เซี่ยเหล่ยกำลังนอนอยู่บนโซฟา เขาต้องการพักผ่อนแต่ก็ไม่สามารถหลับได้เนื่องจากความเย็นที่พัดผ่านมาจากไซบีเรีย
‘ทำไมที่นี่จึงไม่มีเครื่องทำความร้อนหล่ะ? โถ่วเอ๊ยยย’ เซี่ยเหล่ยบ่นในใจก่อนจะบ่นต่ออีกว่า ‘เราจ่ายให้ไปตั้ง 500,000 ดอลลาสหรัฐแต่แค่เครื่องทำความร้อนพวกเขาก็ไม่มีให้อย่างนั้นเหรอ?’
เซี่ยเหล่ยเหลือบไปมองดูนาฬิกา เขาพบว่าอีกตั้งสี่ชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาที่เรือออก เขาขมวดคิ้วทันทีเพราะเขาคิดไม่ออกเลยว่าจะทนหนาวต่อไปอีกสี่ชั่วโมงได้อย่างไร
ในความืดมิด เขาลองใช้มือเขี่ยไปที่กู๋เค่อหวู่ เขาไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย มันน่าแปลกใจที่คนอย่างเขาสามารถทนความหนาวในค่ำคืนนี้ได้ ในห้องมีทั้งหมดอยู่สามคนแต่มีเพียงหลงบิงเท่านั้นที่มีผ้าห่ม
ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างทำให้เซี่ยเหล่ยนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันในประเทศเยอรมนี พวกเขาแกล้งทำเป็นผัวเมียและนอนบนเตียงเดียวกันทุกวันเพราะต้องการจะแสดงละครตบตาให้เนียนที่สุด ในช่วงเวลานั้นพวกเขาใกล้ชิดกันมาก
มันทำให้ช่วงเสี้ยวหนึ่งของความคิด เขาแอบคิดว่าอยากจะย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น ช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่บนเตียงกันแค่สองคนอย่างไรก็ตามความคิดนั้นได้หายไปในทันทีที่ภาพของเฉินตูเทียนหยินลอยขึ้นมา เขาดุตัวเองทันทีว่า ‘บ้าที่สุด นี่เราคิดอะไรของเรากันเนี่ย เราแต่งงานแล้วจะไปนอนกับเธอบนเตียงแค่สองคนได้ยังไงกัน’
จังหวะเดียวกันนี้หลงบิงก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับพูดว่า ขึ้นมาสิ ขึ้นมานอนบนเตียงกับฉัน
ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไง? คุณนอนต่อเถอะ เซี่ยเหล่ยพูดอย่างเชื่องช้า
ฉันรู้ว่าคุณหนาว มันจะไม่ดีต่อร่างกายของคุณ เราไม่สามารถทำภารกิจได้โดยที่ร่างกายของคุณไม่สบายหรอกนะ คุณเป็นคนสำคัญในภารกิจนี้ ฉันจะไม่ปล่อยให้คุณเป็นอะไรไปก่อนที่จะได้เริ่มภารกิจเด็ดขาด หลงบิงพูด
เซี่ยเหล่ยยังคงส่ายหน้าก่อนจะพูดว่า ไม่ ไม่เป็นไร ขอบคุณมาก แต่คุณนอนต่อไปเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงผม
หลงบิงขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า ถ้าคุณยังดื้อไม่ฟังคำเตือนของฉัน ฉันจะโทรหาผู้บริหารฉือและบอกสถานการณ์ของเฉินตูเทียนหยินเดี๋ยวนี้เลย
ว่าไงนะ? เซี่ยเหล่ยรีบพูดขึ้นทันทีก่อนจะพูดต่อว่า นี่คุณกำลังใช้สิ่งนี้ขู่ผมงั้นเหรอ?
มันก็เพื่อประโยชน์ของตัวคุณทั้งนั้น ขึ้นมาเดี๋ยวนี้ หลงบิงพูดอย่างหนักแน่น เซี่ยเหล่ยยังคงนิ่งเฉย
เอาหล่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันกำลังจะโทรแล้ว คุณก็รู้จักฉันดี ฉันพูดคำไหนคำนั้น หลงบิงพูดพร้อมกับคลานออกจากผ้าห่มก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อกดเบอร์
อย่านะ เข้าใจแล้ว ผมจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้แหละ เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมลุกขึ้นไปนอนอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียงกับเธอ
ถอดแจ็คเก็ตและกางเกงของคุณออกด้วย หลงบิงพูด
เซี่ยเหล่ยถึงกับพูดไม่ออกแม้ว่าเขาไม่อยากจะทำแต่สถานการณ์ในตอนนี้เขาไม่สามารถขัดขืนเธอได้
เนื่องจากนี่เป็นเตียงของทหาร มันจึงค่อนข้างที่จะแคบ
ถ้าเฉินตูเทียนหยินรู้ว่าเรากำลังนอนอยู่ด้วยกันบนเตียงเล็กๆแบบนี้ เธอจะโกรธจนขอคุณหย่ามั้ยนะ จู่ๆหลงบิงก็พูดขึ้นมา
เซี่ยเหล่ยหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า ไม่หรอก เราไม่ได้ทำอะไรไม่ดีนี่
ใช่แล้ว ขนาดเราอยู่ด้วยกันในเยอรมนีตั้งเดือนกว่า เราก็ยังไม่ทำอะไรกันเลย ลองบิงพูด ดูเหมือนเธอเองก็จะนึกย้อนไปถึงช่วงเวลานั้นด้วยเหมือนกัน
นี่ก็ดึกมากแล้ว เรานอนกันดีกว่า เซี่ยเหล่ยพูด
ฉันนอนไม่หลับ เอางี้ เล่าให้ฉันฟังหน่อยได้มั้ยว่าเมื่อคุณอยู่บนเตียงกับเฉินตูเทียนหยิน พวกคุณทำอะไรกันบ้าง? หลงบิงพูด
ทันทีที่ได้ยิน มันทำให้เซี่ยเหล่ยพูดอะไรไม่ออกเลย
คืนนี้หลงบิงดูแปลกไปมากเหมือนเธอกลายเป็นคนละคนไปเลยเพราะโดยธรรมชาติของเธอแล้ว เธอจะไม่แสดงความรู้สึกและใช้ชีวิตไม่ต่างจากหุ่นยนต์แต่ไม่ใช่ในคืนนี้ เธอดูเหมือนจะกลายเป็นผู้หญิงจริงๆ เธอมีอารมณ์และความคิดเหมือนผู้หญิงคนอื่นทั่วๆไป เล่าให้ฉันฟังหน่อย หลงบิงพูด เธอยังไม่หมดความพยายาม
เซี่ยเหล่ยรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที เขาไม่สามารถเล่าได้นอกจากนี้เขายังไม่คิดที่จะเล่าอีกด้วย เรื่องนี้แม้แต่เด็กมัธยมยังรู้เลยว่าไม่ควรถามแต่ทำไมเธอถึงกลับถามขึ้นมา แถมยังเป็นช่วงเวลานี้อีกด้วย
เล่าให้ฉันฟังสิ หลงบิงพูด เธอยังคะยั้นคะยอไม่หยุด
เล่าให้คุณฟังงั้นเหรอ? เรื่องนั้น…มัน… เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมกับจ้องไปที่หน้าของหลงบิงก่อนจะพูดต่อว่า นี่ วันนี้คุณเป็นอะไรไป ทำไมถึงเอาแต่พูดหรือถามแต่เรื่องแปลกๆหล่ะ? นี่ดูไม่ใช่ตัวคุณเลยนะ
หลงบิงมองกลับไปที่เซี่ยเหล่ยเหมือนกัน ในขณะนี้ใบหน้าของพวกเขาอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น
เซี่ยเหล่ยจ้องเธอได้ไม่นานก็ต้องยอมแพ้และหันหน้าหนีไปทางอื่น จู่ๆเธอก็ยิ้มขึ้นมา เป็นช่วงเวลาที่หาได้ยากจริงๆที่จะเห็นเธอยิ้มอย่างไรก็ตามเธอพูดขึ้นว่า ฉันก็แค่ถามอะไรเรื่อยเปื่อย ทำไมคุณต้องกังวลด้วย
เซี่ยเหล่ยยิ้มแห้งๆก่อนจะพูดว่า ผมไม่ได้กังวล นอกจากนี้ผมว่าคุณก็เป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ผมคงไม่ต้องเล่าอะไรแล้วแหละว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
นี่… หลงบิงหันหน้ากลับก่อนจะพูดต่อว่า ที่ฉันขอให้คุณเล่าก็เพราะฉันไม่รู้จริงๆ ฉันเกือบจะ 26 แล้ว แต่… แต่เรื่องแบบนั้นฉันไม่รู้อะไรเลย ฉันไม่สบายใจที่จะพูดหรือถามเรื่องนี้กับคนอื่นด้วย ดังนั้นฉันจึงมาถามคุณยังไงหล่ะ
เซี่ยเหล่ยรู้สึกปวดหัวอย่างมาก ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสับสน
ฉันไม่เคยคิดที่แต่งงานและมีลูกกับใคร ไม่แม้แต่จะตกหลุมรักใครด้วยซ้ำ ฉันไม่เคยคิดที่จะใช้ชีวิตแบบผู้หญิงทั่วๆไปเลยจนกระทั่งเห็นคุณและเฉินตูเทียหยินแต่งงานกันจู่ๆฉันก็รู้สึกเหงาขึ้นมา ความรู้สึกนี้จะลดลงเมื่อฉันกำลังทำงาน แต่เมื่อฉันว่างมันก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ฉัน…ฉันไม่เข้าใจตัวเองเลยว่ากำลังเป็นอะไรกันแน่ หลงบิงอธิบายความรู้สึกของตัวเธอเอง ไอรีนโนเวล
คำพูดเหล่านี้ ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เธอคิดจริงๆ
เซี่ยเหล่ยรู้สึกผ่อนคลายลงแต่จู่ๆภายในใจของเขาก็เริ่มรู้สึกสงสารหลงบิงขึ้นมา สำหรับเขาแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่ปิดกั้นตัวเองเอาไว้ เธอไม่เข้าหาคนอื่นและคนอื่นก็เข้าหาเธอได้ยาก ในตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงความเหงาของเธอ มันทำให้เขาได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนผู้หญิงทั่วๆไป
คุณคงไม่ได้คิดที่จะเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานลับไปตลอดชีวิตหรอกใช่มั้ย? ใช่…ผมคิดว่าคุณจะต้องลาออกในซักวันหนึ่งเพื่อหาความสุขและชีวิตที่สมบูรณ์ให้กับตัวเอง คุณเป็นคนดี ถ้าคุณยอมเปิดใจ ไม่นานคุณจะต้องพบคนที่คุณต้องการแน่นอน เซี่ยเหล่ยพูดออกมาจากใจ
แล้วฉันต้องหาคนแบบไหน? หลงบิงถาม
ผมไม่สามารถบอกคุณได้หรอกนะ เพราะมันขึ้นอยู่กับคุณว่าคุณชอบผู้ชายแบบไหน แม้ว่าบางทีมันอาจจะไม่เจอคนที่คุณต้องการเลยก็ได้ แต่ผมก็เชื่อว่าคนดีแบบคุณจะต้องเจอคนดีๆที่คู่ควรกับคุณในซักวันหนึ่งอย่างแน่นอน เซี่ยเหล่ยพูดจากใจจริง
ฉันเชื่อใจคุณเสมอ ดังนั้นคุณแนะนำใครซักคนให้ฉันได้ไหม? หลงบิงพูด
เอ่อ…ผมรู้จักผู้ชายดีๆอยู่ไม่กี่คน และผมก็รู้สึกว่าผู้ชายเหล่านั้นไม่มีใครตรงกับสเปคคุณเลย นอกจากนี้ผมคิดว่าคุณควรที่จะเป็นคนเลือกเองมากกว่า เพราะมันจะได้ตรงกับใจคุณมากที่สุด เซี่ยเหล่ยพูด
ฉันคิดว่าผู้ชายคงไม่ชอบผู้หญิงแบบฉันหรอก หลงบิงพูดตัดพ้อ อย่าเพิ่งตัดพ้อตัวเองแบบนั้น เอาแบบนี้ดีกว่า คุณชอบผู้ชายแบบไหนบอกผมมา ถ้าเกิดผมเจอผู้ชายคนนั้นผมจะช่วยแนะนำให้คุณเอง เซี่ยเหล่ยพูดปลอบเธอ
ฉันชอบผู้ชายที่อารมณ์ดีและหล่อเหลา หน้าที่การงานของเขาก็ต้องดีด้วย อ้อ…ใช่ ที่สำคัญคือเขาต้องต่อสู้เก่งและสามารถปกป้องฉันได้ นอกจากนี้เขาต้องยอมตายแทนฉันได้ถ้าจำเป็น หลงบิงอธิบายสเปคผู้ชายของเธอ
เกณฑ์ทั้งหมดที่เธอว่ามานี้…มันคือเซี่ยเหล่ยไม่ใช่เหรอ?
หรือว่านี่จะเป็นการสารภาพรักทางอ้อม
ภายใต้ผ้าห่ม จู่ๆหลงบิงก็คว้ามือของเซี่ยเหล่ยเอาไว้
เซี่ยเหล่ยตกใจจนรีบพูดขึ้นทันทีว่า นี่…คุณ…
หลงบิงกัดริมฝีปากของตัวเองก่อนจะพูดขึ้นว่า ผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยนอนเตียงเดียวกับคุณเป็นเวลาหนึ่งเดือนสิบสามวัน เธอกำลังตกหลุมรักและรอคอยคุณแต่คุณกลับอาสาที่จะเป็นคนกลางเพื่อแนะนำผู้ชายคนอื่นให้กับเธอ นี่คุณไม่รู้จริงๆหรือแกล้งไม่รู้กันแน่?
หลงบิง ผม…ผมเข้าใจ แต่… เซี่ยเหล่ยรีบพูดขึ้นทันทีด้วยท่าทางตกใจก่อนจะพูดต่อว่า แต่ผมแต่งงานแล้ว ผมไม่สามารถให้ในสิ่งที่คุณต้องการได้ นอกจากนี้ผมก็ไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของคุณด้วย ดังนั้นการแนะนำผู้ชายที่เหมาะสมกับคุณคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
มันจะมีใครที่ดีไปกว่าคุณอีกงั้นเหรอ? เกณฑ์ที่ฉันตั้งไว้มันตรงกับคุณแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น หลงบิงพูด
คำพูดของหลงบิงทำให้เซี่ยเหล่ยพูดอะไรไม่ออกเลย
นอกจากนี้ คุณรู้จริงๆหรอว่าฉันต้องการอะไร? หลงบิงพูดพร้อมกับดวงตาที่แปล่งประกายก่อนจะพูดต่อว่า ฉันต้องการรับรู้ประสบการณ์และความรู้สึกเหมือนผู้หญิงคนอื่นทั่วๆไป คุณเป็นคนพูดเองว่าฉันควรหาความสุขให้กับตัวเองและนี่แหละ…ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วนอกจากนี้ฉันยังรู้อีกด้วยว่าคุณใช้เวลาสนุกหรรษาไปกับเฉินตูเทียนหยิน หลางซือเหยาและผู้หญิงชาวเยอรมันคนนั้น แล้วคุณไม่คิดว่าฉันจะต้องการมันบ้างงั้นเหรอ?
มันเป็นคำพูดที่ทำให้เซี่ยเหล่ยพูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง
ในขณะนี้เธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เธอไม่สนว่าเขาจะมีความสัมพันธ์ยังไงกับผู้หญิงคนอื่น เธอเพียงต้องการในสิ่งที่เธอต้องการ นั่นคือการใช้เวลาคืนนี้สนุกไปกับเขา!
ติดตามตอนต่อไป……
��