WS บทที่ 96 สิ่งที่ต้องทํา PART 1
สายลมหนาวอันเยือกเย็นพัดโชยเข้ามาในตัวปราสาท หิมะขาวของเหมันต์ได้โปรยปรายจากนภาราวกับขนนก พว กมันได้ตกลงมาตลอดทั้งคือแต่ทว่าภายห้องนั้นกลับอบอุ่น ราวกับวสันต์
เมอร์ลินเพิ่งตื่นจากการหลับใหล โดยปกติแล้วเขาจะมีก จวัตรประจําวัน ในตอนเช้าเขาจะทําสมาธิเป็นเวลาหนึ่งชั่ว โมงแต่วันนี้เขาคงจะไม่ทํามันเนื่องจากเขารู้สึกเหนื่อยล้าเล็ก น้อย
เขาหันมามองใบหน้าที่สวยงามที่นอนอยู่ข้าง ๆ เขา แข นของเธอยังยังโอบกอดตัวเขาแน่นโดยไม่มีทีท่าจะปล่อยไป ง่าย ๆ
เขาลูบศีรษะเธอเบา ๆ และค่อย ๆ ดึงผ้าห่มขึ้นมาที่ตัวของเธอ
เขาได้มองไปรอบ ๆ เขามองเห็นเสื้อผ้าของเขากับเช อรีสกระจัดกระจายไปทั่วห้อง ดูเหมือนจะกลิ่นแปลก ๆ ใน อากาศด้วย
เมอร์ลินส่ายหัวเล็กน้อย แค่ดูจากข้าวของที่เละเทะก็รู้แล้วว่าเมื่อคู่พวกเขานั้นบ้าคลั่งแค่ไหน
ด้วยการฝึกฝนกระบวนท่าจากรูปแกะสลัก ทําให้ร่างกายที่เคยอ่อนแอของเขาให้กลายเป็นแข็งแกร่งอันน่ากลัวเช่นนี้
หลังจากที่เมอร์ลินลุกนั่งขึ้นมา มันก็ค่อย ๆ ทําให้เชอรีสรู้ ตัวและตื่นขึ้นมา
เธอจ้องมองเมอร์ลินด้วยสีหน้าอันสงบ “บารอนเมอร์ลิน อย่าลืมสิ่งที่คุณสัญญาไว้กับเรา”
เมอร์ลินหันกลับมามองและขยับตัวเข้าหาเชอรีส “เชอรีส ก่อนหน้านี้เราอาจจะยังเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจแต่หลังจากนี้ ไปคุณคือผู้หญิงของเมอร์ลิน วิลสัน เรื่องของคุณก็ไม่ ต่างจากเรื่องของผม” เขากล่าวอย่างจริงจัง
เชอรีสได้จ้องมองไปที่เมอร์ลินอย่างตะลึง เธอรู้สึกว่าผู้ ชายตรงหน้าที่บรรยากาศที่แปลก ๆ มันทําให้เธอรู้สึกส บายใจ เมื่ออยู่ข้างกายเขา
“เอาล่ะ ช่วยบอกผมถึงที่มาที่ไปของแหวนวงนี้ได้มั้ย ว่า คุณได้มันมายังไง?”
เมอร์ลินยิ้มจาง ๆ และลูบร่างของเชอรีสเบา ๆ ด้วยผิวกา ยที่เรียบเนียนทําให้เขาไม่สามารถหักห้ามใจไม่ให้สัมผัสเธอ ให้มากขึ้น
ตัวเขานั้นยับยั้งเรื่องนี้มาโดยตลอด พอได้ปลดปล่อยออก มาแบบนี้ มันก็ยากทําให้เขาหักห้ามใจได้
แต่อย่างไรก็ตาม เขาเห็นใบหน้าแดงที่เขินอายของเชอริส เขาจึงค่อย ๆ เอามือออกและหยิบแหวนสีดําออกมา
“แหวนวงนั้น ท่านลุงเฟรดเดอริคมอบให้เรา” เธอกล่าวด้วยน้ําเสียงที่อ่อนลงไม่เย็นชาเหมือนแต่ก่อน
หลังจากนั้นเธอได้กลับไปอยู่พักหนึ่ง ดูเหมือนภาพความ ทรงจําในวันวานทําให้เธอรู้สึกเศร้าขึ้นมา
“ตอนที่ท่านลุงเฟรดเดอริคยังเด็ก ท่านลุงได้เดินทางไปหลายอาณาจักรแต่เหนือสิ่งอื่นใด ท่านลุงได้อยู่ในอาณาจักรแบล็กมูนนานถึงสิบปี หลังจากนั้นท่านลุงก็กลับมา ที่อาณาจักรแห่งแสงและกลายเป็นผู้บัญชาการกองอัศวิน ปักษาอัคคี อันที่จริงไม่มีใครรู้ว่าท่านลุงเฟรด เดอริคเป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่งตลอดเวลาที่เขาอยู่ใน อาณาจักรแบล็กมูนที่ท่านลุงไม่กล้าเปิดเผยตัวตนนั้นเพราะอิทธิพลของศาสนจักร
จนกระทั่ง เมื่อพวกโบสถ์เปิดเผยแผนอันชั่วร้ายออกมา และเริ่มทําการปฏวัติ ในตอนนั้นท่านลุงเฟรดเดอริคมอบแหวนให้กับเราและช่วยให้เรากับเบนินหลบหนีออกจาก เมืองแห่งแสงได้สําเร็จแต่น่าเสียดายที่เรากับเบนินไม่สามารถเป็นนักเวทย์ได้”
หลังจากเชอรีสพูดจบเธอก็ช้อนสายตาขึ้นมามองเมอร์ลิน แม้ว่าเธอจะไม่พูดอะไรแต่เขาก็เข้าในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ เนื่องจากพวกเธอไม่ได้เป็นนักเวทย์แหวนวงนี้จึงไม่เป็นประโยชน์สําหรับเธอและอีกอย่างพวกเธอกําลังตกอยู่ในอันตรายเธอจึงต้องมองหานักเวทย์ที่มองเห็นคุณค่าของแหวนวงนี้และเมอร์ลินก็เป็นนักเวทย์เมื่อไม่นานมานี้
นี่จึงเหตุผลที่ทําให้เชอรีสกล้าที่จะมาขอความ ช่วยเหลือกับเมอร์ลิน
ส่วนเรื่องเจ้าชายเฟรดเดอริคที่เป็นพ่อมด นั่นทําให้เขารู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้ เนื่องจากอิทธิพลของศาสนจักรนั้นเข้มแข็งมาก แม้แต่เขาก็เพิ่งมาอยู่ได้ไม่นานก็ยังรู้ สึกได้เลย
และการลงทัณฑ์ “คนนอกรีต” ของศาสนจักรเข้มงวดมา กราวกับว่าพวกเขาจะไม่ยอมให้พวกพ่อมดนั้นมีชีวิตอยู่
ดังนั้นเจ้าชายชายที่เป็นพ่อมดซึ่งเป็น “คนนอกรีต” ขอ งศาสนจักร เขาสามารถซ่อนตัวตนไว้ใต้จมูกของพวกโบสถ์ ได้อย่างไรตลอดเวลาหลายปีเขารู้สึกว่าเจ้าชายเฟรดเดอริคต้ องมีอะไรมากกว่านี้แน่นอน
เมอร์ลินคิดว่าเจ้าชายเฟรดเดอริคต้องเป็นพ่อม ดที่แข็งแกร่งกว่าที่เขาจะจินตนาการได้แน่นอนแต่อย่าง ไรก็ตามพ่อมดที่ทรงพลังเช่นนี้กลับต้องเจอจุดจบเลวร้าย
“แล้วเรื่องของบารอนวอร์เรนล่ะ”
เมอร์ลินเก็บแหวนและเปลี่ยนเรื่องถาม เหตุผลที่เขาถาม เรื่องนี้เนื่องจากเมื่อคืนเขาได้พบว่ามันเป็นครั้งแรกของเธอ และเธอก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับบารอนวอร์เรนเลยในงานเลี้ย งนั่นจึงทําให้เขาอยากรู้ความสัมพันธีของทั้งสอง
เมื่อเขาพูดถึงบารอนวอร์เรนเชอริสก็ตัวสั่น เล็กน้อยแต่ก็สงบลงในไม่ช้า
เมื่อเธอลองนึก ๆ ดู เธอก็รู้สึกประหลาดกับความรู้สึก ของตัวเอง ก่อนหน้านี้เธอยังคงเกลียดชังเมอร์ลินเช่นเดียว กับบารอนวอร์เรน อย่างไรก็ตามความรู้สึกของเธอที่มีให้เม อร์ลินเริ่มเปลี่ยนไป เธอเริ่มสนใจความรู้สึกของเขาดังนั้น เมื่อเขาพูถึงบารอนวอร์เรน มันทําให้เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
เธอแอบชําเลืองมองเขาและอธิบายไปว่า
“หลังจากการเดินทางที่ยาวนาน เบนินกับเราก็มาถึง เมืองปรากาซ แม้พวกเราจะอยู่ห่างไกลจากอาณาจักรแห่ง แสงแต่ก็ยังมีบางคนที่รู้ถึงสถานะที่แห่งจริงของพวกเรา เรา จึงถูกบังคับให้ทําข้อตกลงกับบารอนวอร์เรน แม้เขาจะบอก ว่าจะปกป้องพวกเราแต่เรากลับคิดว่าเขาต้องการมากกว่านั้น
ด้วยสถานการณ์ต่าง ๆ ที่บีบคั้นเข้ามาเรื่อย ๆ ทําให้เรา สัญญาว่าจะแต่งงานกับเขาและกลายเป็นบารอนเนส ที่เขาทําแบบนั้นก็เพื่อหวังสมบัติของราชวงศ์ นี่คงเป็นสิ่งแรกเขาหวังเอาไว้”
หลังจากได้ยินคําอธิบายของเชอรีส เมอร์ลินก็ค่อย ๆ เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดเพื่อบรรลุเป้าหมายของเขา บารอนวอร์เรนคงจะใช้วิธีการต่างข่มขู่และล่อลวงเธอ
โชคดีที่วันนั้นเธอได้บังเอิญพบกับเมอร์ลินเข้า ด้วยตําแหน่งบารอนของเมอร์ลินมันทําให้เธอตัดสินใจมาหาเมอร์ลินในกลางดึก และเสนอเงื่อนไขมากมายเพื่อแลกกับความช่วยเหลือของเมอร์ลิน
หลังจากที่เมอร์ลินถามคําถามต่าง ๆ หมดแล้ว เขาก็นั่งข้างเตียงและเฝ้าดูเชอรีสที่กําลังแต่งตัวอยู่เงียบ ๆ เขารู้สึกเพลิดเพลินที่ดูเจ้าหญิงที่สง่างามอย่างเชอรีสกําลังแต่งตัวช่างเป็นความสุขที่หาได้ยากยิ่ง
เชอรีสที่รู้ตัวว่ากําลังถูกจ้องมองอยู่ เธอจึงรีบแต่งตัวอย่างรวดเร็ว เธอเม้มริมฝีปากและใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างโมโห
หลังจากนั้นเมอร์ลินก็พาเชอรีสออกจากและลงไปชั้นล่าง
“ลุงแพรตต์” เมอร์ลินเรียกผู้บัญชาการแพรตต์เข้ามา เมื่อเขามาถึงเขาดูไม่แปลกใจที่เมอร์ลินกับเชอรีสอยู่ด้วยกัน ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าเชอรีสเข้าไปในห้องของเมอร์ลินเมื่อคืนนี้
“มีอะไรให้ผมรับใช้ขอรับ บารอนเมอร์ลิน”
แม้ว่าว่าเมอร์ลินจะยังเรียกเขาว่า “ลุงแพรตต์” ตามเดิม แต่เขาก็ไม่กล้ายกตนข่มท่านเนื่องจากคนที่มีสถานะสูงสุดก็คือบารอนเมอร์ลิน
“ลุงแพรตต์นําอัศวิน 100นาย ไปพร้อมกับเชอรี่ สไปยังที่พักของเธอ จากนั้นก็นํากองอัศวินปักษาอัคคีกลับมาด้วย ในระหว่างเดินทางกลับให้ฟังคําสั่งของเชอรีส”
แพรตต์มองเชอรีสอย่างประหลาดใจแต่ในไม่ช้า เขาก็ตอบกลับด้วยความเคารพ “ท่านบารอนโปรดไว้วางใจ ผมจะนําเจ้าหญิงเชอรีสและสมาชิกของอัศวินปักษาอัค คีกลับมาขอรับ”
เชอรีสรู้สึกกังวล มันฉายชัดอย่างชัดเจนบนใบหน้าของเธอ เมอร์ลินจึงพูดกับเธอว่า
“ไม่ต้องกังวลไป ผมเชื่อว่าบารอนวอร์เรนเป็นคนฉลาด ถ้าลุงแพรต์ติดตามคุณไป เขาก็จะเข้าใจทุกอย่างด้วยตัวเอง ผมก็อยากจะรู้ว่าเขาจะทําอย่างไรหลังจากนี้
ถ้าหากเขาไม่ปล่อยคุณไป ผมก็ไม่รังเกียจที่จะไปหาเขา ด้วยตัวเอง!”
แม้ว่าน้ําเสียงของเมอร์ลินจะสงบแต่จิตสังหารก็แฝงออก มาจากรอบตัวของเขาซึ่งทําให้แพรตต์ที่อยู่ใกล้ ๆ รู้สึกหนาวสั่นถึงกระดูกสันหลัง