ตอนที่ 1501 งานชุมนุมเทพยุทธ์ (2)
บนยอดเขาฝูเหยามีผู้คนมากมายพลุกพล่านขวักไขว่ หลังจากรอมาครึ่งเดือน ในที่สุดงานชุมนุมเทพยุทธ์ที่ทุกคนต่างคาดหวังอย่างมากก็ใกล้เข้ามา
เมื่อจวินอู๋เสียกลับไปที่ยอดเขา นางก็เห็นว่าจำนวนคนที่นั่นเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหนึ่งเท่าจากตอนที่นางจากไป เท่าที่ตาเห็นมันเป็นทะเลผู้คนที่หนาแน่นพลุกพล่านไปทั่วพื้นที่ ยากที่จะวัดจำนวนผู้เยาว์ที่งานชุมนุมเทพยุทธ์ดึงดูดมาได้ ทำให้ทุกคนต่างรีบมาที่นี่
เนื่องจากมีการจำกัดอายุผู้ที่จะสมัครเข้าร่วมงานชุมนุมเทพยุทธ์ ถ้าพวกเขาพลาดเพียงครั้งเดียว พวกเขาก็จะไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สอง ทุกคนที่อายุอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดทั่วทั้งอาณาจักรกลางพากันมาจากทั่วทุกสารทิศ และด้วยการเลื่อนออกไปอีกครึ่งเดือน ทำให้คนที่มาไม่ทันมีเวลาเพิ่มขึ้นมา
ภายในฝูงชนที่แน่นขนัด ร่างเล็กๆของจวินอู๋เสียเคลื่อนผ่านไปอย่างง่ายดาย นางเลือกเข้าพักที่โรงเตี๊ยมที่แพงที่สุดบนยอดเขาฝูเหยา เนื่องจากไม่อยากเจอสถานการณ์แบบเดิมที่ต้องใช้ห้องร่วมกับคนอีก 3 คน ดังนั้น นางจึงจองห้องทั้งห้องไว้เองคนเดียว
ราคาที่โรงเตี๊ยมแห่งนั้นสูงมาก ห้องพักกำหนดไว้สำหรับ 2 คนต่อ 1 ห้อง แต่พวกเขาได้เจอกับลูกค้าที่ใจป้ำอย่างมาก เถ้าแก่โรงเตี๊ยมจึงยิ้มกว้างขณะนำจวินอู๋เสียไปที่ห้องของนาง
จวินอู๋เสียเพิ่งปิดประตูห้อง นางก็ได้ยินเสียงของผู้เยาว์สองสามคนคุยกันอยู่ข้างนอก
“ผู้เข้าร่วมงานชุมุนุมเทพยุทธ์ปีนี้เยอะมากจริงๆ อยากรู้จังว่าจะมีกี่คนที่ดึงดูดความสนใจสิบสองวิหารและเก้าอารามได้”
“ข้าได้ยินว่าเก้าอารามไม่คิดจะรับศิษย์ในงานชุมนุมเทพยุทธ์ครั้งนี้ คงมีแต่สิบสองวิหารที่จะเลือกคนเข้าร่วมเท่านั้น”
“เก้าอารามไม่เข้าร่วมด้วยหรือ? แบบนั้นโอกาสก็ลดลงเยอะเลยซิ”
“ข้าคิดว่าพวกเจ้าไม่ควรคิดมากเกินไป เกณฑ์การคัดเลือกคนของเก้าอารามเข้มงวดกว่าสิบสองวิหาร ถ้าเราไม่สามารถทำได้ตามมาตรฐานของสิบสองวิหาร ต่อให้เก้าอารามเข้ามามีส่วนร่วม ก็ไม่มีผลอะไรกับพวกเราหรอก”
“นั่นก็จริง……”
ผู้เยาว์ 3 คนที่อยู่นอกประตูยังคงคุยกันอย่างดุเดือด แล้วจู่ๆเสียงของพวกเขาก็ขาดหายไป แม้แต่เสียงฝีเท้าก็หยุดลง จวินอู๋เสียได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆอีกเสียงใกล้เข้ามา แล้วก็ผ่านประตูห้องของนางไป ตอนนั้นเอง เสียงของผู้เยาว์ทั้ง 3 คนที่หายไปก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“พวกเจ้าเคยเห็นเด็กคนนั้นมาก่อนรึเปล่า?”
“ข้าเคย! เขาคือคนที่สู้กับอีกคนที่สุดถนนไม่ใช่หรือ?”
“ข้าก็เคยเห็นเขามาก่อนเหมือนกัน เด็กนั่นยังกับปีศาจ แค่มองก็ขนลุกแล้ว แต่ภูติประจำตัวของเขาซิ……น่ากลัวชะมัด”
“เขามีงูกระดูกสองหัว! ข้าเคยได้ยินคนพูดเกี่ยวกับมัน! เด็กนั่นมาจากเผ่าผู้ใช้กระดูก!”
“เผ่าผู้ใช้กระดูก! นั่นไม่ใช่……”
ผู้เยาว์ 3 คนเดินคุยกันไปเรื่อยๆ เสียงของพวกเขาค่อยๆจางหายไปขณะที่เดินออกจากระยะการได้ยินของจวินอู๋เสีย
“ปีศาจ?” จวินอู๋เสียเลิกคิ้ว [และมาจากเผ่าผู้ใช้กระดูก?]
“คุณหนู!” ก่อนที่จวินอู๋เสียจะมีโอกาสคิดอะไรต่อไป ร่างของเย่ฉาและเย่กูก็ปรากฏตัวขึ้นภายในห้อง
“หลายวันที่ผ่านมาคุณหนูสบายดีไหมขอรับ?” เย่ฉาคุกเข่าข้างหนึ่งลงที่พื้นและเงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เสีย
“ดีมาก” จวินอู๋เสียกล่าวอย่างไร้ความรู้สึก
เย่กูไม่ได้พูดอะไร แต่มองไปที่จวินอู๋เสียด้วยสายตาแปลกๆ ดูค่อนข้างสับสน
จวินอู๋เสียไม่ให้ความสนใจใดๆ นางเดินไปนั่งที่เก้าอี้พร้อมกับถามว่า “เจ้าสองคนอยู่บนเขาฝูเหยาในช่วงที่ผ่านมารึเปล่า?”
“ขอรับ” เย่ฉาตอบ
“เคยเจอพี่ฮัวกับคนอื่นๆบ้างไหม?” จวินอู๋เสียมั่นใจในพลังของพวกฮัวเหยาอย่างเต็มที่ แต่นางก็ยังถามถึงพวกเขาอยู่ดี
“ข้าเจอทุกคนแล้วขอรับ คุณชายฮัวบังเอิญพักอยู่ในโรงเตี๊ยมเดียวกับคุณหนูด้วย” เย่ฉารายงาน