แต่ทุกอย่างยังไม่จบ
หลังลั่วชิงเฉิงกลับไป ยังมีกองกำลังเหลือทิ้งไว้ที่ภูเขาอีกครึ่งหนึ่ง พวกคนชุดดำเริ่มเข้าล้อมพวกเขา ดวงตาของคนพวกนั้นเย็นชาและกระหายเลือด
เหรินหวงได้สติกลับมาจากความเศร้าโศกทันที เมื่อเห็นเจตนาสังหารในแววตาของพวกคนชุดดำ ความรู้สึกสิ้นหวังเข้าครอบคลุมหัวใจเขา
เขานึกแล้ว! ลั่วชิงเฉิงไม่มีวันใจดีขนาดนี้!
“เย่เม่ย” เหรินหวงเรียกทันที
เย่เม่ยได้สติ เขาหันไปมองเหรินหวง เมื่อเห็นเหรินหวงพยักหน้า เย่เม่ยก็กำหมัดแน่นและก้มหัวลง พยายามอดกลั้นไว้อย่างสุดความสามารถ หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เงยหน้าขึ้นช้าๆและเดินไปหาจวินอู๋เสีย “ท่านประมุข สัญญากับข้าอย่างหนึ่ง” เหรินหวงหันไปพูดกับประมุขวิหารหยกวิญญาณ
“อะไร?” ประมุขวิหารหยกวิญญาณยังคงใจลอยไม่ได้สติจากการบาดเจ็บล้มตายของศิษย์วิหารหยกวิญญาณ
“ข้ามันแก่แล้ว อยู่ไปก็เท่านั้น แต่ศิษย์ของข้ายังมีชีวิตที่ดีรออยู่ ข้าขอร้องเจ้า ไม่ว่ายังไงก็ช่วยพานางหนีไปด้วยเถอะ” เหรินหวงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“หนีหรือ?” ประมุขวิหารหยกวิญญาณสะดุ้งตกใจและได้สติขึ้นมาทันทีจากคำพูดของเหรินหวง เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อเห็นพวกคนชุดดำที่ค่อยๆล้อมเข้ามา หัวใจของเขาก็ดิ่งวูบทันที!
ลั่วชิงเฉิงไม่เคยมีความคิดที่จะปล่อยพวกเขาไป!
“ลั่วชิงเฉิงผิดคำพูดนี่!!” ประมุขวิหารหยกวิญญาณเบิกตาด้วยความโกรธ สถานการณ์ตรงหน้าไม่ว่าใครเห็นก็เข้าใจได้ทันที ลั่วชิงเฉิงพาจวินอู๋เหยากลับไปก่อน นางไม่เคยคิดที่จะทำตามสัญญาและได้ทิ้งคนไว้เบื้องหลังเพื่อกำจัดพวกเขา!
ก่อนหน้านี้พวกเขายังมีจวินอู๋เหยาต่อสู้กับคนพวกนั้น แต่ตอนนี้เขาถูกพาตัวไปแล้ว คนเดียวที่เหลืออยู่ซึ่งสามารถต่อสู้กับคนพวกนั้นได้คือเหรินหวง พวกเขาถูกบีบให้จนมุมแล้ว!
“นางเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว” เหรินหวงกล่าวอย่างสงบ ไม่รู้ทำไม ในช่วงเวลาแห่งความตายเช่นนี้ หัวใจของเขากลับสงบนิ่งอย่างมาก
“ผู้อาวุโสเหรินหวง……” ประมุขวิหารหยกวิญญาณสัมผัสได้ถึงท่าทีผิดปกติของเหรินหวง
เวลาแบบนี้เหรินหวงยังสงบนิ่งขนาดนี้ได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้น คำพูดของเขาก็……ทำไมฟังเหมือนลางร้ายแบบนี้?
เหรินหวงฝากให้เขาดูแลศิษย์ของตน นั่นหมายความว่า…… “ผู้อาวุโสเหรินหวง ท่านไม่……”
ก่อนที่ประมุขวิหารหยกวิญญาณจะพูดต่อ เหรินหวงก็ยกมือขึ้นขัดจังหวะเขา
เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบๆ ศิษย์วิหารหยกวิญญาณเสียชีวิตไปประมาณ 90% คนที่รอดตายก็บาดเจ็บสาหัส อย่าว่าแต่จะสู้เลย พวกนางไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ด้วยซ้ำ ถ้าพวกคนชุดดำโจมตีเข้ามา ทุกคนที่นี่ตายแน่!
ลั่วชิงเฉิงโจมตีได้กระทั่งจวินอู๋เหยา แสดงให้เห็นว่านางโหดร้ายเพียงใด นางไม่มีวันปล่อยให้พวกเขารอดชีวิตไปได้
เหรินหวงเหลือบมองไปที่หลังโชกเลือดของเยี่ยนปู้กุยซึ่งปกป้องซูหย่าไว้ใต้ร่าง จากนั้นเขาก็มองไปที่จวินอู๋เสียซึ่งกำลังยืนอยู่ท่ามกลางสายลมแรง ริมฝีปากของเขาปรากฏรอยยิ้มอันสุขสงบ
ชีวิตของเขาผ่านมาหมดแล้ว ทั้งความรุ่งโรจน์และหวนคืนสู่ป่าเขา ไม่มีอะไรในชีวิตนี้ทำให้เขาภูมิใจ มีเพียง……ศิษย์ทั้งสองและศิษย์หลานที่ทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่สูญเปล่า
ชีวิตเช่นนี้ไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจ!
“พาพวกเขาไป” เหรินหวงสูดหายใจเข้าลึก แววตามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว
แทบจะทันทีที่เหรินหวงพูด เย่เม่ยก็วิ่งเข้าไปหาจวินอู๋เสียเพื่อจะดึงนางไป
หลังลั่วชิงเฉิงกลับไป ยังมีกองกำลังเหลือทิ้งไว้ที่ภูเขาอีกครึ่งหนึ่ง พวกคนชุดดำเริ่มเข้าล้อมพวกเขา ดวงตาของคนพวกนั้นเย็นชาและกระหายเลือด
เหรินหวงได้สติกลับมาจากความเศร้าโศกทันที เมื่อเห็นเจตนาสังหารในแววตาของพวกคนชุดดำ ความรู้สึกสิ้นหวังเข้าครอบคลุมหัวใจเขา
เขานึกแล้ว! ลั่วชิงเฉิงไม่มีวันใจดีขนาดนี้!
“เย่เม่ย” เหรินหวงเรียกทันที
เย่เม่ยได้สติ เขาหันไปมองเหรินหวง เมื่อเห็นเหรินหวงพยักหน้า เย่เม่ยก็กำหมัดแน่นและก้มหัวลง พยายามอดกลั้นไว้อย่างสุดความสามารถ หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เงยหน้าขึ้นช้าๆและเดินไปหาจวินอู๋เสีย “ท่านประมุข สัญญากับข้าอย่างหนึ่ง” เหรินหวงหันไปพูดกับประมุขวิหารหยกวิญญาณ
“อะไร?” ประมุขวิหารหยกวิญญาณยังคงใจลอยไม่ได้สติจากการบาดเจ็บล้มตายของศิษย์วิหารหยกวิญญาณ
“ข้ามันแก่แล้ว อยู่ไปก็เท่านั้น แต่ศิษย์ของข้ายังมีชีวิตที่ดีรออยู่ ข้าขอร้องเจ้า ไม่ว่ายังไงก็ช่วยพานางหนีไปด้วยเถอะ” เหรินหวงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“หนีหรือ?” ประมุขวิหารหยกวิญญาณสะดุ้งตกใจและได้สติขึ้นมาทันทีจากคำพูดของเหรินหวง เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อเห็นพวกคนชุดดำที่ค่อยๆล้อมเข้ามา หัวใจของเขาก็ดิ่งวูบทันที!
ลั่วชิงเฉิงไม่เคยมีความคิดที่จะปล่อยพวกเขาไป!
“ลั่วชิงเฉิงผิดคำพูดนี่!!” ประมุขวิหารหยกวิญญาณเบิกตาด้วยความโกรธ สถานการณ์ตรงหน้าไม่ว่าใครเห็นก็เข้าใจได้ทันที ลั่วชิงเฉิงพาจวินอู๋เหยากลับไปก่อน นางไม่เคยคิดที่จะทำตามสัญญาและได้ทิ้งคนไว้เบื้องหลังเพื่อกำจัดพวกเขา!
ก่อนหน้านี้พวกเขายังมีจวินอู๋เหยาต่อสู้กับคนพวกนั้น แต่ตอนนี้เขาถูกพาตัวไปแล้ว คนเดียวที่เหลืออยู่ซึ่งสามารถต่อสู้กับคนพวกนั้นได้คือเหรินหวง พวกเขาถูกบีบให้จนมุมแล้ว!
“นางเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว” เหรินหวงกล่าวอย่างสงบ ไม่รู้ทำไม ในช่วงเวลาแห่งความตายเช่นนี้ หัวใจของเขากลับสงบนิ่งอย่างมาก
“ผู้อาวุโสเหรินหวง……” ประมุขวิหารหยกวิญญาณสัมผัสได้ถึงท่าทีผิดปกติของเหรินหวง
เวลาแบบนี้เหรินหวงยังสงบนิ่งขนาดนี้ได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้น คำพูดของเขาก็……ทำไมฟังเหมือนลางร้ายแบบนี้?
เหรินหวงฝากให้เขาดูแลศิษย์ของตน นั่นหมายความว่า…… “ผู้อาวุโสเหรินหวง ท่านไม่……”
ก่อนที่ประมุขวิหารหยกวิญญาณจะพูดต่อ เหรินหวงก็ยกมือขึ้นขัดจังหวะเขา
เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบๆ ศิษย์วิหารหยกวิญญาณเสียชีวิตไปประมาณ 90% คนที่รอดตายก็บาดเจ็บสาหัส อย่าว่าแต่จะสู้เลย พวกนางไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ด้วยซ้ำ ถ้าพวกคนชุดดำโจมตีเข้ามา ทุกคนที่นี่ตายแน่!
ลั่วชิงเฉิงโจมตีได้กระทั่งจวินอู๋เหยา แสดงให้เห็นว่านางโหดร้ายเพียงใด นางไม่มีวันปล่อยให้พวกเขารอดชีวิตไปได้
เหรินหวงเหลือบมองไปที่หลังโชกเลือดของเยี่ยนปู้กุยซึ่งปกป้องซูหย่าไว้ใต้ร่าง จากนั้นเขาก็มองไปที่จวินอู๋เสียซึ่งกำลังยืนอยู่ท่ามกลางสายลมแรง ริมฝีปากของเขาปรากฏรอยยิ้มอันสุขสงบ
ชีวิตของเขาผ่านมาหมดแล้ว ทั้งความรุ่งโรจน์และหวนคืนสู่ป่าเขา ไม่มีอะไรในชีวิตนี้ทำให้เขาภูมิใจ มีเพียง……ศิษย์ทั้งสองและศิษย์หลานที่ทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่สูญเปล่า
ชีวิตเช่นนี้ไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจ!
“พาพวกเขาไป” เหรินหวงสูดหายใจเข้าลึก แววตามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว
แทบจะทันทีที่เหรินหวงพูด เย่เม่ยก็วิ่งเข้าไปหาจวินอู๋เสียเพื่อจะดึงนางไป