จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up – ตอนที่ 63

ตอนที่ 63

จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 63 อำนาจของเครื่องราง
นอกจากฉินเซี่ยงเทียนและฉินกวง บอสมนุษย์ทั้งสองแล้ว นี่นับเป็นครั้งแรกที่ฉินเทียนได้พบกับบอสที่เป็นมอนสเตอร์ ในใจของเขาตื่นเต้นยินดียิ่ง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉินเทียนก็กลืนน้ำลายอึกหนึ่งก่อนจะเผยรอยยิ้มละโมบ
เหนือศีรษะของราชาซากศพมีแถบพลังชีวิตลอยอยู่ แสงสีทองที่เท้าของมันก็ดูล่อลวงอย่างมาก
เมื่อพบเห็นบอสเช่นนี้แล้ว ยังมีเหตุใดที่เขาจะไม่ฆ่ามันเล่า?
เขาอาจจะยังไม่สามารถจัดการกับฉินเซี่ยงเทียนและฉินกวงได้เพราะยังแข็งแกร่งไม่พอ การจะตรงดุ่ยๆไปฆ่าทั้งสองก็ไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย ด้วยเหตุนี้เขาจึงดั้นด้นเข้าสู่เทือกเขาคุนหลุนก็เพื่อลับฝีมือ นอกจากนี้ จากการที่เขาได้สำแดงฝีมือที่เมืองชิงเหอไป การจะรั้งอยู่ที่นั่นต่อก็นับว่าสุ่มเสี่ยงเภทภัย
หากว่าเขาต้องการฆ่าฉินเซี่ยงเทียนและคนอื่นๆแล้วล่ะก็ เขาจำเป็นต้องแข็งแกร่ง มิเช่นนั้นคงยากที่จะเป็นไปได้
ฉินเทียนมีเป้าหมายเดียวในการเข้าเทือกเขาคุนหลุนเพื่อเพิ่มระดับ นั่นคือการสังหารฉินเซี่ยงเทียนและฉินกวง
เขาวางร่างยี่เชียนหานลงก่อนจะค่อยๆวกกลับไปและหลบซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง สายตาจับจ้องไปที่ราชาซากศพ ในใจแทบจะสะกดข่มความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ได้
ราชาซากศพสูดเอาหมอกโลหิตเข้าไป สองตาของมันกวาดมองโดยรอบ มันค่อยๆหมุนคอของมันจนมีเสียง ‘แกร๊ก’ ใบหน้าของมันเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายดุจปีศาจออกมา
“หึหึหึ…ข้าออกมาได้แล้ว…ฮ่าฮ่าฮ่า”
ราชาซากศพหัวเราะอย่างเบิกบาน
มันถือกำเนิดขึ้นจากหยดโลหิตของจ้าวปีศาจจากยุคโบราณ หลังจากผ่านการบ่มเพาะอยู่หลายปี ในที่สุดมันก็สามารถก่อร่างมนุษย์ขึ้นมา และเมื่อมันกำลังจะเริ่มต้นไล่สังหารเพื่อความบันเทิงนั้น มันก็พบกับผู้บ่มเพาะผู้หนึ่ีงโดยบังเอิญ ซึ่งคนผู้นั้นได้วางค่ายกลอันทรงพลังกักขังมันเอาไว้นับพันปี
ปีแล้วปีเล่าที่ผันผ่าน ค่ายกลที่ถูกวางเอาไว้ก็ค่อยๆเสื่อมฤทธิ์ลง และนั่นทำให้มันค่อยๆตื่นขึ้นมา แน่นอนว่ามันต้องการจะทำลายค่ายกลออกไป ทว่าโชคร้ายที่ค่ายกลที่คนผู้นั้นวางเอาไว้เป็นค่ายกลระดับสูง นั่นจึงทำให้มันไม่ได้แต่อดทน วันนี้ หากไม่ใช่เพราะยี่เชียนหานและค่ายกลที่เสื่อมอำนาจ มันก็คงไม่อาจหลุดออกมาง่ายดายเช่นนี้
ความโกรธแค้นที่สั่งสมมานานนับพันปีกำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาในวันนี้แล้ว กลิ่นอายที่ป่าเถื่อนดุร้ายกระจายออกมาจากร่างของมัน ฉินเทียนที่อยู่ห่างออกไปนับร้อยเมตรยังรู้สึกได้
“ตาย!”
พร้อมกับเสียงตะโกนที่ดังขึ้น กระบี่ปราณสีทองก็ฟาดฟันลง
หลังจากปลดปล่อยปราณกระบี่ ท่าร่างก็แปรเปลี่ยน ความเร็วพลันเพิ่มขึ้น หมัดของมันเปรียบดั่งค้อนหนักทุบฟาดไปทางราชาซากศพอย่างหนักหน่วง…
“ฮ่าฮ่า…เหล่ามนุษย์ที่โง่เขลา หรือพวกเจ้าไม่ทราบว่าร่างกายของเราชาวปีศาจแข็งแกร่งยิ่ง? ฮ่าฮ่า…”
ราชาซากศพรับการโจมตีทั้งสองสาย ฉินเทียนที่จับตาอยู่รอบนอกเห็นว่าแถบพลังชีวิตมันไม่ขยับแม้แต่น้อย จึงคิดขึ้นในใจ “ดูเหมือนการโจมตีปกติจะไม่ได้ผล…”
การโจมตีสองสายผ่านไป ราชาซากศพแทบจะไม่ได้รับความเสียหายใด หลินหยานตกตะลึงและรีบถอยกลับ หลังจากนั้นชั่วอึดใจ ฟางขุย เสวี่ยติงหานและฉางเฟิงก็พุ่งเข้าไปเพื่อสกัดกั้นการโจมตีของราชาซากศพ
“ศิษย์พี่ พวกเราจะเอาอย่างไรต่อ?”
“พวกเรา….อืม…หึหึ..” หยางฮั่นยิ้มเย็นก่อนจะกล่าวสืบต่อ “รอจนพวกมันทั้งหมดตกตายไปก่อน”
การจัดการกับราชาซากศพนั้นง่ายนักหรือ?
เพียงชำเลืองครั้งหนึ่ง หยางฮั่นก็ทราบว่าราชาซากศพนั้นเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจที่ถูกทอดทิ้ง กระนั้น แม้ว่ามันจะเป็นปีศาจที่ถูกละทิ้ง แต่ร่างกายของมันก็ยังเป็นร่างกายของปีศาจ เป็นร่างกายที่ทรงพลัง นั่นจึงยากที่การโจมตีทั่วไปจะทำอย่างไรต่อมันได้
แน่นอนว่าหลินหยานนั้นทราบแต่แรกแล้ว การโจมตีสองท่าแรกเป็นเพียงการหยั่งเชิงเท่านั้น หลังจากทราบผลลัพธ์ มันก็เปลี่ยนรูปแบบการโจมตี
“ฟางขุย ติงซาน สกัดมันเอาไว้ ฉางเฟิง เตรียมใช้เครื่องราง” หลินหยานออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว ฟางขุยและติงซานพุ่งตัวออกไปทันที
ฉางเฟิงหยิบเอาเครื่องรางที่ทอแสงสีทองออกมา
เป็นแสงสีทองที่สามารถกำราบสิ่งชั่วร้าย
ใบหน้าของราชาซากศพกระตุก มันพลันสัมผัสได้ถึงอันตราย มันเบนศีรษะไปทางฉางเฟิง มันคำราม ลูกแก้วโลหิตพุ่งออกจากร่างของมันอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความโกรธ “ทักษะระเบิดโลหิต…”
“ฮ่าห์!” ลูกแก้วโลหิตที่พุ่งออกมาพลันระเบิด
“ถอยออกมา!…”
หลินหยานตะโกนพลางพุ่งไปอยู่ด้านหน้าของฉางเฟิงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเพลิงโทสะ
เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง
เสียงระเบิดกัมปนาทดังขึ้นราวฟ้าผ่า เมื่อลูกแก้วโลหิตเกิดการระเบิด ทั่วทั้งบริเวณโบราณสถานก็เต็มไปด้วยหมอกโลหิตอีกครั้ง ดั่งวัฏจักรหมุนเวียน หมอกโลหิตค่อยๆควบแน่นกลายเป็นลูกแก้วโลหิตอีกครั้ง ขนาดของมันขยายขึ้นก่อนที่ท้ายที่สุดจะถูกดูดกลับเข้าสู่ร่างของราชาซากศพ
โลหิตปีศาจ โลหิตที่เป็นต้นกำเนิดของความแข็งแกร่ง
หน้าอกของฟางขุยเหวอะหวะ และแรงระเบิดก็ทำให้เสวี่ยติงซานได้รับบาดภายในอย่างรุนแรง หลินหยานสีหน้าซีดเผือด มันมองราชาซากศพอย่างเหม่อลอย
“พวกมนุษย์โง่เขลาที่หาญกล้าตอแยชาวปีศาจ พวกเจ้าจะต้องถูกส่งลงนรก!”
ราชาซากศพมีโทสะแล้ว มันพลันพุ่งตัวเข้าหาเหล่ามนุษยือย่างรวดเร็ว
ทั่วร่างของมันเป็นโลหิตสีแดงฉาน สีตาของมันแดงคล้ำ หมอกโลหิตก่อตัวขึ้นรอบหมัดทั้งสองของมัน….
“ลองนี่ดู!”
ฉางเฟิงที่อยู่ด้านหลังหลินหยาน พลันกระโดดออกมาแล้วเรียกใช้เครื่องรางสีทอง ก่อนที่หมัดของราชาซากศพจะมาถึง เครื่องรางก็พลันหมุนวนรอบร่างของราชาซากศพพร้อมกับที่ฉางเฟิงท่องบทสวด
เปรี้ยงงงงงง!
ลำแสงสีทองสาดออกทั่วทุกทิศ เครื่องที่กำราบสิ่งชั่วร้ายได้สำแดงอำนาจของมันออกมา ลำแสงค่อยๆกลืนกินปราณโลหิตของราชาซากศพ
ฉินเทียนตกตะลึง อำนาจของเครื่องรางช่างทรงอำนาจนัก เพียงหนึ่งกระบวนท่าก็ตัดทอนพลังโลหิตของราชาซากศพไปกึ่งหนึ่ง ‘ดูเหมือนว่าเราคงต้องหาเครื่องรางพกติดตัวไว้บ้างแล้ว….’
“อ้ากกก อ้ากกก”
ราชาซากศพกรีดร้องอย่างเจ็บปวด เพื่อปกป้องเส้นปราณภายใน มันงัดเอาทุกสิ่งที่สามารถออกมาต้านทาน
“พวกมันเตรียมเครื่องรางสะกดปีศาจมาด้วย” หยางฮั่นแค่นเสียงพลางโบกพัดในมือ มันค่อยๆรวบรวมพลังปราณอย่างเงียบเชียบ
“ฉางเฟิง เตรียมใช้เครื่องรางอีกครั้ง!” หลินหยานส่งสัญญาณอย่างรวดเร็ว
นี่นับเป็นโอกาสอันดีที่จะโจมตีราชาซากศพ ตราบเท่าที่เครื่องรางสะกดปีศาจผนึกลงบนร่างของราชาซากศพและดูดกลืนโลหิตจากร่างของมันที่เหลือได้สำเร็จ ราชาซากศพก้จะหลงเหลือเพียงเปลือกแล้ว
ฉางเฟิงเปิดแหวนมิติขึ้นมา ก่อนที่แววตาของมันจะแปรเปลี่ยนว่างเปล่า มันกล่าวตอบอย่างร้อนลน “เครื่องรางอีกชิ้นอยู่ที่เชียนหาน!”
ขณะที่ทั้งหมดแบ่งสรรเครื่องรางสะกดปีศาจทั้งสองชิ้น หนึ่งถูกมอบให้ฉางเฟิง ขณะที่อีกหนึ่งถูกเก็บไว้ที่ยี่เชียนหาน
หากแต่ตอนนี้ ยี่เชียนหานกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
หลินหยานตะโกนอย่างตื่นตระหนก “ทุกคน ลงมือ!”
ทว่าก่อนที่ทุกคนจะได้ลงมือนั้น เงาร่างสีขาวที่มีพัดในมือก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าราชาซากศพก่อนที่ดัชนีที่อัดแน่นไปด้วยพลังปราณทั้งสองจะทิ่มไปที่หน้าอกของราชาซากศพ….
“ไม่ดีแล้ว! มันต้องการหยิบฉวยแก่นภายใน!”
ฉางเฟิงตะโกน โดยไม่ต้องคิดมันพลันรวบรวมพลังปราณไปที่ฝ่ามือก่อนจะพุ่งเข้าหาหยางฮั่น
หยางฮั่นต้องการแก่นภายในจริงๆ แก่นที่บ่มเพาะมานานนับพันปีนั้นเป็นสมบัติอย่างแท้จริง ด้วยการใช้แก่นภายใน มันจะทำให้ผู้ใช้ก้าวสู่ขั้นเซียนได้ในไม่กี่ปี เมื่อการแข่งขันของศิษย์สายในมาถึง การจะติดหนึ่งในห้าสิบศิษย์สายในที่แข็งแกร่งที่สุดก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“แก่นภายใน?”
“แก่นภายในคืออะไร?”
ฉินเทียนขมวดคิ้วครุ่นคิด แม้ว่าค่าพลังชีวติของราชาซากศพจะลดลงอย่างต่อเนื่อง เขาก็ไม่เร่งรีบลงมือ สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่าราชาซากศพย่อมไม่อ่อนแอเช่นนี้ ความโกรธแค้นที่สั่งสมมานานนับพันปีของมันยังไม่ทันได้ระบายออก และมาตอนนี้ผู้คนจำนวนมากกำลังรุมแย่งชิงแก่นภายในที่มันบ่มเพาะมาเป็นพันปีด้วยแล้ว เพลิงโทสะของมันยิ่งพุ่งขึ้นทบทวี
เมื่อคิดเช่นนั้น เขาก็เร้นกายย้อนกลับไปดูยี่เชียนหาน เขาแสดงสีหน้าไร้เดียงสาก่อนจะกล่าวว่า “ขออภัย ข้าไม่ได้มีจุดประสงค์ไม่ดีอะไร ไม่มีสิ่งใดแอบแฝงทั้งนั้น”
มองดูส่วนโค้งเว้าของนางแล้ว หัวใจของเขาก็ร้อนรุ่มก่อนจะค่อยๆล้วงมือเข้าอกเสื้อของนาง ฝ่ามือของเขาเกาะกุมส่วนยอดของภูเขาทั้งสองเอาไว้….

จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up

จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up

Status: Ongoing

ฉินเทียน ชายหนุ่มผู้จับผลัดจับผลูถูกย้ายวิญญาณมายังร่างที่อมโรคในอีกโลกหนึ่ง เขากลายเป็นเจ้าของร่างที่จุดตันเถียนไม่อาจใช้การได้ ทำให้เขาไร้ซึ่งพลังลมปราณ กระนั้นสวรรค์ก็ยังไม่ทอดทิ้งเขา พระเจ้าได้มอบระบบเลเวลมาให้ด้วย! ชายผู้ไร้ค่างั้นเหรอ? กำลังภายใน#ต่างโลก#ระบบเกมนั่นมันเจ้าของร่างคนก่อนต่างหาก ต้องก้มหน้าก้มตาฝึกฝนพลังลมปราณงั้นเหรอ? เหอะ เขาสามารถเพิ่มเลเวลผ่านการฆ่าสัตว์อสูรได้ กระจอกน่า! เลเวลจะเพิ่มขึ้นเมื่อเขาฆ่าสัตว์อสูร ฆ่าผู้คน ถล่มตระกูลที่ทุกคนบอกว่าแข็งแกร่ง บอกเลยว่าข้านี่ล่ะบอสใหญ่! ด้วยระบบเลเวลนี้ เขาจะไม่ต้องเผชิญกับปัญหาคอขวดด้านการฝึกปรือดังเช่นอัจฉริยะคนอื่นๆ ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็เพียงแค่ ฆ่า! เพื่อชีวิตที่ดีกว่า! ฝ่าฟันมุ่งหน้าเพื่อกลายเป็นจ้าวยุทธ์! วะฮะฮ่า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท