ตอนที่ 91
ซูฮยอนก้มมองต่ําพินิจมองหน้าจอร์แดนและโคลอี้เขา คิดไว้อยู่แล้วว่าฝั่งจอร์แดนคงกําลังประสบเคราะห์กรรม
นับว่าโชคดีที่เขารุดหน้ากลับมารวมกลุ่มได้เร็ว จึงยังไม่สายเกินแก้…
“นายหายไปไหนมา?” จอร์แดนถาม
จอร์แดนมีความตึงเครียดเกาะแน่นอยู่เต็มอก เริ่มผ่อนคลายแผ่วเบาขึ้นเล็กน้อย
ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้สึกผ่อนคลาย ผู้ที่ตื่นขึ้นคนอื่นๆ ก็มีความรู้สึกคล้ายกัน
ซูฮยอนแผ่พลังเวทย์ออกไปโดยรอบ ผู้ตื่นขึ้นจากกิลด์ดัมพ์จึงทราบการคงอยู่ของซูฮยอน
สมรภูมิที่ฆ่าฟันกันอย่างชุลมุนกลับเงียบเป็นเป่าสาก..
“ฉันเห็นหนูสกปกแอบทําลับๆล่อๆ ฉันจึงแอบตามมัน ไป”ซูฮยอนตอบกลับ
“หนูสกปก?” จอร์แดนถาม
“ถูกต้อง” ซูฮยอนมองใบหน้าของโคลอี้และพูดต่อ
“หนูสกปกตัวนั้นมีชื่อ ว่า แมครีเบอร์”
เมื่อได้ยินชื่อที่ไม่คาดคิดออกมาจากปากของซูฮยอน ดวงตาของโคลอี้พลันเบิกโพลง
“เขามีนามแฝงว่า โรเล็กซ์” ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S หมารับใช้ แสนซื่อสัตว์ของกิลด์ดัมพ์ อ้า..จริงสิ ถ้าเจ้าตัวได้ยินคําเปรียบเทียบ มีหวังเขาตามมารังควานฉันแน่ๆ แต่ช่างเถอะ”
“ฉันพูดถูกไหม?”ซูฮยอนยิ้มร่า
“กะแกรู้ได้ไง?” โคลอี้ถามด้วยน้ําเสียงกร้าว
“ทั้งเธอและเขาช่างเหมือนกันจริงๆ เป็นหมาเหมือนกันการตอบสนองยังเหมือนกันอีก”
“แมครีเบอร์อยู่ไหน เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”
สวบ!!!
ตามความประสงค์ของโคลอี้ซูฮยอนโยนวัตถุอะไรบางอย่างลงไปบนพื้น
ทุบ!!
“คนที่เธอพูดถึง ใช่คนนี้หรือป่าว” ซูฮยอนตอบกลับด้วยท่าที่แช่มชื่น วัตถุที่ถูกโยนออกไป หมุนติ้วตามทางลาดชัน
ปากของโคลอี้ถูกแช่แข็ง ตอนแรกเธอคิดว่าตาฝาด แต่มองไปมองมา มันกลับเป็นศีรษะของแมครีเบอร์จริงๆ…
“เป็นไงบ้าง เขาใจสถานการณ์แล้วสินะ ยัยหญิงชรา?”
แม้ซูฮยอนจะพูดเสียดสี ด้วยคําพูดที่เธอเกลียด แต่ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ เธอไม่มีอารมณ์ไปต่อล้อต่อเถียงกับอีกฝ่าย
“แมครีเบอร์ตายแล้ว? เป็นฝีมือเขางั้นเหรอ?”โคลอี้คิด
ซูฮยอนอยู่นอกแผนการของโคลอี้และผู้ตื่นขึ้นกิลด์ดัมพ์…
แผนการที่วางเอาไว้คือ เมื่อเข้ามาในดันเจี้ยนเป็นที่เรียบร้อย แมครีเบอร์ที่ปลอมตัวมาในฐานะทหารรับจ้าง จะ แอบปลีกวิเวกออกไป โดยใช้สกิลอําพลางในการหลบหนี
หน้าที่แมครีเบอร์ คือแอบซ่อนอยู่ในเงามืด แล้วทําการลง มือสังหารผู้ตื่นขึ้นที่ละคนอย่างลับๆ หากจํานวนผู้ตื่นขึ้นลดลงไปส่วนหนึ่ง ขั้นต่อไปคือการปล่อยโคลอี้ให้ลอบโจมตีจอร์แดนที่เผลอ
เมื่อจอร์แดนตาย โคลอี้ และ แมครีเบอร์ จะได้เก็บกวาด ลูกมือของจอร์แดนให้สิ้นซาก
แผนการที่วางไว้สมบูรณ์แบบมากๆ พวกเขามีผู้ตื่นขึ้นแร งค์ S ถึง 2 คน โดยเฉพาะ แมครีเบอร์
เขามีทักษะการลอบสังหารที่ยอดเยี่ยม เมื่อพวกเขาร่วม มือกัน 2 คน ไม่มีทางเกิดความล้มเหลวขึ้น…
โคลอี้คิดไว้ในใจ ถ้าเธอลอบโจมตีจอร์แดนที่เผลอ แค่ตัวเดียวอาจกุมชัยชนะเหนืออีกฝ่ายได้อยู่หมัด
เธอไม่เคยกังวลเรื่องที่แมครีเบอร์หายตัวไป เธอเชื่อว่าสา เหตุที่เขากลับมาช้า เพราะมัวแต่ต่อสู้กับซูฮยอนอยู่ ฉะนั้น ปล่อยให้รอต่อไปเรื่อยๆ ก็มีแต่เสียเวลา เธอจึงตัดสิน ใจโจมตีจอร์แดนโดยไม่รอแมครีเบอร์กลับมา..
การวางแผน การลอบโจมตี ไม่มีที่ติและหาจุดบกพร่องไม่ได้ กิลด์ดัมพ์สั่งการให้แมครีเบอร์เข้าร่วมการโจมตีดันเจี้ยนเพื่อให้แผนการผ่านพ้นไปได้อย่างราบลื่น
แต่แล้วปัญหากลับผุดขึ้นมา แมครีเบอร์ ที่รับหน้าที่สังหารผู้ตื่นขึ้น กลับถูกซูฮยอนจบชีวิตซะเอง..
“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?”โคลอี้คิด
ตอนที่เธอรู้ว่าซูฮยอนไล่ตามแมครีเบอร์ไป เธอคิดว่าแมครีเบอร์ คงเอาตัวรอดได้ไม่มีปัญหา
แต่ที่ไหนได้ เขากลับโดยซูฮยอนสังหาร แถมสังเกตรูปลักษณ์ภายนอก ซูฮยอนไม่มีบาดแผลหรือเรียกได้ว่าไร้รอยขีดข่วน แผนการที่วางไว้อย่างดิบดีพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ
เธอกะไว้ว่าจะเลี้ยงไข้จอร์แดน เพื่อรอให้แมครีเบอร์กลับ มาสังหารเขา จาก 2 รุม 1 ตอนนี้เหลือเธอคนเดียวซะงั้น..
“เวรจริงๆ”
จอร์แดนจ้องมองใบหน้าโคลอี้ ซึ่งสีหน้าของเธอตอนนี้ยับยู่ยี่ ไม่ต่างอะไรกับยายแก่คนหนึ่ง…
“ถ่วงเวลาให้หน่อย น้ําแข็งละลายหมดเมื่อไหร่ ฉันจะ ช่วยนายจัดการเรื่องนี้ด้วย” จอร์แดนพูดกับซูฮยอน
จอร์แดนยกมือข้างที่ใช้งานได้ปกติขึ้นมา แล้วจุดประกายเปลวเพลิงบนฝ่ามือ…
เปลวเพลิงที่กําลังลุกโชนขึ้นบนฝ่ามือลูบไล้ไปตามแผ่นน้ําแข็ง ที่พันธนาการ แขน ขา..
ถ้าซูฮยอนถ่วงเวลาโคลอี้ได้ใช้เวลาไม่นานเขาคงสามาร ถหลอมละลายน้ําแข็งสําเร็จ..
วุป!
ทันใดนั้นเอง แขน ขา ของจอร์แดนพลันมีเปลวเพลิงสีค รามลุกพรึบขึ้น….
เปลวเพลิงที่ว่ามาจากสกิลเพลิงพิโรธของซูฮยอน…
“เชี่ย…ทําบ้าอะไรของนาย?”
จอร์แดนรีบสะบัดแขนและขา เพื่อดับเปลวเพลิงประห ลาดเหล่านี้ แต่แล้วเขาก็ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ก่อนก้มมอง แขน ขา ตัวเองที่ถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงสีคราม…
“ไม่ต้องกังวล นายไม่เป็นอะไรหรอก” ซูฮยอนพูด
เพราะการตอบคําถามไม่แยแสของซูฮยอน จอร์แดนจึง หยุดโวยวายและมองประกายเปลวเพลิงสีคราม
เขาสัมผัสไม่ได้ถึงคลื่นความร้อน แต่น้ําแข็งพัน ธนาการเริ่มละลายกลายเป็นไอน้ําอย่างช้าๆ
กระบวนการที่เกิดขึ้น น่าหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก…
“นี่คือคุณสมบัติพิเศษสกิลของเขางั้นเหรอ? หรือว่าเขาเชี่ยวชาญการควบคุมพลังเวทย์?”
ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม จอร์แดนมั่นใจในความคิดของเขา…
“สกิลเปลวเพลิงของซูฮยอน ระดับสูงกว่าสกิลเปลวเพลิงของฉันที่ครอบครองอยู่หลายขุม”
เปลวเพลิงของจอร์แดนเผาผลาญได้ทุกสรรพสิ่งก็จริง แต่เขาไม่สามารถกําหนดให้เปลวเพลิงอย่าทําอันตรายต่อคนหรือสิ่งของได้…ดังนั้นเมื่อพบเจอเปลวเพลิงที่ไม่มีความร้อน และไม่ทําอันตรายต่อคนรอบข้าง จอร์แดนจึงหลงเสน่ห์ไปกับมันโดยไม่รู้ตัว..
ซูฮยอนมองดูอาหารเหม่อลอยของจอร์แดน ก่อนกระโดน ลงจากต้นไม้…
“ผมไม่อยากเสียเวลาไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง อีกอย่าง ผม วางแผนไว้ว่า คนที่จะจัดการเธอต้องเป็นผม ไม่ใช่คุณ”
ซูฮยอนตรึงสายตาไว้ที่ร่างโคลอี้ ความสิ้นหวังที่ฉายขึ้น บนไว้หน้าของเธอ ช่างน่าถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ละลึกจริงๆ
จอร์แดนมองสลับกันไปมา ระหว่างซูฮยอนและโคลอี้
“งั้นผมขอเปลี่ยนคําขอร้องใหม่ได้ไหม” จอร์แดนพูด
“ได้สิ คุณอยากขอร้องอะไรผม” ซูฮยอนถาม
“ฉันจะไปช่วยผู้ตื่นขึ้นที่อยู่ด้านโน้น ส่วนยัยหญิงราคาถูก นายคนเดียวจัดการไหวแน่นะ?”
จอร์แดนเป็นห่วงว่าผู้ตื่นขึ้นฝ่ายตัวเองกําลังจวนเจียน หมดรูปอยู่ก็เป็นได้ เนื่องจากเหตุผู้ ตื่นขึ้นจากกิลด์ดัมพ์รอบโจมตีที่เผลอ..
พวกเขาตอบสนองการโจมตีได้ฉับพลัน แต่ดูจากรูปทรงฝ่ายจอร์แดนเป็นลองผู้ตื่นขึ้นจากกิลด์ดัมพ์อยู่หลายส่วน
ถ้าจอร์แดนยืมมือไปช่วย พวกเขาคงลืมตาอ้าปากได้บ้างดังนั้นเขาจึงอย่างให้ซูฮยอนสกัดกั้นโคลอี้เอาไว้ให้ได้ เพื่อไม่ให้เธอสร้างความวุ่นวายไปมากกว่านี้
“สบายมาก ไม่ต้องห่วง”
“งั้นก็…”
“เดี๋ยวก่อน
จอร์แดนกําลังหันกายจากไป เอี้ยวคอกลับมา ซูฮยอนชูมือขึ้นไปบนอากาศ..
คลีน!!
อากาศที่เงียบสงบถูกฉีกกระชากขาดออกจากกัน ช่องว่างระหว่างกึ่งกลางมีหัวมังกรเล็กๆโผล่ยื่นออกมา ก่อนปิกอันใหญ่ 2 ข้างของมันจะสยายโบกสะบัดสู่แรงลม
คิ้ว!!
มังกรที่ถูกอันเชิญออกมาคือมิรุ ซูฮยอนลูบหลังมิรเบาๆ
“พาเขาไปด้วย เขาอาจช่วยอะไรคุณได้บ้างไม่มากก็น้อย
“อ่า..เขาใจแล้ว”
จอร์แดนตอบกลับด้วยน้ําเสียงแผ่วเบาเจือปนขมขื่น เขาอยากรู้จริงๆว่ามังกรตัวเท่าสุนัข จะช่วยเหลืออะไรได้…
แต่จอร์แดนก็ไม่กล้าถามซูฮยอน เพราะซูฮยอนมีพันธกิจสําคัญรออยู่ เขาจึงหมุนกายจากไปโดยไม่รีรอ..
“สะสางปัญหาหมดสักที”ซูฮยอนคิด
ซูฮยอนย่ําเท้าเดินไปหาโคลอี้…
ต่อจากนี้เป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว โคลอี้จึงเรียกความมั่นใจกลับมาได้อีกครั้ง เธออ้าปากพูด
“หึ คิดจะโค้นล้มฉันด้วยตัวคนเดียวงั้นเหรอ อวดดีเหลือเกิน คิดว่าตัวเองเป็นเซียนเหนือเซียนหรือไง”
“เธอก็เหมือนกันนั้นแหละ โรคเจ้าหญิง คิดว่าตัวเองเก่งที่สุด อยู่เหนือผู้อื่น ควรรีบไปรีบปรึกษาจิตแพทย์ซะ ก่อนจะ สายเกินไป จนรักษาไม่หาย”
“ไอ้เด็กเวร ปากคอเราะร้ายนักนะ”
“ยัยแก่ เธอยังไม่รู้อีกเหรอว่าชะตากรรมสุดท้ายของเธอจะลงเอยยังไง?”
ซูฮยอนชี้นิ้วไปที่ศีรษะแมครีเบอร์เกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น
“อีกไม่นาน เธอจะมีสารรูปเหมือนหนูสกปกตัวนั้น”
“หุบปาก!!”
คลื่น!!
ก้อนผลึกน้ําแข็งขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นรอบๆโคลอี้ สภาพอากาศพลันเย็นเฉียบทันควัน…
แผ่นน้ําแข็งบางๆเคลือบพื้นดินแวววับ หากซูฮยอนผลีผลามทะเล่อทะล่าวิ่งเข้าไปหาเธอคงลอยละลิ่วไปตามธารน้ํา แข็งขนาดย่อมๆ
เมื่อโคลอี้เห็นซูฮยอนไม่ยอมขันขึ้น เธอจึงยิ้มออกมาอย่าง
ได้ใจ..
“ฉันจัดการเขาได้แน่”โคลอี้คิด
วุป!!
เปตวเพติงสีดรามฆมอคคัศไป ตุขโจ ลิล่วงห่อหุ้มร่างขายกองซูฮยอฟ…
ทุบ!!
ซูฮยอนก้าวเดินไปตามธารน้ําแข็ง ราวกับเหยียบพื้นดินธรรมดา…
“เธอมันโง่จริงๆ ฉันจะแสดงให้เธอรู้แจ้งเห็นจริง ว่าพลังที่แท้จริงเป็นแบบไหน”
“ไอ้ลูกหมา ปากดีจริงๆ”
“อะไร เธอคิดว่าฉันพูดโกหกงั้นเหรอ?”
“ชิ… ”
“หมอนี้มีนิสัยปากแข็ง คงเป็นการยาก ที่ฉันจะบีบบังคับให้เขาคายความลับออกมา”
หวีด!!
ทันใดนั้นเอง ร่างกายของซูฮยอนอันตรธานหายไปจากครรลองสายตา
โคลอี้ยนคิ้วด้วยความประหลาดใจ น้ําแข็งหนาเตอะ ก่อตัวขึ้นลายล้อมตัวเอาเธอไว้…
[ม่านธารน้ําแข็ง]
ม่านธารน้ําแข็งโผล่ออกมาจากพื้นดิน แล้วคอยป้องกัน ภัยอันตรายจากรอบทิศ ความแข็งแรงของมันต่อให้กระสุ นนับพันนัดรัวยิงเข้ามา ไม่มีทางกะเทาะม่านธารน้ําแข็งได้ แม้สกิลนี้จะปิดกั้นวิสัยทัศน์การมองเห็นของเธอเป็นชั่วคราว แต่มันจัดเป็นสกิลป้องกันที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก
“ฉันต้องถ่วงเวลาออกไปให้นานที่สุด ฉันไม่เชื่อหรอกว่า มันจะซ่อนตัวได้ตลอด”โคลอี้คิด
ฉัวะ!!!
ขณะโคลอี้กําลังวางแผนเป็นขั้นตอน คมดาบของซูฮยอน แล่นตามสายลม โจมตีแนวหลังม่านธารน้ําแข็ง…
ม่านธารน้ําแข็งที่ถูกยกย่อง มีความแข็งแรง โดยดาบขอ งซูฮยอนเจาะเป็นรู้กลมๆเรียบเนียน
“ไอ้เด็กเวร กล้าเข้ามาในอาณาเขตของฉัน แน่จริงก็โผ ล่หัวออกมาสิ อย่างมัวแต่มุดหัวอยู่ในกะลา” โคลอี้ตะวาด
ม่านธารน้ําแข็งที่รายล้อมป้องกันตัวเธอไว้ ถูกคมดาบตัด ขาดเป็นวงกรม ขนาดของรูสามารถลอดผ่านเข้ามาได้…
ตั้งแต่รู้ว่าม่านธารน้ําแข็งถูกเจาะ เธอก็เตรียม ดาบเอาไว้ป้องกันตัวอยู่แล้ว..
“เป็นหญิงชราที่เลือดร้อนจริงๆ ความสนุกมันกําลังเริ่มขึ้นต่อจากนี้ต่างหาก”
ชิง!!!
ร่างกายของโคลอี้สั่นเทิ้ม ปลายดาบวางระนาบอยู่บนลําคอ ร่างกายทุกส่วนกลายเป็นอัมพาต
โคลอี้เชื่อว่าอีกไม่นานหัวของเธอคงหลุดออกจากบ่า เสียงเพชฌฆาตผู้กุมความเป็นความตายดังก้องออกมาจากด้านหลัง…
“ถ้าเธอตอบคําถามฉันแต่โดยดี ฉันจะช่วยสงเคราะห์ให้ เธอไปเกินใหม่ โดยไม่มีทั้งความเจ็บและความทรมาน”
“อีก..!!”
[คําสาปจิตวิญญาณแห่งความมืด – ความเจ็บปวด]
โคลอี้รู้สึกราวกับว่าเธอยืนอยู่บนขอบเหวแห่งความตายแววตาของเธอวูบไหว น้ําตาเอ่อล้มผ่านห่างตา ดาบของซูฮยอนเปลี่ยนจากคําคอ มาแทงตามผิวหลังของโคลอี้
“อีก…อ้ากกกก”
เสียงกรีดร้องของโคลอี้ดังระงมไปทั่วโดรมน้ําแข็ง ที่ก่อมาจากม่านธารน้ําแข็ง…
แม้บาดแผลจะอยู่แค่ผิวหนังชั้นนอก แต่ความเจ็บปวดกับหยั่งรากลึกลงไปถึงภายใน โคลอี้ร้องครวญครางออกมาอย่างต่อเนื่อง
ซูฮยอนเอื้อมมือกระชากหัวโคลอี้ให้เงยหน้าขึ้น..
“เธอรู้อะไรไหม ก่อนที่แมครีเบอร์จะขอร้องให้ฉัน ส่งกลับบ้านเก่า เขาคาบข่าวมาบอกว่า ถ้ายากรู้เรื่องอะไร ให้ไปถามยัยโคลอี้เอาเอง”
“อีก…”
เจ้าบ้านั้น!!!
เธอไม่คิดมาก่อนว่าแมครีเบอร์ที่มีอุปนิสัยทะนงตน จะพู ดอะไรบ้าๆแบบนั้นออกไป นี้มันไม่ต่างอะไรกับการโยนภู เขามาทับตัวเธอเลยไม่ใช่หรือไง..
โคลอี้อย่างกุดดินมุดหนีไปจริงๆ แต่เธอต่อกรกับสกิลขอ งซูฮยอนไม่ได้เลย…
อีกฝ่ายสร้างความเจ็บปวดทางร่างกายของเธอ โดยที่ มนุษย์ไม่อาจพรรณนาออกมาได้ สกิลและพลังเวทย์ขอ งซูฮยอนนับว่าสูงเทียมฟ้าจริงๆ..
“ฉันของถามเธออีกครั้ง”
แมครีเบอร์ไม่ยอมบอกแหล่งที่อยู่ของกิลด์ดัมพ์ให้ซูฮยอนรู้ คนที่สามารถไข้ความกระจายได้ คงมีแต่โคลอี้คนเดียว..
“ที่มั่นของกิลด์ดัมพ์ อยู่ไหน?”
*******************
อ้ากกกก
เสียงกรีดร้องสุดเวทนาของโคลอี้ ดังเล็ดลอดออกมาจา กม่านธารน้ําแข็งไม่ขาดสาย
จอร์แดนไม่รู้ว่าภายในม่านธารน้ําแข็งเกิดอะไรขึ้น แต่เขา มั่นใจว่าซูฮยอนยังอยู่รอดปลอดภัยครบ 32
“ชายคนนั้น เป็นคนยังไงกันแน่?” จอร์แดนคิด
ชายสวมหมวกบักเก็ตที่สังกัดอยู่ในกิลด์ดัมพ์ ถูกจอร์แดนค้นพบว่า ร่างกายของเขาถูกเปลวเพลิงคลอกตายสภาพศพดําปี
จอร์แดนรู้จักชายคนนั้น เพราะโคลอี้เคยพามาแนะนําให้ทําความรู้จักและเขายังเป็นผู้ช่วยเหลือที่กิลด์สตาร์เชื้อเชิญมา ปรากฏว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ผู้หวังดีอย่างที่จินตนาการไว้ แต่เขากลับเป็นสมาชิกกิลด์ดัมพ์..
อย่างไรก็ตาม จอร์แดนแปลกใจเรื่องของซูฮยอนมากกว่าซูฮยอนทราบได้ไง ว่าโคลอี้และกิลด์สตาร์มีความเกี่ยวพัน กับ กิลด์ดัมพ์?
“เรียบร้อยแล้วงั้นเหรอ?”
เสียงกรีดร้องของโคลอี้เริ่มแผ่วเบาลง สถานการณ์ด้า นนอกก็ใกล้ถึงจุดไคลแมกซ์…
ดูเหมือนการไปช่วยเหลือซูฮยอน คงไม่จําเป็นอีกแล้ว…
คิ้ว!!!
“อ๊ากกกก
จอร์แดนมองไปด้านข้าง สมาชิกกิลด์ดัมพ์คนหนึ่งพยายามกระเสือกกระสน ยันตัวหลบหนี แต่ก่อนที่จะถึงปลายอุโมงค์ เขากลับโดนมังกรฟาดห่างซะก่อน
“มังกรตัวน้อยนี้ ก็มีประโยชน์เหมือนกันแฮะ” จอร์แดนคิด
ตอนแรกจอร์แดนคิดว่ามังกรน้อยคงเป็นได้แค่ตัวเกะกะ แต่พอถึงสถานการณ์จริง มันกลับมีประโยชน์มากว่าที่คิดมังกรน้อยทุ่นแรงจอร์แดนได้เยอะมาก..
มิรุช่วยฟื้นฟูความเหนื่อยล้าทางร่างกายให้กับสมา ชิกทีมจอร์แดน ทําให้เรี่ยวแรงร่อยหรอ เพิ่มพูนขึ้นทันตา ยิ่งไปกว่านั้นมิรุยังสามารถเสริมสร้างค่าสถานะป้องกันได้ อีกด้วย
ผู้ตื่นขึ้นที่เหลืออยู่ประจักษ์กับตาตนเองมังกรน้อยมีประโยชน์เหลือหลายจริงๆ
แกร็ก!!!
เสียงปริแตกของแผ่นน้ําแข็งดังขึ้น…จอร์แดนเลิกสนใจสิ่งรอบข้างแล้วหันหน้าไปดู…
ซูฮยอนเดินออกมาจากโครมน้ําแข็งที่กําลังถล่ม ระหว่างที่กําลังถล่มจอร์แดนสังเกตเห็น ก้อนน้ําแข็งบ้างชิ้นถูกเคลือบด้วยสีแดงละม้ายเลือด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันเป็น เลือดของโคลอี้
“เร็วมาก..”
ซูฮยอนยักไหล่ตอบกลับ
“ความอดของเธอน้อยมีเกินไป มันเลยจบเร็ว”
“ความอดทน?”
จอร์แดนไม่เข้าใจ [ความอดทน] ที่ซูฮยอนพูดหมายถึงอะ ไร เขาคิดอยู่สักพัก ก่อนถามด้วยหน้าประหลาดใจ
“นายทรมานเธอ?”
[ทรมาน] เป็นคําอธิบายภาพรวมได้ชัดเช่นที่สุด เสียงกรีดร้องของโคลอี้ฟังดูเจ็บปวดเกินกว่าการต่อสู้ทั่วไป แถมซูฮยอนผู้ลงมือเอง ก็ไม่ได้ที่ท่าปฏิเสธ
จอร์แดนอดแปลกใจไม่ได้จริงๆ ไม่น่าเชื่อว่ารูปลักษณ์อัธยาศัยดีอย่างซูฮยอน จะเหี้ยมโหดได้ถึงขนาดนี้…
“นายเลือดเย็นกว่าจินตนาการของฉันอีก”
“ให้เมื่ออีกฝ่ายเป็นศัตรู การประนีประนอมจึงไม่จําเป็นอีกอย่าง ฉันอยากติดต่อพูดคุยกับกิลด์ดัมพ์สักหน่อย”
ภาพลักษณ์ของซูฮยอนแตกต่างจากช่วงแรกเยอะมากความรู้สึกตอนเจอกันครั้งแรก ซูฮยอนดูเป็นชายหนุ่มนุ่มนวล และอ่อนโยน แต่ภาพปัจจุบันเขากลับเปลี่ยนไป ราวกับไม่ใช่คนๆเดียวกัน เขาดูหนักแน่นขึ้น เยือกเย็นขึ้น…
“นายเกลียดกิลด์ดัมพ์ขนาดนั้นเลย?” จอร์แดนถาม
“คุณเองก็เห็นชัดแล้วไม่ใช่เหรอไงว่าผมเกลียดพวกมัน มากแค่ไหน” ซูฮยอนตอบ
“ทําไมกัน? เพราะความแค้นส่วนตัว?”
“ความแค้นส่วนตัวงั้นเหรอ…”ซูฮยอนส่ายหัว
เขาไม่เคยมีความแค้นส่วนตัวกับพวกมัน…
“คุณเข้าใจผิด ผมไม่เคยมีความแค้นต่อพวกมัน แต่ผมเป็นห่วง หากปล่อยพวกมันทิ้งไว้ มีแต่กดโลกให้ต่ําตมลง”
กิลด์ดัมพ์เป็นเศษเนื้อร้ายในสังคมมนุษย์ ซูฮยอนรู้ในอนาคตภายภาคหน้ามีเหตุการณ์สะเทือนขวัญหลายอย่าง ที่กิลด์ดัมพ์คอยบงการอยู่เบื้องหลัง สิ่งที่พวกมันกระทําทั้งหมด ตัวเขาเพียงคนเดียวไม่อาจยับยั้งได้…
เพราะมันไม่ใช่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตามชะตากรรม แต่ถูกวางแผนมาเป็นอย่างดี หากอยากแก้ปัญหาที่คาราคาซังเช่นนี้ มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น…
ซูฮยอนมองไปที่ซากศพของโคลอี้ นัยน์ตาคมกล้าฉายแววปรารถนาอย่างลึกซึ้ง
“ฉันจะใช้โอกาสที่นานๆจะมีโผล่มาสักครั้ง บดขยี้แมลงสาบอย่างพวกมันให้หมด”