TXV – 281 ไม่หลั่งน้ำตา !
เฉินตูเทียนหยินได้เปิดตาออกทั้งสองข้างภาพแรกที่เธอได้เห็นคือภาพของเซี่ยเหล่ยแต่อย่างไรก็ตามภาพที่เธอเห็นนั้นคือเซี่ยเหล่ยที่เดินเข้ามาหาเธออย่างช้าๆ……
“เทียนหยิน สุขสันต์วันเกิด” อันซูฮยอนพูดขึ้น
“ขอบคุณ” เฉินตูเทียนหยินพูดขึ้นและยิ้ม
ในตอนนี้ถู่ชิงหลงได้เดินมาอยู่ด้านหน้าของเฉินตูเทียนหยินจากนั้นก็ส่งของขวัญให้เธอย่างนุ่มนวล เฉินตูเทียนหยินรับของของขวัญและแกะมันออกจากห่อทันทีเมื่อเธอแกะมันออกจากห่อเสร็จแล้วก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นสิ่งที่อยู่ในห่อคือรูปภาพพร้อมกรอบสวยงามซึ่งในภาพนั้นคือเฉินตูเทียนหยิน เธอสวยมาก เธอเปรียบเหมือนกับนางฟ้าเลยก็ว่าได้
“ผมใช้เวลาวาดมันอยู่ครึ่งเดือนหวังว่าคุณจะชอบมันนะ” ถู่ชิงหลงพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“ขอบคุณมาก” เฉินตูเทียนหยินพูดขึ้นพร้อมมองไปที่ภาพอีกครั้งถึงแม้ว่าตอนนี้สายตาของเธอจะมองไปที่ภาพวาดแต่ภายในใจของเธอกำลังคิดถึงใครคนหนึ่งอยู่ซึ่งไม่ต้องพูดก็รู้ว่าเป็นใคร
เซี่ยเหล่ยกำลังเดินไปตามทางที่มีไม้ไผ่อยู่เต็มสองข้างทางตามทางเดินมีโคมไฟอยู่ตลอดทางมันมีสีเหลืองอ่อนสลัวๆในตอนนี้ที่มันกำลังสว่างอยู่ก็จะมีผีเสื้อเข้ามาตอมล้อมรอบโคมไฟนี้
ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ทำให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกตื่นตัวขึ้นมา เขาได้กระตุกตาซ้ายเล็กน้อยก่อนที่จะมองไปรอบๆบริเวณนั้นจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “คุณกำลังไปที่ไหน? ถ้าคุณไม่พูดอะไร ผมจะกลับแล้ว”
ในความเป็นจริงเซี่ยเหล่ยได้มองผ่านเข้าไปที่ร่างกายของพวกบริกรก่อนหน้านี้แล้วพวกเขาไม่ได้มีอาวุธพกติดตัวเลยแต่อย่างไรก็ตามเขายังคงระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
“เป้าหมายอยู่ข้างหน้า ตามผมมา” บริกรพูดขึ้นและเดินต่อไป
ในขณะนี้เซี่ยเหล่ยมองไปรอบข้างของเขาเพื่อที่จะมองว่ามีใครแอบซ่อนอยู่หลังแนวไผ่ซึ่งก็ไม่พบนั่นจึงทำให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง
ตอนนี้เซี่ยเหล่ยยังคงเดินไปตามทางพร้อมกับบริกร
ตรงสุดเส้นทางเดินมีบ้านอยู่หลังหนึ่ง มันเป็นบ้านที่มีกระเบื้องหลังคาเป็นสีฟ้าตัวผนังเป็นสีเทาให้ความรู้สึกย้อนยุคอย่างมาก
เมื่อทั้งคู่เห็นบ้านหลังนั้นแล้วบริกรก็พูดขึ้นในขณะที่กำลังเดินจะถึงบ้านว่า “คุณผู้ชาย เชิญเข้าไปข้างใน”
ทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู บริกรก็ได้เคาะประตูทันทีที่มาถึง
หลังจากที่บริกรเคาะประตูเสร็จ เซี่ยเหล่ยก็มองทะลุเข้าไปภายในบ้านก็ทำพบว่าบ้านหลังนี้มีห้องอยู่ห้องเดียวและภายในห้องนั้นเซี่ยเหล่ยก็พบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ เซี่ยเหล่ยพยายามมองไปที่ใบหน้าของเธอเพื่อที่จะดูว่าเป็นใครและเมื่อเขาเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าเป็นใครก็ทำให้เขาตกตะลึงในทันที
เพราะใบหน้าของผู้หญิงที่เซี่ยเหล่ยเห็นนั้นก็คือกู๋เค่อเหวิน……
ในตอนนี้เซี่ยหล่ยเดินมาถึงหน้าประตูแล้วแต่เขายังไม่ได้เปิดเขาไป เขายังคงยืนรออยู่ที่หน้าประตูอย่างเงียบๆ เขามองไปที่ร่างกายของเธอก็พบว่าเธอไม่ได้ซ่อนอาวุธไว้ที่ร่างกายเลย
เซี่ยเหล่ยได้มองไปรอบๆบ้านให้ทั่วเพื่อความแน่ใจว่าไม่มีใครแอบซ่อนอยู่จริงๆ
เซี่ยเหล่ยคิดในใจอย่างงุนงงว่า “ไม่อยากจะเชื่อเลย กู๋เค่อเหวินต้องการที่จะเจอเราทำไมกันหล่ะ?”
ในเวลานี้จู่ๆประตูก็เปิดเองพร้อมกับกู๋เค่อเหวินที่ยืนอยู่ที่หน้าประตู เธอมองไปที่เซี่ยเหล่ยก่อนพูดขึ้นว่า “ไม่กล้าเข้ามางั้นเหรอ? ฉันไม่มีอาวุธหรอกนะและก็ไม่มีคนอื่นซ่อนตัวอยู่ด้วยเมื่อเป็นแบบนี้แล้วคุณคงไม่กลัวที่จะเข้ามาหรอกใช่มั้ย ?”
เซี่ยเหล่ยไม่ตอบอะไรเขารีบก้าวเดินเข้าไปข้างในตัวบ้าน ภายในใจของเขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องที่เธอจะแอบซ่อนอาวุธหรือลูกน้องของเธอบริเวณบ้านแห่งนี้ แต่เขาสงสัยว่าทำไมเธอจึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่และเวลานี้
กู๋เค่อเหวินปิดประตูทันทีหลังจากที่เซี่ยเหล่ยเดินเข้าบ้านไป
“จะดื่มอะไรหน่อยมั้ย?” กู๋เค่อเหวินถาม
เซี่ยเหล่ยมองไปที่โต๊ะที่วางอยู่ตัวเดียวภายในบ้านบนโต๊ะมีกาแฟและโคคาโคล่าอยู่สามขวดพร้อมกับไวน์แดงหนึ่งขวด มีแก้วกาแฟวางอยู่สองใบตรงบริเวณขอบโต๊ะตรงหน้าเก้าอี้ ใบหนึ่งมีรอยไวน์แดงแล้วซึ่งก็คือแก้วของกู๋เค่อเหวิน ส่วนอีกใบหนึ่งยังสะอาดอยู่ซึ่งดูแล้วมันยังคงไม่ได้ถูกใช้งาน
“มีอะไรงั้นเหรอ? หรือกลัวว่าฉันจะมอมคุณ? “กู๋เค่อเหวินพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน
เซี่ยเหล่ยส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า “ผมไม่ได้กลัวคุณจะมอมหรอกแต่ผมกลัวว่าคุณจะแอบใส่ยาพิษซะมากกว่า….ว่าแต่คุณมีอะไรก็พูดมาเลยไม่ต้องมาอ้อมค้อม “
กู๋เค่อเหวินเทไวน์ใส่แก้วให้เซี่ยเหล่ยพร้อมพูดขึ้นว่า “ตอนนี้คุณมีความสุขดีอยู่หรือป่าว?”
“ทำไมงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยถาม
“ก็การที่พ่อของฉันหายไปไหนก็ไม่รู้ส่วนพี่ชายก็โดนจับกุมตัวไว้ ทรัพย์สินก็โดนยึดตอนนี้ตระกูลของเราอยู่ในขั้นวิกฤติ คุณคงจะมีความสุขมากสินะ “
เซี่ยเหล่ยส่ายหัวเบาๆ
“ฮ่าฮ่า …… คุณไม่มีความสุขหรือ? เพราะว่าฉันยังมีชีวิตอยู่ใช่มั้ยหล่ะ? คุณถึงยังไม่มีความสุข! ” กู๋เค่อเหวินพูด
ไม่รุ้ว่าทำไมเมื่อก่อนนี้ทุกครั้งที่เห็นกู๋เค่อเหวิน เซี่ยเหล่ยจะรู้สึกรังเกียจเธอเป็นอย่างมากแต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่เห็นเธอเซี่ยเหล่ยกลับรู้สึกสงสารขึ้นมาแทน
“คุณจะไม่จับฉันเหรอ? อ่อใช่…เพราะฉันไม่เคยทำอะไรไม่ดียังไงหล่ะ! ” กู๋เค่อเหวินพูดขึ้นอย่างมั่นใจ
เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นทันทีว่า “อย่ามาตลกดีกว่าหน่า คุณคิดว่าตัวเองไม่เคยทำอะไรไม่ดีอย่างนั้นเหรอ ตระกูลกู๋ของคุณมีส่วนร่วมในอาชญากรรมมากมาย คุณจะบอกว่าคุณไม่มีส่วนรู้เห็นกับสิ่งเหล่านั้นเลย ? ตลกสิ้นดี ! “
“นี่ ฉันไม่ได้ให้คุณมาที่นี่เพื่อที่จะมาทะเลาะกับฉัน คุณกับฉันต่อสู้กันเป็นระยะเวลานานมากแล้วและตอนนี้ฉันก็เบื่อเต็มทีแล้วด้วย ” ท่าทางของกู่เค่อเหวินนั้นดูเหมือนกับเหนื่อยล้าเต็มที
“คุณให้ผมมาเจอเพื่อต้องการจะพูดแค่นี้งั้นเหรอ? “เซี่ยเหล่ยพูดขึ้น
กู๋เค่อเหวินยิ้มเล็กน้อยก่อนพูดขึ้นว่า “คุณรู้รึปล่าว? สิ่งที่ฉันเกลียดมากที่สุดคือการที่คุณทำตัวแบบนี้ทำตัวเหมือนกับว่าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลยทั้งที่จริงมันไม่ใช่ “
เซี่ยเหล่ยไม่สนใจคำพูดของเธอและลุกขึ้นเพื่อที่จะเดินกลับ
“เดี๋ยวก่อน!” กู๋เค่อเหวินเรียกเซี่ยเหล่ยเพื่อต้องการให้เขาหยุดจากนั้นก็พูดขึ้นต่อทันทีว่า “พ่อของฉันตายแล้ว !”
เซี่ยเหล่ยหยุดเดินในทันทีจากนั้นก็หันกลับไปพูดกับเค่อเหวินว่า “คุณรู้ได้ยังไง ?”
กู๋เค่อเหวินตอบไปว่า “เลขานุการของพ่อฉันบอกฉันว่า เขาได้รับโทรศัพท์เมื่อวันก่อนหลังจากวางสายเขาก็ได้เรียกฝ่ายบัญชีเข้าไปคุยด้วยจากนั้นเงินก็ถูกโอนไปที่ไหนไม่รู้จำนวนห้าพันล้านหยวนและหลังจากนั้นเขาก็หายตัวไปในคืนนั้นทันทีจนถึงขณะนี้ฉันก็ยังไม่ได้ข่าวคราวของเขาเลย ฉันเชื่อว่าเขาจะต้องตายแล้วแน่ๆ “
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมก็น่าจะเห็นคุณเศร้าบ้างนะ แต่นี่ไม่เลย” เซี่ยเหล่ยพูด
“คนในตระกูลของเราไม่เคยหลั่งน้ำตาเพราะคนที่หลั่งน้ำตาคือคนที่อ่อนแอ” กู๋เค่อเหวินพูดขึ้นและก็พูดต่อว่า “คนที่โทรมาหาพ่อของฉันในคืนนั้นคือเชียวฉี๋เขาเป็นคนที่มีอำนาจมาก เขาเป็นคนที่อันตรายยิ่งกว่าพ่อของฉันอีก ฉันเชื่อว่าเขาจะต้องเป็นคนฆ่าพ่อของฉันแน่ๆ เราสามารถร่วมมือกันได้ พวกเราสามารถที่จะฆ่าเขาได้ “
เป้าหมายของกู๋เค่อเหวินในครั้งนี้ทำให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกประหลาดใจมาก
“ที่จริงฉันก็รู้มาว่าคุณทำงานให้กับสำนักงานลับ 101 การตามจับผู้กระทำผิดคือหน้าที่ของคุณใช่มั้ยหล่ะพี่ชายของฉันก็ถูกจับแล้วแต่ทำไมคุณถึงไม่จับเชียวฉี๋ด้วยหล่ะ! “
เมื่อฟังจนจบเซี่ยเหล่ยก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีเพราะหลงบิงเคยเตือนเขาไว้แล้วว่าในบรรดาผู้ที่มีอิทธิพลนั้นกู๋ดิงชานเป็นคนที่จะจัดการได้ง่ายที่สุดส่วนผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆนั้นไม่อาจเข้าถึงได้เลย
“พูดอะไรบ้างสิ!” กู๋เค่อเหวินโผล่งออกมาด้วยความโกรธ
“คุณคิดว่ามันไม่แฟร์กับตัวคุณเองงั้นเหรอ?” ในที่สุดเซี่ยเหล่ยก็พูดขึ้น
“ใช่! นี่มันไม่แฟร์!” กู่เค่อเหวินตอบเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เลย ตระกูลกู๋ของคุณขยายอำนาจขึ้นอย่างรวดเร็วหลายคนถูกบีบบังคับจากพ่อของคุณ บางคนถึงขนาดที่ว่าโดนสั่งฆ่าเพราะมีแนวโน้มที่จะไปขัดขวางการขยายอำนาจและธุรกิจของตระกูลคุณนั่นรวมถึงพ่อของแดลนี่ด้วยที่ต้องตกเป็นเหยื่อซึ่งในขณะที่พวกเขากำลังทุกข์ทรมานอยู่นั้น พ่อของคุณกลับอยู่อย่างสุขสบายขึ้นทุกวัน คุณคิดว่าคนพวกนั้นจะรู้สึกอย่างไรหล่ะและอีกอย่างคุณเองก็เป็นคนที่ไล่หลิวหยิงให้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ออสเตรเลีย คุณคิดว่าเธอจะรู้สึกยุติธรรมอย่างนั้นเหรอ? “
“ฉันไม่สนใจเรื่องอื่น” กู๋เค่อเหวินพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยพร้อมพูดต่อว่า” ฉันต้องการให้คุณร่วมมือกับฉัน เราจะฆ่าเชียวฉี๋และคนที่เกี่ยวข้องกับเขาทุกคน! “
เซี่ยเหล่ยตอบไปว่า “ผมไม่สนใจหรอกนั่นมันเรื่องของคุณและหลังจากนี้ผมคิดว่าเราไม่ควรที่จะพบกันอีก “
“งั้นก็คืนพี่ฉันมา!” กู๋เค่อเหวินพูด
เซี่ยเหล่ยยิ้มให้หนึ่งครั้งก่อนหันหลังแล้วเดินออกไป
กู๋เค่อเหวินรีบลุกขึ้นและวิ่งไปขวางหน้าเซี่ยเหล่ยจังหวะที่เธอจะไปขวางหน้าเซี่ยเหล่ยนั้น เธอได้เอามือปัดที่ไหล่เสื้อของตัวเองทำให้ชุดของเธอร่วงหล่นไปกองอยู่ที่พื้นนั่นทำให้ร่างกายของเธอในตอนนี้เหลือเพียงแค่ชุดชั้นใน
เซี่ยเหล่ยรีบพูดขึ้นทันทีว่า “คุณจะทำอะไร”
“แค่ปล่อยพี่ของฉันออกมาแล้วคุณจะได้ร่างกายนี้เป็นการตอบแทน” กู๋เค่อเหวินพูด
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนพูดขึ้นว่า “ผมไม่มีอำนาจขนาดนั้นและอีกอย่างทำไมผมจะต้องช่วยคุณหล่ะ? เราไม่ได้เป็นเพื่อนกันด้วยซ้ำ! “
จู่ๆดวงตาของกู๋เค่อเหวินก็เปิดกว้างขึ้นทันทีพร้อมกับยืนตกตะลึงอยู่กับที่
จังหวะนี้เองเซี่ยเหล่ยก็เดินเลี่ยงไปด้านข้างของกู่เค่อเหวินและออกจากบ้านไปโดยไม่ได้หันหลังกลับมามองเธออีกเลย
หลังจากที่เซี่ยเหล่ยเดินออกไปน้ำตาของกู๋เค่อเหวินก็ไหลออกมาทันทีการที่บอกว่าคนตระกูลกู๋ไม่ร้องไห้กันนั้นนั่นเป็นเรื่องโกหก
กู๋เค่อเหวินพยายามตั้งสติและหันกลับไปเพื่อที่จะพูดกับเซี่ยเหล่ยที่กำลังเดินออกไปว่า ” เซี่ยเหล่ย ฉันจะให้โอกาสคุณอีกครั้งคุณจะร่วมมือกับฉันมั้ย ? ถ้าไม่ ฉันขอสาบานเลยว่าถ้าฉันยังไม่ตาย ฉันจะต้องทำให้คุณเสียใจไปตลอดชีวิต ! “
แต่มันก็สายไปเพราะกว่าที่เธอจะตั้งสติและหันกลับมาพูดได้นั้น เซี่ยเหล่ยก็เดินไปไกลมากแล้วไกลขนาดที่ทำให้เขาไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด
เซี่ยเหล่ยเดินกลับไปที่ห้องโถงที่จัดงานเลี้ยงวันเกิดพร้อมกับพูดคุยกับคนอื่นอย่างสนุกสนาน
หลังจากที่เซี่ยเหล่ยกลับไป ไม่นานกู๋เค่อเหวินก็ได้เดินออกจากสำนักงานเกตเตอร์ลิ่งผ่านทางประตูหลัง เธอได้ตรงไปที่ชายหาดที่มีเรือสปีดโบ๊ทรออยู่โดยที่สปีดโบ๊ทนั้นมีด่งชิงเหยี่ยรออยู่บนเรือ
ใกล้กับเรือสปีดโบ้ทที่ด่งชิงเหยี่ยรออยู่ก็มีเรือลำเล็กลำหนึ่งจอดเทียบท่าอยู่ด้วยไม่นานกู๋เค่อเหวินก็เดินเข้าไปใกล้กับเรือใกล้มากพอที่จะเห็นด่งชิงเหยี่ยที่กำลังรออยู่บนเรือด้านด่งชิงเหยี่ยที่เห็นกู๋เค่อเหวินกำลังเดินเข้ามาเรื่อยๆนั้น เธอก็ยืนขึ้นและกรีดร้องออกมาทันที
กู๋เค่อเหวินรู้ได้ในทันทีว่าจะต้องมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นแน่ เธอได้หันหลังกลับทันทีและเตรียมตัวที่จะวิ่งกลับเข้าไปด้านในแต่ไม่ทันไรเธอก็โดนแขนที่ใหญ่และยาวคว้าตัวไว้ได้ก่อนที่เธอจะเริ่มออกตัววิ่ง
“อ๊ากกกก………” กู๋เค่อเหวินพยายามดื้นรนต่อสู้เพื่อหลบหนีแต่สุดท้ายเธอก็ต้านแรงชายคนนั้นไม่ไหว
ติดตามตอนต่อไป………..