บทที่ 116 ภารกิจ PART 1
“สวัสดี แม่มดเลอแรนก้า”
เมอร์ลินเดินเข้าไปทักทายเลอแรนก้าที่อยู่ในห้องโถงภารกิจ
“โอ้ สวัสดี พ่อมดเมอร์ลิน คุณก็มาทําภารกิจด้วยงั้นหรือ?” เธอตอบกลับด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เนื่องจากเธอจําได้ว่าเมอร์ลินอยู่แต่ในหอคอยมาตลอดครึ่งปี เขาแทบจะไม่ออกจากที่นั่นเลย
“ใช่แล้ว พอดีแต้มสนับสนุนของฉันมันน้อยเกินไป ฉันกําลังเตรียตัวที่จะสร้างคาถาระดับหนึ่ง แต่พวกมันใช้แต้มมากเกินไปดังนั้นฉันจึงมาทําภารกิจที่นี่”
เมอร์ลินจ้องมองเลอแรนก้าอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็สังเกตพบว่าสีหน้าของเธอดูเศร้าหมอง เขาจึงถามเธอว่า “แม่มดเลอแรนก้าก็ตั้งใจจะสร้างคาถาระดับหนึ่งด้วยงั้นหรือ?”
เมอร์ลินรู้มาว่าเลอแรนก้าอยู่ที่นี่เกือบครบสามปีแล้ว ถ้าหากเธอไม่สามารถเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งได้ เธอจะถูกขับไล่ออกจากดินแดนมนต์ดํา
เลอแรนก้าพยักหน้าและพูดด้วยน้ําเสียงจริงจังว่า “อีกไม่กี่เดือนฉันก็จะอยู่ครบ 3ปี แล้วถ้าตอนนั้นฉันไม่สามารถเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งได้จะถูกไล่ออก ดังนั้นคราวนี้ฉันจะลองเสี่ยงสร้างมันดู แต่ทว่าแต้มของฉันไม่พอ ฉันเลยมาทําภารกิจที่นี่”
เมอร์ลินถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ สําหรับนักเวทย์ทั่วไปการสร้างโครงเวทมนต์นั้นยากมาก เนื่องจากเส้นตายของเธอกําลังจะใช้เข้ามาแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากนําคาถาระดับหนึ่งที่อยู่หอสมุดนํามาใช้งานทันทีโดยไม่ได้ปรับเปลี่ยนใด ๆ
“จริง คุณเลือกภารกิจได้รึยัง?” เมอร์ลินถาม
เลอแรนก้าส่ายหัวเล็กน้อย “ภารกิจบางอย่างมันยากเกินไป อย่างเช่นการค้นหา หญ้าดวงใจแหลกสลายที่อยู่ในหุบเขาวายุ ภารกิจพวกนี้มันให้แต้มสนับสนุนมากถึง 300แต้มแต่มันอันตรายเกินไป แม้แต่นักเวทย์ระดับหนึ่งหรือระดับสองยังไม่กลับออกมาจากการทําภารกิจนั้นเลย ส่วนภารกิจที่ง่ายกว่านี้ก็ให้แต้มน้อยเกินไป ฉันเลยไม่รู้จะเลือกภารกิจไหนดี”
เมอร์ลินไม่รู้อะไรมากนัก เขาไม่รู้ว่าหุบเขาวายุเป็นสถานที่แบบไหน ดังนั้นเขาจึงต้องระมัดระวังในการเลือกภารกิจพวกนี้ให้ดี เนื่องจากมีนักเวทย์จํานวนมากที่เสียไปในระหว่างที่ทําภารกิจ
เลอแรนก้าได้เหลือบมามองท่าทีที่คิดหนักของเมอร์ลินทําให้เธอหัวเราะคิกคักขึ้นมา “ในเมื่อคุณกําลังมองหาคาถาระดับหนึ่งแบบเดียวกับฉัน ทําไมเราไม่มาร่วมมือกันล่ะ สองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว”
แม้ว่าเลอแรนก้าจะเสนอให้พวกเขาทํางานร่วมกันแต่เมอร์ลินก็รู้สึกได้ว่าเธอมีเจตนาที่ดีและพยายามช่วยเขา ถึงยังไงในสายตาของนักเวทย์ที่นี่มักจะมองพวกพ่อมดพเนจรเป็นกลุ่มที่อ่อนแอที่สุด
เขาพยักหน้าอย่างขอบคุณในความหวังดีของเธอ ในขณะที่เขากําลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ ๆ ก็มีแสงสลัว ๆ ส่องออกมาจากกระจกรูนที่อยู่ภายในห้องโถง
*วิ้ง*
ได้มีภารกิจปรากฏขึ้นมาให้บนกระจกรูน
“ในเมืองดอนกริน อาณาจักรแบล็กมูน พบการปรากฏตัวของค้างคามแวมไพร์ ทางเราต้องการทีมสํารวจสี่คนไปตรวจสอบสถานการณ์ ภารกิจนี้สามารถเข้าร่วมได้ทั้งสมาชิกทางการและสมาชิกชั่วคราว หากทําภารกิจสําเร็จแต่ละคนจะได้รับ 50แต้มสนับสนุนและคาถาระดับหนึ่ง เพลิงพิโรธ”
ทันทีที่ทุกคนในห้องโถงอ่านภารกิจเสร็จก็เกิดความโกลาหลทันที ด้วยของรางวัลที่น่าสนใจ แม้ 50แต้มจะเป็นจํานวนที่ไม่มากเท่าไหร่ สําหรับนักเวทย์ระดับหนึ่งแต้มสนับสนุนเท่านี้ถือว่าน้อยมาก
แต่ไม่ใช่กับคาถาเพลิงพิโรธนั้น ในหอสมุดมันที่มูลค่าถึง 30แต้มในการแลกมันมา
เมอร์ลินรู้สึกตื่นเต้น เขาต้องการทําภารกิจนี้ เขาได้หันไปมองเลอแรนก้าเพื่อจะไปพูดกับเธอ แต่ก่อนที่เขาจะพูด เขาสังเกตเห็นว่าสีหน้าดูเคร่งเครียดมาก
“เกิดอะไรขึ้น? ภารกิจนี้มันยากเกินไปเหรอ? หน้าที่ของเรามีแค่ไปตรวจสอบสถานการณ์เท่านั้นไม่ใช่เหรอ?” เมอร์ลินถามอย่างสับสน
เลอแรนก้าหันมามองเมอร์ลินและพูดว่า “จริง ๆ ค้างคาวแวมไพร์ มันก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรมาก มันเป็นอสูรธาตุมืดเท่านั้น นักเวทย์ธรรมดาก็สามารถจัดการมันได้สบาย ๆ แต่สิ่งที่น่ากังวลเกี่ยวกับมันก็คือ พวกมันเป็นสัตว์สังคมอาศัยอยู่กันเป็นฝูง พวกมันอยู่กับเป็นล้านตัว ถ้าหากเราต้องไปตรวจสอบสถานกรณ์บางทีเราอาจต้องไปค้นหาแหล่งที่มาของพวกมัน หากพวกมันรู้ตัวแม้แต่ตัวเดียว เราอาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายก็เป็นได้”
เลอแรนก้ากล่าวออกมาอย่างจริงจัง ทําให้เมอร์ลินรู้สึกว่าภารกิจนี้มันไม่ง่ายอย่างที่คิด จึงไม่แปลกใจเลยที่ท่าทีของพวกนักเวทย์ค่อย ๆ สงบลง พวกเขาก็คงคิดไม่ต่างจากเลอแรนก้าที่คิดว่า ภารกิจนี้มันอันตรายเกินไป
ทางด้านเมอร์ลิน เขารู้สึกว่าเงินรางวัลของภารกิจ มันได้ดึงดูดเขามาก ด้วย 50แต้มและคาถาเพลิงพิโรธอีก
ดังนั้นเขาจึงติดสินว่า
“แม่มดเลอแรนก้า ถึงแม้ว่าภารกิจนี้มันจะอันตรายมากแต่ผลตอบแทนมันก็คุ้มค่าโดยเฉพาะ คาถาเพลิงพิโรธนั่น พวกเราทั้งคู่สามารถใช้งานคาถานี้ได้ดังนั้นฉันจึงคิดว่าเราควรรับภารกิจนี้”
เลอแรนก้าตรองเรื่องนี้อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มออกมาและพูดว่า “ตกลง แม้ว่ามันจะอันต รายไปสักหน่อยแต่แต้มสนับสนุนกับคาถาระดับหนึ่งมันก็คุ้มค่าที่พวกเราจะลองเสี่ยงดู เรามารับภารกิจนี้กันเถอะ”
จากนั้นทั้งสองได้เกินไปหาพ่อมดชุดเทาที่อยู่ตรงหน้าห้องโถงภารกิจ เธอกล่าวกับเว่า “พวกเรามารับภารกิจที่เมืองดอนกริน”
เขาได้เงยหน้าขึ้นมามองเมอร์ลินกับเลอแรนก้าและพูดด้วยน้ําเสียงที่ไร้อารมณ์ว่า “ส่งแหวนของพวกคุณมาให้ฉัน”
ทั้งสองนําแหวนไปให้พ่อมดชุดเทา เขาได้นําแหวนไปวางไว้บนอุปกรณ์เวทมนต์ จากนั้นก็มีแสงสีแดงส่องออกมาจากแหวน
“ตอนนี้พวกคุณได้ยอมรับภารกิจแล้ว จากนี้ไปทุกย่างก้าวของพวกคุณจะถูกบันทึกโดยวงแหวนเวทย์ที่อยู่บนตัวแหวน มันจะเป็นหลักฐานไว้ตอนที่พวกคุณกลับมาส่งภารกิจ เอาล่ะตอนนี้พวกคุณไปรอที่ห้องพักเสียก่อน ทันทีที่สมาชิกครบเมื่อไหร่ พวกคุณสามารถเริ่มต้นทําภารกิจได้ทันที” พ่อมดชุดเทสกล่าวพร้อมคืนแหวนให้พวกเขา
เมอร์ลินได้ตรวจสอบแหวนในมืออย่างใกล้ชิด เขาได้พบตัวอักษรรูนที่ถูกสลักขึ้นมาใหม่ มันสามารถบันทึกทุกสิ่งที่เมอร์ลินทํา
“ช่างน่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก!”
ทางด้านเลอแรนก้า เธอดูไม่แปลกใจเรื่องนี้เท่าไหร่นัก เธอได้หันมาพูดกับเมอร์ลินว่า “เราไปรอที่ห้องพักกันเถอะ รางวัลของภารกิจนี้ค่อนข้างคุ้มค่า เดี๋ยวอีกไม่นานก็มีคนมารับภารกิจนี้อย่างแน่นอน”
เมอร์ลินพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นเขาก็เดินทางเลอแรนก้าไปยังห้องพักภายให้ห้องโถงอย่างเงียบ ๆ