TXV – 277 บททดสอบ !
เช้าวันรุ่งขึ้นเซี่ยเหล่ยได้รับโทรศัพท์จากหลงบิงจึงทำให้เขาขับรถไปหาเธอที่สำนักงานลับ 101 ในทันทีหลังจากผ่านไปไม่นานเซี่ยเหล่ยก็มาถึง เขารีบลงจากรถและเดินเข้าอาคารไปทันที
ด้านหลงบิงตอนนี้รออยู่ที่เค้าเตอร์ตรงบริเวณทางเข้า เธอสวมชุดสูทสีดำด้วยหุ่นและรูปร่างของเธอที่เพรียวบาง ทำให้เธอดูเท่ห์มากเมื่อใส่ชุดสูทแบบนี้
“คุณมาเร็วมาก ฉันไม่คิดว่าคุณจะมาถึงเร็วขนาดนี้” หลงบิงพูดขึ้นเมื่อเห็นเซี่ยเหล่ยกำลังเดินเข้ามา
“การมีรถทำให้อะไรๆสะดวกขึ้นเยอะเลย” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมมองไปที่หลงบิง ก่อนพูดขึ้นอีกว่า “อ่อใช่…มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
“มีเรื่องที่ฉันยังไม่ได้บอกคุณก่อนหน้านี้เพราะฉันกำลังยุ่งแต่ตอนนี้ฉันว่างแล้ว ” หลงบิงพูดขึ้นพร้อมหันหน้าไปที่ลิฟต์และพูดขึ้นว่า “มากับฉัน เราจะไปคุยกันที่อื่น”
เซี่ยเหล่ยเดินตามหลงบิงไปที่ลิฟต์และคิดขึ้นในใจว่า ‘ไม่ว่าหลงบิงหรือฉือโบเหยินจะหลอกล่อด้วยวิธีไหนก็ตาม เราก็จะยังยืนกรานเหมือนเดิมซึ่งถ้าเราไม่พูดพวกเขาก็จะไม่มีทางรู้ถึงแม้พวกเขาจะรู้เรื่องของยานั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรสำหรับเรา และสุดท้ายถ้าพวกเขายังสงสัยอยู่แต่ตราบใดที่เรายังไม่ได้ทำอะไรผิด พวกเขาก็ไม่อาจที่จะกักขังเราไว้ได้!’
ทั้งคู่เดินเข้าลิฟต์ไปเมื่อเข้าไปข้างในแล้วหลงบิงก็ได้ทำการตรวจสอบรหัสผ่านเมื่อผ่านแล้วเธอก็ทำการกดลิฟต์ไปยังชั้นพิเศษหลังจากกดลิฟต์แล้วหลงบิงก็ได้ใช้หางตาแอบมองไปที่เซี่ยเหล่ย หางตาของเธอที่มองไปที่เซี่ยเหล่ยนั้นราวกับว่ากำลังต้องการที่จะอ่านใจเขาผ่านการสังเกตปฏิกิริยาจากร่างกาย
ด้านเซี่ยเหล่ยเองก็รู้ตัวว่าตัวเองถูกแอบมองอยู่ เขาก็ได้มองกลับไปที่หลงบิงพร้อมด้วยรอยยิ้มที่กำลังปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา ถ้าจะมีใครซักคนในโลกที่อ่านใจคนได้อย่างแม่นยำนั้น คนๆนั้นก็น่าจะเป็นเซี่ยเหล่ย
เมื่อลิฟต์ไปหยุดที่ชั้นพิเศษ พวกเขาทั้งสองคนก็ได้ออกมาจากลิฟต์ หลงบิงได้นำเซี่ยเหล่ยเดินไปที่ห้องทรงกลมห้องหนึ่งนั่นทำให้เซี่ยเหล่ยแปลกใจเล็กน้อยเพราะเขาคิดว่าหลงบิงจะพาเขาไปที่ห้องของฉือโบเหยิยน……
ภายในห้องทรงกลมนั้นไม่มีอะไรอยู่เลยนอกจากเก้าอี้และผนังของมันเป็นโลหะเงิน เพดานก็เช่นกัน
“ที่นี่ที่ไหน?” เซี่ยเหล่ยถามขึ้นเพราะภายในจิตใจของเขาตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่
หลงบิงตอบไปว่า “ห้องสำหรับพูดคุย”
เซี่ยเหล่ยมองไปที่หลงบิงทันทีและพูดขึ้นว่า “อย่ามาล้อเล่น นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ”
เซี่ยเหล่ยพูดออกไปเพราะเขาไม่เชื่อคำพูดของหลงบิง
หลงบิงยักไหล่ขึ้นหนึ่งครั้งพร้อมพูดขึ้นว่า “แต่มันคือความจริง…เอาเป็นว่าคุณรอที่นี่ก่อน เดี๋ยวฉันกลับมา”
“คุณจะไปไหน?” เซี่ยเหล่ยถามขึ้น
แต่หลงบิงไม่ได้สนใจคำถามของเซี่ยเหล่ยเลยเธอเดินกลับออกไปทางประตู และเมื่อเธอออกไปแล้วประตูก็ปิดลงทันที
ตอนนี้ภายในห้องทรงกลมมีเพียงแค่เซี่ยเหล่ยคนเดียว นั่นจึงทำให้บรรยากาศภายในห้องดูวังเวงมาก
แม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะไม่ได้มีโรคกลัวที่มืดหรือกลัวที่แคบแต่การที่ต้องมาอยู่ในห้องนี้ ก็ทำให้เขารู้สึกกังวลเหมือนกัน ในความเป็นจริงเขาอยากที่จะออกไปจากห้องนี้แต่เมื่อเขามองไปที่ประตู เขาก็หลับตาลงพร้อมกับรู้สึกหมดหวังทันทีเพราะเขารู้อยู่แล้วว่าเขาไม่อาจจะออกไปจากห้องนี้เองได้
เห็นได้ชัดว่าหลงบิงและฉือโบเหยิยนต้องการที่จะสอบสวนและทดสอบเซี่ยเหล่ยแม้ว่ากำแพงและเพดานในห้องนี้จะถูกสร้างด้วยโลหะเงินก็ตามแต่ที่นี่คือ สำนักงานลับ 101 แน่นอนว่าภายในห้องนี้จะต้องถูกควบคุมและถูกจับตาดูอยู่ตลอด ซึ่งถ้าเซี่ยเหล่ยเผลอใช้ความสามารถพิเศษที่เขามีขึ้นที่นี่ก็จะทำให้หลงบิงและฉือโบเหยิยนเรียกตัวผู้เชี่ยวชาญให้มาทดสอบตัวเขาในทันที!
เขาจะไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่!
การแสดงทั้งหมดของหลงบิงนั้น เซี่ยเหล่ยรู้ตัวอยู่ก่อนแล้วเพราะเขาคุ้นเคยกับมันดีเนื่องจากเขาได้เห็นหลงบิงแสดงความสามารถในด้านนี้หลายครั้งแล้วและเมื่อเขารู้ว่าหลงบิงและฉือโบเหยิยนต้องการอะไรจากเขา นั่นก็จะทำให้เขาไม่แสดงความสามารถออกมาเด็ดขาด
เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง เซี่ยเหล่ยก็ลุกขึ้นและเดินตรงไปที่ประตู เขาพยายามจะเปิดมันแต่ไม่ว่าอย่างไรประตูก็ไม่เปิดออกแต่นั่นก็ไม่ทำให้เขายอมแพ้ เขาได้ตะโกนใส่ประตูไปว่า “เฮ้…หลงบิง คุณอยู่ที่ไหน? มาเปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
การกระทำของเซี่ยเหล่ยก็เป็นความตั้งใจจากตัวของเขาเอง ซึ่งเขาก็กำลังแสดงอยู่เช่นกัน
ภายในห้องของชั้นพิเศษนี้ ฉือโบเหยิยนกำลังนั่งเฝ้าจอมอนิเตอร์หลายๆจอ พร้อมกับกอดอกและขมวดคิ้ว
ในห้องนั้นยังผู้เชี่ยวชาญพร้อมทั้งหลงบิงและถ่างหยู่เหยี่ยอยู่ด้วย
ภายในจอมอนิเตอร์ตอนนี้ เซี่ยเหล่ยกำลังเตะประตูอยู่พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ผู้บริหารฉือ อย่าให้ผมเจอคุณก็แล้วกันไม่อย่างนั้นผมจะดึงเคราคุณออกให้หมด! “
หลงบิงที่ได้ยินคำพูดของเซี่ยเหล่ยก็เกือบที่จะหลุดหัวเราะออกมาแต่เธอก็กลั้นไว้ได้
ผิดกับถ่างหยู่เหยี่ยที่ไม่สามารถกลั้นไว้ได้จึงทำให้เธอหัวเราะออกมาเสียงดัง
ฉือโบเหยิยนจ้องไปที่ถ่างหยู่เหยี่ยทันทีที่เธอหัวเราะออกมา
ถ่างหยู่เหยี่ยไม่ได้รู้สึกกลัวกับการที่ฉือโบเหยิยนมองมาเลยเลย เธอมองกลับไปที่เขาพร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูสิ่งที่เขาพูดสิ เฮ้เฮ้…ฉันไม่รู้ว่าเขาไปเอาความกล้าแบบนี้มาจากที่ไหน “
ด้านฉือโบเหยิยนที่ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงอะไรกับถ่างหยู่เหยี่ยก็ทำให้เขาตัดสินใจที่จะหันหน้ากลับไปที่จอมอนิเตอร์และคอยสังเกตเซี่ยเหล่ยต่อไป
แม้แต่ในตอนนี้เซี่ยเหล่ยก็ยังคงพูดอยู่ตลอดว่า “หลงบิง คุณมันเป็นผู้หญิงที่แย่มาก คุณหลอกให้ผมมาที่นี่ คุณต้องการอะไรกันแน่ทั้งๆที่ผมสอนหมัดหวิงชุนให้กับคุณ แถมยังทำอาหารอร่อยๆให้อีก…. “
“ฮ่าฮ่า….. ” ถ่างหยู่เหยี่ยที่ได้ยินเซี่ยเหล่ยพูดอยู่นั้นไม่สามารถที่จะกลั้นหัวเราะกับคำพูดของเขาได้ จากนั้นเธอก็พูดขึ้นมาพร้อมทั้งที่ยังหัวเราะอยู่ว่า “ผู้ชายคนนี้ตลกจัง เขาไม่รู้ว่าคุณกำลังมองเขาอยู่และการที่เขาแสดงกิริยาแบบนี้ออกมาทำให้ฉันคิดไปว่าเขาก็มีนิสัยเหมือนกับผู้หญิงเหมือนกันนะ ฮ่าฮ่า…มันตลกจริงๆ”
หลงบิงจ้องไปที่ถ่างหยู่เหยี่ยทันทีที่เธอพูดจบ
ถ่างหยู่เหยี่ยผายมือออกพร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมกันหล่ะ…ฉันพูดความจริงหนิแล้วฉันก็ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมคุณทั้งสองคนจะต้องทำเช่นนี้กับเขาด้วยเท่าที่ฉันรู้คือผู้ชายคนนี้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือประเทศของเราเอาไว้ เขาไม่ใช่คนเลว แถมยังไม่ใช่ศัตรูของเราด้วย”
หลงบิงตอบกลับไปว่า “ฉันพูดเมื่อไหร่ว่าเขาเป็นคนเลว? ฉันพูดเมื่อไหร่ว่าเขาเป็นศัตรูของเรา?”
“แล้วทำไมคุณถึงทำกับเขาแบบนี้หล่ะ?” ถ่างหยู่เหยี่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
หลงบิงตอบว่า “เขาเป็นคนฉลาดที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา อีกอย่างร่างกายของเขาก็มีความลับซ่อนอยู่นั่นเป็นสิ่งที่ฉันอยากรู้ คุณไม่รู้สึกแปลกบ้างเหรอก่อนหน้านี้เขาได้สร้างเครื่องจักรที่ทันสมัยและอัจริยะที่สุดในโลก แถมเขายังปรับปรุงปืนไรเฟิลที่สามารถยิงได้ไกลถึงสามพันสองร้อยเมตร แถมตอนนี้ยังเป็นเจ้าของบริษัทอีกสองแห่ง คุณไม่คิดว่ามันน่าสงสัยบ้างเหรอทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาทำงานอยู่ในไซต์งานก่อสร้างกระจอกๆ ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยส่ายหัว
หลงบิงพูดต่อว่า “ฉันเองก็ไม่อยากที่จะทำแบบนี้กับเขาหรอกนะแต่หน้าที่ของเราคือต้องตรวจสอบเรื่องนี้ รวมไปถึงตัวเขาด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“อืม…ภารกิจสินะ ฉันเข้าใจแล้ว” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้นและพูดต่อว่า “คิดซะว่าเมื่อกี้ฉันไม่ได้ถามอะไรเลยก็แล้วกัน”
“เงียบๆกันหน่อยได้มั้ย? “ฉือโบเหยิยนพูดขึ้น
การพูดของฉือโบเหยิยนทำให้ทั้งหลงบิงและถ่างหยู่เหยี่ยเงียบลงทันทีจากนั้นทั้งคู่ก็มองหน้ากันชั่วขณะก่อนที่จะหันกลับไปมองที่จอมอนิเตอร์
ภายในห้องทรงกลมเซี่ยเหล่ยรู้สึกหมดหวังและเดินถอยออกมาจากประตู จากนั้นเขาก็ได้เดินไปทั่วห้องเพื่อที่จะมองหาเผื่อว่าจะมีประตูลับซ่อนอยู่
จังหวะเดียวกันนี้ฉือโบเหยิยนได้ยื่นมือออกไปกดสวิทช์บนคอนโซลควบคุม
หลังจากนั้นไม่นานภายในห้องก็มีเส้นเซนเซอร์จำนวนเก้าจุดออกมาจากสามทิศทางทั้งซ้ายขวาและด้านบน เมื่อครบกระบวนการขั้นตอนในการวางตำแหน่งของเซ็นเซอร์แล้ว มันก็ได้ปล่อยคลื่นออกมาทันที ซึ่งคลื่นนี้มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ทำให้เซี่ยเหล่ยตื่นตระหนกและพูดขึ้นทันทีว่า “นี่มันอะไรกัน พวกคุณต้องการที่จะทำอะไร? พวกคุณต้องการที่จะฆ่าผมอย่างนั้นเหรอ? ปล่อยผมออกไปเดี๋ยวนี้! ผมจะไปแจ้งตำรวจมาจับพวกคุณ ! “
ไม่มีเสียงตอบรับจากคำพูดของเซี่ยเหล่ยและตอนนี้ภายในห้องทรงกลมเครื่องสแกนก็ยังคงทำหน้าที่สแกนต่อไป
“ดูเหมือนว่าเขาก็เป็นคนปอดแหกเหมือนกันนะ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้น
“เขากล้าที่จะแอบเข้าไปสืบข้อมูลที่บ้านของกู๋ดิงชานด้วยตัวคนเดียว คุณยังคิดว่าเขาปอดแหกอยู่อีกมั้ย?” ฉือโบเหยิยนพูดขึ้น
ถ่างหยู่เหยี่ยไม่ได้ตอบอะไร
หลงบิงถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า “คราวนี้เขาดูจะโกรธมาก ถ้าผลลัพธ์ออกมาแล้วว่าเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไป ฉันไม่รู้เลยจริงๆว่าจะอธิบายเรื่องนี้กับเขาอย่างไร “
ในขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่วิเคราะห์ผลกำลังจ้องไปที่จอมอนิเตอร์ หลังจากที่เครื่องสแกนส่งผลลัพธ์ออกมา พวกเขาวิเคราะห์พร้อมทั้งเขียนรายงานขึ้นในเวลาเดียวกัน
ภายในห้องทรงกลมตอนนี้เซี่ยเหล่ยได้ส่งเสียงร้องออกมาดังมากด้วยความโกรธภายนอกเขาอาจจะดูเกรี้ยวกราด แต่จริงๆแล้วภายในใจของเขาสงบนิ่งอย่างมากการกระทำทั้งหมดในตอนนี้ของเขาก็ยังคงเป็นการแสดงอยู่เช่นกัน
อันที่จริงเซี่ยเหล่ยไม่ได้กลัวเครื่องมือที่กำลังสแกนเขาอยู่ในขณะนี้เลยเหตุผลง่ายๆก็คือเพราะมันเป็นความสามารถพิเศษ มันไม่สามารถที่จะตรวจสอบได้ด้วยเครื่องมืออยู่แล้วเปรียบเหมือนกับของขลังที่ถึงแม้ว่าจะมีอยู่จริงแต่ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าขลังจริงหรือเปล่า
‘แต่ยังไงซะ เราเองก็อยากที่จะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้มากขึ้นซักวันเราจะต้องไปที่ศูนย์วิจัยของสหรัฐอเมริกา AE ให้ได้’ เซี่ยเหล่ยคิดขึ้นในใจ
“หลังจากเริ่มสแกนจนถึงตอนนี้เวลาผ่านไปแค่ไม่กี่นาที ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งได้เดินเข้ามาตรงหน้าของฉือโบเหยิยนจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ผู้บริหารฉือ ผลออกมาเรียบร้อยแล้ว”
ฉือโบเหยิยนพูดอย่างกังวลว่า “รีบๆอธิบายมาเร็วๆ”
ผู้เชี่ยวชาญตอบไปว่า “อวัยวะ กระดูก หรือแม้แต่สมองของเขาก็ถือเป็นปกติเหมือนคนทั่วไป ผมได้นำเลือดรวมถึงเนื้อเยื่อผิวหนังของเขาไปตรวจด้วยเหมือนกัน ผลการตรวจออกมาว่าทุกอย่างเป็นปกติ ดังนั้นผมจึงสรุปว่าเขาเป็นคนธรรมดาไม่มีอะไรผิดปกติ “
“คุณแน่ใจใช่มั้ย?” ฉือโบเหยิยนถามซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
ผู้เชี่ยวชาญตอบไปว่า “ผมมั่นใจว่าเครื่องสแกนของเราทันสมัยที่สุดในโลกแล้ว พวกมันจะไม่มีทางโกหกเรา”
ฉือโบเหยืยนถอนหายใจแล้วพูดว่า “เอาล่ะ…ตอนนี้พวกคุณออกไปได้แล้ว”
สิ้นเสียงของฉือโบเหยิยน ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดก็เดินออกจากห้องไป
“เฮ้เฮ้…” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มจากนั้นก็พูดต่อว่า “ฉันเดาว่าคุณจะต้องดูหนังวิทยาศาสตร์จากฮอลลี่วูดมากไปแน่ๆ ในโลกนี้จะไปมีคนที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ได้อย่างไรกัน”
“มันคือภารกิจ!” ฉือโบเหยิยนจ้องไปที่ถ่างหยู่เหยี่ยพร้อมพูดขึ้นและพูดต่อว่า “นี่คือภารกิจของเรา!”
จู่ๆหลงบิงก็ร้องขึ้นมาแล้วพูดว่า “โอ๊ยย…จู่ๆฉันก็ปวดท้อง ฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อนก็แล้วกันนะ หยู่เหยี่ย…คุณไปพาเซี่ยเหล่ยออกมาทีนะ” หลังจากพูดจบหลงบิงก็รีบเดินออกไปในทันทีโดยไม่รอคำตอบของหยู่เหยี่ยเลย
“นี่..! เดี๋ยว…!!” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด
ฉือโบเหยิยนกระแอมขึ้นหนึ่งครั้งแล้วพูดขึ้นว่า “มัวยืนทำอะไรอยู่? ทำไมยังไม่รีบไปอีกหล่ะ”
“ทำไมถึงเป็นฉันหล่ะ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้นด้วยความรู้สึกหดหู่เพราะไม่ว่าจะเป็นใครในตอนนี้ที่ไปพาเซี่ยเหล่ยออกมาจากห้องทรงกลมก็จะต้องรับมือกับความโกรธของเซี่ยเหล่ยแน่ๆ
ฉือโบเหยิยนพูดขึ้นว่า “ถ้าไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใครหล่ะ…ผมงั้นเหรอ? นี่…เป็นคุณหน่ะดีแล้ว ไปเถอะ!! แต่ถ้ายังไงถ้าเขาถามถึงผมก็บอกไปว่าผมได้เดินทางไปศึกษาดูงานที่รัสเซีย “
ติดตามตอนต่อไป……..