กล้าเอาจำนวนคนมาเทียบงั้นเหรอ?
เย่เทียนไม่ได้กลัวพวกทหารอารักษ์ด้านหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย, เขากวาดพวกนั้นเรียบด้วยตัวคนเดียวยังได้!
แต่เย่เทียนรู้สึกว่าทำไมต้องลงมือเองด้วย. เขาจะมีทาสสปาตั้นไว้ทำไม ถ้าเขาจะจัดการพวกกระจอกนี่ด้วยตัวเอง?
“โฮ่ว!”
“โฮ่ว!”
…..
ที่ลานบ้านนั้นเมื่อทาสนักรบสปาตั้นได้ยินเสียงคำรามของเย่เทียน พวกเขาก็หยุดงานทุกอย่างแล้วรีบวิ่งมาพร้อมกับดาบสั้น.
ความเร็วของนักรบสปาตั้น30คนนั้นทำให้รู้สึกถึงความกดดันมหาศาลมาก.
“บ้าเอ๊ย, หมอนี่มันมีนักรบสปาตั้นด้วย, ซาตานนี่เจ้าเลี้ยงทหารส่วนตัวไว้งั้นเหรอ, นี่เจ้า—จะกบฏรึไง?”
นักรบสปาตั้นสร้างความกดดันอย่างรุนแรงจนปอมปีย์หน้าซีดกว่าเดิมแล้วตะโกนออกมาไม่เป็นคำอย่างสุดปอด.
“เจ้าจะบ้ารึ? พวกเราเป็นชนชั้นสูงหนิ. ทำไมข้าถึงจะมีทหารไว้ในบ้านบ้างไม่ได้ล่ะ? ขนาดเจ้ายังไปไหนมาไหนกับทหารส่วนตัวเลย อีกอย่าง, ใครบอกเจ้าว่าพวกนี้เป็นทหารส่วนตัวของข้า? พวกนี้คือทาสนักรบของข้าต่างหาก! เจ้าก็จำได้หนิ, เจ้าให้ข้าไม่ใช่เหรอ. ทาสของข้าทำทุกอย่างที่ข้าสั่ง. พวกมันชอบตัดฟืนด้วยดาบ ข้าก็เลยเอาให้พวกมันไป, เข้าใจไหม? ผิดกฏหมายงั้นเหรอ?”
เย่เทียนยิ้มอย่างเย็นชาแล้วถามคำถามทีละข้อๆ ทำให้ปอมปีย์กับมาโคเนียพูดไม่ออก. พวกเขาทำได้แค่ด่าเย่เทียนในใจ.
ทหารของปอมปีย์นั้นสั่นกลัวไปหมด มือของพวกเขาเริ่มเหงื่อแตกพลั่ก.
พวกนักรบสปาตั้นนั้นแข็งแกร่งมากๆโดยเฉพาะเมื่ออยู่รวมกัน พวกเขาจะกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่ไร้เทียมทานมาก.
วิธีที่จะจัดการนักรบสปาตั้นได้ดีที่สุดก็คือใช้ยุทธการเอาคนไปถล่มเหมือนมหาสมุทรซัดแต่ตอนนี้พวกเขามีจำนวนคนน้อยกว่ามาก ถ้าพุ่งเข้าไปมั่วๆล่ะก็มันจะเหมือนกับส่งเนื้อเข้าปากเสือเลย!
“ซาตานอย่าให้มันมากไปนะ!”
มาโคเนียทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาตะโกนใส่เย่เทียนอีกครั้ง.
“ไอ้หมาน้อย, ข้าขอแนะนำให้เจ้าหุบปากซะไม่งั้นข้าจะเอาจริง หั่นเจ้าเป็นชิ้นๆแล้วให้หมูกินซะ!!”
สายตาที่เย็นชาและโมโหของเย่เทียนทำให้มาโคเนียถอยหลังไป2ก้าว ขณะชี้นิ้วไปทางเย่เทียนแต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก.
“สปาตั้น, จับมันมัดให้ข้าที, เฆี่ยนตูดมันซะ! ข้าอยากจะเห็นนักใครจะกล้าหยุดข้า!!”
เย่เทียนออกคำสั่งอย่างเลือดเย็น.
“ไอ้โง่ซาตาน, เจ้าอยากจะเปิดศึกกับตระกูลปอมปีย์ของข้าจริงๆสินะ, เจ้าน่ะแพ้ไปแล้ว….”
หน้าของปอมปีย์ซีดลงและเขาก็โหยหวนขณะพยายามถอยหนี.
“ถ้าหากการตัดสินด้วยความยุติธรรมคือการเปิดศึกกับตระกูลปอมปีย์ของเจ้าล่ะก็ เช่นนั้นก็ให้ศึกนี้มันโหดร้ายกว่าเดิมซะ! สปาตั้น!”
เย่เทียนไม่อ่อนข้อเลย.
“นายน้อยครับ, ท่านควรถอยไปก่อน เราจะคุ้มกันให้ท่านเอง!”
ทหารคนหนึ่งผู้อย่างห้าวหาญกับปอมปีย์แล้วชักดาบออกมาพุ่งไปทางนักสปาตั้น.
“ปั่ก!”
นักรบสปาตั้นหลบได้อย่างง่ายดายจากนั้นเขาเอาด้านข้างของดาบตบไปที่แก้มของทหารคนนั้นจนกระเด็นไป.
กลางวันแสกๆแบบนี้ ถ้าไปฆ่าพวกนั้นล่ะก็คงจะเป็นการเปิดศึกกับตระกูลปอมปีย์จริงๆ.
ต่อให้เย่เทียนจับปอมปีย์มาได้เขาก็ไม่ได้จะฆ่ามันจริงๆหรอก.
เพราะยังไงซะสำหรับพวกชนชั้นสูงแล้ว “กฏ12โต๊ะ” มีไว้ประดับเฉยๆ มันเอาไปห้ามพวกเขาไม่ได้หรอก.
ยิ่งไปกว่านั้นปอมปีย์ก็แค่สาดและเหยียบเหรียญทองเฉยๆ. เอาจริงๆเขาไม่ได้ทำผิดอะไรเลย. เขาแค่ถูกเย่เทียนกล่าวหาเพื่อจะแกล้งและลงโทษนิดหน่อยเอง.
ถ้าเย่เทียนจะเสียบปอมปีย์แล้วเผาเขาจริง, เขาคงต้องรีบหนีไปจากโรมทันทีหรือไม่ก็รอให้ทหารมาฆ่าตาย.
“ขยะ….”
ปอมปีย์ที่เห็นทหารอารักษ์ของตัวเองอัดกระเด็นไป ก็สบถออกมาแล้วรีบวิ่งหนี.
เขาคิดจริงๆว่าวันนี้เขาบ้าไปแล้วที่ดันไปยั่วยุคนบ้าอย่างซานด้วยวิธีโง่ๆแบบนั้น.
“………”
“….”
ทหารคนอื่นๆพอเห็นเจ้านายตัวเองวิ่งหนีไปก็ลังเลอยู่เล็กน้อยว่าจะโจมตีหรือคุ้มกันเจ้านายให้หนีพ้น.
ในตอนนั้นเองเหล่าสปาตั้นก็บุกเข้ามาโจมตี.
“ฟุ่บ!”
“ฟุ่บ!”
….
การ์ดหนึ่งโหลนั้นเทียบไม่ได้กับนักรบสปาตั้น30คนเลย พวกเขาร่วงลงไปกับพื้นทันที แล้วร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด.
“ปั่ก!”
หลังจากอัดพวกทหารร่วงเสร็จ นักรบสปาตั้นผู้หนึ่งก็ตามปอมปีย์ทันแล้วกระแทกหัวเขาจนร่วงลงไปกับพื้นอย่างกับหมา.
แล้วนักรบสปาตั้นคนนั้นก็จับข้อเท้าของเขาแล้วลากกลับมา.
“ไอ้ชั่ว, ทาสโง่, เจ้ากล้าทำกับข้าเยี่ยงนี้ ต่อให้เจ้านายของเจ้าก็ปกป้องเจ้าไม่ได้…..”
ปอมปีย์รู้สึกอับอายอย่างมากแล้วตะคอกออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยน้ำตาที่คลอเบ้าอยู่.
น่าขายหน้าจริง, ทำไมเขาต้องถูกทำให้อับอายเช่นนี้.
“จับมันมัดไว้!!”
เย่เทียนเย้ยแล้วโยนเชือกให้นักรบสปาตั้นผู้นั้น.
“อะไรวะ…..”
ปอมปีย์โกรธมากจนเขาหมดสติไปด้วยอาการช้อค.
“ท่านลอร์ดครับ, ท่านำทเกินไปแล้ว! ท่านก็รู้ดีหนิว่า “กฏ12โต๊ะ” มันมีไว้ประดับเท่านั้นและมันก็ใช้ไม่ได้กับชนชั้นสูงหน้าเก่าอย่างพวกเรานะ!”
มาโคเนียเห็นเพื่อนตัวเองกระวนกระวายจนหมดสติไปจึงอดห่วงไม่ได้. ทำไมนายน้อยแห่งตระกูลชั้นสูงเก่าจึงถูกทำให้อับอายโดยชนชั้นสูงหน้าใหม่เช่นนี้? เขาจึงรวบรวมความกล้าแล้วพูดกับเย่เทียนอีกครั้ง. แต่ทว่ารอบนี้น้ำเสียงของเขาอ่อนลงมากๆ เขาไม่กล้าทำให้เย่เทียนที่กำลังบ้าคลั่งโกรธเขาอีก.
“มาโคเนีย, ท่านลอร์ดครับ, ข้าขอเตือนท่านอีกครั้งว่าให้ระวังคำพูดตัวเอง. สิ่งที่ท่านพูดเหมือนตะกี้เป็นสิ่งยืนยันว่าท่านกำลังดูหมิ่นและเหยียดหยามกฏอันยุติธรรมของสาธารณรัฐโรมัน! หากเรื่องแบบนี้ไปถึงหูของพวกสามัญชน, ข้าเกรงว่าทางสภาคงต้องจัดการกับพวกเจ้าเพื่อหยุดความบ้าคลั่งของชาวบ้านในโรมแน่!” …..
เย่เทียนเย้ย.
“นี่เจ้าขู่ข้างั้นเหรอ?”
มาโคเนียหมดหนทางแล้วด่าเย่เทียนที่ทำตัวหยาบคาย.
“เจ้าจะคิดเช่นนั้นก็ได้, หลานชายของสุละ! ข้าว่าถ้าสิ่งที่เจ้าพูดไปเมื่อตะกี้ออกไปสู่สาธารณะล่ะก็ มันคงจะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งรอบหน้าของปู่ของเจ้าแน่!”
เย่เทียนยิ้มให้ไอ้พวกลูกหมานี่, จะจัดการกับพวกนี้ไม่ต้องพูดอะไรมากมายเลย.
“เจ้าต้องการอะไร?”
มาโคเนียลนลานสุดขีดและมองไปทางเย่เทียนด้วยความรู้สึกผิด, เขาเห็นความแน่วแน่ของเย่เทียน.
“หลังข้าลงโทษเจ้าปอมปีย์เสร็จะ ข้าจะบอกเจ้าแล้วกัน!”
เย่เทียนพูดเย้ยแล้วสั่งให้นักรบสปาตั้นมัดปอมปีย์ที่สลบไป.
“เพี๊ยะ!”
มาโคเนียช้อคกับสิ่งที่ไม่อยากจะเชื่อตรงหน้า. เย่เทียนเจอแส้ไม่รู้จากตรงไหนแล้วหวดมันลงไปที่ร่างของปอมปีย์.
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
เฆี่ยนจริงอะไรจริง!
เย่เทียนกล้าเฆี่ยนนายน้อยแห่งหนึ่งในตระกูลชั้นสูงอันดับต้นๆจริงๆ!
เขาบ้าไปแล้ว, เขามันเป็นคนบ้า.
“อ๊าก….”
ปอมปีย์ที่สลบไปก็ตื่นขึ้นมาเพราะความเจ็บปวดอย่างรุนแรงและทำร้องไห้ออกมา.
“เฆี่ยนมันอีก10ที!!”
เย่เทียนโยนแส้ให้ทาสสปาตั้นแล้วพูด.