TXV – 257 คนตายไปแล้ว ?
ที่บ้านของเซี่ยเหล่ย
“คุณจะบอกว่าคนที่พยายามจะลักพาตัวเซี่ยเสวียและพยายามจะฆ่าลู่เชิงนั้นชื่อว่าแดลนี่งั้นเหรอ?” หลงบิงมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยความสงสัย จากนั้นก็พูดขึ้นต่อว่า “คุณรู้ได้ยังไง?”
เซี่ยเหล่ยตอบไปว่า “ก่อนหน้านี้ที่แผนกต้อนรับของโรงแรมผมได้ขโมยโทรศัพท์ของกู๋เค่อหวู่มา จากนั้นผมก็ลองโทรไปหาคนที่ชื่อแดลนี่เพื่อจะระบุตัวตนของเขา”
เมื่อเซี่ยเหล่ยพูดจบ หลงบิงก็ได้เดินไปหาเค่อเจียที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับคนๆนี้มา ฉันต้องการรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขาให้มากที่สุด”
เค่อเจียพยักหน้า จากนั้นก็เดินออกไป
“คนๆนี้ไม่ใช่คนธรรมดาเลย เขาสามารถหนีการจับกุมของพวกเราได้ภายในห้านาที เขาเป็นคนอันตรายอย่างมากดังนั้นฉันต้องฆ่าเขาเท่านั้น ! “หลงบิงพูด
เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นว่า “ถ้าคุณให้ปืนไรเฟิลกับผม บางทีผมอาจจะสามารถใช้ปืนไรเฟิลฆ่าเขาได้ เมื่อไหร่ผมจะได้ปืนของผมล่ะ? “
“ตราบเท่าที่คุณยังร่วมมือกับหน่วยงานลับ 101 คุณจะสามารถใช้ปืนชนิดไหนก็ได้เท่าที่คุณต้องการ” หลงบิงพูดขึ้น
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างเก้ๆกังๆ…..
“อ้อใช่…คุณพบมือปืนคนนั้นได้ยังไงว่าเขาอยู่ตรงนั้นเอ่อที่ชื่อแดลนี่หน่ะ?” หลงบิงถามขึ้นพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า “สัญชาตญาณของผมบอกและ…… ดวงตาของผมที่มีความสามารถพิเศษแม้ว่าจะอยู่ห่างไกลมากๆหรืออยู่ในความมืดก็สามารถมองเห็นได้ “
เซี่ยเหล่ยคิดว่าควรจะบอกความจริงกับเธอไปเพราะหลงบิงเองก็ไม่ได้เป็นคนโง่ คงอีกไม่นานนักเธอก็จะรู้เรื่องความสามารถตาของเขาว่าอะไรได้บ้าง ในสถานการณ์เช่นนี้แทนที่จะหาเหตุผลอื่นๆเพื่อกลบเกลื่อน สู้บอกความจริงเป็นเลยจะดีกว่า
“แล้วไกลมากที่สุดแค่ไหน?” หลงบิงถาม
เซี่ยเหล่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดขึ้นว่า “ก็หลายร้อยเมตร…. “
หลงบิงเงียบอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “คุณมีความสามารถในการประมวลผลส่วนประกอบความแม่นยำสูงได้ดีเยี่ยม บางทีคุณควรจะทดสอบในด้านอื่นๆเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน “
เซี่ยเหล่ยยักไหล่แล้วก็พูดขึ้นว่า “ผมไม่ต้องการเป็นหนูทดลองดังนั้นเราอย่ามาคุยเรื่องนี้กันอีกเลย “
เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงความสงสัยของผู้อื่นได้ แต่เขาสามารถหลีกเลี่ยงความเข้าใจของผู้อื่นถึงความสามารถทั้งหมดที่เขามีได้และมันก็เป็นเรื่องที่ง่ายมากเพราะตราบใดที่เขาไม่ต้องการให้ใครรู้ ก็ไม่มีใครสามารถที่จะบังคับให้เขาบอกความจริงได้ได้ ตัวอย่างเช่น หากว่าเซี่ยเหล่ยสามมารถมองเห็นได้ในระยะไกลที่4กิโลเมตรแต่หากหลงบิงถามก็บอกไปว่าได้ระยะทางแค่50เมตร แค่นี้หลงบิงก็ไม่สามารถที่จะตรวจสอบได้ว่าเซี่ยเหล่ยโกหกหรือพูดความจริงได้เลย
“อ่อ…เรื่องที่ฉันพูดกับผู้บริหารฉือนั้น เขาได้นำเรื่องนี้ไปคุยในที่ประชุมของผู้บริหารระดับสูงพวกเขาบอกว่าสามารถให้เงินได้ 500 ล้าน เขาไม่ได้ต้องการตัวคุณ แต่เขาต้องการหุ้นจำนวน 50%” หลงบิงพูดขึ้นเธอเปลี่ยนหัวข้อมาในเรื่องธุรกิจอย่างรวดเร็ว
“แล้วเรื่องที่ดินหล่ะ?” เซี่ยเหล่ยถาม
“อ่อ…นอกจากนี้ยังสามารถใช้พื้นที่ 100 เอเคอร์แถบชานเมืองได้แต่ถ้าคุณไม่มีเงินพวกเขาต้องการหุ้นเพิ่มอีก 20% ซึ่งก็คือ 70% ของหุ้นทั้งหมด” หลงบิงพูด
เซี่ยเหล่ยหัวเราะจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “พวกเขาต้องการหุ้น 70% แน่นอนว่าถ้าข้อเป็นไปตามข้อตกลงนี้ พวกเขาจะส่งคนมาดูแลและบริหารอย่างแน่นอนนั่นทำให้ผมไม่มีอำนาจมากพอที่จะบริหารได้ซึ่งหมายความว่าผมจะเป็นได้แค่ที่ปรึกษาและคอยให้คำแนะนำก็เท่านั้น ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่ความคิดที่ดีซักเท่าไหร่ “
หลงบิงพูดว่า “ฉันไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ฉันไม่ได้เป็นนักธุรกิจแต่ที่ฉันรู้คือคุณจะมีหุ้นอยู่จำนวน 30% และถ้าคุณตกลง เราจะไปที่เมืองชิงตู่เพื่อเซ็นสัญญากันในวันพรุ่งนี้ “
เซี่ยเหล่ยตอบไปว่า “คุณกลับไปบอกฉือโบเหยิยนว่า ผมจะไม่กู้ยืมเงินและไม่ต้องการเงินของใครๆทั้งนั้น ผมเองก็มีเงิน “
หลงบิงรู้สึกแปลกใจเลยพูดขึ้นว่า “สร้างบริษัทมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทั้งเรื่องที่ดินหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ มันไม่ใช่แค่ราคา 78 ล้านคุณต้องคิดถึงเรื่องนี้ด้วย คุณจะหาเงินมาจากไหน?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “จากการที่เล่นพนันชนะกู๋ดิงชาน “
หลงบิงมองไปที่เซี่ยเหล่ยอย่างสงสัยแล้วพูดขึ้นว่า “เงินพวกนั้นไม่ได้เป็นเงินปลอมอย่างนั้นเหรอ? แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เงินมันอยู่ในการดูแลของตำรวจแล้ว คุณจะทำอย่างไรต่อ ? “
เซี่ยเหล่ยพูดไปว่า “ความจริงผมได้ย้ายเงินออกไปก่อนที่ตำรวจจะมา “
“ถ้าฉันรู้อย่างนี้ ฉันจะไม่ช่วยคุณแล้วปล่อยให้ตำรวจจับตัวคุณไปสอบสวนซะก็ดี ” หลงบิงพูดอย่างไม่พอใจ
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “แต่เมื่อถึงที่สุดแล้วยังไงผมก็จะรอดจากข้อหาอยู่ดี “
หลงบิงเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดว่า “อืม…แต่เรื่องนี้ฉันไม่รู้ว่าถ้าผู้บริหารฉือรู้เรื่องเข้า เขาจะว่าอย่างไรบ้าง หรืออาจจะให้คุณอธิบายว่าคุณหาเงินมาได้อย่างไร?
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดว่า “ก็บอกไปว่ายืมเฉินตูเทียนหยินมาไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?”
“โอเค ฉันจะไปบอกเรื่องนี้กับผู้บริหารฉือก่อนส่วนคุณก็ไปเตรียมตัวให้ดี พรุ่งนี้เราจะไปเมืองชิงตู่กันเพราะสำหรับเรื่องนี้ฉันคิดว่าคุณควรจะไปคุยต่อหน้าจะดีกว่า” หลงบิงพูดเสร็จจากนั้นก็เดินออกไป
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “นี่ก็ดึกแล้ว คุณสามารถนอนที่นี่ได้นะ คุณสามารถไปพักผ่อนที่ห้องของเซี่ยเสวียได้ “
หลงบิงหยุดเดินเพียงชั่วอึดใจแต่หลังจากนั้นเธอก็เดินต่อ
ในขณะที่หลงบิงเดินออกไปนั้นอเลน่าก็ได้พูดขึ้นว่า “ลูคัส เราควรพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องแผนงานต่อ”
เซี่ยเหล่ยหันไปเห็นอเลน่าก็ตกใจ
เพราะชุดที่อเลน่าใส่อยู่ตอนนี้ไม่ได้เป็นเสื้อผ้าของเซี่ยเสวียแล้วแต่เป็นชุดของเธอเอง มันคือชุดนอนสีขาวที่เป็นแบบผ้าลื่นและบางซึ่งดูทันสมัยมากนี่ทำให้เห็นสัดส่วนของเธอได้อย่างชัดเจน ส่วนเว้าโค้งของเธอสวยงามและดึงดูดสายตาอย่างมาก และสิ่งนี้จึงทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจอย่างมากในตอนนี้
อันที่จริงเซี่ยเหล่ยเองก็คุ้นเคยกับเธอเป็นอย่างดีแล้วแต่ใบหน้าของเขาตอนนี้ไม่สามารถที่จะควบคุมการแสดงอารมณ์ออกมาได้เลย เพราะเขาไม่สามารถหยุดความคิดที่จะจินตนาการได้ มันรวมไปถึงร่างกายของเขาที่แสดงปฏิกิริยาแปลกๆออกมาเช่นกัน
อเลน่าเองก็มองเซี่ยเหล่ยไปพร้อมกับรอยยิ้มถึงอเลน่าจะพูดว่าจะคุยเกี่ยวกับแผนงานก็ตามทีแต่ความคิดจริงๆของเธอไม่ได้เป็นแบบนั้นมันเป็นแค่ข้ออ้างเพราะความคิดของเธอคืออยากจะคุยแผนงานในเชิงลึกบนเตียงกับเซี่ยเหล่ยมากกว่า
เซี่ยเหล่ยเดินไปข้างหน้าเธอจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “อเลน่า ผมไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องนี้อย่างไรดีแต่ ……ผมไม่รู้ว่าผมจะรักคุณได้มั้ยหรืออนาคตของเราจะ…… “
อเลน่าได้ยกแขนขึ้นจากนั้นก็ใช้นิ้วชี้ไปทาบเป็นแนวตรงกับปากของเซี่ยเหล่ย แล้วก็พูดขึ้นว่า “การปรากฏตัวของคุณได้เปลี่ยนชีวิตของฉันไปอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ฉันไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งและอนาคตของฉันก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ฉันเองก็ไม่อยากจะคิดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน” อเลน่าพูดขึ้นแล้วหยุดลงครู่หนึ่งก่อนพูดต่อว่า “ฉันเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง ฉันคิดว่าคุณเป็นเทวดาสำหรับฉันการที่อยู่กับคุณจะทำให้ฉันมีความสุขได้และฉันต้องการแค่นั้นในตอนนี้ฉันก็มีความสุขดีแค่นี้มันก็เพียงพอสำหรับฉันแล้ว”
ในความเป็นจริงอเลน่าต้องการที่จะใช้ภาษากายของเธอเพื่ออธิบายว่าสัญชาตญาณของเธอนั้นคืออะไรสิ่งสำคัญที่เธอต้องการในตอนนี้คือความรู้สึกของเธอเองเป็นอย่างไร ตอนนี้เธอมีความสุขดีและสบายใจอย่างมากเมื่ออยู่กับเซี่ยเหล่ยและทุกอย่างทั้งหมดที่เธอมีในตอนนี้สำหรับเธอเองก็คิดว่ามันเพียงพอแล้วจริงๆ
เพราะชุดที่อเลน่าใส่มันสั้นมากดังนั้นในขณะที่เธอกำลังนั่งลงก็ทำให้ชุดของเธอมันล่นขึ้นมา ทำให้เห็นกางเกงในของเธออย่างชัดเจนรวมไปถึงส่วนต่างๆบางส่วนของร่างกายของเธอด้วย
อเลน่ารีบพูดขึ้นทันทีว่า “บ้าจริง ฉันเพิ่งซื้อมาเมื่อวาน”
เซี่ยเหล่ยหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “คุณซื้อที่ไหนหล่ะ?”
“ร้านเถ้าป่าว ” อเลน่าพูดขึ้นจากนั้นก็พูดต่อว่า “ฉันใส่แค่ครั้งเดียวเองเอาไปขายต่อได้มั้ย?”
“เอางี้…เดี๋ยวผมค่อยพาคุณไปซื้อใหม่คุณคงจะยังไม่มีประสบการณ์ในการเลือกซื้อในร้านเถ้าป่าว ผมจะอธิบายคุณเอง จริงๆแล้วมันไม่ได้ยากอะไรเลย “เซี่ยเหล่ยพูดขึ้น
อเลน่าตอบไปอย่างตื่นเต้นว่า “ฉันจะซื้อหลายๆชุดเลย ชุดนักเรียน ชุดตำรวจ ทหาร พยาบาลด้วย!”
หน้าผากของเซี่ยเหล่ยเหี่ยวย่นทันทีที่ได้ยินอเลน่าพูดขึ้น
ภายหลังจากที่ออกมาจากบ้านของเซี่ยเหล่ยแล้ว หลงบิงได้เดินกลับไปที่รถกันกระสุนที่จอดอยู่บริเวณริมถนน
เมื่อไปถึงที่รถเค่อเจียได้พูดขึ้นว่า “หัวหน้าหลง” เค่อเจียพูดพร้อมส่งแล็ปท็อป ไปให้หลงบิงจากนั้นก็พูดต่อว่า “นี่เป็นข้อมูลของแดลนี่ที่ผมสามารถหาได้”
หลงบิงมองไปที่หน้าจอแล็ปท็อปจากนั้นใบหน้าของเธอก็แสดงท่าทางตกใจแล้วอุทานขึ้นว่า “นี้มัน …… “
หน้าจอของแล็ปท็อปแสดงข้อมูลของเด็กอายุ 8 ขวบนอกจากนี้เด็กคนนี้ได้ตายไปแล้วด้วย
เค่อเจียพูดว่า “เด็กคนนี้เป็นเด็กกำพร้า กู๋ดิงชานได้รับเลี้ยงเขาเมื่อนานมาแล้ว หลังจากวันเวลาผ่านไป จู่ๆเด็กคนนี้ก็ตายอย่างลึกลับด้วยการถูกเผาในที่สถานที่เกิดเหตุและตอนนี้กระดูกของเขาถูกฝังอยู่ที่สุสานแห่งหนึ่ง……… “
หลงบิงรู้สึกตกใจและจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่ครู่หนึ่ง
“หัวหน้าหลง เซี่ยเหล่ยบอกว่าแดลนี่เป็นนักฆ่ามือโปรแต่ในข้อมูลที่หามาได้เขาได้ตายไปแล้วนี่ ?” เค่อเจียพูดขึ้นและพูดต่อว่า “หรือว่าเขาจะคิดผิด”
“ในโทรศัพท์มือถือของกู๋เค่อหวู่มีชื่อแดลนี่อยู่นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่?” หลงบิงพูดขึ้นอย่างสงสัย
เค่อเจียพูดขึ้นว่า “หรือบางทีเขาอาจจะแค่ชื่อเหมือนกัน”
หลงบิงส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “กู๋ดิงชานเริ่มก่อตั้งแก๊งผิดกฏหมายขึ้นมาตั้งแต่ในอดีต ดังนั้นหากเขาต้องการที่จะหาใครซักคนที่คอยทำเรื่องสกปรกนี่จะเป็นตัวเลือกที่ดีอย่างมาก “
“คุณหมายความว่า…… ” เค่อเจียพูดขึ้นอย่างประหลาดใจแล้วพูดต่อว่า “กู๋ดิงชานสร้างเรื่องให้กับเด็กคนนั้นว่าตายไปแล้วแต่แท้จริงแล้วแอบฝึกเขาให้กลายเป็นนักฆ่าอย่างนั้นใช่มั้ย?”
“นี่เป็นเพียงการคาดเดาของฉัน” หลงบิงพูดขึ้นจากนั้นก็ปิดแล็ปท็อปแล้วพูดต่อว่า “เราจะต้องไปตรวจสอบที่สุสานดูว่ามีโครงกระดูกจริงมั้ย?”
“ถ้ามีโครงกระดูก?” เค่อเจียพูดขึ้น
“เราก็จะต้องเอาชิ้นส่วนไปส่วนตรวจ DNA ก่อนเพื่อความชัดเจน” หลงบิงพูดขึ้นพร้อมท่าทางที่เย็นชา
ใครก็ตามที่คิดจะฆ่าเซี่ยเหล่ยไม่ว่าจะเป็นใครยังไงมันก็ต้องตาย!
ติดตามตอนต่อไป………….