“ข้าสงสัยว่าท่านจะทำให้ข้ากลายเป็นชนชั้นสูงได้อย่างไร?”
เย่เทียนถามอย่างใจเย็น แต่ทว่าในตาของเขานั้นมีความทะเยอทะยานอยู่.
“จากระบบและปรัชญาของสาธารณะรัฐโรมันแล้วล่ะก็, พวกชนชั้นสูงนั้นไม่ได้มาจากการเกิด. การที่จะเป็นชนชั้นสูงได้นั้น มีอยู่2ทางก็คือ การอุปถัมภ์หรือแต่งงานกับลูกสาวของชนชั้นสูง. แน่นอนว่ามีอีกทางนั่นคือกลายเป็นหนึ่งในคนของตระกูลชั้นสูงยังไงล่ะ! “
ออเรเลียเห็นความทะเยอทะยานในตาของเย่เทียนแล้ว และมันทำให้เธอแฮปปี้อยู่หน่อยๆ ความทะเยอทะยานจะเป็นแรงผลักดันให้เขาได้. เธอจึงอธิบาย.
“ข้ารู้ครับ แต่ท่านคงเดาได้ว่าข้าจะไม่เปลี่ยนนามสกุลนะ….”
เย่เทียนพยักหน้าแล้วพยายามทำท่าวันทยาหัตถ์.
“ใช่ข้ารู้, เจ้าจึงต้องแต่งงานกับตระกูลของเรายังไงล่ะ!”
ออเรเลียพูดนิ่งๆ.
“แต่งงานรึ?”
เย่เทียนตกใจมาก แล้วถามไป.
“ข้าก็มีลูกสาวอีกคน, พี่สาวของซีซาร์, แก่กว่าซีซาร์2ปี และนั่นแปลว่านางสามารถแต่งงานได้แล้ว!”
ออเรเลียสูดหายใจลึกๆและพูดช้าๆ.
“ลูกสาวของท่าน, พี่สาวของซีซาร์รึ?”
เย่เทียนตัวแข็งไปเลย. นี่เขากำลังจะทำให้เกิดบัตเตอร์ฟลายเอ็ฟเฟ็คหรอ?
(Butterfly Effect/ บัตเตอร์ฟลาย เอ็ฟเฟ็ค คือการกระทำที่จะส่งผลในอนาคต อย่างเช่น ถ้าคุณไม่ไปกินเหล้ากับเพื่อนวันนี้ คุณก็อาจจะรอดตายจากการเมาแล้วขับ อะไรแบบนี้ครับ)
ถ้าหากเขาแต่งงานกับพี่สาวของซีซาร์จริงๆ แล้วผู้สร้างจักรวรรดิ์โรมัน อ้อคเตเวี่ยนล่ะ?
แม้ว่าเย่เทียนจะไม่รู้ว่าใครเป็นคนแต่งงานกับพี่สาวของซีซาร์ในประวัติศาสตร์, แต่เขารู้ว่าอ้อคเตเวี่ยนคือหลานของซีซาร์ ที่ถูกซีซาร์รับเลี้ยงไว้แล้วก็ได้กลายเป็นทายาทในเวลาต่อมา.
หลายของซีซาร์, หลานชายของพี่สาวซีซาร์.
ถ้าเย่เทียนแต่งกับพี่สาวของซีซาร์ไป นั่นก็แปลว่าเขาฆ่าอ้อคเตเวี่ยนไม่ใช่หรอ?
แต่ไม่นานเย่เทียนก็โล่งใจ. เพราะเนื่องจากเขามาโลกนี้ในยุคนี้แล้ว มันก็คงจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ให้กลับตาลปัตรแน่ ต่อให้ซีซาร์จะถูกลิขิตมาเพื่อล้มเหลวก็ตาม แน่นอนว่าอ้อคเตเวี่ยนด้วย.
ถึงอย่างงั้นทุกๆอย่างก็ไม่ได้หนักหนาขนาดนั้น ต่อให้ไม่มีพี่สาวของซีซาร์ อ้อคเตเวี่ยนอีกคนก็จะโผล่มาอยู่ดี ตามกฏของประวัติศาสตร์.
“ว่าอย่างไร, เจ้าไม่พอใจรึ?”
พอเห็นเย่เทียนเงียบไป ออเรเลียคิ้วขมวดเล็กน้อยแล้วค่อยๆถาม.
“ป่าวครับ พอดีข้ากำลังคิดอยู่ว่าพี่สาวของซีซาร์จะสวยงามเช่นไร?”
เย่เทียนยิ้มอ่อนๆ และพูดหยอกไปเล็กน้อย.
“ไม่ต้องห่วง ลูกสาวข้าก็ไม่ได้ขี้เหร่น้อยกว่าข้าหรอก”
ออเรเลียพูดอย่างภาคภูมิใจมาก นางมั่นใจในความสวยของนางและลูกสาวของนางมาก.
“ท่านมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจเรื่องงานแต่งของลูกท่านรึ?”
เย่เทียนถามไป. ในโรมโบราณนี้ ผู้นำตระกูลผู้ชายมีสิทธิ์อย่างเด็ดขาด. ผู้นำนั้นอาจจะบังคับใครก็ได้ในตระกูล, ตัดสินเรื่องการแต่งงานและอนาคต แม้แต่มีสิทธิ์ที่จะโยนคนในตระกูลทิ้งไปก็ยังได้.
การแต่งงานของลูกสาวไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวแม่.
ตามที่ฮัวเซีย (Huaxia) โบราณกล่าวไว้ว่า สามีคือผู้นำ และบิดาคือพระเจ้า!
“ข้ารู้ว่าท่านหมายถึงอะไร แต่ตระกูลออเรเลียของเรานั้นอย่างน้อยก็แข็งแกร่งกว่าตระกูลจูเลียสของซีซาร์ ฉะนั้นเรื่องในบ้านข้าก็พอมีสิทธิ์อยู่!”
ออเรเลียพูดอย่างภาคภูมิ.
“ถ้าท่านมั่นใจเช่นนั้นล่ะก็ ข้าก็หวังว่าเราจะได้ร่วมมือกันอย่างดีนะครับ!”
เย่เทียนยิ้มและตกลงอย่างไว.
“นี่เจ้าควรจะขอบคุณข้าไม่ใช่เรอะ?”
ออเรเลียไม่ปลื้มกับท่าทีของเย่เทียน. ในความคิดของเธอนั้นเย่เทียนน่าจะตื่นเต้นกระดี๊กระด๊าบ้าง แม้จะไม่เว่อวังก็ตาม.
แต่ปฏิกิริยาของเย่เทียนนั้นดูธรรมดามาก เกินความคาดหมายเธอไปมาก และเธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้บรรลุความสำเร็จตามความคิดของเธอ. ตรงกันข้ามเลย มันเหมือนกับกำหมัดแล้วต่อยไปที่ก้อนสำลี ที่ทำให้รู้สึกแปลกๆอย่างเดียว.
“คนเราต้องมีจิตใจที่ธรรมดาเพื่อที่จะควบคุมสัตว์ร้ายในใจให้ได้!”
เย่เทียนตอบช้าๆ ทำให้ออเรเลียเริ่มจะคิดแล้วว่าที่เธอทำไปถูกหรือผิดกันแน่.
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเย่เทียนนั้นแข็งแกร่งจริงๆแต่เธอพบแล้วว่า สิ่งที่แข็งแกร่งจริงๆในตัวเย่เทียนนั้นไม่ใช่ด้านพละกำลัง แต่เป็นหัวใจที่แข็งแกร่งของเขาต่างหาก ความใจเย็นของเขานั้นเหนือกว่าคนธรรมดามาก.
คนแบบนี้จะบินไปบนฟ้าแน่ๆถ้าเขาทำได้.
คนแบบนี้แหละจะดึงดูดผู้หญิงแบบเธอ. หากเป็นมิตร ที่มีจิตใจเดียวกันล่ะก็ เขาก็คงจะเป็นคนที่พึ่งพาได้จริงๆ แต่ถ้าเขาเป็นศัตรูล่ะก็ คงเป็นศัตรูที่น่ากลัวคนนึงเลยทีเดียว.
แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือเธอกำลังเลี้ยงดูลูกชายของเธอที่ไม่มีวันไปถึงความจริงได้.
“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่านครับ เป็นเกียรติมากที่ทุกๆคนมารวมกันที่นี่. ขอขอบคุณทุกท่านที่สนับสนุนเรา! ผมจะไม่พูดอะไรมากนอกจากขอบพระคุณครับ ผมรู้ว่าทุกคนต้องการอะไร ฉะนั้นปล่อยให้ความกล้า ความโหด และเลือดที่สาดกระเซ็นของนักรบมาเถิด แน่นอนว่าถ้าทุกท่านต้องการจะวางเดิมพัน ข้าก็จะวางเดิมพันกับผู้ช่วยของข้าทีหลัง. ทุกๆท่านของทราบข้อมูลเกี่ยวกับนักรบที่จะมาแสดงในวันนี้แล้วนะครับ..”
ขณะเย่เทียนกับออเรเลียคุยกันอยู่นั้น ที่นั่งก็มีผู้คนเต็มไปหมดแล้ว และที่นั่งด้านหลังก็เต็มไปด้วยชาวเมืองโรมัน ที่มารวมตัวกันไปหมด.
แครสซัสยิ้มและเดินไปทางด้านหน้าของกรงเหล็กยักษ์ ตะโกนออกมาอย่างดัง ทำให้บรรยากาศในโคลอสเซียมครึกครื้น.
เขาช่างเป็นคนที่มีหัวการค้าจริงๆ.
“ฮาา…”
“ฮาา..”
“สู้!”
“สู้!!”
….
พวกชนชั้นสูงนั้นเงียบและสงบกันมาก. เพราะถึงยังไง พวกเขาต้องคงภาพลักษณ์สุภาพบุรุษไว้ แต่พวกชาวเมืองกับนายทาสต่างพากันกรีดร้องอย่างสนุกสนาน.
หน้าของซีซาร์เริ่มแดงขึ้น เขากำลังตื่นเต้นมาก.
ข้างๆเย่เทียนนั้นออเรเลียก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน มือของเธอกำหมัดแน่น.
นี่คือความโหดร้ายของยุคนี้ การเข่นฆ่านักรบทาสมีไว้เพื่อสนองพวกชนชั้นสูงแห่งโรม.