TXV – 325 ภายใต้การควบคุม !
การที่อันซูฮยอนปรากฏขึ้นตอนนี้ เซี่ยเหล่ยคิดว่ามีความเป็นไปได้อยู่สองอย่าง
ความเป็นไปได้แรกคือการที่เขาและฉิงเสวียงได้ทิ้งร่อยรอยที่พอจะเป็นหลักฐานชี้ตัวเอาไว้ พวกเขาเลยนํากําลังมาจับกุมตัว
ความเป็นไปได้ที่สองคือเขาและฉิงเสวี่ยงไม่ได้เหลือหลักฐานที่จะมัดตัวไว้เลย แต่ เขาจะนํากําลังมาข่มขู่หรือยัดเยียดข้อหาให้เพราะที่นี่คือเกาหลีใต้บ้านของเขา เขาจะทําอะไรก็ได้ เขาไม่ต้องเกรงกลัวเหมือนตอนที่เขาอยู่ในประเทศจีน!!
ในความเป็นจริงฐานะผู้ติดตาคนหนึ่งของเฉินตูเทียนหยินถ้าอยู่ที่ประเทศจีน อันซูฮยอนคงจะทําอะไรไม่ได้เลยแต่ที่นี่ไม่ใช่เพราะมันคือเกาหลีใต้
นอกจากความเป็นไปได้สองอย่างนี้ เซี่ยเหล่ยไม่สามารถจะนึกได้แล้วว่าจะเป็นอย่างอื่นได้อีกอย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังเป็นปัญหาใหญ่สําหรับเขา
ในขณะที่เซี่ยเหล่ยกําลังวิเคราะห์ความเป็นไปได้อยู่ อันซูฮยอนก็ได้หัวเราะและพูด ขึ้นว่า “คุณเซีย คุณเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ แม้แต่ในเวลานี้คุณก็ยังมีอารมณ์ที่จะดื่มชากับเฉินตูเทียนหยิน”
เซียเหล่ยยิ้มแล้วตอบไปว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เกี่ยวกับผมนี่แล้วทําไมผมถึงจะ ดื่มชาไม่ได้กันหล่ะ?”
เฉินตูเทียนหยินใช้เท้าของเธอที่อยู่ใต้โต๊ะเตะไปที่เท้าของเซี่ยเหล่ยที่อยู่ใต้โต๊ะเหมือนกัน มันเป็นสัญญาณเตือนว่าอย่าไปยั่วอารมณ์ของอันซูฮยอนในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม มันไม่ทันซะแล้วอันซูฮยอนรู้สึกโกรธ เขาใช้กําปั้นทุบไปที่โต๊ะทันที พร้อมพูดขึ้นว่า “เซี่ยเหล่ย ผมสงสัยว่าคุณได้ขโมยสมบัติโบราณล้ําค่าที่มีมูลค่ากว่า2000ล้านของเราไป เราต้องการให้คุณไปกับเรา!”
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนที่จะพูดออกไปด้วยใบหน้าที่เรียบง่ายว่า “อืม…คุณพูดได้น่าสนใจ ดีนะ คุณพูดเหมือนกับว่าผมขโมยของสะสมโบราณของคุณแล้ว แต่ไหนหล่ะหลักฐาน หลักฐานที่บ่งบอกว่าผมเป็นคนเอามันไปมีหรือเปล่าหล่ะ? ”
“หลักฐาน? คุณต้องการหลักฐานใช่มั้ย? “อันซูฮยอนพูดด้วยความโกรธอย่างมาก และพูดต่อทันทีว่า “ได้..ผมจะเอาหลักฐานให้ดู! “
หลังจากอันซูฮยอนพูดจบไม่นานพ่อบ้านก็เดินเข้ามาที่โต๊ะ เขาคือชเว มยองโฮนั่น เอง เขาก็ยิ้มเยาะเย้ยก่อนพูดขึ้นว่า “ผมเห็นคุณเข้าไปที่ห้องจัดแสดงหลังจากนั้นคุณก็นําดาบโบราณออกไป”
นี่คือหลักฐานของอันซูฮยอนแม้ว่าความจริงเขาจะไม่มีหลักฐานแต่เขาก็เลือกที่จะ สร้างมันขึ้นมาเอง!
สิ่งที่พ่อบ้านชเวมยองโฮพูดออกมาทําให้เซี่ยเหลี่ยเข้าใจได้ทันทีว่าความเป็นไปได้ ในข้อแรกไม่มีทางเป็นไปได้ ทําให้ตอนนี้เหลือความเป็นไปได้ที่คิดออกคือความเป็นไปได้ที่สอง
“อืม…” เซี่ยเหลี่ยพูดพร้อมยืนขึ้น ” คุณบอกว่าเห็นผมขโมยดาบโบราณงั้นจริงๆใช่มั้ย?”
อันซูฮยอนพูดขึ้นว่า “ในตอนนี้คุณตกเป็นผู้ต้องสงสัยไม่ว่ายังไงคุณจะต้องถูกสอบ สวน ดังนั้นตอนนี้คุณต้องไปกับผม”
เซี่ยเหล่ยดึงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงพร้อมพูดขึ้นว่า “ก่อนอื่นผม จะโทรไปสถานกงสุลของเราซะก่อน”
เซี่ยเหล่ยยังไม่ทันจะได้กดหมายเลย อันซูฮยอนได้ส่งสัญญาณให้กับตํารวจ เมื่อตํา รวจได้รับสัญญาณแล้วพวกเขาก็ชักปืนขึ้นมาพร้อมตะโกนออกไปเป็นภาษาเกาหลีว่า ”วางโทรศัพท์มือถือลงเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นผมจะยิง! “
ตํารวจชักปืนขึ้นมาเล็งเซี่ยเหลียอย่างรวดเร็วเหมือนกับว่าพวกเขารู้อยู่แล้วว่า ต้องเตรียมชักปืนขึ้นมาในทันทีที่ได้สัญญาณ
เซี่ยเหลียวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ จากนั้นสายตาของเขาก็พยายามกรอกตาม องไปรอบๆคาเฟทั้งภายในและภายนอกร้าน เพียงแค่เวลา32วินาที เขาก็สามารถนับจํานวนคน และยังเห็นทุกซอกทุกมุมภายในภายนอกร้านได้ทั้งหมด ตอนนี้สายตาของเขาได้เก็บรวบรวมภาพสําหรับมองในรูปแบบสามมิติ!
สมองของเซี่ยเหลี่ยไม่เพียงแต่สร้างภาพสามมิติขึ้นมาได้เท่านั้นแต่มันยังช่วยวิเคราะห์เส้นทางที่ดีที่สุดสําหรับการหลบหนีได้อีกด้วย นอกจากนี้มันยังสามารถวิเคราะห์ทางเลือกอื่นๆได้อีกยกตัวอย่างเช่น เขาสามารถหาจังหวะที่ดีที่สุดและแย่งปืนของตํารวจมาเป็นของตัวเองได้
ภาพเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นในหัวของเซี่ยเหลี่ยซ้ําไปซ้ํามาแบบอัตโนมัติ เขาได้วิเคราะห์ วิธีการหลบหนีอยู่ครู่หนึ่งจนในตอนนี้เขาได้เส้นทางและวิธีที่ดีที่สุดในการหลบหนีแล้ว
เซี่ยเหลี่ยรู้สึกประหลาดใจในตัวเองอย่างมาก เขาพบว่าเมื่อตัวเองตกอยู่ในสถานกา รณ์ที่อันตรายทั้งสมอง ร่างกายและสายตาของเขาจะมีประสิทธิภาพดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ!
“AE แคปซูล ส่งผลต่อสมองด้วยงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นกับตัวเองด้วยความสงสัย
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาก่อนแต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว สมองของเขาได้แสดงให้เห็นถึงทักษะการคํานวณและการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม นี่ไม่ใช่การคาด เดา แต่มันเป็นการวิเคราะห์ที่ผ่านการรวบรวมตัวแปรอย่างหลากหลายเรียบร้อยแล้ว!
“ยกมือขึ้น!” ตํารวจพูดกับเซี่ยเหลียอีกครั้ง
เซี่ยเหล่ยมองไปที่ตํารวจอย่างใจเย็น
เฉินตูเทียนหยินวางแก้วชาลงบนโต๊ะ จากนั้นก็ทุบโต๊ะหนึ่งครั้งก่อนจะตะโกนพูดขึ้นด้วยความโกรธว่า ” อันซูฮยอน พอได้แล้ว!”
“ อันซูฮยอนมองไปเฉินตูเทียนหยินด้วยความตกใจ เขาไม่เคย
” ทะ เทียนหยิน เห็นเธอโกรธขนาดนี้มาก่อน
” เซี่ยเหลี่ยเป็นเพื่อนของฉันแถมเขายังเป็นผู้มีพระคุณต่อฉันอีกด้วย คุณไม่ควรจะ ปฏิบัติตัวแบบนี้กับเขา” เฉินตูเทียนหยินพูดด้วยความโกรธตอนนี้ดูเหมือนเธอจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้จะไม่อยู่แล้ว เธอยังพูดต่ออีกว่า ตอนนี้ฉันมีทางเลือกให้คุณสองทาง ทางแรกคือพาคนของคุณและตํารวจกลับไปเดี๋ยวนี้แล้วฉันจะถือว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ส่วนทางเลือกที่สอง คือคุณเอาตัวเซี่ยเหลียไป แต่การร่วมมือกันทางธุรกิจของเราถือเป็นอันยกเลิก! “
อันซูฮยอนตะลึงอยู่ครู่งหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “เทียนหยิน จริงๆแล้วสําหรับโจร แบบนี้ คุณไม่ควรทําให้เป็นเรื่องใหญ่ชนิดที่ว่าจะยกเลิกข้อตกลงทางธุรกิจของเราเลย มันมีมูลค่า มากขนาดไหนคุณก็รู้ คุณต้องการแบบนั้นจริงๆงั้นเหรอ?”
เฉินตูเทียนหยินตอบกลับไปอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้คุณเห็นถึงทางเลือกที่ ฉันเสนอให้คุณแล้ว คุณต้องเลือกมาฉันจะให้เวลาคุณคิดหนึ่งนาที”
ท่าทางที่เฉินตูเทียนหยินแสดงออกในตอนนี้ดูจริงจังอย่างมาก เธอดูองอาจและดู เด็ดเดี่ยวราวกับว่าเธอเป็นราชินีของประเทศที่ทรงอํานาจที่สุด
เซี่ยเหล่ยมองไปที่เฉินตูเทียนหยิน เขารู้สึกสับสนเล็กน้อยเนื่องจากคําพูดที่เธอพูด เมื่อซักครู่นี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก เธอเอาตําแหน่งของเธอเป็นเดิมพันแถมยังพร้อมที่จะยกเลิกธุรกิจที่มีมูลค่าหมื่นล้านดอลล่าอีกด้วย
“เทียนหยิน คุณใจเย็นก่อน ” อันซูฮยอนพยายามพูดให้เฉินตูเทียนหยินอารมณ์เย็นลง
“ฉันให้เวลาหนึ่งนาที” เฉินตูเทียนหยินพูดกับเขาจากนั้นก็หันไปพูดกับฟูหมิงเหม่ย ว่า
“หมิงเหม่ยเริ่มจับเวลา”
ทันทีที่ได้รับคําสั่ง ฟูหมิงเหม่ยก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูและเริ่มจับเวลาทันที
ในเวลานี้อันซูฮยอนได้หันไปมองมุมหนึ่งของร้านกาแฟ
“เขามองอะไรกันแน่นะ?” เซี่ยเหลี่ยรู้สึกแปลกใจ
หลังจากนั้นเซี่ยเหล่ยก็มองตามสายตาของอันซูฮยอนที่กําลังมองไป
ทิศทางที่อันซูฮยอนมองไปมีชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของร้านกาแฟที่อยู่ ใกล้ๆกับคาเฟ่ ชายชราคนนั้นหัวเกือบล้าน บนหัวของเขามีผมสีบลอนด์อยู่หย่อมเล็กๆ พร้อมกับใส่แว่นกันแดดสีดําด้วย
สภาพโดยรวมของชายชราคนนั้นก็ดูเหมือนคนปกติทั่วไปแต่ก็ไม่รู้ว่าทําไมเมื่อมอง ไปที่เขาแล้ว เซี่ยเหล่ยกลับรู้สึกได้ถึงอันตราย…
ชายชราคนนี้เป็นใครกันนะ?” เซี่ยเหลี่ยพูดกับตัวเองด้วยความสงสัย
เซี่ยเหลี่ยรู้สึกสงสัยไม่น้อยเกี่ยวกับชายชราคนนั้น เขาตัดสินใจกระตุกตาซ้ายเล็ก น้อย จากนั้นก็มองตรงไปยังชายชราทันที เขาพบว่าภายในเสื้อของชายชราคนนั้นแอบซ่อนปืนพกเอาไว้อยู่แถมที่หูยังมีหูฟังขนาดเล็กติดอยู่ด้วย ผมที่หัวเกือบล้านนั้นก็เป็นเพียงแค่วิกปลอมที่ถูกทําขึ้นมา
หลังจากสังเกตุอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เขาก็พบว่าคนที่ปลอมตัวเป็นชายชราคน นั้นก็คือคนของ CIA ที่ชื่อว่า “กู้ดซัล”
ตอนนี้เซี่ยเหล่ยก็เข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาทันที ในความเป็นจริงสิ่งที่อันซูฮยอนได้ ทําไปนี้ถูกจัดฉากขึ้นโดยมี CIA อยู่เบื้องหลัง!
ในที่สุดสิ่งที่เซี่ยเหลี่ยเคยกังวลก็ได้เกิดขึ้นจริง เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าCIAจะล งมือเร็วขนาดนี้แถมยังใช้อันกวนและอันซูฮยอนเป็นเครื่องมืออีกด้วย!
เมื่อ CIA ของสหรัฐอเมริกาเข้ามามีส่วนร่วมแล้วตอนนี้ไม่ว่าอันซูฮยอนจะมีหลักฐานหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกันแล้วเพราะสิ่งที่ CIA ต้องการคือไม่ใช่การได้ดาบกลับคืนมาแต่พวกเขาต้องการตัวเซี่ยเหลี่ย!
เซี่ยเหลี่ยแอบเหลไปมองกู้ดซัลและเห็นเขากําลังพยักหน้าเล็กน้อย
ดูเหมือนว่านี่จะเป็นสัญญาณลับที่บ่งบอกอะไรซักอย่าง
จังหวะนี้อันซูฮยอนพูดขึ้นทันทีว่า “เทียนหยิน ผมรู้สึกเสียใจจริงๆ แต่เกาห ลีใต้เป็นประเทศที่มีการบังคับใช้ข้อกฎหมายดังนั้นไม่ว่าใครกระทําผิดก็จะต้องว่ากันตามกฎหมาย ต่อให้เขาเป็นเพื่อนของคุณก็ตามถ้าหากเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยเขาก็จะต้องถูกตํารวจสอบสวน โปรดเข้าใจผมด้วย”
“ดูเหมือนว่าคุณจะตัดสินใจได้แล้ว โอเค.เอาเป็นว่าบริษัทเหวี่ยนเทียนและ บริษัทก็อดโดเมนจะยกเลิกการทําธุรกิจร่วมกัน” เฉินตูเทียนหยินพูดขึ้นอย่างจริงจัง
อันที่จริงถ้าเรื่องนี้ไม่ได้มี CIA อยู่เบื้องหลังละก็เซี่ยเหลียจะหาทางพยายามประนี ประนอมกับอันซูฮยอนและเหตุการณ์คงไม่บานปลายจนทําให้เฉินตูเทียนหยินพลอยติดร่างแหไปด้วย!
ตอนนี้เกาหลีใต้อยู่ภายใต้การดูแลของเหล่า CIA ดังนั้นพวก CIA จึงมีอํานาจสา มารถเข้าแทรกแซงและปฏิบัติงานได้อย่างอิสระในประเทศนี้ พวกเขามีอํานาจขนาดที่สามารถตรวจสอบและควบคุมกองกําลังทหารหรือจํานวนอาวุธทั้งหมดของทั้งประเทศอีกด้วย
สถานการณ์ของเซี่ยเหลี่ยในเกาหลีใต้ตอนนี้ค่อนข้างที่จะเลวร้ายกว่าในตอนที่เขาอยู่ที่อัฟกานิสถานเสียอีกเพราะตอนอยู่ที่นั่นเขามีทั้งถ่างหยู่เหยียและเหล่าเจ้าหน้าที่ของสํานักงานลับ 101 แต่ตอนนี้เขากําลังอยู่ตัวคนเดียวไม่มีใคร!
“เอาตัวไป” อันซูฮยอนพูดเสียงดัง
ทันทีที่ได้ยินอันซูฮยอนพูด ตํารวจคนหนึ่งก็ได้ปลดกุญแจมือจากเข็มขัดที่เอวของ เขาพร้อมกับเดินไปที่เซี่ยเหลียเพื่อเตรียมจะใส่มัน
“เหล่ย ฉันจะโทรหากงสุลของเราเอง!” เฉินตูเทียนหยินพูดพร้อมหยิบโทรศัพท์ นมาเตรียมจะกดเบอร์
แต่เธอยังไม่ทันจะได้กดเบอร์ตํารวจคนหนึ่งก็พูดขึ้นว่า “คุณจะทําอะไร!” หลังจาก พูดเสร็จตํารวจก็ดึงโทรศัพท์จากมือของเธอทันที
เซี่ยเหลี่ยพูดขึ้นว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ รีบกลับประเทศจีนไปซะ”
” เฉินตูเทียนหยินรู้สึกตกใจอย่างมากที่เซี่ยเหล่ยพูดแบบนี้กับเธอ
“เทียนหยิน งั้นก็ช่างมันปล่อยเขาไป!” ฟูหมิงเหม่ยพูดด้วยความโกรธ “เขาไม่สนใจ ความหวังดีของเรา ดังนั้นเรากลับกันเถอะไม่จําเป็นต้องสนใจเรื่องนี้แล้ว”
“ไปซะ!” เซี่ยเหลียพูดอย่างเย็นชา
เฉินตูเทียนหยินและฟูหมิงเหม่ยมองหน้ากัน พวกเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเซี่ยเหล่ย กันแน่ ในความเป็นจริงสิ่งที่เซี่ยเหลี่ยทําในตอนนี้คือการช่วยเหลือเฉินตูเทียนหยินไม่ได้โดนลูกหลงและเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ เงินของเธอที่มีอยู่ก็ไม่อาจช่วยเธอให้หลุดพ้นจาก CIA ไปได้!
สุดท้ายเฉินตูเทียนหยินและฟูหมิงเหม่ยก็เดินออกจากคาเฟ่ไป…
ติดตามตอนต่อไป………….