การกลับมาของฮีโร่ – ตอนที่ 55

ตอนที่ 55

ตอนที่ 55

แรงค์ S คือกองกำลังรบที่สำคัญมากที่สุดในประเทศเกาหลี ซึ่งในประเทศเกาหลี มีคนที่อยู่แรงค์ S แค่ 5 คนเท่านั้นแถมยังมีข่าวลืออีกว่าผู้ตื่นขึ้นบางคนมีนักการเมืองชื่อดังหนุนหลังอยู่ด้วย

ลีจุนโฮรู้อยู่แล้วว่าปัจจุบันซูฮยอนอยู่แรงค์ A เพราะในช่วงสองปีที่ผ่านมาการเติบโตของซูฮยอนก้าวกระโดดอย่างน่าตกใจ

แต่เขาก็ทำใจเชื่อไม่ได้ว่าซูฮยอนจะก้าวไปอยู่ในตำแหน่งแรงค์ S โดยใช้เวลาแค่สองปี

เพราะกำแพงกั้นระหว่าง แรงค์ A กับ แรงค์ S มันสูงชันจนเกินกว่าจะปีนป่ายข้ามไปได้ง่ายๆ

“อืม…อีกแค่ก้าวเดียวฉันก็ถึงแรงค์ S แล้ว”ซูฮยอนพยักหน้าตอบคำถามของลีจุนโฮด้วยท่าทีสบายๆ

พื้นฐานของแรงค์ S คือ ต้องมีปัจจัยเวทย์มากกว่า 7 และระดับเวทย์มากว่า 70 ขึ้นไป

ซึ่งซูฮยอนก็เริ่มเขยิบเข้าใกล้ระดับที่ว่าแล้ว หลังจากดื่มโพชั่นเร่งปฏิกิริยาระดับสูงสุดเข้าไป พลังเวทย์ในร่างของซูฮยอนก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง อีกไม่นานซูฮยอนคงก้าวไปอยู่ในตำแหน่งแรงค์ S

“ทำไมนายไม่บอกฉันก่อนล่ะ ฉันเป็นห่วงนายแทบตาย”ลีจุนโฮกล่าว

“ฉันเองก็เพิ่งรู้สึกได้ไม่นานนี้เอง ถ้าทำให้นายกังวล ฉันขอโทษด้วยก็แล้วกัน”

“เอ่อ…ไม่ต้องขอโทษฉันหรอก”

ลีจุนโฮส่ายหัวแล้วถอนหายใจออกมาด้วยความละอายใจ ไปๆมาๆซูฮยอนกลับขอโทษแทนซะงั้น

ความจริงซูฮยอนไม่จำเป็นต้องขอโทษเลยด้วยซ้ำ…

“จริงสิ แล้วนายจะทำอะไรต่อไป ในเมื่อผู้คนมากมายรู้ตัวตนที่แท้จริงของนายแล้ว แต่นายยังอยู่แรงค์ C อยู่เลย”

“ฉันคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร ถ้ามีคนถามก็แค่บอกไปว่า ฉันเคยอยู่แรงค์ C เมื่อ 1 ปีที่แล้ว”

“ถ้ามีเวลาว่าง…นายไม่ลองไปประเมินใหม่แรงค์ใหม่ดูล่ะ”

ในแต่ละปี ‘ผู้ตื่นขึ้น’ สามารถประเมินซ้ำได้ปีละครั้ง เพื่อเลื่อนแรงค์ของตัวเอง

‘ผู้ตื่นขึ้น’ ส่วนใหญ่หลังจากทราบว่าแรงค์ของเขามีโอกาสเลื่อนระดับ เขาไม่มีทางปล่อยให้เรื่องมันคาราคาซังแน่ๆ เพราะระดับแรงค์สามารถยกระดับฐานะทางสังคมได้เป็นอย่างดี…..

เวลาปกติแรงค์ของ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ จะยกระดับไปแค่ 1 ระดับเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น แรงค์ C เลื่อนขึ้นไป แรงค์ B……….

“จากแรงค์ C เลื่อนระดับไปเป็น แรงค์ S ถ้าข่าวนี้แพร่กระจายออกไป รับลองเลยว่าคงสร้างความตกใจให้แก่ประชาชนแน่ๆ”ลีจุนโฮกล่าว

แค่แรงค์ S ออกมาช้อปปิ้งตามภาษาวัยรุ่นยังกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่โด่งดังไปทั่วเว็บไซต์ต่างๆ

ถ้าหากข่าว ‘ผู้ตื่นขึ้น’ หน้าใหม่ ผู้เป็นฮีโร่ของประชาชนในเมืองอันยัง ต้องการประเมินใหม่อีกหลุดออกไป หวังว่าบรรดาแฟนคลับคงไม่ยกโขยงไปสำนักงาน เพื่อเชยชมฮีโร่ที่พวกเขาต่างเชิดชูหรอกนะ

“อืม…”

“ดูจากอาการที่นายแสดงออกมา ดูเหมือนนายก็เห็นด้วยกับคำพูดของฉันสินะ”

“แน่นอนสิ ฉันต้องไปประเมินใหม่อยู่แล้ว ขืนอยู่แรงค์ C ต่อไป ภาพลักษณ์ของฉันคงดูไม่ดีเท่า”

“ถ้านายเลื่อนระดับไปถึงแรงค์ S เมื่อไหร่ ผลตอบแทนที่ได้ คงเพิ่มมากขึ้นจนหน้าตกใจหาย…..”

ลีจุนโฮรู้อยู่แก่ใจว่าคำพูดเมื่อครู่ มันเป็นคำที่ไม่สมควรพูดออกไป ทำให้เขายกมือขึ้นมาปกปากของตัวเองด้วยความเร่งรีบ

ลีจุนโฮลืมนึกไปว่าตลอดหลายปีที่รู้จักันมา ขนาดซูฮยอนอยู่แรงค์ C รายรับของเขายังมากกว่าแรงค์ A บางคนซะอีก

ซูฮยอนหลังจากเคลียร์ดันเจี้ยนเสร็จเงินที่ได้มาเขาไม่ค่อยแตะเลยด้วยซ้ำ ทุกบาททุกสตางค์อยู่ในบัญชีเงินฝากทั้งสิ้น

เหตุผลที่ซูฮยอนไม่มีเวลาใช้เงิน เป็นเพราะเวลาส่วนใหญ่ เขามักหมกตัวอยู่แต่ในหอคอยแห่งการทดสอบจนหามรุ่งหามค่ํา เลยทำให้ไม่มีเวลาใช้เงินมากนัก

ดังนั้นลีจุนโฮจึงไม่อาจปล่อยให้เรื่องราวดำเนินเช่นนี้ไปตลอดชีวิต เขาจึงตัดสินใจมอบรถสปอร์ตราคาแพงให้ซูฮยอน

เพื่อหวังว่าเจ้าตัวจะออกมาเปิดโลกบ้าง แต่เหมือนจะไม่ได้ผล เพราะเจ้าตัวก็ยังยืดติดกับการปีนป่ายหอคอยเหมือนเดิม

“ฉันของถามจริงๆ ในเมื่อนายเป็นผู้ตื่นขึ้น นายมีความฝันบางไหม?”

ลีจุนโฮถามข้อสงสัยออกไปอีกครั้ง…

ไม่รู้ทำไม..อยู่ๆลีจุนโฮก็สงสัยซูฮยอนขึ้นมา ว่าเหตุใดเขาถึงมาเป็นผู้ตื่นขึ้น มีเป้าหมายหรือความฝันที่ตัวเองเคยจินตนาการบ้างไหม

ตามปกติ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ทุกคน มักกระหายในอำนาจและเงินตรา แม้แต่ลีจุนโฮเองก็หนีจาก 2 อย่างนี้ไม่พ้น

“เอ่อ..เป็นเพราะว่า.”

ซูฮยอนพยายามหลีกเลี่ยงคำถามของลีจุนโฮ

เขาไม่รู้ว่าจะตอบให้ลีจุนโฮเข้าใจยังไง…จะให้เข้าบอกว่าเขามาจากอนาคตเพื่อมาแก้ไขเหตุการณ์ร้ายๆงั้นเหรอ..ไม่มีทางหรอกมันสมควรเก็บเป็นความลับต่อไป

โลกมนุษย์ตอนนี้ เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง

ดันเจี้ยนที่โผล่ออกมานานๆครั้งกลับโผล่ออกมาถี่ขึ้น จนไม่มีลางบอกเหตุ

แต่ถึงกระนั้นประชาชนทุกคนก็ทำเหมือนไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร เพราะประชาชนคิดว่า มันก็เหมือนกับปัญหามลพิษในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา..ปล่อยมันไว้สักพักเดี๋ยวนักวิจัยก็แก้ไขปัญหาให้

การระบาดของดันเจี้ยนในเมืองอันยังที่ผ่านมา ไม่มีการเสียชีวิตของพลเรือนเลยแม้แต่ศพเดียว

ขนาด ‘ผู้ตื่นขึ้น’ คนอื่นทราบข่าว ก็อดตกใจไม่ได้ว่าจะไม่มีการสูญเสียจริงๆ

ก๊อก ก๊อก

ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูห้องพักฟื้นในโรงพยาบาลก็ดังขึ้น

“เชิญครับ”

คลิ๊ก

เมื่อได้ยินคำเชิญของซูฮยอน ฮักจุนก็เดินมาพร้อมกับกระเช้าผลไม้

ซูฮยอนรู้อยู่แล้วว่ามีคนวนเวียนอยู่หน้า แต่เจ้าตัวกลับไม่กล้าเข้ามา

“ไม่ได้เจอกันนาน?”ซูฮยอนพูดพร้อมกับโบกมือทักทาย

“ไม่ใช่ว่าพวกเราพึ่งเจอกับเมื่อสองวันก่อนหรือครับ”

“งั้นเหรอ…ครั้งสุดท้ายที่พวกเราเจอกัน มันนานมากแล้ว ดังนั้น..”

“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องคิดมากให้ลกสมอง ทั้งผมและพี่ต่างยุ่งจนหัวฟู ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมพี่ถึงจำไม่ได้ แต่ผมแปลกใจจริงๆนะที่พี่เป็นคิมซูฮยอนตัวจริงที่ทุกคนกำลังควานหาตัวกัน”

ซูฮยอนยิ้มตอบกลับไปเบาๆหลังจากได้ยินคำพูดของฮักจุน

ลีจุนโฮเริ่มสัมผัสได้ว่าบรรยากาศในห้องเริ่มเต็มไปด้วยความกระส่ํากระส่าย ดูเหมือนพวกเขาสองคนมีธุระสำคัญที่ต้องการคุยส่วนตัว เขาจึงตัดสินขอตัวกลับก่อน

“ฉันขอกลับก่อนนะ ถ้านายออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ อย่าลืมโทรบอกฉันด้วย”

ซูฮยอนยันตัวเองขึ้นมาเพื่อส่งลีจุนโฮออกจากห้อง แต่เขาก็ถูกลีจุนโฮกดตัวลงไปนอนต่อ

เมื่อลีจุนโฮออกจากห้องไป…เก้าอี้ที่เขาเคยนั่งก็ว่างเปล่า ฮันจุนจึงเดินไปนั่งแทนที่

เขาหยิบมีดขึ้นมาแล้วปลอกผลไม้..

“พี่เป็นไงบ้าง”ฮันจุนถาม

“ฉันนอนพักฟื้นมาได้ 2 วัน อีกไม่นานก็คงหายดีเหมือนใหม่แกะกล่อง อีกอย่างคุณหมอบอกว่าพรุ่งนี้ฉันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”

“เฮ้อ..ค่อยโล่งใจหน่อย”ฮันจุนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“มีอะไรไม่สบายใจหรือป่าว ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจบอกฉันได้นะ”

“ป่าวหรอก..ก็แค่…”

มือของฮักจุนที่กำลังปอกเปลือกผลไม้ หลังจากได้ยินคำถามของซูฮยอน มือของเขาก็หยุดชะงักลงอย่างกระทันหัน

เมื่อเห็นการแสดงออกของฮักจุน ซูฮยอนจึงสันนิษฐานไว้ว่าตัวฮักจุนคงมีเรื่องอะไรบางอย่างปิดบังไว้ในใจแน่ๆ

ถึงแม้เวลาจะผ่านมานาน แต่ฮักจุนกลับยังนิ่งเงียบไม่ตอบสนอง

ซูฮยอนก็ไม่ซีเรียสอะไรอยู่แล้วเพราะเขามีเวลาว่างตลอดทั้งวัน..

หลังจากได้ยินแต่เสียงสมหายใจ ในที่สุดฮักจุนก็เปิดปากพูด

“พี่จำได้ไหม ว่าพี่เคยพูดอะไรกับผม?”

“ฉันพูดอะไรไปงั้นเหรอ”ซูฮยอนถามกลับไปด้วยความสงสัย

ฮันจุนทำปากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ส่ายหน้าไปมา

“ช่างมันเถอะ”

“พูดมาเถอะ ฉันอยากรู้”

“มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรขนาดนั้น เรามาโฟกัสเรื่องของพี่ชายดีกว่า พวกเรารู้จักกันมาก็ 1 ปีครึ่งแล้วสินะ แต่พี่ปิดความลับไปซะมิดเชียว รู้ไหมตอนผมรู้ความจริง มันทำร้ายความรู้สึกของผมจริงๆ”

“ขอโทษเกี่ยวกับเรื่องนั้นด้วย ที่จริงแล้วฉัน…”

หัวข้อสนทนาของฮักจุนเดินไปในทิศทางที่ซูฮยอนคาดหวัง

แต่ซูฮยอนค่อนข้างมั่นใจว่าหัวข้อสนทนาที่แท้จริงของฮักจุนไม่ใช่หัวข้อนี้

<<ฮักจุนอยากพูดอะไรกันแน่?>>

ความอยากรู้อยากเห็นของซูฮยอนพุ่งทะลุปรอท

หลังจากซูฮยอนออกจากโรงพยาบาล เขาตั้งใจจะเสาะหาข้อมูลเกี่ยวกับฮักจุนเพิ่มอีกนิด เพื่อไขข้อสงสัยต่างๆนาๆที่เขามี….

<<ฮันจุนอยู่แรงค์ A แล้วสินะ>>

เวลา 2 ปี มันเป็นช่วงเวลาที่แสนยาวนานสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับผู้ตื่นขึ้นมันเป็นเวลาที่แสนสั้น

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไม่มีผู้ตื่นขึ้นคนไหนก้าวขึ้นมาอยู่ในแรงค์ A โดยใช่เวลาแค่ 2 ปีได้เลยสักคน มีเพียงฮักจุนคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้…

ดูแค่ระยะเวลาการเลื่อนแรงค์เพียงอย่างเดียว ก็สามารถพิจารณาได้เลยว่าฮักจุนมีความสามารถมากขนาดไหน ยิ่งฮักจุนดูมีอนาคตมากไกล ความสอดรู้สอดเห็นของซูฮยอนก็ยิ่งทะยานขึ้นสูงไปอีก

ท้ายที่สุดฮักจุนก็ไม่บอกเรื่องที่เขาอยากพูด..เมื่อฮักจุนเห็นว่ารบกวนเวลาซูฮยอนมามาก

เขาจึงขอตัวกลับก่อน…

หลังจากฮักจุนออกจากห้องเป็นที่เรียบร้อย ซูฮยอนจึงยกมือถือขึ้นมาแล้วต่อสายไปหาใครบางคน

“ฮัลโหล ผมขออะไรบางอย่างได้ไหม”

********************

ฮักจุนเดินไปตามโถงทางเดินโรงพยาบาลด้วยสภาพเหม่อลอย เขาชั่งใจนานเหมือนกันว่าควรไปพบกับซูฮยอนดีหรือป่าว เพราะเขามีเรื่องสำคัญอยากบอกกับซูฮยอน

ในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ฮันจุนคิดมาเสมอว่าความแข็งแกร่งของตัวเองคงจะไล่เลี่ยกับซูฮยอน

แต่ความจริงย่างก้าวของซูฮยอนกลับเดินนำฮักจุนไปหนึ่งก้าว จนทำให้ความแข็งแกร่งของฮักจุนเดินตามหลัง

<<ฉันคงต้องทำมันคนเดียวอีกแล้วสินะ>>

ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซูฮยอนก็เหมือนกับคนแปลกหน้าที่พึ่งรู้จักกัน…ขนาดพูดคุยกัน พวกเขายังไม่ค่อยทำกันเลย ฉะนั้นฮักจุนจึงไม่กล้าวิงวอนให้ซูฮยอนช่วยเหลือ

“อ้าว เราเจอกันอีกแล้ว”

ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 8 เดือนที่แล้วฮักจุนบังเอิญเจอกลับซูฮยอนกลางทางขณะออกไปทำภารกิจเคลียร์ดันเจี้ยน

คนขับรถสปอร์ตราคาแพงร้องทักฮักจุนที่กำลังเดินอยู่บนถนน ผู้อยู่หลังพวงมาลัยก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซูฮยอน

“พี่อยู่แถวนี้เหรอ”ฮักจุนถาม

“ใช่แล้ว ฉันพึ่งย้ายมาอยู่เมื่อไม่นานนี้เอง พอดีฉันมีธุระที่ต้องไปทำแถวยังพย็อง ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าออกมาก็เจอนายเลย”

“อ่า..งั้นเหรอครับ ดูเหมือนพวกเราจะเป็นเพื่อนบ้านกันนะ”

“อ๊ะจริงสิ พวกเรามาแลกเบอร์กันดีกว่า เพื่อคราวหน้ามานัดกินข้าวกัน ดีไหม”

ฮักจุนตกอยู่ในสภาวะทำอะไรไม่ถูกจากการกระทำของซูฮยอน เนื่องจากเจ้าตัวถามไถ่ด้วยความสนิทสนม แต่ผลสุดท้ายฮักจุนก็แลกเบอร์กลับซูฮยอนไปโดยไม่รู้ตัว

ถ้าพวกเขาเจอกับครั้งแรกฮักจุนคงไม่กล้าให้เบอร์กับซูฮยอนแน่ๆ แต่ดูเหมือนพระเจ้าจะชอบกลั่นแกล้งฮักจุน เพราะเขาบังเอิญเจอกับซูฮยอนบ่อยเหลือเกิน

ฮักจุนยอมแพ้ต่อโชคชะตาและยอมแลกเบอร์กับซูฮยอนแต่โดยดี

“ถ้ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจโทรหาฉันได้ตลอดนะ ถ้าฉันช่วยได้ ฉันจะช่วยนายเอง”ซูฮยอนกล่าว

ไม่รู้ทำไมซูฮยอนถึงพูดคำนั้นกับเขา เพราะคำพูดของซูฮยอนมันไม่ควรพูดกลับคนที่พึ่งเจอกัน แค่ 2-3 ครั้ง

แต่น้ำเสียงของซูฮยอนที่เปล่งออกมากลับดูจริงจังและนุ่มนวล จนเหมือนมองทะลุปรุโปร่งไปยังจิตใจของฮักจุน

แม้ฮักจุนจะมีความสงสัยอยู่บ้าง แต่เขาก็ปล่อยมันผ่านไป..

ฮักจุนคิดว่าชายตรงหน้าคงพูดไปตามมารยาทของเจ้าตัวละมั้ง

ด้วยเหตุผลกับอะไรก็ไม่ทราบ…แม้เวลาจะผ่านไปนานแล้ว แต่ฮันจุนกลับไม่อาจลบเลือนคำพูดของซูฮยอนให้พ้นจากโซนสมองได้

“เฮ้อ…ฉันน่าจะลืมมันไปแล้วแท้ๆ แต่ทำไมมันยังอยู่ในสมองของฉันอยู่นะ”

ฮักจุนเกาหัวของตัวเองด้วยอารมณ์โมโหเล็กน้อย ก่อนที่เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วเจอกับคนที่เขารู้จัก

“หัวหน้า…คุณมานานแล้วหรือยัง”

จองดงย็องแสดงรอยยิ้มที่มีเลศนัยออกมาก่อนจะเดินไปหาฮักจุน…

*******************

หลังจากซูฮยอนเข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ก็ผ่านมาแล้ว 3 วัน

ซูฮยอนเมินเฉยต่อคำแนะนำของคุณหมอที่ให้เขานอนต่ออีกสักวัน…เขาขออนุญาตคุณหมอออกจากโรงบาลด้วยความเร่งรีบ

ตามจริงซูฮยอนก็ไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงอะไรอยู่แล้ว เขาแค่ใช้พลังเวทย์มากเกินไปจนร่างกายแบกรับไม่ไหวก็แค่นั้น

“แน่ใจนะ”

ดวงตาของซูฮอนเบิกกว้างหลังจากได้ยินเสียงของลีจุนโฮที่ออกมาจากมือถือ

“นี้คือข้อมูลล่าสุดแล้วใช่ไหม”

“มันเชื่อถือได้จริงเหรอ?”

“นายลองหาดูอีกสิว่ามันมีเยอะกว่านี้ไหม”

“ไม่ต้องห่วง เดียวฉันลองขุดคุ้ยลงไปอีก อ๊ะจริงสิ มีเรื่องที่ไม่ค่อยน่ายินดีเท่าไหร่ ผู้อำนวยการอยากคุยกับนายด้วยแหละ”

“เหรอ…แล้วทำไมเขาถึงไม่โทรหาฉันโดยตรงเลย”

“ก็ผู้อำนวยการไม่รู้เบอร์ของนายนะสิ การควานหาตัวนายมันก็เหมือนกับการนั่งนับเม็ดทรายในทะเลทรายนั้นแหละ”

“อ่าเข้าใจล่ะ…เดี๋ยวฉันโทรหาเขาเอง”

ไม่ต้องบอกซูฮยอนก็พอเดาได้ว่าผู้อำนวยการอยากคุยเรื่องอะไร

หลังจากซูฮยอนว่างสายกับลีจุนโฮ ไม่รู้ทำไมหัวใจของเขาค่อนข้างเต้นเร็วจนผิดปกติ เหมือนมันกำลังพยายามเตือนอะไรสักอย่าง

<<ไม่ได้เจอเขามานานมากแค่ไหนกันนะ>>

ตั้งแต่ซูฮยอนกลับมาเกิดใหม่ เขาก็ยังไม่เคยเจอกับชายคนนั้นเลยสักครั้ง

ในอดีตกาล ซูฮยอนเคยเจอกับผู้อำนวยการนับไม่ถ้วน ทั้งซูฮยอนแล้วผู้อำนวยการก็เหมือนกับเสือ 2 ตัว ที่อยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เจอกันที่ไหร่กัดกันทุกที

แต่ในครั้งนี้มันต่างออกไป เพราะผู้อำนวยการไม่รู้จักซูฮยอนในปัจจุบัน

ติ๊ด

ทันใดนั้นขอความจากลีจุนโฮก็เด้งแจ้งเตือน

ซูฮยอนหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้งเพื่อเปิดอ่าน

ซึ่งในข้อความ มีเบอร์ของผู้อำนวยการ กับ ข้อความบางอย่างแนบมาด้วย

[มีเรื่องมาแจ้งเตือนนิดหน่อย ตอนนี้ทางกิลด์ดัมพ์เริ่มเพ่งเล็งนายแล้ว แต่นายไม่ต้องคิดมานะ ฉันอาจคิดมากไปก็ได้ แต่ระวังไว้ก็ไม่เสียหาย ขอให้โชคดีเพื่อน..]

กิลด์ดัมพ์…

ถ้าไม่ได้ข้อความของลีจุนโฮ ซูฮยอนคงลืมไปแล้วว่าเขาเคยใช่ชื่อกิลด์ของพวกมันมาสร้างวีรกรรมไว้มากมาย

<<พวกมันคงกำลังโกรธฉันอยู่แน่ๆ>>

พวกวิปริตและวิตถารที่ชอบเข่นฆ่าผู้คนด้วยความสนุก กลับรวมตัวกันจนสร้างกิลด์ที่แสนโหดเหี้ยมได้สำเร็จ

เหตุการณ์ร้ายๆมากมายที่เกิดขึ้นในวงการใต้ดิน ส่วนหนึ่งก็มาจากฝีมือของพวกมัน

กิลด์ดัมพ์ กิลด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมอํามหิต กลับออกไปช่วยชีวิตคนนับแสนเนี้ยนะ มันไม่ใช่สโลแกนประจำกิลด์ของพวกมันเลยสักนิด ไม่แปลกที่พวกมันจะโกรธ

“นึกไม่ถึงจริงๆว่าจะได้ปะทะคารมกับพวกมันได้เร็วขนาดนี้…เฮ้อ…แต่ก็ช่างเถอะอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”

ซูฮยอนพูดออกมาพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่

ยังไงในอนาคตซูฮยอนก็ต้องต่อสู้กับพวกมันอยู่แล้ว..ถ้าเป็นไปได้ซูฮยอนอยากลากกลุ่มของพวกมันออกมาจากเงามืด…เพื่อมาตบตีกลางแจ้งซะให้หลาบจำ แต่ทำแบบนั้นมันก็อันตรายเกินไป เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฝ่ายตรงข้ามมีไผ่ตายอะไรซ่อน ถ้าซูฮยอนทะเล่อทะล่าเข้าไปโดยไม่มีข้อมูลสำคัญ เขาคงกลายเป็นศพโดยไม่รู้ตัว ก็เหมือนกับคำที่ว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

ซูฮยอนเลิกสนใจกิลด์ดัมพ์ ก่อนที่จะก๊อปปี้ เบอร์โทรที่ลีจุนโฮส่งให้มา

เขาถือสายรอไม่นานก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะกดรับ

“ฮัลโหลครับ ใช่ผู้อำนวยการหรือป่าวครับ ผมคิมซูฮยอนกำลังคุยอยู่”

การกลับมาของฮีโร่

การกลับมาของฮีโร่

คิมซองอิน ฮีโร่ ที่แข็งแกร่งที่สุดของมวลมนุษยชาติ

เขาเดิมพันด้วยพลังทั้งหมดของเขา ในการต่อสู้กับเหล่ามอนสเตอร์ที่กำลังรุกรานโลก

ทว่า…ความตั้งใจของเขาก็ไม่สำเร็จ โลกมนุย์ถูกทำลาย

แต่ตำนานยังไม่ตาย เมื่อเขาได้มีโอกาสย้อนกลับไปในอดีต เมื่อ 20 ปีที่แล้ว

การเดินทางครั้งใหม่ของเขาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท