สองชั่วโมงต่อมาเซี่ยเหล่ยและเจียงหยูยี่ก็สามารถปีนขึ้นมาจนถึงยอดเขาได้สำเร็จ เซี่ยเหล่ยพยายามหาจุดที่เหมาะสมที่สุดตลอดทางที่ผ่านมาแต่ก็ไม่พบจนในที่สุดก็มาพบตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดซึ่งอยู่บนยอดเขาตรงนั้นมีก้อนหินขนาดใหญ่ที่ยื่นอยู่บนหินที่ยื่นออกไปจากยอดเขาซึ่งมันถือเป็นจุดที่เหมาะสมที่สุดและมันก็ยังเป็นจุดที่สูงที่สุดอีกด้วย นอกจากนี้ถัดออกไปทางด้านซ้ายก็มีก้อนหินขนาดใหญ่ที่ยื่นสูงขึ้นมาดูแล้วมันน่าจะมีน้ำหนักมากว่ากว่าหนึ่งพันตันวางไว้อยู่ พวกเขาสามารถใช้มันเป็นบังเกอร์กันกระสุนทางด้านซ้ายได้เป็นอย่างดี
ด้วยระยะจากยอดเขาอื่นกับยอดเขาที่เซี่ยเหล่ยอยู่ในตอนนี้ห่างกันประมาณ 2,200 เมตร ด้วยระยะขนาดนี้ถ้าดูจากความสามารถของไฮยีน่ามันยังไม่ใช่ระยะที่ปลอดภัยแต่ตอนนี้เขาก็วางใจได้เปราะหนึ่งเพราะถ้าไฮยีน่ายืนอยู่ที่ยอดเขาทางด้านซ้ายของเขา ไฮยีน่าจะไม่สามารถยิงมาได้เลยเพราะหินก้อนนี้จะเป็นโล่กำบังให้กับพวกเขา
แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหาอะไรเลยเนื่องจากหินก้อนใหญ่นี้สูงหลายเมตร ด้วยความสามารถของเซี่ยเหล่ยสามารถปีนขึ้นไปได้อย่างสบายแต่ไม่ใช่กับเจียงหยูยี่ด้วยกำลังของเธอในตอนนี้ไม่สามารถปีนขึ้นไปได้แม้ว่าตอนนี้เขาอยากจะปีนขึ้นไปก็ตามแต่เขาก็ทิ้งเจียงหยูยี่เอาไว้ตรงนี้ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยพยายามคิดหาวิธีที่จะพาเธอขึ้นไปบนยอดหินก้อนใหญ่นี้ เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหันไปพูดกับเจียงหยูยี่ว่า หยูยี่ เราจะปีนขึ้นไปด้านบน ดังนั้นคุณมาขี่หลังของผม ผมจะพาคุณไปเอง
ห๊ะ? เจียงหยูยี่พูดด้วยความประหลาดใจก่อนจะส่ายหน้าพร้อมกับพูดว่า ไม่ไม่ ไม่เด็ดขาด
แต่เราต้องขึ้นไป ตรงนี้มันอันตรายเกินไป เซี่ยเหล่ยอย่างเคร่งขรึมก่อนจะพูดต่ออีกว่า คุณก็ได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์แล้วนี่ อันซูฮยอนพากองกำลังมากมายมาที่นี่เพื่อฆ่าเรา ดังนั้นเราต้องไปยังจุดที่ดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยของเราเอง
มือปืนหลายสิบคน? โอ้พระเจ้า…นี่เรากำลังจะตายใช่มั้ย! เจียงหยูยี่พูดอย่างตื่นตูมจากนั้นก็พูดต่อว่า ฉัน ฉันยังไม่ได้อยู่กับคุณซักคืนเลยด้วยซ้ำ ฉันจะตายแบบนี้ไม่ได้ ฉันไม่อยากตายแบบนี้!
เธอเป็นเพื่อนในวัยเด็กกับเซี่ยเหล่ยมานานกว่า 20 ปีและนั่นหมายความว่าเธอรอเขามานานกว่า 20 ปีด้วยเช่นกัน แม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะต้องแต่งงานกับเฉินตูเทียนหยินในอีกไม่นานต่อจากนี้แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้และปล่อยเขาไป เธอยังคงเต็มใจที่จะเป็นผู้หญิงของเขาแม้ว่าจะไม่ใช่ตัวจริงก็ตามนี่คือความรักที่เธอมีให้กับเซี่ยเหล่ยดังนั้นเธอจึงไม่อยากที่จะตายอยู่แบบนี้และตายตอนนี้เพราะสำหรับเธอ นี่ถือว่าเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เซี่ยเหล่ยจ้องไปที่เจียงหยูยี่อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า หยุดพูดอะไรไร้สาระได้แล้วเราต้องไปต่อ เร็วเข้า…ขึ้นมาขี่หลังของผม
เจียงหยูยี่มองไปที่ยอดหินหนึ่งครั้งก่อนจะหันมาพูดกับเซี่ยเหล่ยว่า มันสูงมากนะ ถ้าเราพลาดตกขึ้นมาหล่ะ เราอาจจะตายอยู่ที่นี่ก่อนที่จะโดนมือปืนฆ่านะ
ผมจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าคุณยังไม่รีบมาขี่หลังผม ผมจะตีคุณ เซี่ยเหล่ยขู่ทันที
คุณ… เจียงหยูยี่พูดแต่สุดท้ายก็เงียบไป
เซี่ยเหล่ยเริ่มนับทันทีว่า หนึ่ง สอง สาม
แม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะนับถึงสามแล้วแต่เจียงหยูยี่ก็ยับไม่รีบขึ้นไปขี่หลังของเขา เธอถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า ถ้าเป็นเฉินตูเทียนหยินคุณจะกล้าตีเธอมั้ย? แต่ถ้าให้ฉันเดา คุณคงไม่ตีเธอแน่นอน
เซี่ยเหล่ยไม่ได้ตอบอะไรทั้งนั้น เขาเดินไปหาเธอพร้อมกับตีที่ก้นของเธอหนึ่งครั้ง คุณตีฉันจริงๆงั้นเหรอ? เจียงหยูยี่พูดพร้อมกับท่าทางที่เขินอาย
เซี่ยเหล่ยไม่ได้ตอบอะไร เขาง้างมือขึ้นเพื่อเตรียมจะตีเธออีกครั้ง
พอแล้ว ฉันจะทำตามที่คุณบอก เจียงหยูยี่พูด
ในขณะนี้ใบหน้าของเจียงหยูยี่เปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย
เซี่ยเหล่ยหันไปมองเจียงหยูยี่ก่อนจะพูดว่า คุณก็เป็นแบบนี้ตลอด คุณพยายามจะเอาชนะผมให้ได้แต่ก็เอาเถอะ ผมจะตอบคุณก็แล้วกัน ผมจะไม่ตีเฉินตูเทียนหยิน แต่นั่นก็เพราะเธอคือเธอ ส่วนคุณก็คือคุณ
แม้ว่าเจียงหยูยี่จะถูกตีที่ก้นแถมยังโดนดุอีกด้วยแต่เธอก็ไม่โกรธเซี่ยเหล่ยเลย เธอหัวเราะคิกคักก่อนจะเดินไปขี่หลังของเซี่ยเหล่ยอย่างคนว่าง่าย
การที่เจียงหยูยี่ไม่โกรธที่โดนตีหรือโดนดุนั้นเพราะนี่คือสิ่งที่เธอต้องการ มันเหมือนกับว่าเธอได้ย้อนไปในอดีตซึ่งเป็นความรู้สึกที่เธอคุ้นเคยก่อนที่เซี่ยเหล่ยจะเปลี่ยนไป
ว่าแต่คุณจะบอกเธอว่ายังไงถ้าเฉินตูเทียนหยินรู้ว่าพวกเราอยู่ที่นี่ด้วยกัน เจียงหยูยี่พูดข้างหูของเซี่ยเหล่ยในขณะที่เขากำลังปีนขึ้นไปบนยอดหิน
เซี่ยเหล่ยเขย่าเธอหนึ่งครั้งหลังจากที่เธอพูดจบ ด้วยความกลัวเธอจึงรีบพูดขึ้นว่า ลืมมันไปเถอะ ถือว่าฉันไม่ได้พูดอะไรเลยก็แล้วกัน ฉันสาบานเลยว่าจะไม่พูดถึงความสัมพันธ์ของเรากับเธอเป็นอันขาด แม้แต่แม่ของฉันก็จะไม่บอกด้วย คุณโอเคมั้ย?
เจียงหยูยี่กลัวว่าเซี่ยเหล่ยจะปล่อยเธอตกลงไป!
เซี่ยเหล่ยหัวเราะเจื่อนๆก่อนจะพูดว่า ผมรู้ว่าคุณต้องการคำตอบ ดังนั้นผมจะบอกคุณอย่างตรงไปตรงมาก็แล้วกัน ผม…ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่อย่างน้อยผมก็ค่อนข้างที่จะละอายใจ
คุณจะละอายใจไปทำไม เรารู้จักและอยู่ด้วยกันมากว่ายี่สิบปีเลยนะ ส่วนคุณกับเธอเพิ่งจะรู้จักกันได้แค่เพียงสองปีเท่านั้น มันแค่เศษเสี้ยวนึงของระยะเวลาทั้งหมดของเราเลย เจียงหยูยี่พูด
เซี่ยเหล่ยถอนหายใจหนึ่งครั้ง เขาไม่ได้พูดอะไรต่อและตั้งหน้าตั้งตาปีนเขาต่อไป แต่ในใจของเขาก็มีช่วงเวลาหนึ่งที่ฉุกคิดขึ้นมาว่าถ้าเฉินตูเทียนหยินรู้จักตัวตนของและเรื่องของเจียงหยูยี่ เขาจะทำยังไงดี?
นี่เป็นคำถามที่ง่ายมาก แต่การจะตอบคำถามนี้ได้มันไม่ง่ายเลย
ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่คู่ควรกับคำว่าสมบูรณ์แบบ เพราะแม้แต่เพชรก็มีสิ่งสกปรกและจุดด่างดำอยู่ในตัวของมันเองแม้ว่าอาจจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าก็ตาม มันก็เหมือนกับความรัก ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง
‘ชีวิตของคนเรานั้นช่างสั้นนัก เราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เราไม่รู้ว่าจะอยู่ในโลกนี้ได้ถึงตอนไหน ดังนั้นมันจะไปมีความหมายอะไรถ้าจะใช้ชีวิตอยู่แต่ในกรอบและกฎระเบียบ การที่เราแต่งงานกับเฉินตูเทียนหยิน เราจะต้องซื่อสัตย์ต่อเธอนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแต่กับเจียงหยูยี่ที่รอเรามานานกว่ายี่สิบปีการจะทิ้งเธอไปเลยก็รู้สึกผิดเกินไป นอกจากนี้มันยังดูโหดร้ายกับเธออีกด้วยดังนั้นเราจะปล่อยให้เรื่องทุกอย่างเป็นไปตามโชคชะตาก็แล้วกัน’ เซี่ยเหล่ยคิด
อย่างไรก็ตามเมื่อหาข้อสรุปได้แล้วเขาก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นกับเรื่องนี้
ด้านบนของก้อนหินมีลักษณะคล้ายกับแอ่งที่ยุบลงไป ทำให้พวกเขามีพื้นที่มากพอที่จะใช้มันเป็นที่หลบ
เมื่อขึ้นไปบนยอดหินได้ตามที่ตั้งไว้เรียบร้อยแล้ว เจียงหยูยี่ก็เอาแต่มองเซี่ยเหล่ยด้วยความประหม่า เธอกังวลว่าเขาจะคิดยังไงกับสิ่งที่เธอพูดไปก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยสังเกตถึงปฏิกิริยาที่แปลกไปของเธอทำให้เขายิ้มก่อนจะพูดว่า ผมคิดอย่างนี้นะ ผมจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามโชคชะตา ผมจะไม่ฝืนอะไรทั้งนั้น คุณคิดว่ายังไง?
เจียงหยูยี่รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก เธอยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบไปว่า ฉันไม่ว่าอะไรหรอก คุณว่าไงฉันก็ว่าตาม
เอาหล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็หมอบต่ำเข้าไว้ ถ้าไม่จำเป็นอย่าโผล่หัวขึ้นมาเด็ดขาด ผมจะลงไปเอาปืนและอุปกรณ์อื่นๆ เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมกับปีนลงจากก้อนหิน
เจียงหยูยี่หมอบต่ำลงก่อนจะพูดว่า ระวังตัวด้วยหล่ะ
อย่างไรก็ตามหางตาของเซี่ยเหล่ยก็ดันไปเห็นก้นที่อวบอึ้มของเธอเนื่องจากชุดชั้นในที่เขายื่นให้นั้นมันเล็กเกินจนไม่พอที่จะปิดก้นของเธอได้มิดทั้งหมด ภาพที่เห็นทำเอาเลือดกำเดาของเซี่ยเหล่ยเกือบจะพุ่งออกมา
เจียงหยูยี่มองตามสายตาของเซี่ยเหล่ย เธอหน้าแดงก่อนจะพูดขึ่นว่า คุณไม่ได้บอกฉันหรอว่าเรื่องเวลาสำคัญอย่างมากในเวลานี้? ทำไมยังไม่ไปอีกหล่ะ? เซี่ยเหล่ยรีบลงไปทันที เขาหยิบอุปกรณ์ทั้งหมดก่อนจะปีนกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็วราวกับว่าตัวเองเป็นลิง เขาใช้เวลาทั้งหมดไปเพียงแค่สามนาทีเท่านั้น มันทำให้เจียงหยูยี่ที่มองเขาอยู่ตลอดเวลารู้สึกตะลึงอย่างมาก
เซี่ยเหล่ยหยิบเสื้อเกราะกันกระสุนที่เอามาจากศพส่งให้กับเจียงหยู่ยี่ก่อนจะพูดว่า ใส่นี่ซะ
เจียงหยูยี่รับมาพร้อมกับใส่ทันที เธอเชื่อฟังเขากับคนว่าง่ายแต่อย่างไรก็ตามเสื้อเกราะกันกระสุนตัวนี้มีขนาดเล็กดังนั้นเธอจึงใส่แล้วมันดูรัดอย่างมาก
เซี่ยเหล่ยพูดต่ออีกว่า แม้ว่าเสื้อตัวจะดูเล็กแต่ที่จริงมันก็ใหญ่มากนะ นี่คุณยังใส่คับอีกงั้นเหรอ? ที่ผ่านมาคุณกินอะไรมาบ้างเนี่ย?
ฉันก็เคยกินเหมือนกับที่คุณเคยกินนั่นแหละ เจียงหยูยี่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจแต่ภายในใจรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เธอรู้สึกว่านี่เป็นการหยอกล้อกันเหมือนกับสมัยก่อน
เซี่ยเหล่ยไม่อยากต่อล้อต่อเถียงไปมากกว่านี้ในสถานการณ์แบบนี้ เขาจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาหันไปหยิบเสื้อเกราะกันกระสุนขึ้นมาใส่ก่อนจะหยิบปืนไรฟิลซุ่มยิงของเขาออกมาและวางเอาไว้ก่อนจะใช้กล้องจากปืนในการส่องดูสภาพแวดล้อมโดยรอบ
ในขณะนี้ถือว่าเป็นเวลาที่มืดที่สุดของวันแล้ว ทั่วทั้งเกาะไม่มีแสงไฟ ท้องฟ้าก็ปิดจนไม่มีแสงของดวงดาวคอยส่องสว่าง ดังนั้นทัศนวิสัยในการมองของทุกคนบนเกาะจะต่ำมาก พวกเขาจะเห็นได้ไกลเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น อย่างไรก็ตามปัญหานี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นกับเซี่ยเหล่ยแน่นอน เพราะเขามีความสามารถของตาซ้ายที่ทำให้มองเห็นได้ไกลกว่าคนปกติหลายเท่า
เจียงหยูยี่ได้หยิบปืนไรเฟิลจู่โจม M16A2 ขึ้นมาก่อนจะหมอบคลานไปหาเซี่ยเหล่ย เธอวางปากกระบอกปืนเหนือโขดหินและอยู่ในท่าเตรียมยิงตลอดเวลา พวกมือปืนจะมาถึงที่นี่กันเมื่อไหร่? เจียงหยูยี่ถามด้วยความกังวลก่อนจะพูดต่อว่า ตอนนี้มันมืดมากจริงๆ ฉันมองออกไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่เลย
ไม่ช้าไม่เร็ว พวกเขาก็จะตามเราทัน ผมเองก็ยังบอกไม่ได้แต่สิ่งหนึ่งที่บอกได้ตอนนี้ก็คือพวกเขาจะมาแน่นอนเพราะด้วยกำลังคนแล้วพวกเขาได้เปรียบอย่างชัดเจน
เหล่ย ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน คุณจะช่วยดูแลพ่อและแม่ของฉันได้ไหม? ฉันรู้ว่าพวกเขาเองก็หวังให้คุณมาเป็นลูกเขยของพวกเขาเหมือนกัน พวกเขามองคุณเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวมาโดยตลอด เจียงหยูยี่พูดน้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
มันจะไม่มีทางเกิดขึ้น คุณจะไม่ตาย เซี่ยเหล่ยพูด
ฉันกำลังพูดว่า ‘ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน’ ถ้า… เจียงหยูยี่พูด
มันจะไม่มีคำว่าถ้า’ เซี่ยเหล่ยพูดต่อทันที เขารู้ว่านี่เป็นกับดักที่ทำขึ้นเพื่อจะฆ่าเขาแต่เขาก็ยอมมาเพราะต้องการจะฆ่าอันกวนและอันซูฮยอน!
ฉันก็แค่พูดเผื่อเอาไว้ก่อน เจียงหยูยี่พูด
จู่ๆเซี่ยเหล่ยก็ใช้มือของเขากดหัวของเจียงหยูยี่ให้หมอบลงต่ำที่สุดอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนเขาจะเห็นอะไรบางอย่างจากระยะไกล
มันเป็นสุนัขดมกลิ่น พวกมันพุ่งออกมาจากแนวป่าทึบพร้อมกับมุ่งหน้าขึ้นมาบนยอดเขา!