Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป – ตอนที่ 79

ตอนที่ 79

ตอนที่ 79 ผู้กล้าหรือคนเห็นแก่ตัว?

“นี่คือทางเลือกของท่านงั้นหรือ?” ในที่สุดชิวเยวี่ยถงที่จ้องมองชายคนนั้นอยู่ก็เอ่ยปากออกมา แม้ว่าน้ำเสียงของนางยังคงเย็นชาแต่ก็แฝงเอาไว้ด้วยอารมณ์มากมาย

ผู้ที่เป็นบิดาของชิวเยวี่ยถงยังคงไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เขาเพียงแค่จ้องมองมาที่ชิวเยวี่ยถงเท่านั้นและภายในดวงตาของเขาก็ปราศจากความรู้สึกใดๆ ดูเหมือนว่าการตอบสนองทั้งหมดของเขาเป็นไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น

“ตั้งแต่ข้ายังเด็ก ท่านแม่บอกข้าเสมอว่าท่านคือผู้กล้าผู้ยิ่งใหญ่และสั่งให้ข้าเชื่อฟังคำสั่งของท่าน ในตอนนั้นข้าหวังว่าท่านพ่อของข้าจะกลับมาสักวันหนึ่งและรับข้ากับท่านแม่ไปอยู่ด้วย ข้าหวังว่าตนเองจะได้เป็นลูกสาวของผู้กล้าที่คนอื่นๆต่างก็ชื่นชม”

“แต่ข้ากับท่านแม่ก็ทำได้เพียงเฝ้ารอเท่านั้นและท้ายที่สุดผลลัพธ์ที่ตามมานั้นมันกลับต่างจากที่ข้าคิดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง ในสายตาของคนอื่นๆท่านอาจจะเป็นผู้กล้าที่ปกป้องหมู่บ้านแห่งนี้เอาไว้ แต่ในสายตาของข้าท่านมันก็แค่คนเห็นแก่ตัวเท่านั้น ท่านพร้อมที่จะเสียสละทุกสิ่งเพื่อความเห็นแก่ตัวของตนเอง”

“ท่านแม่ป่วยหนัก ท่านก็แค่ให้คนนำเงินมาให้ ในตอนที่ท่านแม่ตายไปท่านยังไม่กลับมาเลยด้วยซ้ำ มีเพียงแค่หลังจากที่ฝังศพท่านแม่ไปแล้วเท่านั้นท่านถึงจะกลับมารับข้าไปอยู่ด้วย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาข้าก็สาบานกับตนเองว่าสักวันหนึ่งข้าจะต้องทำให้ท่านคุกเข่าต่อหน้าหลุมศพของท่านแม่และบอกว่าท่านผิดไปแล้ว”

“ท่านรู้บ้างหรือเปล่าว่าข้าต้องทนเจ็บปวดมากแค่ไหนเพื่อที่จะฝึกฝนเคล็ดวิชาลับนั่น? ท่านรู้หรือไม่พวกข้าผ่านพ้นคืนวันอันโหดร้ายเหล่านั้นมาได้อย่างไร?”

“เพราะว่าข้าอยากจะเอาชนะท่าน อยากจะเอาชนะทุกคน และอยากแสดงให้ท่านเห็นว่าสิ่งที่ท่านทำมาทั้งชีวิตนั้นมันไร้ค่า คำว่าผู้กล้าที่คนอื่นๆต่างก็มอบให้ท่านนั้นมันก็แค่เรื่องที่น่าตลกเรื่องหนึ่งเท่านั้น”

“แต่ข้าเองก็ไม่คิดว่าในวันที่ข้าประสบความสำเร็จท่านจะมีท่าทีแบบนั้น แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นแต่ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมท่านถึงอยากจะตายมากนัก หรือว่าท่านคิดว่าความตายจะช่วยลบล้างบาปของท่านได้? คิดว่ามันจะช่วยลบล้างเรื่องผิดพลาดไปของท่านได้งั้นหรือ? “

สีหน้าของชิวเยวี่ยถงดูตื่นตัวขึ้นมาเล็กน้อย นางเอ่ยปากถามชายที่อยู่ตรงหน้าเสียงดัง แม้ว่าชายคนนั้นจะไม่ได้ตอบอะไรกลับมาไม่ว่าชิวเยวี่ยถงจะถามอะไรก็ตาม เขาเพียงแค่จ้องมองมาที่นางด้วยสายตาที่ว่างเปล่าเท่านั้น

มู่อี้เฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นเงียบๆและไม่ได้รบกวนอีกฝ่าย แต่จากคำถามที่ชิวเยวี่ยถงพูดออกมานั้นมันทำให้เขาทราบเรื่องราวของหญิงสาวเพิ่มมากขึ้นเล็กน้อย ทุกๆคนต่างก็มีเรื่องราวที่ถูกซ่อนเร้นเอาไว้ของตนเองไม่ว่าจะสูงศักดิ์หรือต่ำตมมากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นผู้กล้า นักปราชญ์ หรือขอทานที่อยู่ข้างถนนก็ตาม

หลังจากที่ชิวเยวี่ยถงได้ระบายความในใจออกมาดูเหมือนว่านางจะสงบนิ่งลงไปบ้างแล้วในตอนนี้ อย่างน้อยที่สุดสีหน้าของนางก็ไม่ได้ดูตื่นตัวอีกต่อไป นางจ้องมองมาที่ร่างของชายคนนั้นที่ยังคงล่องลอยอยู่ในอากาศและไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แต่ท้ายที่สุดแล้วนางก็จำได้ว่ายังมีคนนอกอีกคนหนึ่งที่อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

คนที่จะนำพาภัยพิบัติมาสู่หมู่บ้านแห่งนี้

แม้ว่าดาบของนางจะแทงเข้าไปที่แผ่นหลังของมู่อี้ก่อนหน้านี้ แต่การป้องกันของมู่อี้ก็ทำให้นางต้องรู้สึกตกตะลึงด้วยเช่นกัน ไม่รู้ว่าผ้าคลุมนั้นมันขยายใหญ่ขึ้นหรือหายไปอย่างกะทันหัน แต่ของแบบนี้นางไม่เคยเห็นมาก่อนเลย. .

แล้วตอนนี้นางรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามจากมู่อี้ซึ่งทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย

“ข้าน้อยชิวเยวี่ยถงขอทำความเคารพท่านนักพรตเต๋า การกระทำของข้าก่อนหน้านี้คงทำให้ท่านนักพรตเต๋าต้องหัวเราะเสียแล้ว” ชิวเยวี่ยถงจ้องมองมาที่มู่อี้ เมื่อได้เห็นว่าอีกฝ่ายยังอายุน้อยก็ทำให้นางรู้สึกตกตะลึงขึ้นมาทันทีและมันยากที่จะยอมรับได้ว่านางหวาดกลัวต่อเด็กหนุ่มผู้นี้

“ท่านชิวเยวี่ยถงเพียงแค่แสดงอารมณ์ของตนเองออกมาเท่านั้น มีอะไรที่ต้องหัวเราะหรือขอรับ?” มู่อี้จ้องมองไปที่อีกฝ่ายและตอบกลับไปทันที เขาไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายเลยกับท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปของชิวเยวี่ยถง กลับกันเขากลับรู้สึกสงสัยมากยิ่งขึ้น

ในตอนนี้เขาไม่ต้องเผชิญหน้ากับวิญญาณของชายคนนั้นซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มโจรภูเขาคนเก่าและได้กลายมาเป็นวิญญาณที่คอยปกป้องภูเขาลูกนี้ แต่ศัตรูของเขากลับกลายเป็นชิวเยวี่ยถงและแรงกดดันที่เขาได้รับก็เพิ่มมากขึ้นในทันที แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้ลงมือในตอนนี้เขาก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย ในตอนนี้เขาสามารถถ่วงเวลาให้กับเนี่ยนหนิวเอ้อร์ได้มากยิ่งขึ้น

ตราบใดที่เขาสามารถช่วยเหลือซูจินหลุนได้สำเร็จ ไม่ว่าจะบุกไปข้างหน้าหรือว่าถอยหนีเขาก็สามารถทำเรื่องทุกอย่างได้ง่ายดาย

“ท่านนักพรตเต๋าขึ้นมาที่ภูเขาแห่งนี้เพราะเรื่องของคุณชายซูอย่างนั้นหรือ?” ชิวเยวี่ยถงถามกลับมาตรงๆทันที นางบอกกับมู่อี้เป็นนัยๆว่านางรู้อยู่แล้วว่าเขาคือใครและเขามาที่นี่ทำไม

“ใช่แล้วขอรับ ดูเหมือนว่าท่านหญิงชิวเยวี่ยถงจะทราบดีถึงการมาที่นี่ของข้าแล้ว แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าท่านจะเต็มใจให้ข้าทำสิ่งที่ต้องการหรือไม่” มู่อี้พยักหน้าและพูดออกมาทันที เขาไม่จำเป็นต้องปิดบังตัวตนของตนเองอีกต่อไปแล้ว และดูจากน้ำเสียงของอีกฝ่ายดูเหมือนว่าซูจินหลุนจะยังคงสบายดีในตอนนี้

ไม่อย่างนั้นแล้วชิวเยวี่ยถงคงไม่ได้มีท่าทีเช่นนี้แน่นอน

“ข้าไม่รู้ว่าท่านนักพรตเต๋าต้องการทำสิ่งใดหรือ?” ชิวเยวี่ยถงถามกลับมา

“ส่งตัวคนกลับมาเถอะขอรับ” มู่อี้ตอบกลับไปทันทีเช่นกัน

“เช่นนั้นก็ง่ายมาก ความจริงแล้วแม้ว่าท่านนักพรตเต๋าจะไม่ขึ้นมาที่นี่ อีก 2-3 วันหลังจากนี้ข้าก็จะให้คนพาคุณชายซูลงไปจากภูเขาแห่งนี้เอง” ชิวเยวี่ยถงวางมือของนางเอาไว้ที่หน้าผากและพูดออกมาทันที

“แล้วหลีหู่ล่ะขอรับ” มู่อี้พูดต่อไป

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่อี้ มือของชิวเยวี่ยถงก็กำแน่นขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว นางยังคงต้องมองมาที่มู่อี้ด้วยสีหน้าที่ดูจริงจังและพูดว่า “หลีหู่เป็นหัวหน้าคนที่ 2 ของหมู่บ้านแห่งนี้ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรผิดไปข้าก็ไม่อาจส่งตัวเขาให้กับท่านได้”

แม้ว่าน้ำเสียงของชิวเยวี่ยถงจะพูดอย่างเฉยเมย แต่ไม่ว่าใครที่ได้ยินประโยคนี้ก็ย่อมเข้าใจความหมายที่นางต้องการจะสื่อ

การปล่อยตัวซูจินหลุนย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายดาย แต่การจะมอบตัวหลีหู่ให้ด้วยนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ไม่ว่านางจะรู้สึกเช่นไรต่อหลีหู่แต่หลีหู่ก็เป็นหัวหน้าคนที่ 2 ของหมู่บ้านแห่งนี้และนางคือหัวหน้าของหมู่บ้านแห่งนี้ ถ้าหากว่านางยังอยากจะให้พี่น้องทุกๆคนในหมู่บ้านยังเคารพนางอยู่ สิ่งแรกที่นางทำไม่ได้นั่นก็คือหักหลังพี่น้องของตนเอง

ถ้าหากชิวเยวี่ยถงมอบตัวหลีหู่ให้ด้วยนั้น แน่นอนว่านางจะยังคงรักษาตำแหน่งหัวหน้าของหมู่บ้านแห่งนี้เอาไว้ได้แต่ทุกๆคนที่อยู่ในหมู่บ้านจะต้องแยกตัวออกเป็นสองฝ่ายอย่างแน่นอนและความสามัคคีกลมเกลียวกันที่เคยมีอยู่ก่อนหน้านี้ก็จะหายไปทันที นี่คือเรื่องที่นางไม่อาจทำได้

“ท่านจะไม่พูดอะไรถึงเรื่องนี้เลยหรือขอรับ?” มู่อี้เอ่ยปากถามพร้อมกับจ้องมองไปที่ชิวเยวี่ยถง

ด้วยความผิดที่หลีหู่ได้สร้างเอาไว้นั้นถือว่าเขาสมควรตาย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาร่วมมือกับฉือกุยทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ เพียงแค่การที่เขาล่วงเกินซูจินหลุนก็ถือว่าเขาสมควรตายแล้ว

ตระกูลซูต้องการศักดิ์ศรีของตนเองกลับมาและมู่อี้ก็ถือเป็นผู้ที่มาทวงคืนศักดิ์ศรีให้กับพวกเขา ไม่อย่างนั้นแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาตามมาอีกมากแค่ไหน การกระทำของหลีหู่นั้นถือว่าเป็นการล่วงเกินตระกูลซูอย่างชัดเจนและไม่ว่าเขาจะมีตำแหน่งใดในหมู่บ้านกลุ่มโจรภูเขาแห่งนี้แต่เขาก็ต้องชดใช้ความผิดของตนเอง

หากมู่อี้ยอมจากไปง่ายๆในวันนี้และไม่อาจเอาผิดอะไรหลีหู่ได้ เช่นนั้นมันย่อมเป็นการทำลายศักดิ์ศรีของตระกูลซูและศักดิ์ศรีของเขาด้วยเช่นกัน

ดังนั้นไม่ว่ายังไงหลีหู่ก็ต้องตาย

ถ้าหากชิวเยวี่ยถงต้องการจะหยุดเขาจริงๆ เขาก็ไม่สนใจที่จะต้องต่อสู้กับนาง

“ท่านหัวหน้าหรือว่า …” ชิวจูที่ยืนอยู่ข้างๆดูเหมือนอยากจะพูดอะไรออกมา นางเองก็ไม่ค่อยพอใจหลีหู่สักเท่าไหร่นักและในตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับความเป็นความตายของหมู่บ้านแห่งนี้แล้ว ในความเห็นของนางนั้นการส่งมอบตัวหลีหู่ให้กับนักพรตเต๋าผู้นี้คือทางออกที่ดีที่สุด

เดิมทีนางรู้สึกมั่นใจในวิชาดาบของตนเองมาก ทั่วทั้งหมู่บ้านแห่งนี้คนที่สามารถรับมือกับนางได้นั้นมีอยู่เพียงน้อยนิด แต่เมื่อเผชิญหน้ากับมู่อี้นางก็รู้สึกอ่อนแอขึ้นมาในใจของตนเองทันที

แสงสว่างสีขาวที่มู่อี้ส่งออกมาหานางก่อนหน้านี้นั้น นางทำได้เพียงป้องกันเอาไว้เท่านั้น ถ้าหากว่าหลังจากนี้นางป้องกันพลาดมันจะทำให้นางถึงตายหรือไม่?

แต่ก่อนที่นางจะพูดอะไรต่อชิวเยวี่ยถงก็ขัดจังหวะนางทันที

Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป

Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป

Status: Ongoing

โลกใบนี้ที่แสนโกลาหลวุ่นวายแต่ก็ถือว่ามีความสุขได้ถูกทำลายลงไปแล้ว ข้าเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าคนหนึ่งเท่านั้น

หากไม่ใช่เพราะท่านปู่ชีวิตของข้าคงจบสิ้นไปตั้งนานแล้ว แม้ว่าข้าจะต้องเข้าสู่ลัทธิเต๋า แม้ว่าข้าจะต้องอดมื้อกินมื้อ

แม้ว่าข้าจะต้องเดินทางไปยังที่ต่างๆอยู่เสมอ แต่เมื่ออยู่กับท่านปู่ข้าก็รู้สึกมีความสุขอย่างแท้จริง ข้าเคยได้ฟังเรื่องราวของกองทัพวิญญาณ

ผีดิบที่น่าสะพรึงกลัว และความชั่วร้ายในจิตใจของมนุษย์ แต่สิ่งที่ข้าต้องการมีเพียงแค่ชีวิตที่สงบสุขเท่านั้น เหตุใดสวรรค์ถึงไม่เคยเมตตาข้าเลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท