*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
———————————————————————————————
“ขอบใจนะซาตานที่มาส่งข้าถึงที่เลยและทำให้ข้ารู้สึกว่าเหมือนมีพระเจ้าอยู่ข้างๆกายข้าเลย!”
เกือบจะเที่ยงคืนแล้วแต่เย่เทียนก็ส่งคุณนายฉินน่ากลับบ้านได้สำเร็จ.
ขณะออกจากรถม้า คุณหญิงฉินน่าก็จัดชุดที่หลุดลุ่ยของเธอแล้วยิ้มให้เย่เทียนอย่างเต็มเสน่ห์.
“ข้าเองก็เป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสอยู่กับท่านสองต่อสอง, ท่านหญิงของข้า, หากท่านอณุญาตข้าอยากจะเป็นอัศวินพิทักษ์ให้ท่านเหลือเกิน….”
เย่เทียนยิ้ม, ความรู้สึกเสียดายแว่บขึ้นมาในตาของเขาเพราะเขามีเวลาได้อยู่กับเธอน้อยเหลือเกินไม่งั้นแล้วเขาอาจจะได้รับความเชื่อใจจากแม่สะใภ้คนแรกของซีซาร์ก็ได้.
“อัศวินรึ?”
ใบหน้าคุณหญิงฉินน่าดูตะลึงไปเล็กน้อยหลังได้ยินคำพูดของเย่เทียนแต่เธอก็ยิ้มแล้วก็ไม่พูดอะไรต่อ.
เพราะฉินน่านั้นชรามากแล้วและไม่สามารถให้สิ่งที่เธอต้องการได้, แต่ทว่าในฐานะชนชั้นสูงระดับต้นๆแล้วเธอก็ไม่สามารถทำอะไรที่จะเสื่อมเสียถึงสามีเธอได้, แม้ว่าสามีของเธอจะไม่สนใจเธอเลยในช่วงอายุนี้.
“ข้าทราบครับ, ข้าหวังว่าเราจะได้พบกันครั้งหน้านะครับ!”
เย่เทียนยิ้มแล้วหายไปในความมืด.
“ช่างเป็นชายหนุ่มที่น่าเร้าใจอะไรเช่นนี้!”
ขณะมองหลังที่กำลังค่อยๆหายไปของเย่เทียน, คุณหญิงฉินน่าก็รู้สึกถึงความเสียดายเล็กน้อย.
ท่ามกลางความมืดนั้นเย่เทียนรีบมุ่งหน้ากลับบ้านเท่าที่จะทำได้.
“โฮ่ง!”
เมื่อเย่เทียนกลับเข้ามาที่บ้าน สาวหมาป่าวิคตอเรียก็พุ่งเข้ามาหาเขาอย่างดีใจ. รอยเลือดที่มือและขนของเธอถูกล้างออกไปหมดแล้ว กลิ่นเลือดก็ไม่มีติดตัวเธอเลย.
“โอเควิคตอเรีย, เธอทำได้ดีมากคืนนี้! ขอบใจนะ!”
เย่เทียนยิ้มแล้วจุ๊บหน้าผากของเธอทันที. วิคตอเรียหลับตาลงแล้วดื่มด่ำกับความรักของเย่เทียนที่มีให้เธอ.
คืนนี้วิคตอเรียฆ่าคนไปเยอะมากแต่เย่เทียนก็ไม่ถือโทษเธอ. เธอก็แค่ทำไปตามสัญชาตญาณหมาป่าของเธอและเพราะพวกยามพวกนั้นกล้ามาขวางทางเธอ ก็แปลว่าพวกมันหาเรื่องตายใช่ไหมล่ะ?
และเรื่องที่คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ถูกฆ่าไปหรือเปล่านั้น เย่เทียนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร.
ในยุคอันโหดร้ายนี้ ชีวิตของมนุษย์นั้นมันค่าน้อยที่สุด. ดูอย่างพวกทาสเป็นตัวอย่างก็ได้, พวกเขาก็ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ใช่ไหมล่ะ? พวกเขาทำอะไรผิดหรอ? ถ้าไม่ผิดล่ะก็ ทำไมพวกเขาถึงยังอดตาย, หนาวจนแข็งตาย, หรือตายเพราะโรคล่ะ?
แล้ว…มีใครมันสนใจไหมล่ะ?!
“เจ้าไปเล่นเถอะ, ข้าจะไปดูเหยื่อของข้าหน่อย!”
หลังจากกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับวิคตอเรียอยู่พักหนึ่ง เย่เทียนก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปทางห้องมืดๆ.
“แอ๊ด…”
ประตูหินถูกเปิดออกอีกครั้งและภายใต้แสงเทียนนั้นก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังสั่นกลัวอยู่.
เด็กคนนั้นสวยมากๆและดูน่าจะราวๆอายุ 15-16ปี. ใบหน้าของเธอจิ้มลิ้มมากและรูปร่างของเธอเองก็งดงามเช่นกัน. ตอนนี้สีหน้าน่าสังเวชของเธอทำให้เธอดูเร้าใจมากๆ.
เด็กคนนั้นสวมชุดเจ้าสาวอยู่, มีสีขาว, ถักด้วยมือ, ชุดเดรสแขนสั้นกับเข็มขัดไม้รอบเอวทำให้เห็นเอวคอดๆของเธอ. เข็มขัดนั้นมีเงื่อนรักแท้อยู่ซึ่งมีเพียงแค่สามีของเธอเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ปลดเงื่อนนั้นออกและเชื่อกันว่ามีไว้ป้องกันเจ้าสาวจากเวทย์มนต์แห่งความริษยาได้.
ผ้าคลุมเจ้าสาวยังอยู่บนหัวเธออยู่เลย. ผ้าคลุมนั้นมีสีส้ม-แดงทรงสี่เหลี่ยมเป็นผ้าบางๆซึ่งเป็นสัญลักษณ์โชคดีในโรมโบราณ.
ในเวลาเดียวกันนั้น สำหรับตัวเจ้าสาวแล้วการสวมผ้าคลุมเปรียบเสมือนการสาบานความภักดีต่อสามีของเธอ.
โรมสมัยโบราณนั้นเชื่อกันว่าหัวเป็นส่วนที่สูงส่งที่สุดของร่างกายมนุษย์เพราะพระผู้สร้างทรงสร้างมันขึ้นมาเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของร่างกายมนุษย์. ฉะนั้นในงานแต่งงานทรงผมของเจ้าสาวเป็นเรื่องสำคัญมากๆ และมักจะเป็นแสก6แสกและมัดรวมกันด้วยที่คาดขนสัตว์บนหัวของเธอ, เป็นรูปทรงโคน. ทรงผมนี้เป็นทรงผมตามประเพณี.
เย่เทียนมองไปที่เจ้าสาว, เมคอัพของเธอยังไม่ล้างออกเลยด้วยซ้ำ, และเงื่อนรักแท้ก็ยังอยู่บนเอวของเธอด้วย.
ชั้นจะเล่นบทเจ้าบ่าวดีมั้ยนะคืนนี้?
ความคิดนี้ก็แว่บขึ้นมาในใจของเย่เทียน.
ครั้งก่อนแครสซัสพยายามขโมยสาวหมาป่าของเย่เทียนไป ฉะนั้นครั้งนี้เย่เทียนจึงขโมยเจ้าสาวของแครสซัสคืน, ก็แฟร์ดีหนิ!
แครสซัสเป็นฝ่ายแพ้และเย่เทียนก็เป็นฝ่ายชนะและผู้ชนะก็มีสิทธิ์เชยชมผลชัยชนะของตนเองได้.
“เจ้าแกะน้อย, เป็นอะไรหรือป่าว?”
เย่เทียนยิ้มแล้วถามเจ้าสาวขณะนั่งยอง.
เฮร่า?
เขาจำได้ว่าชื่อเจ้าสาวน่าจะเป็นเฮร่า.
“พระเจ้า! ท่านเป็นใคร? ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่? เจ้าคือสัตว์ประหลาดบ้านั่นเหรอ?”
เฮร่าโล่งอกที่ได้เห็นชายหนุ่มหล่อเหลาตรงหน้าเธอแต่พอเธอจำได้ว่าเธอถูกสัตว์ประหลาดขนทองทั่วตัวตีสลบไป, ความรู้สึกสยดสยองก็แว่บขึ้นมาในหัว.
ในนิทานบางเรื่องนั้น, สัตว์ประหลาดบางตัวจะลักพาตัวเจ้าสาวที่เพิ่งแต่งใหม่ๆไปและมันก็จะกลายร่างเป็นชายหน้าตาหล่อเหลาตัวสูงเพื่อหลอกล่อเจ้าสาว.
เธอไม่นึกมาก่อนเลยว่าเรื่องน่ากลัวแบบนี้จะเกิดขึ้นกับเธอ.
พอยิ่งคิดเช่นนี้เธอก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นไปอีก.
“สัตว์ประหลาดรึ?”
เย่เทียนตัวแข็งไปพักหนึ่ง, แล้วเขาก็รู้สึกว่าเจ้าสาวด้านหน้าเขาเข้าใจผิดว่าเขาคือสาวหมาป่า.
“เจ้าสัตว์ประหลาด, เจ้าต้องการอะไรจากข้า? โอพระเจ้า, อย่าทำร้ายข้าเลย…”
เฮร่ายิ่งเชื่อในความคิดตัวเองมากขึ้นและเธอก็เริ่มจะช้อคหนักมากแล้วกรีดร้องเสียงหลง อ้อนวอนความเมตตาจากเย่เทียน.
“ใจเย็นก่อนนะ เราจะได้มีเวลาดีๆด้วยกันแน่!”
เย่เทียนค่อยๆเดินไปหาเธอ, เธอก็ยิ่งกลัวตัวสั่นไปหมด.
“ไม่นะ ได้โปรด, อย่าเข้ามา, ข้าขอร้องล่ะ…”
เฮร่าอ้อนวอน.
“เวลามงคลใกล้จะผ่านไปแล้วนะ ถ้าเจ้าไม่ทำพิธีที่สำคัญที่สุดของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวล่ะก็ ข้าจะกินเจ้าซะ….”
เย่เทียนยิ้มแล้วทำให้เธอกลัว, คำพูดของเขาตรงตามในนิทานเป๊ะๆ.
“ไม่นะ! เจ้าไม่ใช่เจ้าบ่าวของข้า…”
เฮร่าปฏิเสธ ตาของเธอเต็มไปด้วยความกลัว.
“….งั้นข้าก็เหลือทางเดียวคือกินเจ้าล่ะนะ!”
เย่เทียนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง.
“ไม่นะ….เจ้ากินข้าไม่ได้….อภัยข้าด้วย, ข้า….เป็นเจ้าสาวให้เจ้าก็ได้….”
พอเห็นเย่เทียนยิ้ม, เฮร่าก็กลัวเขาสุดขีด, หัวใจที่แน่วแน่ของเธอหวั่นไวลงทันที.
“ใจเย็นน่า, ข้าสามารถปกป้องเจ้าด้วยชีวิตของข้าเลย และข้าจะไม่ทำร้ายเจ้าด้วย! ข้าสาบานในนามของพระเป็นเจ้า!”
เย่เทียนหยุดทำให้เธอกลัวแล้วเข้ามาข้างๆเธอ, ค่อยๆปลดเงื่อนรักแท้ของเธอออก, เงื่อนเดียวที่ “เจ้าบ่าว” ควรจะเป็นคนปลด.