ตอนที่ 91 ยกระดับ
เสียงของดาบที่ดังขึ้นมานั้นดังมาจากขอบฟ้าไกล มันดังก้องเข้าไปในหูของทุกๆคนราวกับเสียงกระซิบและยังทำให้ทุกๆคนที่อยู่ที่นี่ต้องรู้สึกขนลุกขึ้นมาราวกับลมในฤดูหนาว
ในเวลาเดียวกันภายในสวนเล็กๆที่ถูกปิดตายมาตลอด 3 วันนั้น ตรงหน้าต้นสนต้นนั้นชิวเยวี่ยถงก็ได้ลืมตาขึ้นมาแล้ว
แม้ว่านางจะยังคงยืนอยู่นิ่งๆไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แต่ดาบยาวที่อยู่ตรงหน้านางในตอนนี้ก็ถูกชักออกมาจากฝักดาบทันทีและจากนั้นเสียงดาบก็ดังออกมากระจายออกไปไกล
ถ้าหากมีใครที่ยืนอยู่ตรงหน้าชิวเยวี่ยถงในตอนนี้คงเห็นว่าในดวงตาของชิวเยวี่ยถงนั้นสงบนิ่งปราศจากอารมณ์ใดๆแม้ว่าในตอนนี้สถานการณ์ภายในหมู่บ้านของนางถือว่าอยู่ในช่วงเวลาที่วิกฤตก็ตาม จากนั้นชิวเยวี่ยถงก็เอื้อมมือของตนเองออกไปสัมผัสที่ด้ามดาบทันที
เสียงดาบหยุดไปอย่างกะทันหันแต่เจตจำนงแห่งดาบนั้นได้พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
ต้นสนที่อยู่ตรงหน้าชิวเยวี่ยถงส่งเสียงดังกึกก้องออกมาทันที พร้อมกับใบสนและลูกสนนั้นก็แตกกระจายไปทั่วจนทำให้ทัศนียภาพของสวนเล็กๆแห่งนี้งดงามอย่างยิ่ง น่าเสียดายที่มีเพียงชิวเยวี่ยถงเท่านั้นที่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้
บนจัตุรัสที่อยู่ห่างไกลออกไปนั้นเมื่อได้ยินเสียงดาบดังขึ้นมาสีหน้าของมู่อี้ก็เปลี่ยนไปทันทีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้เห็นเจตจำนงแห่งดาบที่พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้ามันก็ทำให้เขาต้องรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น
ดูเหมือนว่า 3 วันที่ผ่านมานี้ชิวเยวี่ยถงจะสามารถยกระดับขึ้นไปได้อีกครั้ง
มู่อี้ย่อมไม่คุ้นเคยกับเหตุการณ์เช่นนี้เพราะการบ่มเพาะของชิวเยวี่ยถงนั้นถือว่าแตกต่างจากเขาอย่างสิ้นเชิง มู่อี้นั้นบ่มเพาะเพียงแค่ในด้านของจิตใจเท่านั้น ส่วนของชิวเยวี่ยถงดูเหมือนจะเป็นเจตจำนงแห่งดาบ
แต่ชิวเยวี่ยถงก็ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาการต่อสู้อื่นๆด้วยเช่นกัน
เส้นทางของทั้งสองคนนั้นเรียกได้ว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงและมันเป็นเหมือนเส้นขนานที่ไม่มีทางมาบรรจบกันได้
มันยากที่จะบอกได้ว่าเส้นทางของทั้งสองคนนั้นผู้ใดเหนือกว่ากัน แต่มู่อี้ก็ไม่เคยดูหมิ่นนางเลยแม้ว่าฝีมือของชิวเยวี่ยถงจะไม่อาจเทียบกับเขาได้ ในทางกลับกันเขากลับมองว่าชิวเยวี่ยถงคือบุคคลที่พิเศษอย่างยิ่งคนหนึ่ง
ในตำแหน่งที่มู่อี้และชิวเยวี่ยถงไม่อาจมองเห็นได้นั้นมีชายคนหนึ่งที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด ในมือของเขายังคงถือท่อนไม้เอาไว้พร้อมกับมีดแกะสลัก เขาแกะสลักท่อนไม้ในมือด้วยความระมัดระวังราวกับว่าทุกๆคนที่อยู่ที่นี่ในตอนนี้ไม่มีใครสามารถรบกวนเขาได้เลย
ชิวเยวี่ยถงสะบัดมือขวาของนางและร่างกายของนางก็พุ่งทะยานออกไปในอากาศทันที เส้นผมของนางแผ่สยายออกมาพร้อมกับดาบในมือที่เป็นประกาย จากนั้นเหนือศีรษะของนางก็ดูเหมือนว่ามีฝนกำลังตกลงมาแต่สิ่งที่ตกลงมานั้นไม่ใช่น้ำฝนแต่เป็นลูกสนมากมายที่กำลังตกลงมาสู่พื้นดิน
ต่อจากนั้นชิวเยวี่ยถงก็พุ่งทะยานออกไปพร้อมกับดาบในมือของนาง
เมื่อได้ยินเสียงดาบดังมาจากระยะไกลๆนั้นมู่อี้ก็ไม่ได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด เขาเพียงรอคอยอยู่ที่นี่เพราะเขารู้ว่าเสียงดาบที่เกิดขึ้นนั้นต้องเป็นของชิวเยวี่ยถงที่กำลังประกาศสงครามกับเขาอย่างแน่นอน
นอกจากมู่อี้แล้ว ชิวจูก็กำลังรอคอยอยู่เช่นกัน ไม่มีใครรู้ว่าเสียงดาบที่เกิดขึ้นนั้นดังมาจากไหน เสียงดาบที่เกิดขึ้นนี้แสดงให้เห็นว่านายหญิงของนางได้ตื่นขึ้นมาแล้ว
ทุกๆคนที่อยู่ที่นี่กำลังรอคอยหัวหน้าหมู่บ้านของพวกเขาอยู่
“ฟึบ!”
สายลมที่รุนแรงพัดเข้ามาและจากนั้นก็มีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งพุ่งลงมายังจัตุรัสแห่งนี้ทันที นางแต่งกายด้วยชุดสีขาว มีผ้าคลุมไหล่ผืนยาว ปลายดาบที่อยู่ในมือของนางนั้นชี้ไปที่พื้นดิน
นี่คือชิวเยวี่ยถง สีหน้าของนางปราศจากอารมณ์ใดๆและยังแสดงความเย็นชาออกมาอยู่เสมอ แต่เมื่อนางจ้องมองมาที่มู่อี้ดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
“ขอแสดงความยินดีด้วย” มู่อี้จ้องมองไปที่ชิวเยวี่ยถงพร้อมกับพูดออกมา
การแสดงความยินดีของเขานั้นล้วนมาจากใจจริง ในตอนนี้เขารับรู้ได้ว่าชิวเยวี่ยถงคือศัตรูที่ทรงพลังอย่างยิ่ง เขาสัมผัสได้ถึงสถานการณ์วิกฤตของตนเองหลังจากที่ไม่ได้รู้สึกเช่นนี้มานาน
และทันทีที่ชิวเยวี่ยถงปรากฏตัวออกมานั้นสายตาของทุกๆคนก็จับจ้องมาที่นางทันที แต่ความจริงแล้วมู่อี้ก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของนางนั้นคนอื่นๆที่อยู่ที่นี่คงคิดว่าตนเองได้เห็นภาพลวงตาอย่างแน่นอน
แค่ความเร็วเพียงอย่างเดียวก็ทำให้ชิวเยวี่ยถงน่าสะพรึงกลัวมากขึ้นเป็นทวีคูณแล้ว
นอกจากยันต์สายฟ้าแล้ว มู่อี้เชื่อว่ายันต์ปราบปีศาจไม่มีทางสัมผัสร่างกายของนางได้อย่างแน่นอน
“นำคนออกมา” ชิวเยวี่ยถงพูดอย่างเย็นชาโดยไม่สนใจมู่อี้ที่ยืนอยู่ที่นี่ในตอนนี้
คำพูดของนางทำให้ทุกๆคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็รู้สึกประหลาดใจ ไม่มีใครเข้าใจว่านางกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ ให้พาใครออกมากัน?
แต่ไม่นานทุกคนก็ได้ทราบคำตอบอย่างชัดเจน ไม่นานหลังจากชิวเยวี่ยถงพูดจบนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาที่นี่พร้อมกับชาย 3 คนที่ถูกมัดเอาไว้
“นั่นรองหัวหน้าหมู่บ้านนี่นา?”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“หรือว่านาง …”
เมื่อทุกๆคนได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก็เริ่มส่งเสียงออกมาทันที เพราะรองหัวหน้าหมู่บ้านของพวกเขากำลังถูกมัดเอาไว้และถูกพาตัวมาที่นี่ด้วยสีหน้าที่ดูอับอาย
และอีก 2 คนที่ถูกมัดและพาตัวมาที่พร้อมกันก็คือผู้ที่เป็นลูกน้องที่เป็นเสมือนมือซ้ายและมือขวาของหลีหู่
“หรือว่าท่านหัวหน้าหมู่บ้านจะยอมมอบตัวรองหัวหน้าหมู่บ้านให้กับศัตรูจริงๆ?”
นี่คือสิ่งที่คนจำนวนมากคิดอยู่ในตอนนี้เพราะเมื่อดูจากสิ่งที่พวกเขาได้เห็นแล้วมันไม่สามารถตีความเป็นอย่างอื่นได้เลย
เมื่อคิดเช่นนี้แล้วทุกๆคนก็อดที่จะรู้สึกตื่นตระหนกตกใจขึ้นมาไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าการกระทำเช่นนี้ของชิวเยวี่ยถงคือสิ่งที่ยากจะยอมรับได้ นี่เท่ากับว่านางกำลังหักหลังพี่น้องของตนเอง วันนี้ชิวเยวี่ยถงยังกล้าส่งมอบรองหัวหน้าหมู่บ้านให้กับศัตรูใช่ไหม? แล้ววันข้างหน้าใครจะรู้ว่านางจะไม่ทำเรื่องเช่นนี้กับพี่น้องคนอื่นในหมู่บ้านอีก?
เหตุผลที่พวกเขาเข้าร่วมหมู่บ้านแห่งนี้ก็เพราะการช่วยเหลือของท่านหัวหน้าหมู่บ้านคนก่อนและสนับสนุนชิวเยวี่ยถงที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านในตอนนี้ นี่เป็นเพราะว่าบิดาและลูกสาวของตระกูลนี้นั้นให้ความยุติธรรมและคอยปกป้องดูแลพวกเขาอย่างจริงใจเหมือนกับว่าทุกๆคนนั้นคือพี่น้องกัน
มีคำกล่าวที่ว่าข้าราชบริพารนั้นเป็นเหมือนมือและเท้าของกษัตริย์และกษัตริย์ก็เป็นเหมือนศูนย์รวมจิตใจของข้าราชบริพารทั้งหลาย ถ้าหากวันใดวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่กษัตริย์หักหลังข้าราชบริพารของตนเองขึ้นมาความจงรักภักดีของเหล่าข้าราชบริพารก็ย่อมหายไปด้วยเช่นกัน
ทุกๆคนต่างก็สนับสนุนชิวเยวี่ยถงเพราะความจริงใจและความยุติธรรมของนาง แต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้สถานการณ์จะเปลี่ยนไปแล้ว
แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาเพราะในตอนนี้พวกเขายังมีศัตรูอยู่ที่นี่อีกคนหนึ่งนั่นก็คือ มู่อี้
“ชิวเยวี่ยถง เจ้ามันคนน่ารังเกียจ เจ้าทรยศต่อข้า ทรยศต่อพี่น้องทุกๆคนในหมู่บ้าน และยังทรยศต่อตัวเจ้าเองอีกด้วย เจ้ายังเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านได้ยังไงกัน? เจ้าไม่คิดบ้างหรอว่าการกระทำเช่นนี้มันจะทำร้ายหัวใจของพี่น้องทุกๆคนในหมู่บ้าน?” หลีหู่ที่ถูกมัดเอาไว้ก็ร้องตะโกนออกมาเสียงดัง
และคำพูดของเขาก็ได้เข้าไปในจิตใจของผู้คนมากมาย
“หุบปากของเจ้าซะ” ชิวจูพูดออกมาด้วยความโกรธก่อนที่ชิวเยวี่ยถงจะได้พูดอะไร
แม้ว่านางจะยังไม่เข้าใจว่าหลีหู่ถูกจับตัวมาได้ยังไงและทำไมนางถึงไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เลย แต่นางก็รู้ดีว่าผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไรถ้าหากยังปล่อยให้หลีหู่ได้มีโอกาสพูดต่อไป
“ฮ่าฮ่า ในเมื่อเจ้ากล้าทำเช่นนี้เหตุใดเจ้าถึงไม่กล้าบอกข้าสักเรื่องหนึ่ง? ท่านหัวหน้าหมู่บ้านคนก่อนนั้นตายเช่นไร? เหตุใดจึงไม่มีใครทราบเรื่องนี้เลย? ท่านหัวหน้าหมู่บ้านคนก่อนนั้นมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงมาโดยตลอดแต่ทำไมท่านถึงจากอย่างกะทันหันเช่นนั้น? และในตอนที่ท่านตายไปนั้นใครกันที่ได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านในทันที? แม้แต่หลุมศพของบิดาตนเองก็ยังถูกตั้งทิ้งๆขว้างๆเอาไว้ข้างถนนให้เผชิญกับแดดลมฝนอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ป้ายหลุมศพก็ยังไม่มี?”
คำพูดของหลีหู่นั้นได้สร้างความสงสัยให้กับทุกๆคนขึ้นมาทันที แม้ว่าเรื่องนี้จะผ่านมานานมากแล้วแต่คำพูดของหลีหู่ก็ทำให้ทุกๆคนรู้สึกสงสัยขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ฝีมือการต่อสู้ของท่านหัวหน้าหมู่บ้านคนก่อนนั้นไม่ได้ถือว่าอ่อนแอเลย ดูเหมือนว่ามีเพียงชิวเยวี่ยถงเท่านั้นที่สามารถเอาชนะเขาได้
และในตอนนั้นชิวเยวี่ยถงก็ได้กลายเป็นหัวหน้าหมู่บ้านคนใหม่ในทันทีทันใด ก่อนหน้านั้นไม่มีใครรู้มาก่อนเลยว่านางคือลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้านและนางยังได้ศึกษาเคล็ดวิชาต่างๆจนแข็งแกร่งอย่างยิ่งด้วยเช่นกัน
แต่ในตอนนั้นท่านหัวหน้าหมู่บ้านคนก่อนก็ยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าจะคิดหาคำตอบมากแค่ไหนก็ไม่มีทางอธิบายเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้ ไม่มีใครเคยคิดว่าเป็นฝีมือของชิวเยวี่ยถงมาก่อนเพราะว่านางคือลูกสาวแท้ๆของท่านหัวหน้าหมู่บ้านในตอนนั้น
หลังจากนั้นเรื่องราวของหัวหน้าหมู่บ้านก่อนก็ค่อยๆถูกลืมเลือนไปจากจิตใจของทุกๆคน เป็นชิวเยวี่ยถงที่เข้ามายึดครองทุกๆอย่างจนทุกคนต่างก็ลืมเลือนเรื่องราวของหัวหน้าหมู่บ้านคนก่อนไป
ในตอนนั้นไม่มีใครสงสัยเรื่องการตายของหัวหน้าหมู่บ้านคนก่อนเลยหรืออาจจะมีใครที่รู้สึกสงสัยแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา
จนวันนี้เมื่อได้ยินคำพูดของหลีหู่ ความสงสัยที่อยู่ในจิตใจของทุกๆคนก็กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง
คนที่ฆ่าบิดาของตนเองและเข้ายึดครองบัลลังก์ คนที่หักหลังพี่น้องทุกๆคนในหมู่บ้าน หักหลังพี่ชายของตนเอง ย่อมไม่มีค่าพอที่จะได้เป็นผู้นำของพวกเขาอีกต่อไป
“ย่าห์!”
ท้ายที่สุดนั้นชิวจูก็รู้สึกหมดความอดทน นางชักดาบของตนเองออกมาและพุ่งเข้าไปหาหลีหู่ทันที