Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร – 414 ผ้าขี้ริ้วห่อทอง !

414 ผ้าขี้ริ้วห่อทอง !

TXV– 414 ผ้าขี้ริ้วห่อทอง !
ภายในกล่องเครื่องประดับมีแหวนเพชรน้ำหนักอย่างน้อยสิบกะรัต แหวนวงนี้มีมูลค่าหลายล้านหยวน
ในขณะเดียวกันนี้บรรดาตากล้องและช่างภาพต่างพากันกดชัตเตอร์อย่างรวดเร็วและหลายครั้ง พวกเขาต้องการจะเก็บภาพเหล่านี้ไว้เพราะคิดว่ามันเป็นข่าวที่เมื่อถูกเผยแพร่ออกไปผู้คนจะให้ความสนใจกับมันมากๆ
อย่างไรก็ตามแขกภายในงานหลายคนหรือแม้แต่นักข่าวบางคนก็รู้สึกตกใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่น้อย
ปฏิกิริยาตอบสนองของเฉินตูเทียนหยินนั้นเรียบง่ายมาก เธอหันไปมองแหวนเพชรก่อนจะหันไปมองอันซูฮยอนและพูดว่า “คุณอัน นี่คุณกำลังจะทำอะไร?”
อันซูฮยอนตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “เทียนหยิน ที่ผ่านมาคุณไม่รู้หัวใจของผมงั้นเหรอ? ผมตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกพบ ยิ่งนานวันผมก็ยิ่งหลงรักคุณมากขึ้นเรื่อยๆ จนในวันนี้ผมตัดสินใจที่จะบอกความในใจของผมให้คุณได้รับรู้ ผมพร้อมจะทำให้คุณกลายเป็นผู้หญิงที่โชคดีและมีความสุขที่สุดในโลก”
หากผู้หญิงคนอื่นได้รับการปฏิบัติแบบที่เฉินตูเทียนหยินได้รับอยู่ในตอนนี้ ผู้หญิงคนนั้นคงจะรู้สึกว่าเรื่องราวในครั้งนี้เป็นเรื่องโรแมนติกอย่างมาก พวกเธอคงจะมีความสุขและร้องไห้ด้วยความดีใจแต่อย่างไรก็ตามความรู้สึกเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเฉินตูเทียนหยินเลย
เฉินตูเทียนหยินไม่ได้พูดอะไร เธอหันหน้าไปมองที่เซี่ยเหล่ยทันที
จังหวะเดียวกันนี้เหล่านักข่าวก็หันไปมองที่เซี่ยเหล่ยตามกันมองของเฉินตูเทียนหยิน
เซี่ยเหล่ยไม่คิดว่าเรื่องราวจะเลยเถิดมาถึงขนาดนี้ อย่างไรก็ตามเขาเข้าใจว่าทำไมเฉินตูเทียนหยินถึงหันมาที่เขาในขณะนี้นั่นก็เพราะเธอต้องการให้เขาแสดงความเป็นเจ้าของ!
เฉินตูเทียนหยินเปรียบได้กับคนในฝันสำหรับเขา เขามีความฝันร่วมกันกับเธอหลายอย่างแต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากหลางซือเหยาเข้ามาทุกอย่างก็ไม่เป็นไปตามที่ฝันไว้ จนถึงตอนนี้เซี่ยเหล่ยก็เป็นโสด เฉินตูเทียนหยินก็ยังโสดอยู่เช่นกัน เขาจะทำความฝันให้เป็นจริงหรือไม่? เรื่องนี้เซี่ยเหล่ยเองก็ยังไม่แน่ใจ ไอรีนโนเวล
ในขณะนี้เซี่ยเหล่ยเองก็ยังสงวนท่าทีเอาไว้อยู่เนื่องจากเขาเองก็ค่อนข้างที่จะสับสนและลังเลใจ ในหัวของเขานอกจากจะมีเฉินตูเทียนหยินและหลางซือเหยาแล้ว ยังมีอเลน่า ถ่างหยู่เหยี่ย เจียงหยูยี่ เคนลามี่อีกด้วย
อันซูฮยอนเห็นท่าทีของเฉินตูเทียนหยินที่หันไปมองแต่เซี่ยเหล่ย เขาแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างชัดเจนแต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้นเนื่องจากเขาพยายามเก็บอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ไม่ให้ใครเห็นก่อนจะแสร้งทำเป็นไม่สนใจและมองไปที่เฉินตูเทียนหยินพร้อมกับพูดอีกครั้งว่า ”เทียนหยิน คุณคิดอะไรอยู่งั้นหรือ? ทุกอย่างก็เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าผมเป็นผู้ชายคนเดียวในโลกนี้ที่เหมาะสมกับคุณ”
เฉินตูเทียนหยินยังคงไม่ได้พูดอะไร เธอยังคงมองไปที่เซี่ยเหล่ยอย่างไม่ละสายตา
ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดที่จะสามสัมพันธ์กับเซี่ยเหล่ยแต่เธอก็แพ้ให้กับหลางซือเหยาหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นทำให้เธอปิดกั้นตัวเองอย่างไรก็ตามแม้ว่าตอนนี้สถานะระหว่างทั้งคู่จะเป็นมากกว่าเพื่อนแต่ก็ยังไม่ใช่สถานะของคู่รักอยู่ดี
“เทียนหยิน” อันซูฮยอนเรียกเฉินตูเทียนหยินอีกครั้งครั้งนี้น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพูดต่อว่า ”ตอบตกลงสิ สำหรับคุณแล้ว ไม่ว่าอะไรผมสามารถหามาให้คุณได้ หลังจากเราแต่งงานกันแล้ว เราจะรวมอาณาจักรบริษัทของเราเข้าด้วยกัน เราจะกลายเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียเลยนะ”
เฉินตูเทียนหยินถอนหายใจก่อนจะพูดว่า “ก่อนอื่น บอกฉันมาก่อนว่าทำไมถึงเลือกที่จะพูดเป็นที่นี่และในเวลานี้?”
อันซูฮยอนตอบด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า ”ที่จริงผมก็อยากที่จะรออีกหน่อยแต่ตอนนี้ผมถือว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมมากที่สุดแล้วตอนนี้การเลือกตั้งในเกาหลีใต้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว พ่อของผมเองก็เตรียมตัวอย่างมากด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่มีเวลาและจะยกบริษัทก็อดโดเมนให้ผมเป็นผู้จัดการ ดังนั้นผมว่าเวลานี้เหมาะสมที่สุดแล้ว”
แวดวงการเมืองและธุรกิจจะทำอะไรง่ายมากขึ้นหากได้แต่งงานกับผู้ที่เหมาะสม นั่นก็เพราะเหมือนกับว่าจะได้มือและเท้าเพิ่มขึ้นมาโดยไม่ต้องเสียอะไรไป เฉินตูเทียนหยินถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ว่านี้และแน่นอนว่าการที่อันซูฮยอนได้เลือกเวลานี้ในการขอเฉินตูเทียนหยินแต่งงานนั่นก็เพราะเขาจะได้ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดสองอย่างด้วยกัน คือหนึ่งอำนาจในบริษัทของเขาจะมีมากขึ้นแม้ว่าพ่อของเขาจะไม่อยู่บริหารจัดการแล้วก็ตาม ส่วนอีกข้อหนึ่งคือแม้ว่าเขาจะเป็นอะไรไปก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาฮุบบริษัทไปเนื่องจากยังมีเฉินตูเทียนหยินที่กลายเป็นครอบครัวของเขาแล้วจะเป็นผู้สืบทอดต่อไปแทน Aileen-novel
อันซูฮยอนยังพูดต่ออีกว่า ”เทียนหยิน ทำไมถึงยังลังเลอยู่อีกหล่ะ คุณไม่เชื่อใจผมงั้นเหรอ? ไม่ว่ายังไงผมก็จะทำให้คุณเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกให้ได้เลยนะ”
ด้านเซี่ยเหล่ยในตอนนี้ยังคงนิ่งอยู่แต่เป็นเพียงภายนอกเท่านั้นเพราะภายในใจของเขาไม่สงบเอาซะเลย เขาเอาแต่คิดว่า ‘เทียนหยินต้องการความช่วยเหลือจากเรา แต่เราจะพูดอะไรออกไปดี? ในสถานการณ์เช่นนี้จะพูดอะไรดีนะ?’
กู๋เค่อหวินเตะเท้าของเซี่ยเหล่ยเบาๆก่อนจะกระซิบข้างหูว่า “คุณมัวทำอะไรอยู่หล่ะ ทุกอย่างมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว อันซูฮยอนไม่ใช่คนดีอะไรหากเทียนหยินแต่งงานกับเขาไปก็เท่ากับว่าขุดหลุมฝังศพให้ตัวเองเลยนะ”
“ผม……” เซี่ยเหล่ยพูด เขาค่อนข้างจะลังเลใจในสถานการณ์แบบนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดีกับสถานการณ์ในตอนนี้
ในเวลานี้ฟู่หมิงเหม่ยก็เดินเข้ามาด้านข้างของเซี่ยเหล่ยก่อนจะยื่นมือออกไปและหยิกที่เอวของเขาก่อนจะพูดว่า “จนถึงตอนนี้แล้วคุณไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยงั้นเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยขยับตัวเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะทำอะไรบางอย่าง
“เทียนหยิน ได้โปรดแต่งงานกับผมเถอะนะ” อันซูฮยอนยังคงพูดโน้มน้าวเธอต่อ
เฉินตูเทียนหยินยังคงมองไปที่เซี่ยเหล่ยแต่ครั้งนี้เธอยอมเปิดปากและพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นว่า ”เซี่ยเหล่ย ตอนนี้บอกฉันมาหน่อยว่าฉันควรจะตอบตกลงดีไหม?”
เซี่ยเหล่ยชะงักในทันที
เฉินตูเทียนหยินยังคงพูดต่ออีกว่า ”คุณยังต้องการที่จะรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเราไว้แบบนี้งั้นเหรอ? ฉันอยากจะให้คุณพูดหรือทำอะไรซักอย่างให้ชัดเจนในเวลานี้ ดังนั้นคุณจะคุกเข่าและขอฉันแต่งงานได้หรือไม่? หรือจะปล่อยให้ฉันตอบตกลงอันซูฮยอนดี?”
แม้ว่าเฉินตูเทียนหยินจะพูดถึงขนาดนี้แล้วแต่เซี่ยเหล่ยก็ยังคงคิดไม่ออกว่าจะพูดหรือทำอะไรดีเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้
ในเวลานี้อันซูฮยอนจ้องไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยสายตาที่เคียดแค้นแม้ว่าปากของเขาจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ทั้งดวงตาและสีหน้าของเขาสื่อออกมาอย่างชัดเจนว่าเขากำลังสาปแช่งเซี่ยเหล่ยอยู่อย่างไรก็ตามเขาเองก็มองไปที่เฉินตูเทียนหยินด้วยสายตาที่ไม่พอใจเช่นกัน เนื่องจากเขาก็ไม่ใช่คนโง่ เมื่อเฉินตูเทียนหยินพูดถึงขนาดนี้แล้ว มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเธอกำลังรอความช่วยเหลือจากเซี่ยเหล่ยอยู่และยิ่งชัดเจนกว่านั้นคือการที่ภายในใจของเธอมีเพียงผู้ชายคนเดียวเท่านั้นซึ่งก็คือเซี่ยเหล่ย!
“ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ได้สนใจในสิ่งที่ฉันพูดสินะ” เฉินตูเทียนหยินพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นพร้อมกับมีน้ำตาคลอที่เบ้า
เมื่อเห็นน้ำตาของเฉินตูเทียนหยิน ภายในใจของเซี่ยเหล่ยก็ยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก เขายังคงลังเลและคิดว่า ‘เรากับหลางซือเหยาตอนนี้ถือว่าจบกันแล้วอย่างสมบูรณ์ เราไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้อีกแล้ว ส่วนกับเจียงหยู่ยี่ เราก็โตมาด้วยกันและก็คิดว่าเธอเป็นเหมือนกับน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น ส่วนอเลน่าพวกเราก็เป็นแค่หุ้นส่วนกัน แม้ว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่มันก็ไม่ได้เรียกว่าความรัก ส่วนถ่างหยู่เหยี่ย แม้ว่าเราจะรู้สึกดีด้วยแต่ลึกๆในใจก็ปฏิเสธเธออยู่เสมอ มันอาจจะเป็นเพราะความแข็งแกร่งของเธอรวมถึงอำนาจของตระกูลเธอด้วยแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้นแต่ดูเหมือนภาพของเธอจะยังฝังลึกอยู่ในส่วนหนึ่งของจิตใจเรา จะเอายังไงดีนะ…… ”
เฉินตูเทียนหยินที่หมดหวังกับเซี่ยเหล่ย เธอจึงได้หันหน้าไปหาอันซูฮยอนพร้อมกับเอ่ยปากว่า “เอาหล่ะ ฉัน ……”
“เดี๋ยวก่อน!” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมเดินอย่างสง่าผ่าเผยเข้าไปหาเฉินตูเทียนหยินที่ยืนอยู่บนเวที ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ผมอยากให้คุณพูดซ้ำกับผมแบบเมื่อกี้นี้อีกครั้ง…..”
ด้วยท่าทางและคำพูดของเขาทำให้เฉินตูเทียนหยินในตอนนี้รู้สึกงุนงง
อันซูฮยอนที่เห็นการกระทำของเซี่ยเหล่ยก็รู้สึกโกรธมาก เขารีบพูดอย่างไม่พอใจว่า “เซี่ยเหล่ย นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ คุณควรจะรู้บ้างนะว่าอะไรควรอะไรไม่ควร”
“หุบปากซะ!” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมจ้องหน้าของอันซูฮยอนตรงๆ!
“ว่าไงนะ!” อันซูฮยอนตอบกลับไปด้วยความโกรธ เขาไม่ได้สบทออกมานั่นอาจจะเป็นเพราะในตอนนี้มีผู้สื่อข่าวอยู่มากมายภายในงานเปิดตัว
ขณะเดียวกันนี้เองดูเหมือนเฉินตูเทียนหยินจะเข้าใจถึงสิ่งที่เซี่ยเหล่ยต้องการแล้ว ดังนั้นเธอจึงหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะพูดว่า “ฉันต้องการให้คุณขอฉันแต่งงาน”
“ไม่…ไม่ใช่แบบนี้” เซี่ยเหล่ยพูด
“ฉันต้องการให้คุณ …… ” เฉินตูเทียนหยินพูดและพูดต่ออย่างตื่นเต้นว่า ”ฉันต้องการให้คุณคุกเข่าและขอฉันแต่งงาน!”
“นี่แหละคือสิ่งที่ผมอยากได้ยิน” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมกับคุกเข่าจากนั้นก็หยิบห่อกระดาษที่ยับยู่ยี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“มันคืออะไร?” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดอย่างประหลาดใจและพูดต่ออีกว่า “ในห่อกระดาษนั้นมีอะไรหล่ะ? ถั่วหรือเปล่า?”
”ถั่วงั้นเหรอ? ฮ่าฮ่า นั่นเขาจะขอเฉินตูเทียนหยินด้วยถั่วงั้นเหรอ?” แขกคนหนึ่งพูดพร้อมกับหัวเราะเยาะเย้ย
กู๋เค่อเหวินได้หันไปหาฟู่หมิงเหม่ยก่อนจะพูดว่า “คุณรู้มั้ย ว่าภายในห่อกระดาษที่ยับยู่ยี่นั่นมีอะไร?”
ฟู่หมิงเหม่ยส่ายหน้าก่อนจะพูดว่า “ไม่รู้สิ ช็อคโกแลตหล่ะมั้ง?”
กู๋เค่อเหวินขมวดคิ้วทันที
อย่างไรก็ตามเมื่ออันซูอยอนเห็นถึงห่อกระดาษที่ยับยู่ยี่ของเซี่ยเหล่ย เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเย้ยก่อนจะพูดจาเหยียดหยามไปว่า “เซี่ยเหล่ย ถ้าคุณไม่มีเงินซื้อแหวนเพชรละก็ ผมสามารถให้ยืมก่อนได้นะ …. อ้อใช่…ลืมไปเลย ตอนนี้คุณคงจะยืมใครไม่ได้หรอกใช่ไหม? ได้ยินมาว่าคุณเพิ่งจะยืมเงินห้าพันล้านหยวนไปนี่แต่คงไม่มีใครกล้าให้คุณยืมเงินในตอนนี้หรอกนะ เพราะพวกเขาคงคิดว่าคุณคงไม่น่าจะคืนเงินให้ได้ ดังนั้นหากไม่มีแหวนเพชรหรืออย่างน้อยเป็นเครื่องประดับอะไรเลยก็ถอยไปซะ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “งั้นจะให้ผมใช้เงินของพ่อตัวเองแบบคุณซื้อแหวนเพชรให้ผู้หญิงอย่างงั้นเหรอ? ผมว่าแบบนั้นมันก็ไม่ถูกต้องหรอกนะ คุณว่าไหม?”
พูดจบก็หยิบสร้อยพลอยออกมาจากห่อกระดาษที่ยับยู่ยี่
ทันทีที่สร้อยคอนี้ถูกนำออกมาจากห่อกระดาษ ทุกคนที่เห็นต่างพากันอ้าปากค้างในทันที
ติดตามตอนต่อไป………….

Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร

Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร

Status: Ongoing

เซี่ยเหล่ยสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็กเขาจึงต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อดิ้นรนเอาตัวรอดและสิ่งที่สำคัญเขาต้องเลี้ยงดูน้องสาวของเขา แต่อยู่มาวันหนึ่งก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น

เขาประสบอุบัติเหตุในโรงงานซึ่งทำให้ตาของเขาบอดแต่หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลเขาก็รู้ได้ทันทีเลยว่าตาเขาไม่ได้บอดแต่มันมีความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้นมา !!

ในตอนนี้เขากำลังจะใช้ความสามารถพิเศษที่เขาได้มาในทางชั่วร้ายเพื่อสร้างชีวิตของเขาและน้องสาวให้ดีขึ้นเหมือนคนอื่นๆ

เซี่ยเล๋ยจะประสบความสำเร็จในการทำสิ่งชั่วร้ายกับพลังที่เขาเพิ่งค้นพบหรือไม่ ?

ข้าจะเป็นคนกำหนดชะตาชีวิตของข้าเอง !!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท