องให้เจอ แล้วเขียนพรรณนาให้เป็นจริงไปเลย รับรองว่าวิทยานิพนธ์ของคุณต้องได้ A แน่นอน”

เมื่อพูดจบ เอริคก็นึกถึงรายการ Jinbao ของจีนในชีวิตที่แล้วของเอริคขึ้นมาได้ เราไม่จําเป็นต้องบรรยายให้เหมือนอย่างผู้เชี่ยวชาญขนาดนั้น แค่ใช่ภาษาเขียนที่สละสลวยก็เพียงพอแล้ว เมื่อผู้อ่านอ่านแล้วสามารถทําให้พวกเขาแยกแยะเรื่องจริงกับเรื่องโกหกได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดูง่ายมาก ถ้าสิ่งที่เราเขียนเป็นเรื่องจริง ผู้เขียนจะเริ่มต้นด้วยคําพูดที่ดูเกินจริงไปเลย แล้วค่อยเติมแต่ง เนื้อหาลงไปเพื่อให้ภาษานั้นสละสลวยอ่านง่ายและเข้าใจง่าย แต่ถ้าเป็นเรื่องโกหกต่อให้เขียนดียังไงก็ยิ่งจะทําให้เรื่องที่เราอ่านถูกลดความน่าเชื่อถือลง และกลายเป็นจุดด้อยของเราไปเลย โดยสรุปไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหกก็ตามล้วนแล้วแต่เขียนเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับผู้อ่านเท่านั้นแหละ

เมื่อได้ฟังคําพูดแบบขอไปที่ของเอริคแล้วเลิซาเบธก็ถลึงตาใส่เอริคอย่างไม่พอใจ “เฮ้ คิดว่าฉันเป็นคนไม่รู้อะไรเลยอย่างนั้นเหรอ ? ”

เอริคแสดงสีหน้าไม่เชื่อออกมาให้เห็น จนทําให้หญิงสาวโกรธและตบโต๊ะอย่างแรง

“ฉัน…ขอเตือนคุณนะ ถ้าคุณไม่ช่วย ฉันจะพาพี่จูเลียหนีไปให้ไกลถึงทุ่งหญ้าในออสเตรเลียเลย ให้คุณหาพวกเราไม่เจอเลย คอยดู”

เมื่อได้ยินดังนั้นเอริคก็อดขาออกมาไม่ได้ “แล้วแต่คุณ ถ้าจูเลียยอมไปอ่ะนะ”

เอริคไม่อยากกวนใจเอลิซาเบธอีกแล้วเขายืนขึ้นแล้วเดินออกจากร้านอาหารไปทันที เอลิซาเบธรีบเรียกพนักงงานเก็บเงินแล้ววิ่งตามออกไปทันที

I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี

I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี

Status: Ongoing

ผู้กำกับหนังได้กลับมาเกิดในปี 1988 ที่ฮอลลีวูดในฐานะเด็กชายชาวตะวันตกวัย 18 ปีที่ชื่อ เอริควิลเลียม จากนั้นเขาก็เริ่มเขียนบนทหนัง เพลงและรายการทีวีขึ้น แล้วกลายเป็นผู้กำกับที่เก่งในทุกด้านของวงการบันเทิง ชนะใจของดาราสาวทุกคนและเข้าสู่เส้นทางตำนานผู้กำกับแห่งฮอลลีวูด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท