I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี – ตอนที่ 216

ตอนที่ 216

ตอนที่ 216 ความซุกซน

1 นาทีโดยทั่วไปแล้วมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ในเวลานี้สําหรับเมอร์ด๊อกมันกลับ เป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน

ในตอนนี้เมอร์ด๊อกอยากจะเห็นเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าของเขาสงบสติอารมณ์ลงเสียเหลือเกิน ทว่าตัวเลขที่ถูกนับถอยหลังจากปากของเอริคยังคงดังอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนว่าอารมณ์ของเขาจะไม่ได้ถูกเรียกให้กลับมาอย่างที่เมอร์ด็อกคิดไว้ก่อนหน้านี้

ทันใดนั้นเมอร์ดอกก็รีบคํานวณค่าความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เอริคบอกก่อนหน้านี้ไม่ผิดแม้แต่น้อยเพราะถ้าสถานี Fox พลาดโอกาสจากซีรี่ย์เรื่อง Friends พวกเขาก็อาจจะพลาดโอกาสที่ดีในอนาคตอีกด้วย ถ้า Fox ต้องสูญเสียซีรี่ย์เรื่อง Friends ไปจริงๆ แต่สถานีโทรทัศน์ Fox ยังสามารถที่จะพัฒนาอย่างเงียบๆต่อไปก็คงจะไม่เป็นไร แต่เมอร์ด๊อกรู้ดีว่าหลังจากที่ซีรี่ย์เรื่อง Friends ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี สถานีโทรทัศน์ทั้งสามช่องต่างก็ตระหนักถึงการคุกคามของ Fox ซึ่งนั่นทําให้พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้ซีรี่ย์เรื่อง Friends ช่วยผลักดัน Fox ให้พัฒนาต่อไปอย่างต่อเนื่องได้อย่างแน่นอน

ในอุตสาหกรรมสื่อที่ทํามาหลายสิบปี เมอร์ด๊อกเองก็ได้เห็นและคุ้นเคยกับการแข่งขันกันอย่างดุเดือดภายในแวดวงนี้ ในปีที่เขาเดินทางออกจากออสเตรเลียก่อนที่จะมุ่งหน้าไปที่อังกฤษเพื่อเริ่มต้นอาชีพของเขานั้นถือเป็นช่วงเวลาที่ยากลําบากที่สุด เพราะเขาต้องเจอกับการโจมตีและตอบโต้กับคู่แข่งของเขาอย่างต่อเนื่องนอกจากตัวเขาที่รับผลกระทบแล้วคนในครอบครัวของเขายังต้องถูกคุกคามจากสิ่งเหล่านั้นเช่นเดียวกัน ในเวลานั้นมีกลุ่มลักพาตัวเกิดขึ้นก่อนที่ลักพาตัวภรรยาของผู้จัดการของ News Crop ไปเพราะถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นภรรยาของเขา เมื่อรู้ว่าการลักพาตัวนั้นเกิดความผิดพลาดผู้หญิงที่โชคร้ายคนนั้นก็ถูกฆาตกรรมในทันที

จนถึงตอนนี้ที่เขาได้มาอเมริกาอีกครั้ง เมอร์ด๊อกก็เชื่อว่าการแข่งขันในอเมริกาเหนือก็คงจะไม่ได้น้อยไปกว่าอังกฤษเท่าไหร่นัก

ไม่ถึง 30 วินาที ภายในใจของเมอร์ด๊อกก็เกิดความคิดมากมายนับไม่ถ้วน

แต่เอริคที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาก็ยังคงจับจ้องไปที่นาฬิกาข้อมือของเขาต่อไปพร้อมกับนับถอยหลังอย่างต่อเนื่อง

“ 9…8..7…6…”

ไม่กี่วินาทีสุดท้าย เมอร์ด๊อกก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นก่อนจะกล่าวว่า ” เอาหล่ะๆ ไม่ต้องนับแล้ว เอาเป็นว่าฉันตกลง”

เมื่อเอริคได้ยินเช่นนั้นเขาก็หยุดนับถอยหลังในทันที และดูเหมือนว่าจํานวนตัวเลขท้ายๆนั้นจะถูกนับให้ช้าลงกว่าปกติโดยความตั้งใจของเขาเช่นกัน เมื่อได้ยินคําตอบรับแล้วเอริคก็เงยหน้า

แน่นอนว่าการกระทําของเขาก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความคึกคะนองเพราะในความเป็นจริงแล้วจิตใจของเขามีความเป็นผู้ใหญ่มากพอ แม้ว่าเมอร์ด็อกจะบีบบังคับเขามากกว่าการที่เขาข่มขู่จะเอาซีรี่ย์เรื่อง Friends ออกจากสัญญา แต่เขาเองก็ไม่สามารถทําเรื่องที่ก้าวร้าวกับคนอื่นได้ ที่เขากล้าเดิมพันเช่นนี้เพราะเขาคิดว่าโอกาสที่เมอร์ด๊อกจะตอบตกลงนั้นมีความเป็นไปได้มากกว่า 70% เพราะในเวลานี้เห็นได้ชัดว่า Fox มีความต้องการที่จะครอบครองสิทธิในการเผยแพร่ ซีรี่ย์เรื่องFriends เป็นอย่างมาก

ถึงแม้ว่าเขาจะกล้าเสี่ยงด้วยการเดิมพันเช่นนี้ แต่เขาเองก็ได้ทําการไตร่ตรองมาก่อนหน้านี้แล้วว่าหากเมอร์ดอกไม่ตอบตกลงผลลัพธ์หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร

จริงๆแล้วถึงแม้ว่าเขาจะนับถอยหลังจนจบแล้ว เมอร์ด๊อกก็คงจะหาทางออกให้กับตัวเองอย่างแน่นอนเพราะจริงๆแล้วเอริคเองก็ยังไม่สามารถที่จะตัดขาดกับสัญญาระหว่างเขาและสถานีโทรทัศน์ Fox ได้ในทันที เพราะหลังจากที่เกิดการประท้วงของ Fox ดูเหมือนว่าเอริคเองก็คงจะทําได้เพียงหันหน้าเข้าหากันเพื่อเจรจาต่อรองกันคนละครึ่งทางอยู่ดี

และหากเป็นเช่นนั้น FOX เองก็คงจะตระหนักถึงผลประกอบการของเขาอีกครั้งและดูเหมือนว่าเมื่อถึงเวลานั้นเอริคก็อาจจะไม่มีโอกาสที่จะได้รับหุ้น 10% ของ Fox อีก

แต่ถึงอย่างไรเงื่อนไขที่เอริคยื่นไปก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงการยื่นตัวเลขไปเพื่อเสี่ยงดวง เพราะ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังคิดว่าคงไม่มีโอกาสที่จะได้รับหุ้น 10 % ตามที่เขาเอ่ยปากขออย่างแน่นอน

ทว่าหลังจากที่เมอร์ด๊อกได้ยินว่าเอริคจะนําซีรี่ย์เรื่อง Friends ไปทําสัญญากับคนอื่น เขากลับนําเรื่องของผู้หญิงของเอริคออกมาเพื่อข่มขู่ในทันที ซึ่งนั่นทําให้เห็นว่าซีรี่ย์เรื่อง Friends มีความสําคัญต่อ Fox อย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นเมอร์ด๊อกเองก็ไม่ทันได้คิดว่าสิ่งที่เขาพูดออกมาข่มขู่จะกลายเป็นเปิดช่องว่างให้เอริคกลับมาจู่โจมเขาได้อีกครั้ง

เนื่องจากโอกาสของหุ้น 10% นั้นไม่ได้มีความแน่นอนเท่าไหร่นัก เอริคจึงใช้การเดิมพันเป็นการบีบบังคับให้ทุกอย่างเกิดข้อสรุปที่เร็วขึ้น

เมอร์ด๊อกเองก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยงเพราะเขากลัวว่าหากเอริคอารมณ์ร้อนจนเดินออกไป เขาอาจจะไม่ได้รับโอกาสจากเอริคอีกหากเป็นเช่นนั้นเอริคก็คงจะฉีกสัญญากับสถานีโทรทัศน์ Fox พร้อมกับนําซีรี่ย์เรื่อง Friends ไปให้กับสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นอย่างที่เขาพูดก่อนหน้านี้ และหากเป็นเช่นนั้นจริงๆถึงแม้ว่าเขาอยากจะเปลี่ยนใจก็คงจะสายเกินไปแล้ว

ดังนั้น เขาจึงเลือกที่จะเดิมพันกับการตัดสินใจครั้งนี้

แม้ว่าเมอร์ด๊อกจะตอบตกลงไปแล้ว แต่เอริคเองก็ยังไม่ได้แสดงอาการดีใจอะไรออกมาใบหน้าของเขายังคงนิ่งเรียบก่อนที่จะหยิบแก้วกาแฟตรงหน้าของเขาไปเติมกาแฟพร้อมกับดื่มมันอีกครั้ง ระหว่างที่รอให้เมอร์ด็อกเอ่ยปากพูดกับเขา

เมอร์ด๊อกจ้องมองไปที่เอริคที่ยังมีท่าทางที่ไม่แยแสอะไร เขาก็เข้าใจได้ในทันทีว่าเมื่อครู่เขาอาจจะถูกหลอกเข้าเสียแล้ว

เปลี่ยนใจ !

นี่เป็นความคิดแรกที่เกิดขึ้นในสมองของเมอร์ด็อก

ทว่าหากเมื่อครู่เอริคแกล้งที่จะทําเป็นโกรธเพื่อบีบบังคับเขา ในเวลานี้หากเขาเองเปลี่ยนใจขึ้นมา เอริคก็อาจจะหายไปจริงๆก็ได้

เมอร์ด๊อกอยู่ในวงการสื่อมากว่า 30 ปีแต่ในเวลานี้กลับต้องมาอยู่ในมือของเด็กอย่างเอริคซึ่งความรู้สึกในตอนนี้ทําให้เขารู้สึกรับไม่ได้อย่างมาก

ถึงแม้ว่าเมอร์ด๊อกจะไม่สามารถกู้หน้าของเขาไว้ได้ ทว่าในเวลานี้เขาจะต้องทําทุกอย่างอย่างเต็มที่เพื่อที่จะกู้คืนสิ่งที่เขาสูญเสียไป

” เอริค ฉันให้หุ้น 10% กับนายก็ได้ แต่ว่านายต้องรู้ด้วยนะว่าหากนายนําหนังเรื่องนี้ไปทําเงื่อนไขกับสถานีโทรทัศน์สามช่องนั้นฝ่ายตรงข้ามอาจจะไล่นายออกจากสํานักงาน ดังนั้นซีรี่ย์เรื่อง Friendsเพียงเรื่องเดียวคงยังไม่พอ นายยังต้อง…” เมอร์ด๊อกหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อว่า “ นายจําเป็นต้องให้ละครที่โดดเด่นของนายอีก 2 เรื่องกับ Fox และแน่นอนว่าฉันเองก็รู้ว่าจะให้เทียบเท่ากับซีรี่ย์เรื่อง Friends ก็คงจะเป็นเรื่องยาก ดังนั้นถ้าเรตติ้งเฉลี่ยของละครทั้งสองเรื่องนี้มีจํานวนคนดูเฉลี่ยถึง 15ล้าน ฉันตกลงที่จะโอนหุ้นให้กับนาย ”

เมื่อเอริคได้ยินเงื่อนไขของเมอร์ด๊อกแล้วเขาก็หัวเราะออกมา

หากเมอร์ด๊อกเสนอเงื่อนไขอื่นก็อาจจะยังเป็นเรื่องยากสําหรับเขา ทว่าหากเป็นละครอเมริกันที่โด่งดังแล้วหล่ะก็ 20 เรื่องเอริคก็สามารถทําให้ได้ ละครอเมริกันในอดีตมีเรตติ้งที่แย่มากแม้แต่คนทําคําบรรยายเองก็ยังขี้เกียจที่จะแปลมันออกมา ดังนั้นละครของอเมริกันจึงถูกเผยแพร่แต่ ภายในประเทศเท่านั้นซึ่งละครส่วนใหญ่ก็จะเป็นละครที่มีคุณภาพสูง

ถึงแม้ว่าเงื่อนไขของเมอร์ด๊อกจะฟังดูดีแต่ว่าเอริคก็ยังรับรู้ได้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจากข้อเสนอของเมอร์ด๊อกอยู่ดี เพราะการที่เมอร์ด๊อกกล่าวออกมาเช่นนั้นเป็นการแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาจะโอนหุ้นให้เอริคหลังจากที่ละครทั้งสองเรื่องสามารถสร้างเรตติ้งให้ถึงที่เขาบอกเสียก่อน

เรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้อย่างไร หากเอริคนําละครทั้งสามเรื่องให้กับ Fox แล้วรอจน กว่าผลลัพธ์จะออกมาถึงเวลานั้นเมอร์ด๊อกก็คงจะไม่โอนหุ้นให้กับเขาอย่างแน่นอน เพราะเมื่อหนังทั้งสามเรื่องถูกฉายออกไปแล้ว Fox ก็จะมีเรตติ้งสูงขึ้นรวมไปถึงจํานวนผู้ชมที่เพียงพอและหลังจากนั้น Fox ก็คงจะเขียเอริคออกไปโดยที่เอริคก็จะไม่ได้รับอะไรเลย

” คุณเมอร์ด๊อกผมสามารถเพิ่มรายการให้กับ Fox ได้ อีกทั้งการที่จะมีจํานวนคนดูเกินกว่า 15 ล้านคนก็ไม่ใช่ปัญหาสําหรับผมเพราะผมก็มีไอเดียที่ไม่เลวอยู่พอดี แต่… จะบอกอะไรให้นะ…. ผมไม่ชอบเล่นเกมใบ้คําเท่าไหร่ นี่ก็วันที่ 8 แล้ว วันที่ 10 คือวันที่ซีรี่ย์เรื่อง Friends จะถูกฉายอีกครั้ง หากก่อนถึงช่วงกลางคืนของวันมะรืน ทาง Fox ยังไม่โอนหุ้นให้กับผมตามที่ว่าไว้ ผมขอไม่รับประกันนะ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ” เอริคพูดจบก็ทําท่าราวกับว่าจะลุกขึ้น

หากเอริคพูดประโยคสุดท้ายเพียงไม่กี่คํา บางทีเมอร์ด๊อกอาจจะยอมให้เอริคเดินออกไปแต่โดยดี ทว่าทันทีที่เมอร์ดอกได้ยินคําว่า “ผมก็มีไอเดียที่ไม่เลวอยู่พอดี” เมอร์ด๊อกก็เกิดอาการตาลุกวาวขึ้นมา ที่เขาเสนอเงื่อนไขเกี่ยวกับเรตติ้งของละครที่จะต้องถึง 15 ล้านคนนั้นจึงๆแล้วเขาก็พูดไปเพียงเพื่ออยากจะทําลายสัญญาก่อนหน้านี้ที่เขาได้พูดไว้ เพราะยอดเฉลี่ยของคนดูละครอเมริกันนั้นมีมากกว่า 15ล้านคน เมื่อรวมเข้ากับอเมริกาเหนือแล้ว และในทุกๆปีก็ไม่สามารถที่จะมีละครไม่เกิน 10 เรื่องได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วละครที่ถูกฉายก็จะเป็นภาคต่อของละครยอดฮิต และการที่ละครอเมริกันเรื่องใหม่จะสามารถทําคะแนนเช่นนั้นได้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ซึ่งนั่นทําให้ซีซั่นแรกของ Friends ที่ถูกเผยแพร่ออกไปสร้างความฮือฮาจนทําให้มีจํานวนคนดูมากกว่า 30 ล้านคน

ดังนั้นเมื่อเห็นว่าเอริคทําท่าจะลุกขึ้น เมอร์ด๊อกก็รีบโบกมือเพื่อหยุดฝ่ายตรงข้ามอย่างรีบร้อน ” เดี๋ยวก่อนเอริค ฉันจะไปเล่นเกมกับนายได้ยังไงกันยังไงนายก็เชื่อใจฉันได้ว่าถ้าฉันตกลงกับเงื่อนไขของนายแล้วฉันไม่มีทางที่จะคืนคําพูดของตัวเอง ฉันว่าเรามานั่งคุยกันดีๆก่อนดีกว่านะ ไหนลองว่าไอเดียของนายมาสิ ? ”

เชื่อก็บ้าแล้ว!

ได้ยินเช่นนั้นเอริคก็เผลอหลุดสบถออกมาในใจ จริงๆแล้วเอริคไม่อยากที่จะพูดคุยกับเขาต่อไปแล้วการที่เขาต้องมานั่งคุยกับสุนัขจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์อย่างเมอร์ดอกสร้างความเจ็บปวดให้กับเขาเสียเหลือเกิน เพราะหากเขาไม่ระมัดระวังและคิดให้รอบคอบเขาอาจจะต้องตกลงไปในหลุมพรางของฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าเมื่อได้ยินคําถามของเมอร์ด๊อก เอริคก็ยอมที่จะนั่งลงอีกครั้ง

” คืออย่างงี้นะ คุณเมอร์ด๊อกละครสองเรื่องที่ว่านั่นผมสามารถนํามันมาให้ได้ แต่ถ้าอยากจะเพิ่มอิทธิพลทางสถานีโทรทัศน์ผมคิดว่าใช้แค่ละครคงยังไม่พอ ผมคิดว่าจะให้ละครที่ไม่เหมือนกับซีรี่ย์เรื่อง Friends หนึ่งเรื่องและเพิ่มรายการวาไรตี้ให้กับ Fox อีกรายการหนึ่ง ผมมั่นใจว่าหากสามารถสร้างรายการวาไรตี้นี้ให้ออกมาให้ดี คะแนนเรตติ้งของจํานวนผู้ชมจะต้องเกิน 20 ล้านคนได้อย่างแน่นอน “

เมอร์ด๊อกตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินก่อนจะถามว่า ” เอริค นายลองพูดเกี่ยวกับแนวคิดคร่าวๆของรายการวาไรตี้ที่นายพูดถึงหน่อยได้ไหม ? “

เอริคยิ้มออกมาพร้อมกับส่ายหน้า “ คุณเมอร์ด๊อกผมเพิ่งพูดไปนะ ว่าผมหวังว่าก่อนค่ํา ของวันที่ 10 ผมจะได้รับการโอนหุ้นจาก Fox ตามที่ตกลงไว้ เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อเรื่องหุ้นนั้นยังไม่ได้ถูกจัดการให้เรียบร้อย เรื่องอื่นๆในเวลานี้คงยังไม่จําเป็นที่จะต้องพูดถึง ”

” แต่ถ้านายไม่เกริ่นอะไรออกมาให้ฉันฟังเลย ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าสิ่งที่นายพูดเป็นเรื่องจริง ? ” เมอร์ด๊อกแย้งถามขึ้น

เอริคใช้มือลูบริมฝีปากของเขาเบาๆด้วยท่าทางที่หงุดหงิดก่อนจะพูดเตือนขึ้นมาว่า “ คุณเมอร์ด๊อกอย่าลืมสิ ว่าคุณตอบตกลงที่จะโอนหุ้นของสถานีโทรทัศน์ Fox ให้ผมแล้ว ซึ่งเงื่อนไขทั้งหมดก็เพื่อซีรี่ย์เรื่อง Friends และมันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับรายการอื่นๆที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ดังนั้นผมว่าคุณทําตามที่ผมบอกดีกว่านะครับ “

” เอาแบบนี้แล้วกัน ฉันจะโอนหุ้นให้กับนายก่อนก็ได้ แต่ถ้าในระยะเวลาหนึ่งปีนี้รายการใหม่สองรายการนั้นของนายไม่สามารถทําเป้ายอดคนดูเฉลี่ยได้เกินกว่า 15 ล้านคน นายจะต้องคืนหุ้นให้ฉัน 5 % ตกลงไหมหล่ะ ?”

เอริคยิ้มออกมาก่อนจะกล่าวว่า ” คุณเมอร์ด็อกการให้คะแนนปลอมๆของสถานีโทรทัศน์หนะง่ายกว่าการโกงในบ็อกออฟฟิศถึง 100 เท่าเลยนะครับ ถึงเวลานั้นถ้าคุณเล่นตุกติกที่จะให้ค่าเฉลี่ยน้อยลงมาจากความเป็นจริงคุณก็สามารถทําได้ คุณคิดว่าผมจะยอมตกลงตามที่คุณว่าจริงๆหรอ ? ”

I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี

I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี

Status: Ongoing

ผู้กำกับหนังได้กลับมาเกิดในปี 1988 ที่ฮอลลีวูดในฐานะเด็กชายชาวตะวันตกวัย 18 ปีที่ชื่อ เอริควิลเลียม จากนั้นเขาก็เริ่มเขียนบนทหนัง เพลงและรายการทีวีขึ้น แล้วกลายเป็นผู้กำกับที่เก่งในทุกด้านของวงการบันเทิง ชนะใจของดาราสาวทุกคนและเข้าสู่เส้นทางตำนานผู้กำกับแห่งฮอลลีวูด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท