TXV – 251 แนบเนียน !
เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปในห้องน้ำจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกง มันเป็นมือถือของกู๋เค่อหวู่นี่เป็นการขโมยของครั้งแรกของเซี่ยเหล่ยและมันเป็นไปอย่างราบรื่น
ฉิงเสวียงยังเคยพูดไว้ว่าถ้าเซี่ยเหล่ยคิดที่จะเรียนรู้ทักษะร่วมกับเทคโนโลยีในการขโมยแล้ว ก็จะทำให้เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ยากที่จะหาคนเปรียบได้ เหตุผลง่ายๆก็เพราะว่าเซี่ยเหล่ยมีความสามารถเหนือคนอื่นซึ่งก็คือตาซ้ายที่มีพลังเหนือธรรมชาตินั่นเอง
เซี่ยเหล่ยสไลด์เปิดโทรศัพท์ของกู๋เค่อหวู่ พบว่ามันต้องใส่รหัสในการเข้าใช้งาน การปลดล็อคนั้นต้องใช้การลากนิ้วให้เป็นรูปร่าง แต่ไม่ใช่ปัญหาในการปลดล็อคครั้งนี้ของเซี่ยเหล่ยเลยเพราะเขาได้ใช้ตาซ้ายของเขาดูไปที่กระจกหน้าจอจากนั้นก็พบว่าที่หน้าจอมีร่องรอยลางๆเป็นรูปตัว “Z”
เซี่ยเหล่ยวางนิ้วลงจากนั้นก็ลากนิ้วตามรูปร่างของตัว Z เมื่อลากเสร็จโทรศัพท์ก็ปลดล็อคทันที
เซี่ยเหล่ยได้กดเข้าไปดูที่รายชื่อผู้ติดต่อ มันมีอยู่อย่างน้อยร้อยรายชื่อ เซี่ยเหล่ยกำลังจ้องไปที่แต่ละรายชื่อพร้อมกับใช้ความสามารถของตาซ้ายในการจดจำรายชื่อทั้งหมดในบรรดารายชื่อเหล่านั้นมีทั้งคนในแวดวงนักธุรกิจ คนในตระกูลกู๋หรือแม้แต่สมาชิกระดับสูงของบริษัทนอส์ซ
หลังจากสองนาทีผ่านไป เซี่ยเหล่ยได้ปิดตาของเขาลงจู่ๆภาพภายในจิตใจที่ชื่อว่า “photography” ก็ปรากฏขึ้นมาจากบรรดารายชื่อที่เห็นหลายคนเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของรัฐบาล หลังจากนั้นเขาก็ได้ลบภาพของพวกรายชื่อเหล่านั้นและคนของ บริษัทนอส์ซเพราะเป็นเรื่องแน่นอนว่าในการลักพาตัวและลอบฆ่า กู๋ดิงชายและกู๋เค่อหวู่จะไม่ปล่อยให้คนนอกทำเรื่องเช่นนี้เองแน่ๆ เมื่อคิดแบบนี้แล้วก็จะเหลือคนจากตระกูลกู๋เพียงไม่กี่คน
ไม่นานชื่อของคนในตระกูลกู๋ก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้งในใจของเซี่ยเหล่ย และก็ทำให้เซี่ยเหล่ยเกิดความสงสัยขึ้นทันที
ชื่อนั้นก็คือ ‘แดลนี่’
เซี่ยเหล่ยคิดในใจไปว่า “คนๆนี้เป็นใครกัน ดูแล้วชื่อก็ไม่เหมือนคนจีนเลยด้วย เขาเป็นใครกันแน่? “
เมื่อคิดไปคิดมาเซี่ยเหล่ยก็ได้ใช้โทรศัพท์ของกู๋เค่อหวู่โทรไปหาแดลนี่ทันที
ตืด ตืด ตืด …… ตืด ตืด ตืด……
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงตอบรับเป็นเสียงของผู้ชายพูดออกมาว่า “ผมมาถึงแล้ว”
เมื่อฟังจากเสียงแล้ว เขามีเสียงและลักษณะวิธีการพูดที่คล้ายกับคนจีนมาก
เซี่ยเหล่ยได้กระแฮ่มเล็กน้อยจากนั้นก็พูดส่งเสียงออกไปสั้นๆว่า “อืม” เมื่อพูดเสร็จเซี่ยเหล่ยก็วางสายโทรศัพท์ทันที
ในสถานการณ์เช่นนี้เซี่ยเหล่ยไม่สามารถที่จะเลียนเสียงพูดของกู๋เค่อหวู่ได้ จึงได้ตัดสินใจวางสายไป แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่จำเป็นที่จะต้องพูดคุยกับแดลนี่อีกต่อไปแล้ว เพราะด้วยข้อมูลในตอนนี้ก็ทำให้รู้ได้แล้วว่า แดลนี่กำลังพยายามลักพาตัวเซี่ยเสวียและเกือบจะฆ่าลู่เชิง!
ประการแรกแดลนี่ถูกบันทึกรายชื่อในโทรศัพท์ของกู๋เค่อหวู่ว่าเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัว แสดงว่าต้องเป็นคนที่มีความสำคัญกับตระกูลกู๋อย่างแน่นอน ประการต่อไปแดลนี่คนนี้หลังจากรับสายก็ได้พูดเพียงแค่คำว่า “ผมมาถึงแล้ว” นี่เป็นคำพูดที่ทำให้เซี่ยเหล่ยรู้แน่ชัดถึงสถานะของแดลนี่
จู่ๆเซี่ยเหล่ยก็คิดในถึงหนังเรื่องหนึ่งที่ชื่อว่า “Wolf Dog แดลนี่” จากนั้นก็คิดต่อว่า “หรือนี่จะเป็นที่มาของชื่อของเขาและเขาต้องการที่จะทำภารกิจตามภาพยนต์อย่างนั้นเหรอ? “
หลังจากรู้ตัวตนของนักฆ่าแล้ว เซี่ยเหล่ยก็ได้เปิดดูข้อความเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นในโทรศัพท์หรือในอีเมลอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะจำอะไรเป็นพิเศษแต่ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็จำมันได้ไม่มีวันลืมหากว่ามันเคยผ่านตาของเขามาก่อน
ไม่กี่นาทีต่อมาเซี่ยเหล่ยก็ออกมาจากห้องน้ำ
ก็พบกับสาวชุดแดงโดยที่เขากำลังทาลิปพร้อมถึงถือกระจกอยู่ในมือ
เซี่ยเหล่ยเดินไปพร้อมกับกระซิบว่า “นักฆ่ามาแล้ว ระวังตัวไว้ให้ดี”
“คุณรู้ได้ยังไง?” ฉิงเสวียงพูดขึ้นโดยที่ไม่ได้หันหลังกลับไปแต่ก็ได้มองผ่านกระจกแทน
เซี่ยเหล่ยตอบไปว่า “ผมได้ขโมยโทรศัพท์มือถือของกู๋เค่อหวู่มา จากนั้นก็โทรไปเพื่อจะยืนยันว่านักฆ่ามาแล้วเขาชื่อแดลนี่ เขาอันตรายมาก”
“ฉันก็คิดว่าคุณเองก็เป็นคนที่อันตรายมาก ” ฉิงเสวียงพูดขึ้นจากนั้นก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นต่อว่า “แล้วจะทำอย่างไรกับโทรศัพท์ ให้ฉันจัดการให้มั้ย ?”
“กระเป๋าข้างซ้าย” เซี่ยเหล่ยพูดสั้นจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือของกู๋หวู่ขึ้นมา แล้วส่งไปให้กับฉิงเสวียงอย่างลับๆ จากนั้นก็เดินออกไป
เมื่อกลับไปที่ห้องโถง เซี่ยเหล่ยก็ได้เห็นว่ากู๋เค่อหวู่กำลังพูดคุยอยู่กับเฉินตูเทียนหยิน
ฉิงเสวียงเดินตรงไปในห้องโถง เขาเดินผ่านเซี่ยเหล่ยและตรงไปยังทางที่กู๋เค่อหวู่และเฉินตูเทียนหยินยืนอยู่และเมื่อเดินไปถึงกู๋เค่อหวู่ ฉิงเสวียงก็ได้ทำทีว่าสะดุดรองเท้าส้นสูงของตัวเองและล้มลงไปโดนกู๋เค่อหวู่
กู๋เค่อหวู่ไม่ได้ล้มลง เขาขมวดคิ้วจากนั้นก็จ้องไปที่ฉิงเสวียง
ฉิงเสวียงพูดขึ้นว่า “โอ๊ะ…ขอโทษที เท้าของฉัน …… “
กู๋เค่อหวู่ได้จัดเสื้อผ้าของตัวเองจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “คุณผู้หญิง คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”
“ฉันไม่เป็นอะไร ขอโทษด้วยจริงๆ ” ฉิงเสวียงพูดจากนั้นก็พยายามลุกขึ้นยืน
กู๋เค่อหวู่ไม่ได้มองไปที่ฉิงเสวียงอีกครั้ง เขาได้หันไปพูดคุยกับเฉินตูเทียนหยินต่อ
มุมปากของเซี่ยเหล่ยยิ้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นจังหวะที่ฉิงเสวียงชนกู๋เค่อหวู่และล้มลงไป จังหวะนั้นเขาได้เห็นฉิงเสวียงแอบเอาโทรศัพท์มือถือกลับไปใส่ไว้ในกระเป๋าข้างซ้ายตามเดิม
ขณะนี้เซี่ยเหล่ยได้เดินไปยังทิศทางที่เฉินตูเทียนหยินและกู๋เค่อหวู่ยืนอยู่ เขาเดินไปทางนั้นก็จริงแต่สายตาของเขาก็คอยสอดส่องหาตัวของแดลนี่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้ลักษณะท่าทางของแดลนี่มากนัก แต่เขาก็พอจะจำได้อยู่บ้างเนื่องจากเคยเห็นตอนที่เขาแอบถ่ายรูปของเซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินที่สวนสวนจิ่งชานมาแล้ว
แดลนี่พูดจากโทรศัพท์ว่ามาถึงแล้วแต่ตอนนี้เซี่ยเหล่ยเองยังคงหาเขาไม่พบว่าอยู่ที่ไหนภายในห้องโถงนี้
เมื่อเซี่ยเหล่ยเดินใกล้เขามา เฉินตูเทียนหยินก็หันมาเห็นพอดี เธอยิ้มหวาน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “คุณหายไปไหนมา ฉันมองหาไปทั่วเลย”
เซี่ยเหล่ยตอบไปว่า “ผมไปเข้าห้องน้ำมา”
ตอนนี้ใบหน้าของกู๋เค่อหวู่ได้มืดมนลงเพราะเขาพยายามที่จะให้เฉินตูเทียนหยินสนใจเขา แต่เฉินตูเทียนหยินก็ไม่ได้ยิ้มให้เขาแม้แต่น้อยในขณะที่พูดคุยก่อนหน้านี้ ผิดกับเซี่ยเหล่ยที่เพิ่งเข้ามาพูดคุยนิดหน่อยตอนนี้ก็ทำให้เฉินตูเทียนหยินยิ้มออกมาได้แล้ว
กู๋เค่อหวู่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้เพราะว่าทรัพย์สินของเขาก็มีอยู่มากกว่าเซี่ยเหล่ย สถานะทางสังคมก็ดีกว่า และแม้หน้าตาก็ดีกว่า แต่ทำไมเทียนหยินถึงได้ไปชอบคนที่ดูเหมือนกับคนงานในไซต์ก่อสร้างแบบนี้
“เหล่ยมากับฉัน ฉันจะพาคุณไปแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนของฉัน” เฉินตูเทียนหยินพูดขึ้นพร้อมดึงแขนของเซี่ยเหล่ยไปอย่างธรรมชาติ
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “คุณกู๋ ไว้พวกเราค่อยคุยกันในภายหลัง อย่าลืมเรื่องที่เราจะดื่มกันด้วยหล่ะ “
กู๋เค่อหวู่พยายามพูดออกไปด้วยรอยยิ้มที่ไม่เต็มใจว่า “โอเค ไว้ภายหลัง”
เฉินตูเทียนหยินดึงแขนและพาเซี่ยเหล่ยเดินไปทักทายเหล่าเพื่อนหรือคนรู้จักของเธอพร้อมกับแนะนำตัวทีละคน
“นี่คือ หลี่หมิงจิง นักธุรกิจชาวฮ่องกง” เฉินตูเทียนหยินพูดขึ้น
เซี่ยเหล่ยเองก็ได้ยื่นมือออกไปจับ พร้อมแนะนำตัวเอง
“นี่คือเฮ่อจายหยิงเป็นประธานของคาสิโนในประเมศมาเก๊า” เทียนหยินพูดแนะนำ
เซี่ยเหล่ยยื่นมือออกไปจับพร้อมแนะนำตัวอีกเช่นกัน
แต่ด้วยการแสดงออกตอบกลับมาของพวกเขานั้นแม้หลายคนจะทักทายและแนะนำกันตามปกติ แต่ก็รู้สึกได้ชัดว่าพวกเขาเหล่านี้ไม่ได้สนใจเซี่ยเหล่ยแม้แต่น้อย หากไม่ใช่ว่าเฉินตูเทียนหยินเป็นคนแนะนำเองละก็ พวกเขาก็คงไม่อยากจะทำความรู้จักกับเซี่ยเหล่ยซะด้วยซ้ำ
เฉินตูเทียนหยินยังคงแนะนำเซี่ยเหล่ยให้กับบรรดาเพื่อนนักธุรกิจของเธอคนอื่นๆให้รู้จักอย่างต่อเนื่อง เธอพูดแนะนำเซี่ยเหล่ยและพูดอย่างเป็นกันเองโดยที่ไม่สนใจว่าเซี่ยเหล่ยจะคิดยังไงเลยก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นความต้องการของเธอ…..
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยเองก็ไม่ได้ปล่อยอารมณ์ไปตามเฉินตูเทียนหยิน ประสาทสัมผัสของเขายังคงตึงเครียดอยู่เสมอแม้ว่ากำลังพบกับผู้มีอิทธิพลและอำนาจในวงการธุรกิจก็ตาม ที่เขาต้องทำเช่นนี้เพราะเขายังคงต้องมองหาตัวแดลนี่อยู่ตลอดเวลา
ในขณะที่เฉินตูเทียนหยินกำลังคุยกับบรรดานักธุรกิจอยู่นั้น เซี่ยเหล่ยเองก็ได้มองไปยังกู๋เค่อหวู่
ในเวลานี้กู๋เค่อหวู่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกำลังจะรับสาย
สายตาของเซี่ยเหล่ยจ้องเข็มไปยังริมฝีปากของกู๋เค่อหวู่และกำลังอ่านปากในขณะที่เขากำลังพูด
“พ่อ ผมอยู่ในห้องโถง พ่อมางั้นเหรอ? อืม …… “กู๋เค่อหวู่พูด พร้อมมองไปที่ทางเข้าของห้องโถง จากนั้นก็เดินไปตรงหน้าประตูทางเข้า
สายตาของเซี่ยเหล่ยเองก็หันไปที่ทางเข้าของห้องโถงเช่นกัน เขาได้เห็นชายอายุราว 50 ปีเดินเข้ามาพร้อมกับบอดี้การ์ดขนาบข้างกายสองคน
ในฐานะผู้นำบริษัทนอส์ซเซี่ยเหล่ยเคยเห็นรูปขนาดใหญ่ของกู๋ดิงชานมาก่อนแล้ว ดังนั้นเมื่อเห็นในครั้งนี้ก็ดูเหมือนว่ากู๋ดิงชานจะไม่ต่างจากในรูปซักเท่าไหร่ ทำให้เซี่ยเหล่ยจำได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น
ในความเป็นจริงกู๋ดิงชานตอนนี้ดูไม่เหมือนกับเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟียเลย รูปร่างของเขาอยู่ในช่วงสมส่วน ไม่อ้วนไม่ผอม เขาสวมแว่นดำแต่ก็ดูเป็นคนอ่อนโยน และลักษณะท่าทางของเขาตอนนี้ดูเหมือนสุภาพบุรุษมากๆ
จากนั้นสายตาของเซี่ยเหล่ยก็มองผ่านกู๋ดิงชานไปที่บอดี้การ์ดก็ทำให้เขาแปลกใจอย่างมากเพราะบอดี้การ์ดสองคนนั้นไม่ใช่แดลนี่ ด้วยเหมือนกัน
เซี่ยเหล่ยคิดอย่างสงสัยว่าเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว แดลนี่เขาไปอยู่ที่ไหนกัน
“พ่อ” กู๋เค่อหวู่พูดทักทายกู๋ดิงชานอย่างเคารพ
กู๋ดิงชานพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ค่อยๆมองไปที่เฉินตูเทียนหยินจากนั้นก็มองเลยไปนิดหน่อยก็จะเป็นบรรดานักธุรกิจแต่เมื่อมองเลยไปอีกนิดสายตาของเขาก็หยุดลงที่เซี่ยเหล่ยยืนอยู่
พวกเขาทั้งคู่มองตาซึ่งกันและกัน
กู๋ดิงชานได้เดินตรงไปยังทางที่เซี่ยเหล่ยยืนอยู่
เมื่อเห็นว่ากู๋ดิงชานกำลังเดินไปหาเซี่ยเหล่ย กู๋เค่อเหวินก็เดินตามพ่อของเขาไปติดๆ
ติดตามตอนต่อไป……….