TXV – 269 ช้าไปหนึ่งก้าว !
ปีศาจร้ายในตัวใครซักคนนั้นไม่ได้มีมาตั้งแต่กำเนิดแต่อาจจะเกิดขึ้นมาจากการเลี้ยงดูหรือสภาพแวดล้อมหล่อหลอมพวกเขามาเท่านั้น
เมื่อสามปีก่อนแดลนี่เดินผ่านสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ที่กำลังทรุดโทรมจนน่าตกใจและที่นั่นเต็มไปด้วยเด็กที่ยากจน เมื่อแดลนี่เห็นดังนั้นภายในใจของเขาก็ผุดภาพในอดีตขึ้นมาทันทีและก็ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรอยู่ก็ทำให้เขาเดินเข้าไปภายในนั้นแต่นั่นก็ทำให้เขาได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้ามามีอิทธิพลในชีวิตของเขา
ผู้หญิงคนนั้นคือซ่างชิงซินและเธอตกหลุมรักกับปีศาจในที่สุด…..
ในโลกของซ่างชิงซิน แดลนี่ไม่ได้เป็นปีศาจแต่อย่างใดเขาเป็นนักลงทุนที่ได้รับการสนับสนุนจากชาวต่างชาติเขามักจะเดินทางไปในหลายๆที่แต่ทุกๆครั้งที่แดลนี่กลับไปหาเธอนั้นนั่นคือช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของเธอ มันเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เธอชอบให้แดลนี่อุ้มลูกน้อยของเธอ ‘ซ่างเหยี่ยเหยี่ย’ แล้วยกลอยสูงขึ้น เธอมองว่านี่เป็นภาพที่งดงามที่สุดสำหรับเธอแล้ว
ไม่นานเซี่ยเหล่ยก็ได้เดินทางมาถึงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาได้เดินไปรอบๆเพื่อที่จะค้นหาว่าสองแม่ลูกนั้นอยู่ที่ไหน สุดท้ายก็พบเธออยู่ในห้องๆหนึ่ง
ในช่วงกลางดึกของคืนนั้นซ่างเหยี่ยเหยี่ยยังไม่อยากที่จะเข้านอน
“แม่…พ่อจะกลับมาเมื่อไหร่?” ที่เตียงเสียงของซ่างเหยี่ยเหยี่ยพูดออกมาพร้อมกับกำลังกระพริบตาขนาดใหญ่สีดำซึ่งดูไร้เดียงสาอย่างมาก
“พ่อของลูกออกไปทำธุระได้ไม่กี่วัน ลูกก็คิดถึงเขาแล้วงั้นเหรอ? “ซ่างชิงซิน สัมผัสที่ศีรษะของซ่างเหยี่ยเหยี่ยอย่างแผ่วเบาจากนั้นก็พูดต่อว่า “รีบนอนเถอะ เดี๋ยวพ่อก็กลับมา”
“ฉันยังไม่อยากนอนเลย ฉันอยากเจอพ่อก่อน” ซ่างเหยี่ยเหยี่ยพูดอย่างไร้เดียงสา
“ไม่เชื่อฟังกันใช่มั้ย!?” ซ่างชิงซินนั่งยองๆและจั๊กจี้เท้าของซ่างเหยี่ยเหยี่ย
“ฮ่าฮ่าฮ่า …… “เสียงหัวเราะของซ่างเหยี่ยเหยี่ยดังอยู่บนเตียง
“จะนอนไม่นอน รีบนอนได้แล้ว” ซ่างชิงซินยังคงจั๊กจี้อยู่
ตาของซ่างเหยี่ยเหยี่ยยังคงเปิดกว้างและถามขึ้นว่า “แม่…ทำไมฉันถึงมีนามสกุลว่าซ่าง ?”
ซ่างชิงซินจึงหยุดจั๊กจี้และตอบคำถามไปว่า “พ่อของลูกบอกว่าถ้ามีลูกผู้หญิงจะให้ใช้นามสกุลของแม่ แต่ถ้ามีลูกผู้ชายจะให้ใช้นามสกุลของพ่อ ลูกเกิดมาเป็นผู้หญิงจึงใช้นามสกุลของแม่แต่บางทีแม่ก็คิดอยากที่จะมีลูกผู้ชายเหมือนกันจะได้มีนามสกุลของพ่อเค้าบ้าง”
“แล้วทำไมเด็กที่นี่ไม่มีพ่อและแม่กันหล่ะ?” ซ่างเหยี่ยเหยี่ยถามอีกครั้ง
“พ่อและแม่ของพวกเขาไม่ต้องการให้พวกเขาเกิดมาหรือด้วยเหตุผลอื่นๆดังนั้นพวกเขาจึงอาศัยอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า” ซ่างชิงซินตอบ
“ฉันเองก็อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแต่ทำไมฉันถึงมีพ่อและแม่หล่ะ?” ซ่างเหยี่ยเหยี่ยถามอีกครั้ง
“เด็กโง่…นอนได้แล้ว ถ้าไม่นอนแม่จะตีก้นแล้วนะ ” ซ่างชิงซินพูดขึ้นเพื่อตัดบท
“แม่…ฉันคิดว่าพ่อ …… ” ซ่างเหยี่ยเหยี่ยถามแต่ยังไม่ทันจะจบซ่างชิงซินก็ตีไปที่ก้นของซ่างเหยี่ยเหยี่ยเสียก่อน
ในห้องเล็กๆตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงของการตีไปที่ก้นด้วยความรักและความอบอุ่นของผู้เป็นแม่
ภายนอกหน้าต่างในหัวใจของเซี่ยเหล่ยเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ ผู้หญิงคนนั้นก็กำลังรอผู้ชายซึ่งเป็นคนรักกลับมา ส่วนลูกสาวของเธอก็รอการกลับมาของพ่อของเธอเช่นกันแต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ของแดลนี่ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
เซี่ยเหล่ยลังเลอยู่ชั่วขณะแต่หลังจากนั้นเขาก็เดินไปเคาะประตูทันที
“ใครหน่ะ?” เสียงของซ่างชิงซินพูดขึ้นด้วยความตื่นตัว
เซี่ยเหล่ยจึงตอบไปว่า “นั่นคุณซ่างชิงซินใช่มั้ย?”
“ใช่…แล้วคุณเป็นใคร? เข้ามาที่นี่ได้ยังไง? “ซ่างชิงซินพูดด้วยความตึงเครียด
เซี่ยเหล่ยตอบว่า “อย่าเพิ่งตื่นกลัวหรือกระวนกระวายไป ผมไม่ใช่คนไม่ดี ผมเป็นเพื่อนของแดลนี่และผมมีบางอย่างจะบอกเลยรีบมาหาคุณ “
“คุณเป็นเพื่อนแดลนี่งั้นเหรอ? แต่ฉันไม่เคยเห็นเพื่อนของเขาเลย ” ซ่างชิงซิน พูดโดยที่เธอยังไม่ได้เปิดประตูและก็ยังพูดต่อว่า” คุณกลับไปซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะกดสัญญาณเตือนภัย “
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “แดลนี่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดแต่เขายังผ่าตัดไม่ได้เพราะต้องการลายเซ็นยินยอมจากญาติเท่านั้นดังนั้นถ้าคุณไม่ไปเซ็นชื่อยินยอม เขาก็จะไม่ได้รับการผ่าตัดและจะตายในที่สุด “
ประตูได้ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ที่ประตู เธอมีผิวสีแทนเล็กน้อย สัดส่วนร่างกายของเธอเป็นเหมือนกับคนจีนทั่วๆไป
“ตามผมมา” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นและพูดต่อว่า “แต่เอ่อ…สถานการณ์ของแดลนี่ตอนนี้ไม่สู้ดีนักดังนั้นเอาลูกของคุณไปด้วยจะดีกว่า”
“คุณรอก่อน” ซ่างชิงซินพูดด้วยอาการตื่นตระหนกจากนั้นเธอก็รีบเข้าไปข้างในและอุ้มซ่างเหยี่ยเหยี่ยขึ้นมาจากนั้นเธอก็เดินไปพร้อมกับเซี่ยเหล่ย
“แม่เกิดอะไรขึ้นกับพ่อ?” ซ่างเหยี่ยเหยี่ยถามแม่ของเธอเพราะเธอยังมีอายุแค่สามขวบจึงยังไม่รู้ว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์เป็นอย่างไร
ซ่างชิงซินได้เช็ดน้ำตาก่อนพูดขึ้นว่า “ตอนนี้เราจะไปหาพ่อกัน”
“เยี่ยมไปเลย ฉันอยากเจอพ่อแล้ว! คิกคิก…… “ซ่างเหยี่ยเหยี่ยพูดและหัวเราะด้วยความตื่นเต้นและดีใจ
เซี่ยเหล่ยถอนหายใจเบาๆพร้อมกับเปิดประตูรถจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “เชิญขึ้นรถ“
ซ่างชิงซินและซ่างเหยี่ยเหยี่ยได้เข้าไปนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับส่วนเซี่ยเหล่ยเองก็เข้าไปนั่งที่คนขับ จากนั้นเซี่ยเหล่ยก็ขับรถออกไปตรงออกไปยังประตูของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
ประตูหน้าของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเปิดอยู่ก่อนแล้วแต่ไม่มียามที่คอยเฝ้าประตูอยู่บริเวณนั้นเลย
ซ่างชิงซินมองไปที่เซี่ยเหล่ยแล้วพูดขึ้นอย่างตื่นตัวว่า “คุณเข้ามาได้อย่างไร?”
นี่เป็นการถามที่ตื่นตัวของเธอเป็นครั้งที่สองเพราะก่อนหน้านี้เธอกำลังตกใจอยู่กับการที่เซี่ยเหล่ยพูดว่าแดลนี่ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จึงทำให้เธอลืมตัวไปชั่วขณะแต่ตอนนี้เพราะประตูเปิดอยู่แต่ไม่มียามเฝ้าประตูออกมาคอยเปิดปิดก็ทำให้เธอเกิดความตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง
เซี่ยเหล่ยไม่ได้ตอบกลับอะไรไป เขาได้เหยียบคันเร่งของรถ SUV ต่อไป
“ให้ฉันลงเดี๋ยวนี้!” ซ่างชิงซินพูดด้วยอาการตื่นตระหนกและพูดขึ้นต่อว่า “ไม่อย่างนั้นฉันจะโทรไปแจ้งความ!”
เซี่ยเหล่ยไม่ได้สนใจคำพูดของเธอ เขายังคงขับรถของเขาต่อไป
ซ่างชิงซินดึงโทรศัพท์ขึ้นมาและเตรียมที่จะโทรไปแจ้งความ
เซี่ยเหล่ยดึงโทรศัพท์จากมือของซ่างชิงซินทันทีแล้วพูดอย่างดุดันว่า “คุณใจเย็นก่อน ผมไม่ได้มาเพื่อที่จะทำร้ายคุณแต่ผมมาเพื่อช่วยคุณ!”
ซ่างชิงซินที่รู้สึกกลัวในตอนนี้ เธอได้ร้องไห้ออกมาพร้อมพูดขึ้นว่า “พี่ชาย ปล่อยฉันและลูกไปเถอะนะ ฉันไม่มีเงินให้คุณหรอกสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าของเราไม่ได้มีเงินทองอะไรเลย ฉันขอร้องละนะ ปล่อยฉันไปเถอะ…… ”
เมื่อซ่างชิงซินร้องไห้ออกมาก็ทำให้ซ่างเหยี่ยเหยี่ยร้องไห้ตามไปด้วย
เมื่อเซี่ยเหล่ยเห็นน้ำตาของเธอแล้วความคิดของเขาก็ผุดขึ้นว่าต้องการที่จะบอกความจริงทั้งหมดแต่…….ในที่สุดแล้วเขาก็ไม่สามารถที่จะพูดมันออกไปได้
การที่จะบอกความจริงกับซ่างชิงซินและซ่างเหยี่ยเหยี่ยเกี่ยวกับแดลนี่นั้นมันค่อนข้างที่จะอึดอัดใจสำหรับเซี่ยเหล่ยเป็นอย่างมากเพราะซ่างชิงซินจะรับได้หรือไม่ที่รู้ว่าแฟนหนุ่มของเธอเป็นนักฆ่าและความรู้สึกของซ่างเหยี่ยเหยี่ยจะรู้สึกอย่างไรที่ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับพ่อของตัวเองและในอนาคตสิ่งที่เด็กคนนี้จะได้เจอมันคงจะสาหัสมาก เพื่อนๆที่โรงเรียนของเธอจะต้องพูดกันถึงเรื่องนี้แล้วเธอจะใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างไร? นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาไม่ได้พูดความจริงออกมา
“หยุดร้อง !” เซี่ยเหล่ยตะคอกเล็กน้อยและพูดต่อว่า “ไม่อย่างนั้น….”
เซี่ยเหล่ยยังไม่ทันจะได้พูดข่มขู่ว่าอะไรแต่ซ่างชิงซินก็ได้ปิดปากเงียบและหยุดร้องไห้ส่วนซ่างเหยี่ยเหยี่ยยังคงร้องไห้อยู่ ด้านซ่างชิงซินที่เห็นว่าลูกของเธอเองยังร้องไม่หยุดก็ได้เอามือไปปิดปากเอาไว้เพราะกลัวว่าเสียงร้องของเด็กจะไปกระตุ้นความโกรธให้กับเซี่ยเหล่ยที่ตอนนี้เธอคิดว่าเป็นคนร้ายอยู่
เมื่อออกมาได้ไม่ไกลเซี่ยเหล่ยก็หยุดรถที่ข้างถนนและมองย้อนกลับไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแองเจิลล์
ซ่างชิงซินพยายามจะเปิดประตูรถแต่ไม่เป็นผลเพราะประตูตอนนี้ถูกล็อคเอาไว้
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “อย่าทำอะไรโง่ๆ ผมอยู่ที่นี่ตอนนี้เพื่อช่วยคุณ ลองมองไปข้างหลังดูสิ “
ซ่างชิงซินหันหน้ากลับไปดูตามที่เซี่ยเหล่ยพูดในเวลานี้รถโตโยต้าสีดำจำนวนหนึ่งที่ได้ขับตามรถบูร์กาติเวร่อนส์จอดอยู่ตรงบริเวณทางเข้าของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแองเจิลล์ จากนั้นก็มีกลุ่มชายใส่ชุดดำทยอยกันออกมาจากรถจำนวนมากและตรงไปยังประตูทางเข้าของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแองเจิลล์อย่างรวดเร็ว นี่เป็นครั้งแรกของซ่างชิงซินที่ได้พบกับกู๋เค่อหวู่
“พวกเขา…… เป็นใคร?” ซ่างชิงซินถามขึ้นอย่างสงสัย
เซี่ยเหล่ยตอบไปว่า “พวกคนร้าย ถ้าสุดท้ายแล้วผมมาช้าไปทั้งคุณและลูกก็จะตกอยู่ในมือของพวกเขา พวกเขาจะใช้คุณในการบีบคับให้แดลนี่ทำตามคำสั่งของเขา ดังนั้นได้โปรดเชื่อใจผมว่าผมมาที่นี่เพื่อปกป้องคุณไม่ได้คิดจะทำร้ายคุณและผมจะพาคุณไปหาแดลนี่เอง “
“ทำไมฉันต้องเชื่อใจคุณ?” ซ่างชิงซินพูดขึ้นและยังคงระมัดระวังตัว
เซี่ยเหล่ยจึงตอบกลับไปว่า “คุณไม่มีทางเลือกหรอกนะ”
“คุณ…ถ้าคุณบอกว่าคุณกำลังปกป้องพวกเราอยู่ดังนั้นคุณควรจะไปส่งฉันที่สถานีตำรวจ ฉันจะยินดีมาก” ซ่างชิงซินพูด
ตอนนี้เซี่ยเหล่ยได้สตาร์ทรถขึ้นมาแต่ยังไม่ได้เปิดไฟหน้ารถ เขาได้ขับตรงไปยังทิศทางของโรงงานทางทหารของเขา
ชายชุดดำที่ลงมาจากรถได้ตรงไปยังบริเวณป้อมยามทางเข้าของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอย่างเงียบๆแล้วแอบดูเข้าไปภายในจากนั้นก็รายงานสถานการณ์ให้กู๋เค่อหวู่ฟังว่า “ นายน้อยหวู่ ดูเหมือนว่ายามจะหลับเป็นตายเลย”
“งั้นก็ปล่อยเขาไป เราเข้าไปหาเป้าหมายกันได้แล้ว” กู๋เค่อหวู่พูดขึ้น
สิ้นเสียงคำสั่งของกู่เค่อหวู่บรรดาชายชุดดำได้กระจายตัวกันออกไปเพื่อค้นหา ซ่างชิงซินและซ่างเหยี่ยเหยี่ยตามแต่ละห้อง
ตอนนี้กู๋เค่อหวู่ยืนอยู่ตรงบริเวณสนามเด็กเล่นเล็กๆของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ไม่นานเขาก็หันหน้าไปที่ประตูจากนั้นคิ้วเขาก็ย่นทันที เขาสงสัยว่าทำไมประตูตอนนี้ถึงยังไม่ปิดและก่อนหน้านี้ช่วงเวลาที่เขาเพิ่งมาถึงมันก็ถูกเปิดกว้างอยู่ ในหัวของเขากำลังคิดถึงความเป็นจริงข้อนี้
“แย่แล้ว!” กู๋เค่อหวู่พูดกับตัวเองและรีบวิ่งไปที่ป้อมยาม
เมื่อไปถึงป้อมยาม กู๋เค่อหวู่ก็หาน้ำมาหนึ่งถังและสาดไปที่ยามทันทีไม่นานยามก็ลืมตาขึ้นและพบว่ากู๋เค่อหวู่ยืนอยู่หน้าเขา
เมื่อเห็นว่ายามรู้สึกตัวแล้วกู๋เค่อหวู่ก็ได้เดินเข้าไปกระชากคอเสื้อยามขึ้นมา จากนั้นก็ตะคอกถามไปว่า “เมื่อกี้มีใครเข้ามาที่นี่? “
ยามพูดขึ้นด้วยความงุนงงและกลัวว่า “คุณ …… คุณต้องการอะไร?”
“ไม่ได้ยินงั้นเหรอ พูดมาเดี๋ยวนี้!” กู๋เค่อหวู่ยังคงตะคอกและผลักยามคนนั้นลงไปที่เตียง
“ผม…ผมไม่รู้…ผมเห็นแค่คุณ คุณ…คุณต้องการจะทำอะไร” ยามคนนั้นพูดขึ้นด้วยความตระหนกแต่จู่ๆเขาก็นึกอะไรบางอย่างได้เขาจึงหยิบเงินขึ้นมาจากนั้นก็ยื่นให้กู๋เค่อหวู่พร้อมพูดขึ้นว่า “ผมมีแค่นี้ คุณเอาไปเลยแต่ได้โปรดอย่าทำอะไรเด็กๆเลยนะ”
กู๋เค่อหวู่ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็มีชายชุดดำคนหนึ่งรีบวิ่งมาและพูดขึ้นว่า “นายน้อยหวู่ เราหาจนทั่วแล้วแต่ก็ไม่พบแม่ลูกคู่นั้นเลย”
“ว่าไงนะ!!” กู๋เค่อหวู่พูดขึ้น
เมื่อครู่นี้ที่เขาแค่คิดสงสัยว่าทำไมประตูถึงได้เปิดกว้างไว้ตั้งแต่แรกและทำไมมันถึงไม่ยอมปิดด้วย เขาไม่ได้คาดคิดว่านี่จะมีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้สองแม่ลูกนั้นหายไป!
ไม่นานหลังจากนั้นบรรดาชายชุดดำก็ทยอยกันมาและพูดขึ้นว่า “นายน้อยหวู่ พวกเราหาจนทั่วแล้วแต่ไม่เจอเลย เราจะทำอย่างไรต่อดี?”
ทันใดนั้นในหัวของกู๋เค่อหวู่ก็นึกถึงภาพของเซี่ยเหล่ยขึ้นมาโดยอัตโนมัติ นั่นทำให้จิตใจของเขาในตอนนี้ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนี่เป็นเรื่องที่อธิบายได้ยากมากเพราะเรื่องการมีตัวตนของภรรยาและลูกสาวของแดลนี่ไม่น่าจะมีใครรู้ได้ ตัวเขาเองก็เพิ่งจะรู้เมื่อครู่นี้แต่ทำไมเซี่ยเหล่ยถึงรู้เรื่องนี้และดำเนินการทุกอย่างนำหน้าไปหนึ่งก้าว ทำไมกัน! ทำไมกัน!
“ นายน้อยหวู่ เราจะทำอย่างไรกันต่อ?” ชายชุดดำขึ้นหนึ่งถามขึ้นอีกครั้ง
กู๋เค่อหวู่เริ่มตะโกนขึ้นอย่างบ้าคลั่งและพูดตะคอกออกไปว่า “ยังจะยืนเฉยกันอยู่ทำไม? ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนในเมืองชิงตู่ออกไปตามหาสองแม่ลูกนั่นมาให้ได้ ไป! “
เหล่าบรรดาชายชุดดำเมื่อได้ยินคำพูดของกู๋เค่อหวู่แล้วรู้สึกค่อนข้างที่จะตกใจ เพราะในเมืองชิงตู่มันใหญ่มากและมีประชากรมากถึง20ล้านคนแล้วเราจะไปหาสองแม่ลูกเจอได้อย่างไรกัน?
ติดตามตอนต่อไป…………….