WS บทที่ 114 เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
เมอร์ลินเดินไปรอบชั้นหนังสืออยู่หลายชั้น ในที่สุดเขาก็เจอคาถาธาตุสายฟ้า
ด้วยพลังของสายฟ้ากับเปลวเพลิงที่มีความรุนแรงพอ ๆ กับ ดังนั้นเขาจึงเลือกคาถาธาตุสายฟ้า
ในดินแดนมนต์ดําแห่งนี้มีคาถาสายฟ้ามากมายให้เลือก เมอร์ลินจึงต้องเลือกอย่างระมัดระวังคาถาที่เขาต้องการต้องมีพลังโจมตีที่มหาศาลและสามารถโจมตีเป็นวงกว้างได้
ในที่สุดเขาสุดเขาก็ตัดสินใจเลือกคาถาข่ายสายฟ้า มันมีคุณสมบัติที่เมอร์ลินต้องการอยู่พอดี
“ข่ายสายฟ้า เป็นตาข่ายขนาดใหญ่ที่เกิดพลังธาตุสายฟ้าที่รุนแรง มันสามารถคลอบค ลุมเป็นวงกว้างกว่า 10เมตร สามารถทําให้คู่ต่อสู้เกิดอาการชะงักได้ใช้ 5แต้มสนับสนุน”
องค์ประกอบหลาย ๆ อย่างของคาถาข่ายสายฟ้านี้ มันตรงกับที่เมอร์ลินต้องการแต่เขาก็รู้สึกแย่ที่มันต้องใช้ถึง 5แต้มในการแลกมันมา
ก่อนหน้านี้เขาได้ตัดสินใจเลือกคาถาลมพายุกับหมอกรัตติกาล พวกมันได้ใช้ไป 7แต้ม ทําให้ตอนนี้เขาเหลือเพียง 3แต้มเท่านั้น
เมอร์ลินได้คิดเรื่องนี้อยู่นาน ก่อนที่เขาจะส่ายหัวอย่างเสียดาย เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะปล่อยคาถาข่ายสายฟ้าไปเพียงชั่วคราว ไว้เขาจะกลับมาให้เมื่อเขามีแต้มสนับสนุนที่เพียงพอแล้ว
จากนั้นเมอร์ลินก็เดินลงไปที่ชั้นล่างและเดินตรงไปที่เคาท์เตอร์ที่มีพ่อมดชุดเทาอยู่
“ผมขอแลกแต้มสนับสนุนกับคาถาทั้งสองอันนี้ขอรับ” เมอร์ลินกล่าวกับพ่อมดชุดเทาที่ท่าทางเฉื่อยชา
เขาหันมาชําเลืองมองเมอร์ลินด้วยหางตา จากนั้นเขาก็หยิบจานกลมแบนที่เต็มไปด้วยอักษรรูน มันดูเหมือนกับอุปกรณ์เวทมนต์เลย
“ส่งแหวนมนต์ดําของคุณมาให้ฉัน”
เมอร์ลินทําตามอย่างเชื่อฟัง เมื่อพ่อมดชุดเทาหยิบแหวนจากเขามา เขาก็นําไปวางบนอุปกรณ์เวทมนต์ อักษรรูนเริ่มส่องแสงสีขาวออกมา
เมอร์ลินมองเห็นตัวเลข “สิบ” บนตัวแหวนของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็น “สาม”
จากนั้นพ่อมดชุดเทาก็ใช้อุปกรณ์เวทมนต์อีกตัวทําการลบอักษรรูนที่ผนึกตําราเวทมนต์ออกเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็ส่งตําราทั้งสองกับแหวนสีดําให้กับเมอร์ลิน
เมอร์ลินโค้งคํานับให้พ่อมดชุดเทาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หันหลังเดินออกจากหอสมุด
เมื่อเมอร์ลินกลับมาถึงหอคอยของพ่อมดลีโอ เขาก็ตรงไปที่ชั้นสามทันที
เมื่อมาถึงเขาหยิบตําราเวทมนต์ของคาถาลมพายุขึ้นมา เขาตรวจดูข้างในตําราและพบว่ามันมีโครงสร้างเวทมนต์อยู่ 5แบบ
เขาคิดว่าโครงสร้างเวทมนต์ทั้ง 5แบบ นี้ มันน่าจะเสถียร เนื่องจากมันถูกสร้างโดยจอมเวทย์ผู้ทรงพลังที่ได้ทําการค้นคว้าคาถาลมพายุมาอย่างยาวนาน
หากเปรียบกับโครงสร้างเวทมนต์ที่ชายชราอีธานสร้างขึ้นมานั้น มันจะมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าหากเมอร์ลินเป็นพ่อมดที่ไม่คิดอะไร เขาคงจะจําลองมันลงไปในจิตใต้สํานึกทันที แม้การกระทําเช่นจะทําให้เขาตกอยู่ในความเสี่ยงแต่มันก็ไม่ใช่ความเสียงที่ไม่ร้ายแรงมากนัก
“เดอะเมทริกซ์ สร้างฐานข้อมูลคาถาลมพายุและทําการวิเคราะห์มัน”
ปั้บ! ฐานข้อมูลคาถาลมพายุได้ถูกสร้างขึ้น เริ่มทําการวิเคาระห์
เมอร์ลินเปิดใช้งานเดอะเมทริกซ์และให้มันสร้างโครงสร้างเวทมนต์คาถาลมพายุขึ้นมา
ปั้บ! ทําการเสร็จสิ้น ได้โครงสร้างทั้งหมด 253,516รูปแบบ!
ผ่านไปไม่นานเดอะเมทริกซ์ก็ได้สร้างโครงสร้างเวทมนต์ขึ้นมาให้ได้มากกว่าสองแสนแบบ นี่เป็นจํานวนผลลัพธ์ที่มากที่สุดเท่าที่เขาเคยได้รับมา
เรื่องนี้มันพิสูจน์ได้ว่าโครงสร้างเวทมนต์ของดินแดนมนต์ดํานั้นมีความสมบูรณ์มากเลย ส่งผลให้ได้ผลลัพธ์จํานวนมาก
เมอร์ลินได้เลือกโครงสร้างเวทมนต์ที่ดีที่สุดและจําลองมันลงไปในจิตใต้สํานึกอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปไม่นาน โครงสร้างเวทมนต์คาถาลพายุก็ได้ก่อตัวขึ้นมาในจิตใต้สํานึกของเขา แสงสีเขียวจํานวนนับไม่ถ้วนได้บินเข้ามาในตัวเขาราวกับแมงเม่า
แสงสีเขียวพวกนี้เป็นพลังงานธาตุลม โดยพวกมันจะเข้าไปในโครงสร้างเวทมนต์เพื่อเปลี่ยนแปลงเป็นพลังเวทย์
เมอร์ลินยังไม่หยุดอยู่แค่นี้ เขาได้สั่งให้เดอะเมทริกซ์ทําการวิเคราะห์และสร้างโครงสร้างเวทมนต์คาถาหมอกรัตติกาลทันที
เขามองดูโครงสร้างเวทมนต์ของมัน เขารู้สึกว่ามันมีความซับซ้อนกว่าคาถาอื่น ๆ ที่เขาเคยเห็นมาก่อนหน้านี้
“ไม่แปลกใจเลยที่มันต้องใช้ แต้มสนับสนุนตั้ง 5แต้ม”
เมอร์ลินแอบดีใจอย่างเงียบ ๆ เขารู้ว่ายิ่งโครงสร้างเวทมนต์มีความซับซ้อนมากเพียงใด พลังที่ออกมาก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น
ด้วยเดอะเมทริกซ์ที่เป็นความสามารถสุดโกงของเขา ทําให้เขาสามารถผ่านอุปสรรคที่ยากลําบากและสร้างโครงสร้างเวทมนต์ขึ้นมาใหม่อย่างง่ายดาย
จากนั้นไม่นาน เดอะเมททริกซ์ทําการวิเคราะห์เสร็จสิ้น เมอร์ลินก็ได้เลือกโครงสร้าง เวทมนต์ที่ดีที่สุดและระดมพลังจิตเพื่อจําลองโครงสร้างเวทมนต์อย่างระมัดระวัง
“ฟู่” เมอร์ลินถอนหายใจอย่างโล่งอกที่การจําลองโครงสร้างเวทมนต์ลงในจิตใต้สํานึกผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ณ ตอนนั้นเอง ได้มีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
“นี่มัน!”
สีหน้าของเมอร์ลินบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง เขารู้สึกหนักอึ้งราวกับหัวจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ภายหลังจากที่คาถาหมอกรัตติกาลปรากฏขึ้นในจิตใต้สํานึกของเขา
เขารู้สึกราวกับพลังจิตทั้งหมดที่มีได้ถูกดูดเข้าไปในสุญญากาศ เขาหอบหายใจอย่างรุนแรงราวกับว่าตัวเขากําลังจะขาดใจ