<คุณได้ค้นพบเมืองฟีนิกซ์>
เมื่อหยวนและคนอื่นๆเข้ามาใกล้เมืองพวกเขาสังเกตเห็นเส้นขนาดใหญ่ที่ทอดยาวอย่างน้อยหนึ่งไมล์จากทางเข้าเมือง
“ทำไมคิวยาวจัง” หยวนจ้องมองสายด้วยดวงตาเบิกกว้าง
“สถานที่แห่งนี้มีแต่เรื่องธรรมชาติที่พลุกพล่านมาก เมืองฟีนิกซ์เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในทวีปตะวันออก เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ และมีสมบัติมากมายผู้ฝึกพลังที่ทรงพลัง และพ่อค้าที่ร่ำรวยจากทั่วทุกมุมโลกมาที่นี่เพื่อทำธุรกิจ” เสี่ยวฮัวอธิบายให้เขาฟัง
“ยังไงก็เข้าแถวก่อนละกันมีคนเข้าแถวกว่าสิบคนในตอนที่พวกเราพูดจบ!” หยวนกล่าวขณะที่เขาเดินไปที่ด้านหลังของแถว
หลังจากยืนเข้าแถวครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ถึงคราวที่พวกเขาจะเข้าเมือง
“วางมือลงบนลูกบอลนี้”
ผู้คุมคนหนึ่งกล่าวเมื่อหยวนเดินเข้ามาหาพวกเขา
หยวนวางมือบนลูกบอลคริสตัล และเมื่อทหารยามยืนยันว่าเขาไม่ใช่อาชญากรพวกเขาก็พูดว่า
“ค่าเข้าเมืองฟีนิกซ์เท่ากับหนึ่งเหรียญทอง”
“พวกเราสามคนมาด้วยกัน” หยวนพูดขณะที่เขายื่นเหรียญทอง 3 เหรียญให้พวกเขา
“นี่คือใบอนุญาตของคุณ เนื่องจากที่นี่มีประชากรจำนวนมาก และไม่ต้องการที่จะมีประชากรมากเกินไปในเมือง เจ้าจึงได้รับอนุญาตให้อยู่ในเมืองฟีนิกซ์เป็นเวลาสามวันเท่านั้น หากจับได้ว่าอยู่เกินจากช่วงที่บอกไปเจ้าจะถูกปรับ 100,000 เหรียญทอง หากเจ้าต้องการอยู่นานกว่านี้เจ้าต้องไปที่ห้องธุรการ และเจ้าสามารถขยายเวลาได้ในราคาที่เหมาะสม “
“ข้าเข้าใจแล้ว” หยวนต้องยอมรับกฎดังกล่าวก่อนที่พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปข้างในในที่สุด
“ว้าวสถานที่แห่งนี้ได้รับความนิยมมากกว่าที่คิดไว้ซะอีก ถ้าพวกเขาไม่ทำตามกฎยังงั้นละก็ เกรงว่าจะมีประชากรมากเกินไปจริงๆ… ” หยวนพูดทันทีที่พวกเขาเข้าไปข้างใน
“เมืองยอดนิยมส่วนใหญ่ที่เน้นทำธุรกิจจะเป็นแบบนี้” เสี่ยวฮัวกล่าว
“สามวันก็เกินพอแล้ว เพราะเราจะออกเดินทางทันทีหลังจากได้รับผลไม้วิญญาณ แล้วเราจะไปที่ไหนกันดี?” หยวนถามเธอ
เสี่ยวฮัวส่ายหัวและพูดว่า
“เสี่ยวฮัวไม่เคยมาที่นี่มาก่อน แค่เคยได้ยินแต่เพียงว่าตลาดฟีนิกซ์ทองคำอยู่ที่นี่”
“งั้นพวกเราก็ต้องถามคนแถวๆนี้แล้วละ” หยวนพูด
หลังจากใช้เวลาไม่กี่นาทีในการพูดคุยกับคนที่เดินผ่านไปมา หยวนก็ได้รู้เส้นทางที่จะไปและเริ่มเดินไปที่ตลาดฟีนิกซ์ทองคำพร้อมกับเด็กผู้หญิงอีกสองคน
“สถานที่แห่งนี้มีไว้เพื่อทำธุรกิจเท่านั้นจริงๆไม่ว่าเราจะไปที่ไหน ถนนก็เต็มไปด้วยร้านค้าเต็มไปหมด” หยูรู่กล่าวขณะที่พวกเขาเดินเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์
“มีคนอาศัยอยู่ในเมืองนี้หรือเปล่า เพราะข้ายังไม่เห็นบ้านเลย”
“มีเพียงคนที่ร่ำรวยที่สุดเท่านั้นที่จะอาศัยอยู่ในสถานที่อย่างเมืองฟีนิกซ์ได้ และพวกเขาทั้งหมดอยู่ในใจกลางเมือง เจ้าเห็นตึกสูงเหล่านั้นในระยะไกลไหมนั่นเป็นบ้านของพวกเขา” เสี่ยวฮัวพูดขณะที่เธอชี้ไปทางนั้น
“อะไรนะ?! พวกนั้นเป็นบ้านจริงๆเหรอ?! เหมือนกับอยู่ในสวรรค์ของผู้ฝึกพลังเลย มันมีตั้ง 21 ชั้น!” หยูรู่อุทาน
หลังจากเดินไปหลายนาทีพวกเขาก็มาถึงถนนที่กว้างมากแห่งหนึ่งซึ่งมีว่าว ‘ตลาดฟินิกซ์ทองคำ’ ที่สวยงามกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า
“ว้าวนี่คือ ตลาดฟินิกซ์ทองคำงั้นหรอ…แต่ทำไมมันดูว่างเปล่าขนาดนี้เมื่อเทียบกับถนนอื่นๆ?” หยวนเลิกคิ้ว
เสี่ยวฮัวยักไหล่
“พี่เดาว่ามันไม่สำคัญหรอกว่าทำไมที่นี่ถึงมีคนไม่มากนัก แต่ยังไงเราก็ควรดูทุกร้านจนกว่าจะเจอร้านที่ขายผลไม้วิญญาณใช่มั้ย?” หยวนกล่าว
“อื้มม” เสี่ยวฮัวและหยูรู่พยักหน้า
อย่างไรก็ตามในขณะที่หยวนเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่ถนน พวกเขาก็โดนหยุดทันทีโดยทหารยามที่ยืนอยู่ไม่ไกลเกินไป
“เดี๋ยวก่อนคุณได้รับอนุญาตให้เข้ามาในพื้นที่นี้หรือไม่” ทหารยามถามพวกเขา
“ได้รับอนุญาตหรอเราต้องได้รับอนุญาตเพื่อเข้าไปใน ตลาดฟินิกซ์ทองคำด้วยหรอ?” หยวนถามพวกเขาด้วยท่าทางประหลาดใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยิน
“ตามปกติแล้ว ตลาดฟินิกซ์ทองคำไม่ใช่สถานที่ธรรมดาที่ใครๆก็สามารถเข้ามาได้ และเฉพาะผู้ที่มีใบอนุญาตเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้ทำธุรกิจที่นี่”
“ถ้าอย่างนั้นเราจะขอใบอนุญาตได้ที่ไหนข้าอยากจะเข้าไปซื้ออะไรที่นั่น” หยวนถามพวกเขา
“นี่เป็นครั้งแรกของเจ้าที่นี่ใช่หรือไม่ การได้รับใบอนุญาตให้เข้าสถานที่แห่งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นเดียวกัน ก่อนอื่นเจ้าต้องบริจาคเงินจำนวนหนึ่งให้กับเจ้าเมืองก่อนจึงจะได้รับการพิจารณาใบอนุญาตด้วยซ้ำ” ทหารยามพูดกับเขา
“เงิน…?” หยวนเริ่มเหงื่อตกทันที
“เงินจำนวนเท่าไหร่?”
“คนส่วนใหญ่บริจาคอย่างน้อย 10,000,000 เหรียญทอง” ทหารยามกล่าว
“10,000,000 เหรียญทอง?!” หยวนอ้าปากตะลึงกับยอดเงินที่เขาเพิ่งได้ยิน
หากต้องจ่าย 10,000,000 เพื่อใช้ ตลาดฟินิกซ์ทองคำ พวกเขาไปหาที่อื่นไม่ดีกว่าหรอ! อย่างน้อยพวกเขาก็ยังมีเงิน 10,000,000 เหรียญทองไว้ใช้จ่าย!
“มีอะไรพิเศษในตลาดฟินิกซ์ทองคำงั้นหรอ ถึงต้องมีการขอใบอนุญาต 10,000,000 เหรียญในการซื้อสินค้าในสถานที่นั้น เป็นเรื่องที่น่าตกใจจริงๆ ไม่มีใครคิดที่จะจ่ายเงินจำนวนมากขนาดนั้นสำหรับสิ่งนี้หรอก” หยูรู่ส่ายหัวไม่เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังระบบนี้
“นั่นคือสิ่งที่เจ้าคิดผิดสาวน้อยแม้ว่ามันอาจจะแพง แต่ก็คุ้มค่ามาก เนื่องจากคนที่เจ้าสามารถหาได้ในสถานที่แห่งนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงที่ได้รับการสนับสนุน หรือมีฐานะมากมายในโลกนี้และคนส่วนใหญ่ก็มาที่นี่เพื่อติดต่อกับบุคคลเหล่านี้เป็นหลัก การจับจ่ายถือเป็นเรื่องรองเท่านั้น” ทหารยามอธิบายให้พวกเขาฟังถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของตลาดฟินิกซ์ทองคำ
“ข้าเข้าใจแล้ว…ยังงี้ค่อยเข้าใจได้หน่อย…” หยูรู่พยักหน้า
“แล้วผลไม้วิญญาณล่ะ เนื่องจากเราไม่สามารถเข้าไปในสถานที่แห่งนี้ได้โดยไม่ต้องใช้เงินเพิ่ม 10,000,000 เหรียญทอง พวกเราต้องหาที่อื่นเพื่อหาพวกมัน” หยวนถอนหายใจ
“ผลไม้วิญญาณงั้นหรอ? หากเจ้ากำลังมองหาผลไม้วิญญาณ เจ้าจะพบมันได้เฉพาะในตลาดฟินิกซ์ทองคำเท่านั้น” ทหารยามคนหนึ่งกล่าวหลังจากได้ยินคำพูดของหยวน
“เห้อ…” หยวนถอนหายใจอีกครั้ง
“หากเจ้าต้องการเข้าสู่ตลาดฟินิกซ์ทองคำจริงๆ มีวิธีการที่ไม่ต้องชำระเงินหรือใบอนุญาต” ทันใดนั้นทหารยามคนหนึ่งก็พูดขึ้น
“วิธีนั้นคืออะไร?” หยวนถามทันที
“มันค่อนข้างง่ายจริง ๆ “
ทหารยามสบตากันก่อนจะพูด
“เจ้าแค่ต้องเป็นผู้ฝึกพลังระดับปรมาจารย์วิญญาณ!”
“ถ้าเจ้าไปถึงระดับปรมาจารย์วิญญาณ เจ้าจะได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ตลาดฟินิกซ์ทองคำโดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ !”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
หลังจากนั้นทหารยามก็หัวเราะออกมาโดยคิดว่าการจ่าย 10,000,000 เหรียญทองเป็นเรื่องที่เป็นไปได้มากกว่าที่จะหาใครสักคนที่อยู่ระดับปรมาจารย์วิญญาณ
“ปรมาจารย์วิญญาณงั้นเหรอ ทำไมเจ้าไม่พูดแต่แรกล่ะ เรามีหนึ่งคนที่นี่” หยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มที่โล่งใจบนใบหน้าของเขา
“เจ้าพูดว่าอะไรน่ะมีปรมาจารย์วิญญาณอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า ใครเจ้างั้นหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า!” ทหารยามไม่ได้จริงจังกับหยวนและเริ่มหัวเราะดังขึ้น
“แต่เธอไม่ใช่ปรมาจารย์วิญญาณหรอก เธอเป็นราชาวิญญาณ” หยวนพูดขณะที่เขาชี้ไปที่เสี่ยวฮัว
“ราชาวิญญาณ?! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” ทหารยามหัวเราะอย่างหนักหลังจากได้ยินคำพูดของเขา พวกเขาก็เริ่มกลิ้งไปบนพื้นพร้อมกับเสียงหัวเราะ
หยวนมองไปที่ผู้คุมด้วยสีหน้าตกตะลึง ทำไมพวกเขาถึงหัวเราะขนาดนั้นละ? มันตลกขนาดนั้นเลยหรอ?
“ถ้า…ถ้าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้เป็นผู้ฝึกพลังที่มีพื้นฐานการฝึกฝนระดับปรมาจารย์วิญญาณ งั้นข้าจะวิ่งทั้งรอบไปรอบๆตลาดฟินิกซ์ทองคำในขณะที่เปลือยเปล่า!” ทันใดนั้นทหารยามคนหนึ่งก็พูดขึ้น
“ไม่เฉพาะตลาดฟินิกซ์ทองคำ ข้ายินดีที่จะวิ่งไปทั่วทั้งเมืองถ้าเจ้าเป็นราชาวิญญาณจริงๆ ฮ่า ๆ ๆ !”
“… “
หยูรู่แหละหยวน มองหน้ากันพร้อมกับเลิกคิ้ว
“เจ้าสองคนหัวเราะอะไรในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เมื่อเร็วๆนี้ข้าอารมณ์ไม่ดีมากๆ ไหนลองบอกข้าสิอะไรที่มันทำให้พวกเจ้าหัวเราะได้ขนาดนั้น ข้าจะได้อารมณ์ดีบ้าง!”
ทันใดนั้นเสียงของผู้หญิงที่ชัดเจน แต่หงุดหงิดก็ดังขึ้นข้างหลังของทหารยาม และเมื่อทหารยามได้ยินเสียงของผู้หญิงคนนี้พวกเขาก็หยุดหัวเราะทันที และหันกลับมาพร้อมกับการแสดงออกที่น่ากลัวบนใบหน้าของเธอดูราวกับว่าพวกเขากำลังจ้องมองกับความตาย
หยวนและหยูรู่หันไปมองคนที่เพิ่งพูด พวกเขาก็มองเห็นผู้หญิงที่สวยมากในวัยยี่สิบปลายๆสวมเสื้อคลุมสีแดงลายนกฟีนิกซ์สีทองเดินไปในทิศทางของพวกเขา
“มา…มาดามเฟิง!” ทหารยามคุกเข่าลงบนพื้นทันทีโดยที่หลังของพวกเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น
“พวกข้าผิดไปแล้วที่หัวเราะขณะปฏิบัติหน้าที่ โปรดเมตตาพวกข้าด้วย!”
ผู้หญิงที่ถูกเรียกว่ามาดามเฟิงมองอย่างเย็นชา
“เจ้าไม่ได้ยินข้าเหรอ ข้าอยากรู้ว่ามันมีอะไรตลก อะไรที่ทำให้เจ้าหัวเราะจนเหมือนกับคนบ้า!”
“กะ…ก็เป็นแบบนี้แหละครับ…”
ทหารยามอธิบายสถานการณ์ให้มาดามเฟิงฟัง
ไม่กี่อึดใจต่อมามาดามเฟิงหันไปที่หยวนและเด็กสาวสองคนที่อยู่ข้างๆเขา
“เจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกงั้นหรอ ที่เจ้ากล้าพูดถึงราชาวิญญาณ?” มาดามเฟิงหรี่ตามองพวกเขาและทันใดนั้น
ตูม!
ทันใดนั้นฐานการฝึกพลังของปรมาจารย์วิญญาณก็ปะทุออกมาจากร่างของมาดามเฟิง ทำให้พื้นที่นั้นเต็มไปด้วยความกดดัน ทำให้หยวนและหยูรู่เริ่มสำลักราวกับว่าพวกเขาหายใจไม่ออก
“เจ้ายังคิดว่ามันตลกอยู่ไหมที่…”
อย่างไรก็ตามก่อนที่มาดามเฟิงจะพูดจบประโยค เสี่ยวฮัวก็ตะโกนด้วยน้ำเสียงที่น่ารักแต่แฝงไปด้วยโกรธ
“เจ้ากล้าทำร้ายพี่หยวนได้ยังไง!”
ตูม!
แรงกดดันมหาศาลที่เกินกว่าออร่าของมาดามเฟิงดูเหมือนจะถูกพัดหายออกไป ก่อนที่จะบังคับให้มาดามเฟิงคุกเข่าลง
“นี่มัน?!”
มาดามเฟิงเงยหน้าขึ้นอย่างพยายามมองไปที่เสี่ยวฮัว สายตาของเธอเต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว
“ราชาวิญญาณ!”