Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป – ตอนที่ 102

ตอนที่ 102

ตอนที่ 102 ก้าวเข้าสู่ระดับความยากขั้นที่ 2 (ครึ่งแรก)

ในตอนนี้ด้วยพลังแห่งจิตใจที่เพิ่มมากขึ้นของมู่อี้ พลังของตะเกียงทองแดงก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆอย่างเห็นได้ชัด

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือตะเกียงทองแดงอันนี้ไม่เพียงแต่ทำร้ายดวงวิญญาณได้เท่านั้นแต่มันยังมีผลต่อมนุษย์ด้วยเช่นกัน

เมื่อมู่อี้ยกตะเกียงทองแดงในมือขึ้นมานั้น เปลวเพลิงก็พุ่งออกมาจากตะเกียงทองแดงในมือของเขาและตรงเข้าไปหายักษ์ตนนั้นทันที

“โฮก!”

ยักษ์ตนนั้นร้องคำรามออกมาเหมือนกับสัตว์ป่า ร่างกายของมันไม่มีบาดแผลใดๆแต่มันกลับล้มลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง มือทั้งสองข้างของมันกำเอาไว้แน่นและร่างกายของมันก็กำลังดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด

“อ้าก!” ในเวลาเดียวกันนั้นชายคนนั้นที่กำลังโจมตีจากระยะไกลก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและร่างกายของเขาก็สั่นขึ้นมาด้วยเช่นกัน

เมื่อเห็นเช่นนี้สายตาของมู่อี้ก็เป็นประกายขึ้นมาทันที เขาไม่คิดเลยว่าหลังจากที่เขาเล่นงานยักษ์ตนนี้แล้วชายคนนั้นจะรู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย เห็นได้ชัดว่าเขาต้องควบคุมยักษ์ตัวนี้ด้วยจิตวิญญาณของเขาอย่างแน่นอน เมื่อจิตวิญญาณของยักษ์ตนนี้โดนทำร้ายมันก็ส่งผลไปถึงจิตวิญญาณของเขาด้วยเช่นกัน

การที่ยันต์สายฟ้าของมู่อี้ใช้ไม่ได้ผลก่อนหน้านี้ไม่ใช่เพราะว่าอีกฝ่ายมีการป้องกันที่แข็งแกร่งแต่เป็นเพราะว่าเขาสามารถหลบหนีจากการโจมตีของยันต์สายฟ้าไปได้ แต่ในตอนนี้มู่อี้เห็นโอกาสที่สำคัญแล้ว

เขาใช้ยันต์สายฟ้าออกไปโดยไม่ลังเลทันที

“ตู้ม!”

ยันต์สายฟ้าที่เหลืออยู่แผ่นสุดท้ายตรงเข้าไปที่ร่างกายของชายคนนั้นโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้หลบหนีไปไหนได้อีก

“อ้าก!” หลังจากแสงสว่างจ้าเกิดขึ้นก็ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนทันที

แม้ว่าจะสามารถโจมตีศัตรูได้สำเร็จแต่มู่อี้ก็ไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายเลย ในตอนนี้เขาไม่มียันต์สายฟ้าเหลืออยู่อีกแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงใช้ยันต์สายฟ้าโจมตีตามออกไปอีกครั้งอย่างแน่นอน

แต่ถึงแม้ว่ายันต์สายฟ้าจะหมดไปแล้ว มู่อี้ก็ยังมียันต์ปราบปีศาจอีกมากมาย ดังนั้นในตอนที่แสงสว่างหายไปแล้วนั้นเขาก็ใช้ยันต์ปราบปีศาจออกไปเป็นจำนวนมากทันที

ยันต์ปราบปีศาจ 7 แผ่นถูกส่งออกไปโจมตีชายคนนั้นพร้อมๆกัน ร่างที่ไหม้เกรียมของชายคนนั้นกระเด็นออกไปอย่างรุนแรงทันที

ร่างกายของเขาฉีกขาดออกจากกันจนยากที่จะมีชีวิตรอดต่อไปได้ เมื่อได้เห็นมู่อี้ก็รู้ได้ทันทีว่าความตายของชายคนนี้ย่อมมาถึงแล้ว แต่เขาก็พบว่ามีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติในตอนนี้ แม้ว่าร่างกายของชายคนนี้จะฉีกขาดออกจากกันแต่ก็ไม่มีเลือดไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว

ไม่ว่ายันต์สายฟ้าหรือยันต์ปราบปีศาจ แม้ว่ามันจะใช้สังหารศัตรูได้แต่ก็ไม่มีทางทำให้เลือดในร่างกายของศัตรูหายไปทั้งหมดแบบนี้

ในทางกลับกันที่ร่างกายของชายคนนี้เป็นแบบนี้คงไม่ได้เป็นเพราะมู่อี้แต่เป็นเพราะความลับอะไรบางอย่างของเขาอย่างแน่นอน

ในขณะที่มู่อี้กำลังใช้ความคิดว่ามันเป็นเพราะอะไรอยู่นั้น ทันใดนั้นเขาก็เห็นกลุ่มควันสีดำลอยออกมาจากร่างกายของชายคนนี้ ควันสีดำลอยออกมาและรวมตัวกันอยู่ในอากาศอย่างหนาแน่นจนเกิดเป็นร่างเงาสีดำของมนุษย์ขึ้นมา

“ไม่คิดเลยว่าหลังจากที่ข้าอยู่ในสภาพนี้มานับร้อยปีกลับต้องมาพ่ายแพ้ต่อเจ้าในวันนี้ เด็กน้อยที่แม้แต่ระดับความยากขั้นที่ 2 ก็ยังไปไม่ถึง” ในตอนที่ร่างเงาดำปรากฏตัวออกมานั้น น้ำเสียงแหบแห้งก็ตามออกมาทันที มู่อี้รู้สึกได้ว่าเสียงของอีกฝ่ายนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่ง

สิ่งที่ทำให้มู่อี้รู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้นนั่นก็คือคำพูดของอีกฝ่าย ก่อนหน้านี้ชายคนนั้นดูมีอายุประมาณ 20 ปีเท่านั้นและไม่มีอะไรที่เหมือนกับคนอายุ 100 ปีเลย ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีปีศาจเช่นนี้ซ่อนอยู่ในร่างกาย

ในตอนนี้เขาพอเข้าใจแล้วว่าทำไมร่างกายของชายคนนั้นถึงไม่มีเลือดหลงเหลืออยู่แม้แต่หยดเดียว

“เจ้าเป็นใครกัน?” มู่อี้มองไปยังร่างเงาที่ลอยอยู่กลางอากาศและไม่กล้าที่จะประมาท แม้ว่าร่างกายของอีกฝ่ายจะถูกเขาทำลายไปแล้วแต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงความอันตรายอย่างยิ่งในตอนนี้

“หึหึ เจ้าอยากจะรู้ว่าข้าเป็นใครงั้นหรือ? ดูเหมือนว่าเจ้ายังไม่เหมาะสมที่จะรู้เรื่องนี้ แต่ร่างกายของเจ้าจะเป็นร่างกายใหม่ของข้า” เงาดำที่ลอยอยู่กลางอากาศพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา

“เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับเจ้าผู้เดียวหรือไง?” มู่อี้รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที แม้ว่าเขาจะไม่มียันต์สายฟ้าเหลืออยู่แล้วแต่ตราบใดที่เขายังมีตะเกียงทองแดงอยู่ในมือเขาย่อมไม่กลัวอีกฝ่าย

ยิ่งไปกว่านั้นตะเกียงทองแดงของเขายังให้ผลที่รุนแรงกับดวงวิญญาณอีกด้วย

“เช่นนั้นเดี๋ยวก็ได้รู้กัน เจ้าเด็กน้อย” เงาดำพูดออกมาอย่างเกรี้ยวกราดทันทีและจากนั้นมันก็พุ่งเข้ามาหามู่อี้อย่างรวดเร็ว

หลังจากสูญเสียร่างกายไปดูเหมือนความเร็วของมันจะเพิ่มมากขึ้นและมันตรงเข้ามาหามู่อี้ได้ในพริบตา มู่อี้ไม่มีเวลาแม้แต่จะยกแขนของเขาขึ้นมาด้วยซ้ำและทำได้เพียงส่งพลังแห่งจิตใจของตนเองเข้าไปในตะเกียงทองแดงตามสัญชาตญาณเท่านั้น หลังจากนั้นตะเกียงทองแดงในมือของเขาก็สว่างขึ้นมาอีกครั้ง

แสงสว่างที่เกิดขึ้นนั้นปะทะกับเงาสีดำ มู่อี้รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอย่างรุนแรงที่กำลังเข้ามาใกล้และจากนั้นเขาก็ก้าวถอยหลังกลับไปทันทีแต่ในมือของเขานั้นก็ยังคงถือตะเกียงทองแดงเอาไว้แน่น

เมื่อมองไปยังเงาสีดำในตอนนี้ ทุกๆครั้งที่ร่างกายของมันปะทะกับแสงสว่างนั้นจะมีควันสีน้ำเงินลอยขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและมันก็กำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยสีหน้าที่ดูไม่พอใจ

แต่มันก็ยังไม่ยอมแพ้ในตอนนี้และยังคงพุ่งเข้ามาหามู่อี้อย่างต่อเนื่อง

มู่อี้ไม่กล้าที่จะผ่อนคลายในตอนนี้ เขาทำได้เพียงเติมพลังแห่งจิตใจของตนเองลงไปในตะเกียงทองแดงให้มากยิ่งขึ้นเท่านั้นแต่นั่นก็ทำให้พลังแห่งจิตใจของเขาหายไปอย่างรวดเร็ว

“ปัง ปัง!”

หลังจากกระแทกอย่างรุนแรงอยู่หลายครั้งร่างของเงาสีดำนั้นก็เริ่มจางหายไป แต่มู่อี้ก็มีใบหน้าที่ดูซีดเซียวในตอนนี้ ดวงตาของเขายังคงจ้องมองออกไปตรงหน้าและที่บริเวณขมับของเขาก็มีเส้นเลือดนูนออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน

มู่อี้เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมาทันที ในตอนนี้พลังแห่งจิตใจของเขาใกล้จะหมดไปแล้วและแสงของตะเกียงทองแดงก็กำลังจะดับไปอีกด้วย

มู่อี้รู้สึกได้ว่าถ้าหากเงาดำยังคงโจมตีแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆการป้องกันของเขาต้องแตกพ่ายอย่างแน่นอน แต่ทุกครั้งที่เขารู้สึกว่ามันถึงขีดจำกัดของตนเองแล้วมู่อี้ก็คิดในใจว่าเขาต้องทนต่อไปอีกสักนิดหนึ่ง ต้องทนต่อไปอีกหน่อย

ในตอนนี้มู่อี้รู้สึกได้ว่าพลังแห่งจิตใจที่ใช้ออกไปนั้นมันเกินขีดจำกัดของเขาเป็นจำนวนมากแล้ว

“ข้าจะแพ้ไม่ได้ ข้ายังต้องออกไปตามหาสิ่งที่ท่านปู่ทิ้งเอาไว้ ข้ายังต้องดูแลเนี่ยนหนิวเอ้อร์และข้ายังไม่เจอพวกเขาเลย ข้ายังไม่รู้ว่าทำไม…” มู่อี้รู้สึกหน้ามืดไปครู่หนึ่งและในตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของตนเองกำลังจะแหลกสลายไป

ในตอนนี้มู่อี้รู้สึกราวกับว่าฟางเส้นสุดท้ายของเขากำลังจะขาดไปแล้วและทุกสิ่งทุกอย่างมันเกินกว่าที่เขาจะทนรับไหวอีกแล้ว

ในตอนนี้เงาดำนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดด้วยเช่นกันและมันก็รู้สึกอยากยอมแพ้ แต่เมื่อเลือกจะขี่หลังเสือแล้วก็ไม่อาจลงได้ง่ายๆดังนั้นมันจึงต้องวัดกันแล้วว่ามันกับมู่อี้ใครจะอดทนได้มากกว่ากัน

เนี่ยนหนิวเอ้อร์ก็รู้สึกกระวนกระวายใจที่ป่าไผ่ด้านหลังวัดแห่งนี้ นางอยากจะออกไปช่วยเหลือมู่อี้แต่นางก็ต้องทำตามคำสั่งของมู่อี้อย่างเคร่งครัด นางไม่รู้ว่าควรจะตัดสินใจเช่นไรดีและทำได้เพียงเดินไปเดินมาในป่าไผ่แห่งนี้ด้วยความกระวนกระวายใจเท่านั้นและเสียงกรีดร้องของศัตรูที่ดังขึ้นมาก่อนหน้านี้ก็ทำให้จิตใจของนางกลับมาสงบนิ่งได้อีกครั้ง

เนี่ยนหนิวเอ้อร์ย่อมทราบดีด้วยเช่นกันว่ามู่อี้มียันต์สายฟ้าติดตัวอยู่ไม่มากนักและยิ่งเขาใช้ยันต์สายฟ้าออกไปมากเท่าไหร่ก็หมายความว่าศัตรูแข็งแกร่งมากเท่านั้น แต่ในตอนนี้แม้ว่ายันต์สายฟ้าจะถูกใช้ออกไปทั้งหมดแล้วแต่การต่อสู้ก็ยังไม่จบลง

“ออกไป? หรือไม่ไปดี?” เนี่ยนหนิวเอ้อร์รู้สึกอึดอัดใจอย่างยิ่ง

“ข้ากำลังจะตายงั้นหรือ?” มู่อี้รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขากำลังจะสูญเสียประสาทสัมผัสไปและยังรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขามีน้ำหนักเบาลงไปมากขึ้นเรื่อยๆจนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

“นี่คือวิญญาณของข้างั้นหรือ?” มู่อี้รู้สึกสับสนเล็กน้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้และเขาทำได้เพียงคาดเดาด้วยสติปัญญาของตนเองเท่านั้น

เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าชีวิตหลังความตายนั้นเป็นเช่นไร แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้นแล้ว

Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป

Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป

Status: Ongoing

โลกใบนี้ที่แสนโกลาหลวุ่นวายแต่ก็ถือว่ามีความสุขได้ถูกทำลายลงไปแล้ว ข้าเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าคนหนึ่งเท่านั้น

หากไม่ใช่เพราะท่านปู่ชีวิตของข้าคงจบสิ้นไปตั้งนานแล้ว แม้ว่าข้าจะต้องเข้าสู่ลัทธิเต๋า แม้ว่าข้าจะต้องอดมื้อกินมื้อ

แม้ว่าข้าจะต้องเดินทางไปยังที่ต่างๆอยู่เสมอ แต่เมื่ออยู่กับท่านปู่ข้าก็รู้สึกมีความสุขอย่างแท้จริง ข้าเคยได้ฟังเรื่องราวของกองทัพวิญญาณ

ผีดิบที่น่าสะพรึงกลัว และความชั่วร้ายในจิตใจของมนุษย์ แต่สิ่งที่ข้าต้องการมีเพียงแค่ชีวิตที่สงบสุขเท่านั้น เหตุใดสวรรค์ถึงไม่เคยเมตตาข้าเลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท