ตอนที่ 83
“สาเหตุที่ดันเจี้ยนโผล่ขึ้น ทั้งๆไม่อยู่ในความทรงจำของฉัน น่าจะเป็นเพราะ…”ซูฮยอนเริ่มวิเคราะห์
ดันเจี้ยนแห่งอื่นโผล่ขึ้นมาตามพิกัดเดิมที่อยู่ในความทรงจำของซูฮยอน…
ไม่มีดันเจี้ยนไหนขาดหายไป มีแต่โผล่ขึ้นมาแบบไม่ทราบที่มาที่ไป ซูฮยอนสรุปคำตอบจากเหตุการณ์ผิดปกติเช่นนี้ได้เพียงข้อเดียวเท่านั้น
“ราชันลิชชี่ เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ต้องมีความเชื่อมโยงถึงมันแน่”
ดูเหมือนซูฮยอนต้องให้ความสำคัญกับดันเจี้ยนระดับสูงที่โผล่ขึ้นมา โดยไม่มีอยู่ในความทรงจำให้มากขึ้น…
ถ้ายังมีเหตุการณ์ดันเจี้ยนระดับสูงโผล่ขึ้นมาอีก โดยที่ซูฮยอนไม่เคยได้ยินหรือรู้จักมาก่อน มันจะเป็นปัญหาต่อประชาชนและบ้านเมืองในประเทศเกาหลี.
“เรื่องราวต่างๆ ชักจะซับซ่อนเข้าไปทุกที”
ตารางงานที่ถูกเคลียร์จนโล่ง เริ่มกลับมาแน่นเอียดอีกครั้ง ซูฮยอนถอยหายใจออกมาก่อนปิดบุ๊คเลท..
“อ่านจบแล้วเหรอครับ? มากินผลไม้ด้วยดีกว่า”ฮักจุนชวน
“วันนี้นายหยุดเหรอ ทำไมถึงไม่ไปทำงาน”ซูฮยอนถาม
“หลังจากพี่ทำลายกิลด์เทพสงคราม ผมแทบไม่รับงานเลย เพื่อนภายในกิลด์ที่ผมเคยคุย ก็เลิกติดต่อกันไปนานแล้วด้วย”ฮักจุนตอบ
“แล้วเรื่องหอคอยแห่งการทดสอบ นายไปถึงชั้นไหน?”
“ผมพึ่งเคลียร์ชั้นที่ 49 ไปเมื่อวานนี้เองครับ”
“งั้นเหรอ..”
ซูฮยอนตั้งใจหยอกล้อฮักจุน ว่าเป็นพวกขี้เกียจสั่นหลังยาวสักหน่อย แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายขนาดนี้
ชั้นที่ 49 อาจเป็นชั้นที่สูงไม่มาก เมื่อเทียบกับผู้ตื่นขึ้นแรงค์ A คนอื่นๆ
หากลองพิจารณาดีๆระหว่างฮักจุนกับแรงค์ A คนอื่น…
แรงค์ A บางคนเลือกระดับความยากไม่ถึงระดับ 5 ด้วยซ้ำ ต่อให้อยู่ชั้นสูงอยู่กว่าฮักจุน พวกเขาก็เทียบกับฮักจุนไม่ได้ เพราะฮักจุนเลือกระคับความยากระดับที่ 8 ตลอด
ความยากระดับ 8 ฮักจุนยังผงาดมาถึงชั้นที่ 49 ได้ นับว่าเป็นความเร็วที่ไม่น้อยหน้าใคร…
“ชั้นที่ 50 นี้แหละที่ผมกังวล ทุกๆ 10 ชั้นภายในหอคอยแห่งการทดสอบ ความยากจะยกระดับขึ้นอีกเท่าตัว”
“ไม่ต้องกังวลมากขนาดนั้น นายสามารถใช้คะแนนความสำเร็จ เพื่อขอคำใบ้จากผู้อารับขาประตูได้ ถ้านายมีคะแนนมากพออะนะ”
“ผมรู้ดี เพราะคำแนะนำของพี่ ทำให้ผมมาถึงจุดนี้ได้ ฉะนั้นผมจึงทำงานให้มากขึ้นหนักขึ้น เพื่อไปให้ถึงจุดมุ่งหมาย”
ความหมาย ทำงานให้หนักขึ้นของฮักจุน หมายถึงการเก็บรวบรวมคะแนนความสำเร็จให้ได้เยอะๆ
ไม่ใช่การบุกตะลุยไปเรื่อยๆ จนเมินเฉยต่อคำบอกใบ้จากผู้อารักขา..
ชีวิตก่อนของซูฮยอน หลังจากผู้ตื่นขึ้นมาถึงชั้นที่ 9 ของแต่ละชั้น ถ้าเป็นไปได้พวกเขาพยายามไม่ใช้คะแนนความสำเร็จ เพราะต้องการติดสินบนผู้อารักขาประตู อย่างน้อยคำบอกใบ้ของเขา ก็สามารถทำให้ผู้ตื่นขึ้นได้เบาะเพิ่มเติม…
วิธีที่ซูฮยอนและฮักจุนใช้ มีผู้ตื่นขึ้นแค่หยิบมือที่ล่วงรู้ แต่อีกไม่นานความลับคงดังไปถึงหูของผู้ตื่นขึ้นคนอื่นๆ
ไม่ใช่ทุกคนจะได้คำใบ้จากปากของผู้อารักขา เพราะผู้อารักขามีนิสัยคล้ายๆผีเข้าผีออก บางวันดีวันร้าย…
“พี่ซูฮยอน พี่จะมุ่งหน้าไปชั้นต่อไปเมื่อไหร่?”
“คงอีกสักพัก…เนื่องจากฉันต้องแบกเวลาไปทำอย่างอื่น เลยไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก”
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจพิชิตดันเจี้ยนระดับสีเขียว เขาต้องหยุดพักผ่อนอยู่บ้านเป็นเวลา 1 วัน เพื่อปรับสภาพร่างกาย..
พื้นฐานยุทธวิธีที่ซูฮยอนเลือกใช้ คือการทำให้ร่างกายกลับมามีสภาพสมบูรณ์อีกครั้ง ก่อนเข้าสู้หอคอยแห่งการทดสอบ
ส่วนเรื่องแจกจ่ายหินอีเธอร์ตามผลงาน ซูฮยอนฝากให้ลีจุนโฮเป็นคนจัดการแทน แม้จำนวนหินอีเธอร์ที่เก็บเกี่ยวได้จะมีเยอะมาก ไม่น่าเป็นปัญหาสำหรับลีจุนโฮ ที่จะแจกจ่ายหินอีเธอร์ให้กับกองกำลังกิลด์ต่างๆอย่างเท่าเทียมกัน เพราะเขามีประสบการณ์มาอย่างโชคโชนเกี่ยวกับการเป็นผู้นำ ทำให้เขาคุ้ยชินเป็นอย่างดีเกี่ยวกับการแบ่งของรางวัล ซูฮยอนเชื่อว่า ไม่มีทางมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น…
“หืม…พี่บอกว่าไม่ค่อยมีเวลาว่าง แล้วเวลาที่เหลือ พี่ทำอะไรอยู่?”ฮักจุนถาม
“ฉันต้องแบ่งเวลาไปตรวจสอบอะไรบางอย่าง”ซูฮยอนพูดจบ ก็ลุกออกมาจากเตียง
“เมื่อถึงเวลาฉันจะบอกให้นายรู้เอง ฉะนั้นเตรียมตัวให้พร้อม”
“ลับลมคมในอีกแล้ว”
ไม่รู้ฮักจุนคิดไปเองหรือป่าว หลังจากได้ยินคำพูดของซูฮยอน ฮักจุนกลับรู้สึกใจคอไม่ดี เหมือนลางสังหรณ์กำลังกล่าวเตือน เส้นขนในร่างกายลุกขนชันไปหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า
ซูฮยอนมองดูอิริยาบถของฮักจุนและยกยิ้มขึ้น เขาหันไปมองนาฬิกาดิจิตอลที่แขวนอยู่ผนัง ก่อนนับวันเวลาที่เหลือ..
“ยังมีเวลาเหลืออีกเยอะ..”ซูฮยอนคิด
หลังจากซูฮยอนเคลีร์ชั้นที่ 21 เสร็จ เขาก็พามิรุมาฝักตัวในโลกแห่งความจริง ฝักตัวยังไม่ถึง 1 อาทิตย์ กลับมีภารกิจเร่งด่วนมาให้ซูฮยอนทำ นั้นคือการโจมตีดันเจี้ยนระดับสีเขี้ยว การโจมตีดันเจี้ยนถูกเคลียร์ได้เร็วเกินไป ทำให้เขาเหลือเวลาว่างอีกเยอะมาก…
“ถึงเวลายกระดับความสามารถของตัวเองต่ออีกครั้งแล้วสินะ”
เมื่อซูฮยอนพูดจบ ก็เปิดประตูเข้าสู่หอคอยแห่งการทดสอบทันที
**********
[หัวข้อกระทู้ : คิมซูฮยอนเริ่มทำการทดสอบชั้นที่ 22 แล้ว!!]
ชั้นที่ 22 ซูฮยอนใช้เวลาเคลียร์เพียง 3 วัน เท่านั่น
[คุณผ่านการทดสอบ]
ชั้นที่ 22 เป็นการทดสอบที่ง่ายแสนง่าย ทำให้ซูฮยอนผ่านฉลุย
“เป้าหมายที่ฉันต้องไปให้ถึง คือชั้นที่ 30”
[หัวข้อกระทู้ : คิมซูฮยอนเริ่มทำการทดสอบชั้นที่ 23 แล้ว!!]
คราวนี้ซูฮยอนใช้เวลาไป 5 วัน ในการเคลียร์ชั้นที่ 23
[คุณผ่านการทดสอบ]
หลังจากเสร็จสิ้นการยืนเส้นยืนสายโดยการออกอาละวาด ซูฮยอนจึงตัดสินใจหยุดพักให้พลังเวทย์ฟื้นฟู ก่อนออกอาละวาดอีกครั้ง เดือนมีนาคมผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเดือนเมษาก็มาเยือน
เดือนนี้เป็นเดือนแห่งเทศกาลฤดูใบไม้ผลิของประเทศเกาหลี ดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาเริ่มออกดอกออกผล จนบานสะพลั่ง กลิ่นหอมจากเกสรดอกไม้ลอยตลบอบอวลไปทั่วอากาศ
แต่ซูฮยอนไม่เคยออกไปเชยชมความสวยความงามหรือดมกลิ่นเกสรดอกไม้เลยสักครั้ง เขาปล่อยในเวลาที่แสนมีค่าและสวยงามล้วงเลยผ่านไป….
[หัวข้อกระทู้ : คิมซูฮยอนเริ่มทำการทดสอบชั้นที่ 27 แล้ว!!]
การทดสอบชั้นที่ 27 มีความยากขึ้นมาเล็กน้อย แต่เพราะซูฮยอนให้ความสำคัญกับสภาพร่างกายเป็นหลัก เขาจึงผ่านชั้นที่ 27 มาได้ง่ายๆ
พอผ่านชั้นที่ 27 ไปได้ ซูฮยอนเลือกพักผ่อนฟื้นฟูร่างกาย อีก 3 วัน เพื่อให้ร่างกายกลับคือสภาพเดิม..ช่วงที่ผ่านมาสภาพจิตใจของซูฮยอยเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง
เวลาซูฮยอนพักฟื้นฟูร่างกาย เขาชอบค้นคว้าศึกษา จุดแข็ง จุดอ่อน ของตัวเอง เพื่อยกระดับฝีมือให้สูงขึ้น..การฝึกปรือของซูฮยอนไม่ได้ไร้จุดหมายปลายทาง แต่เขาวางแบบแผนเอาไว้อยากเป็นระบบ และแล้วเดือนพฤษภาคม ก็ผ่านพ้นไป
ในที่สุดฤดูร้อนก็มาเยือนประเทศเกาหลี..
[หัวข้อกระทู้ : คิมซูฮยอน เริ่มทำการทดสอบชั้นที่ 29]
การทดสอบในชั้นที่ 29 ยากกว่าชั้นที่ผ่านๆมาหลายเท่า ไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนเป็นภัยคุกคามชีวิต แต่เขาเกือบล้มเหลวในการทดสอบ…
ภารกิจในชั้นที่ 29 คือการปกป้องคุ้มกันบุคคลผู้หนึ่ง ทันใดนั้นเหตุการณ์ที่ซูฮยอนไม่อยากเจอก็เกิดขึ้น บุคคล ผู้เป็นตัวหลักสำคัญของชั้นที่ 29 กลับตกลงอยู่กลางวงล้อมของมอนสเตอร์ โชคยังดีที่ซูฮยอนกระโจนฝ่าวงล้อมเข้าไป แล้วช่วยอีกฝ่ายได้ทันถ่วงที…
“อย่าดิ้นเข้าใจไหม หนุ่มน้อย”
“ข้าไม่ได้ชื่อหนุ่มน้อย ชื่อของข้าคือควอนซาร์ฮัน..”
“เธอนี้นะ ขึ้นเสียงกับผู้อาวุโสกว่ามันไม่สุภาพ เข้าใจไหม”
ซูฮยอนขยี้ผมหนุ่มน้อยที่ยืนอยู่ข้างๆด้วยความมันเขี้ยว พากันเดินมาได้ไม่นาน พวกเขา 2 คน ก็มาถึงทางเข้าปราสาทที่ตั้งอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้…
ควอนซาร์ฮันจัดผมตัวเองในเรียบร้อย ก่อนเงยหน้าขึ้นไปมอง..
“ก็พี่ชายกล่าวหาข้าเป็น เด็กดิ้น ข้าเลยเผลอตะโกนออกไป จริงสิพี่ชายเข้าไปในปราสาท เพื่อพบท่านพ่อของข้าเถอะ ท่านพ่อเป็นถึงจักรพรรดิแห่งอาณาจักร หากท่านพ่อทราบว่าพี่ชายเป็นคนช่วยข้าไว้ เขาต้องประทานรางวัลใหญ่ให้กับพี่ชายโดยไม่ลังเล”
“เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เธอเรียกฉันว่าพี่ชายงั้นเหรอ..?”
“ใช่ขอรับ…ก็พี่เรียกข้าว่าเด็กน้อย ข้าก็เลยเรียกท่านว่าพี่ชายบ้าง”
ซูฮยอนถอนหายใจออกมา หลังจากเห็นอากัปกิริยาของควอนซาร์ฮัน
เมื่อเทียบกับช่วงแรก ควอนซาร์ฮัน มีความอ่อนน้อมถ่อมตนขึ้นเยอะมาก
การเจอกับระหว่างซูฮยอนและควอนซาร์ฮันเต็มไปด้วยความตึงเครียด สายตาสูงศักดิ์ของควอนซาร์ฮัน มองซูฮยอนอย่างดูหมิ่นเหยียดหยาม ประหนึ่งโชคชะตาธรรมเล่นตลก ทำไมต้องเอาชีวิตมาฝากไว้กับปุถุชนด้วย? หลังผ่านทุกข์ ผ่านสุข มาด้วยกัน ควอนซาร์ฮันจึงเริ่มเปิดใจยอมรับซูฮยอนไปโดยไม่รู้ตัว สุดท้ายสายตาที่เคยสูงศักดิ์ แปรเปลี่ยนไปเป็น พี่ชายแสนดี…
“ฉันขอบคุณความหวังดีของเธอนะ แต่ขอโทษจริงๆ ฉันคงต้องบอกลาเธอตรงนี้”ซูฮยอนคิดในใจ
การทดสอบในชั้น 29 กินเวลาไปมากกว่า 1 เดือน สาเหตุที่กินเวลานานขนาดนี้ เพราะซูฮยอนต้องนำตัวควอนซาร์ฮันไปส่งที่อาณาจักรแสนห่างไกล ตลอดการเดินทางเต็มไปด้วยอุปสรรคกีดขวางจำนวนมาก ในระหว่างการผจญภัยร่วมกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มเชื่อมต่อกัน
ยอมรับว่าซูฮยอนเอ็นดูควอนซาร์ฮันเหมือนน้องชายของตัวเองจริงๆ แต่น่าเสียดายมีพบย่อมมีจาก…
“ฉันมีภาระอย่างอื่นที่ต้องจัดการ ฉันจำเป็นต้องไปจริงๆ คงไปพบท่านพ่อกับเธอไม่ได้แล้ว”ซูฮยอน
“พี่จะไปไหน?”
ควอนซาร์ฮันพูดไม่ทันขาดคำ ร่างกายของซูฮยอนที่ยืนอยู่ด้วยกันข้างๆกลับอันตรธานไป ดวงตาเล็กๆควอนซาร์ฮันเบิกกว้างด้วยความตกใจ หัวเล็กๆของควอนซาร์ฮันสาดส่องบริเวณรอบๆ เพื่อค้นหาร่องลอย…
“พี่ชาย? พี่หายไปไหน? ออกมาพอข้าก่อน”
ควอนซาร์ฮันตะโกนเรียกซูฮยอนหลายครั้งหลายหน ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา ร่างกายเล็กกะทัดรัดเริ่มเดินสำรวจทั่วบริเวณทางเข้าปราสาท จนแล้วจนรอดซูฮยอนก็ไม่ยอมออกมาพบหน้า…
“หนูน้อย จงจารึกเอาไว้ในโสตประสาท หากเธอตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ตะโกนเรียกใช้ฉันได้เสมอ พี่ชายที่หล่อเหลาและน่าเกรงขาม จะเป็นคนออกไปช่วยเธอเอง..”
ซูฮยอนโผล่ขึ้นมากกลางวงล้อมของกองโจรและช่วยเหลือควอนซาร์ฮันจากการโดนลักพาตัว..
นอกจากนี้ซูฮยอนยังโผล่ออกมาสังหารเหล่ามอนสเตอร์ที่พยายามขย้ำควอนซาร์ฮันเพื่อเป็นอาหาร…
ไม่ว่าควอนซาร์ฮันตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายรูปแบบใด ซูฮยอนเป็นคนแรกๆที่ช่วยเหลือเขา
จากปุถุชนที่เกลียดขี้หน้ากลับกลายมาเป็นองครักษ์คู่ใจ แต่ช่างน่าเศร้า บัดนี้เป็นต้นไป องครักษ์ที่ควอนซาร์ฮันยกย่อง จางหายไปกับสายลมชั่วนิรันดร์..
ควอนซาร์ฮันยืนอย่างโดดเดี่ยวทามกลางความเงียบสงบ “ข้ายังเรียก ท่านว่าพี่ชายยังไม่หนําใจ ท่านกลับจากข้าไปเสียแล้ว”
“หนูน้อยไม่ต้องเศร้า เธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉะนั้นจงเข้มแข็งเข้าไว้”
ควอนซาร์ฮันคิดว่าตัวเองหูเพี้ยนไป เสียงซูฮยอนที่โหยหาอยากได้ยินอีกครั้ง กลับลอยมาตามสายลม เขากัดริมฝีปากและพยายามกลั่นน้ำตารื้น
“ขอบคุณจริงๆขอรับ พี่ชาย”
****************
ปัจจุบันอยู่ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน…..
เดือนมิถุนายนช่างเป็นเดือนแห่งความคลุมเครือ มันเลยฤดูไม้ใบผลิไปนานแล้ว จะบอกว่ามันเป็นฤดูร้อนก็ไม่เชิง สภาพอากาศของมิถุนายนแปรปรวนจนไม่รู้ว่าจริงๆมันคือฤดูอะไรกันแน่?
ซูฮยอนนอนซบหมอนอยู่บนเตียง อากาศอบอ้าวและความชื้น ทำให้หนังศีรษะของเขาเปียกชุ่มไปหมด
“ตรวจสอบวันที่หน่อยดีกว่า อืม…วันที่ 12 มิถุนายนแล้วงั้นเหรอ..”
ความพยายามไม่เคยทำลายความฝันของใคร เป้าหมายที่ซูฮยอนวาดฝันไว้ คือการท้าทายชั้นที่ 30 อีกแค่ไม่กี่เขาก้าวก็ไปถึงฝั่งฝัน แต่เขาต้องยับยั้งแผนการที่ว่านั่นไว้ก่อน…
“ชั้น 30 ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ในการเคลียร์มัน ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการ หยุดไว้ชั้นที่ 29 ก่อน”ซูฮยอนคิด
ตั้งแต่ชั้น 27 ขึ้นไป การเคลียร์แต่ละชั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป มันจำเป็นต้องใช้สมองและไหวพริบ โชคร้ายย่อมมีโชคดี ด้วยความยากที่ยกระดับขึ้นทำให้คะแนนสำเร็จเริ่มกลับมาฟู่ฟ่า
แค่ชั้น 29 กว่าจะผ่านบททดสอบซูฮยอนยังใช้เวลาหลายวัน ถ้าเขายังดึงดันไปชั้น 30 ต่อ นอกจากใช้เวลาหลายเดือน ยังทำให้ร่างกายของเขาแบกภาระหนักเกินไป..เว้นแต่ชั้น 30 จะมีจุดเซฟโซน เขาถึงสามารถกลับมาพักฟื้นร่างกายได้ ไม่มีใครกล้าการันตีว่าชั้น 30 มีจุดเซฟโซนหรือไม่ เพราะยิ่งขึ้นไปชั้นสูงๆ โอกาสเจอจุดเซฟโซนแทบริบรี่
“ฉันมีเวลาพักผ่อนย่อนใจได้อีกสักพัก”
ครึ่งปีที่ผ่านมาซูฮยอนหักโหมร่างกายมาโดยตลอด จนหาเวลาพักผ่อนไม่ได้…จะบอกว่าหาเวลาพักผ่อนไม่ได้ ก็ไม่ถูกซะที่เดียว อย่างน้อยเขาก็ยังมีเวลาผ่อนคลายความเหนื่อยล้าร่างกาย แม้ยังมีความเหนื่อยล้าสะสมอยู่ก็ตาม…
จากนี้ไปเป็นช่วงเวลาที่ซูฮยอนต้องหยุดพักร่างกายที่แสนอ่อนล้า ให้กลับมากระปรี้กระเปร่าเหมือนเดิน..
นอกจากการพักผ่อนร่างกาย ที่ขาดไปไม่ได้คือการพักผ่อนสภาพจิตใจ ต่อให้เป็นซูฮยอนเห็นฉากนองเลือดจนชินตา แต่นานวันเข้า จิตใจที่เคยสงบกลับเริ่มมีปฏิกิริยา…
หากปล่อยให้จิตมารเข้าครอบงำ นิสัยซูฮยอนอาจเกิดการเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นการพักผ่อนสภาพจิตใจจึงไม่อาจมองข้ามได้
เหตุผลที่ซูฮยอนต้องเตรียมความพร้อม เพราะอีกไม่นาน เขาต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องยุ่งยาก…
“จริงสิ โทรไปแจ้งข่าวให้หล่อนทราบหน่อยดีกว่า”ซูฮยอนคิด
ซูฮยอนเอื้อมมือหยิบมือถือที่วางทิ้งไว้ ตั้งแต่เข้าไปในหอคอยแห่งการทดสอบ เขาไม่เคยเตะมือถือเลยสักครั้ง…
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
“โย้ว..นี้ฉันเอง ซูฮยอน”
“เห้…นายขาดการติดต่อไปหลายเดือน แถมยังเป็นฝ่ายโทรมาหาผู้อื่นก่อน แต่กลับพูดคำทักทายง่ายๆว่า [โย้ว..นี้ฉันเอง] แค่นี่เองเหรอ”เสียงของจีย็อนแหลมคมเหมือนใบมีด เพราะซูฮยอนไม่ยอมรับสายของเธอมาหลายเดือน ทำให้เธอมีอารมณ์ขุ่นมัวเล็กน้อย..
“ฉันขอโทษที่ไม่ยอมรับสาย พอดีอยู่ในหอคอยแห่งการทดสอบเพลินไปหน่อย ฉันพึ่งเคลียร์ชั้น 29 เสร็จเมื่อกี้เอง”ซูฮยอนพูด
“ระดับ 10?”
“ใช่”
“นายไม่หักโหมร่างกายมากเกินไปหรือไง ฉันล่ะอยากรู้จริงๆว่านายมีเวลาพักผ่อนบ้างหรือป่าว?”
“ฉันเป็นคนนะไม่ใช่หุ่นยนต์ จะให้บุกเคลียร์หอคอยแห่งการทดสอบโดยไม่หยุดพักร่างกาย คงได้สึกหรอกันก่อนพอดี หลังจากเคลียร์ชั้นหอคอยได้ ฉันจะพักผ่อนร่างกายเป็นเวลา 3 วัน รู้ไหมในช่วง 3 วัน ฉันนอนหลับเป็นตาย”
เมื่อสิ้นเสียงของซูฮยอน ปลายสายจีย็อนก็เงียบไป..
เธอคิดว่าตัวเองเป็นคนหัวรั้นไม่ยอมน้อยหน้าใคร เธอมั่นใจว่าความพยายามในการปีนป่ายหอคอยแห่งการทดสอบต้องมากกว่าผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S คนอื่นๆ แต่ความพยายามของซูฮยอนกลับทำลายความมั่นใจ..
ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S แทบทุกคน พยายามอยากหนักในการปีนป่ายชั้นหอคอย แต่ซูฮยอนกับเป็นคนที่จริงจังมาที่สุดในหมู่แรงค์ S ด้วยกัน…
“ช่างเถอะ ทำไมนายถึงโทรมาหาฉัน นายยังไม่ตอบคำถามที่ฉันพิมพ์ไปหาเลย ว่าไง สนใจมาเป็นแรงในฉันไหม?”
“งั้นฉันของบอกเธอตรงนี้เลยก็แล้วกัน ว่าฉันไม่ตกลงเข้าร่วมการโจมตีที่เธอเสมอมา อย่าลืมเป้าหมายที่พวกเราตั้งไว้ การร่วมมือระหว่างเราทั้ง 2 จะเป็นไปได้ ก็ต่อเมื่อมีกิลด์ดัมพ์มาพัวพันเท่านั้น”
“เฮ้อ…หน้าเสียดายจัง ค่าตอบแทนที่ได้จากการโจมตี สามารถทำให้นายกินดีอยู่ดีไปอีกนานเลยนะ”
“ไม่เป็นไร ฉันเคารพในการตัดสินใจของนาย ที่นายโทรมาหาฉัน เป็นเพราะกิลด์ดัมพ์ใช่ไหม?”
“ใช่เธอเข้าใจถูกแล้ว”
“มันอยู่ที่ไหน?”
“ 21 มิถุนายน ลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา”
“อเมริกา? ไอ้พวกบ้านั้นขยายอิทธิพลไปไกลขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เธอเข้าใจผิด กิลด์ดัมพ์ไม่ได้ขยายอิทธิพลในสหรัฐอเมริกา แต่ต้นกำเนิดของพวกมันตั้งอยู่ที่นั่น”
“อะไรนะ? นายรู้ได้ยังไง”
“เมื่อนานมาแล้ว ฉันบังเอิญจับมือสังหารของกิลด์ดัมพ์ได้ ฉันเลยได้ข้อมูลมาจากปากของเขา…”ซูฮยอนอธิบายให้จีย็อนฟังอย่างคลุมเครือ เพราะมือสังหารกิลด์ดัมพ์ไม่ได้บอกเขา แต่ซูฮยอนเอาข้อมูลจากในอดีตมาใช้…
“ช่างเรื่องรายละเอียดยิบย่อยเถอะ เข้าเรื่องหลังของพวกเราดีกว่า ฉันอยากของความเชื่อเหลือจากเธอหน่อย”
“ไม่มีปัญหา เดียวฉันเตรียมคนในกิลด์ให้”
“ไม่ใช่อย่างที่เธอคิด กิลด์ริปเปอร์จะไม่ไปกับฉัน ฉันจะไปคนเดียว”
ถ้อยคำที่ไม่คาดคิดของอีกฝ่าย ทำให้เสียงพูดของจีย็อนลดต่ำลง “นายรู้ตัวหรือป่าว ว่านายกำลังทำผิดข้อตกลงของพวกเรา”
จีย็อนมีความแค้นส่วนตัวกับกิลด์ดัมพ์ ซูฮยอนไม่ทราบเช่นกันว่าเธอแค้นอะไรต่อพวกมัน
แต่เขาเชื่อว่า ความแค้นที่เธอมีให้กิลด์ดัมพ์เป็นของจริงไม่ใช่ของปลอม ทันทีที่เอ่ยกิลด์ดัมพ์ออกมาน้ำเสียงเธอกลับแปรเปลี่ยนไป
ซูฮยอนรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่เย็นชาจากปลายสาย ถ้าเธอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนของกิลด์ดัมพ์ เธอคงวิ่งเข้าโจมตีอีกฝ่าย จนกว่ามันผู้นั้นจะกลายเป็นบ่อโลหิต…
แม้ซูฮยอนรู้อยู่แก่ใจว่าเธอมีความแค้นต่อกิลด์ดัมพ์ แต่เขายังยืนกร่างไปคนเดียว..
“เธออย่าพึ่งอารมณ์เสีย ฉันยังเหลือข้อมูลที่เธอควรรู้อีกส่วนหนึ่ง”
“ว่ามา”น้ำเสียงของเธอ บ่งบอกว่าไม่อยากได้ยินคำพูดไร้ประโยชน์อีกต่อไป…
“วันที่ 21 มิถุนายน นอกจากปัญหากิลด์ดัมพ์ ในสหรัฐอเมริกาจะมีเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น”
“เหตุการณ์อะไร?”
“เธอคงได้ยินข่าวมาแล้วใช่ไหม ว่าดันเจี้ยนระดับสีเขียว ปรากฏขึ้นที่สหรัฐอเมริกา?”
“ใช่ฉันรู้แล้ว ผู้เชียวชาญหลายคนให้ข้อสรุปในทิศทางเดียวกัน ดันเจี้ยนระดับสีเขียวในสหรัฐอเมริกา เป็นดันเจี้ยนระดับสีเขียวที่ยากมากที่สุด ทำให้ทางการสหรัฐอเมริกาต้องเกณฑ์ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ถึง 2 คน”
“ฉันกะว่าจะไปที่นั่นเหมือนกัน เธออยากไปด้วยหรือป่าว แต่ต้องเก็บเป็นความลับนะ”
“ฉันเหรอ? ทำไมกัน?”
“ฉันจะไม่อธิบายซ้ำซาก ฉะนั้นตั้งใจฟังในดีๆ วันนี้กิลด์ดัมพ์วางแผนจะ…”
ซูฮยอนเริ่มต้นอธิบายในอีกฝ่ายฟังอย่างชัดถ้อยชัดคำ….
เมื่อจีย็อนฟังจบ ฟันของเธอขบกันจนดังออกมาจากมือถือ
“ไอ้พวกบ้านั้น…วางแผนจะทำอย่างงั้นจริงๆเหรอ นายมั่นใจมากแค่ไหน?”
“ฉันมั่นใจ 9 ใน 10 เรื่องที่เล่าไปจะเกิดขึ้นจริงๆ”
จริงๆต้องพูดว่า 10 ใน 10 ถึงจะถูกต้อง เหตุผลที่ซูฮยอนลดระดับลงไปเหลือ 9 เพราะเขาไม่อาจทราบ ว่าอนาคตมีการเปลี่ยนแปลงหรือป่าว หากไม่มีการเปลี่ยนแปลง เรื่องราวคงดำเนินไปตามเส้นขนานปกติ…
ต่อในอนาคตเกิดการเปลี่ยนแปลง ซูฮยอนยังเชื่อมั่นว่ากิลด์ดัมพ์ ต้องเดินหน้าแผนการชั่วร้ายนั่นต่อไปอยู่ดี..
“งั้นเหรอ…เข้าใจแล้ว นอกจากกิลด์ดัมพ์และดันเจี้ยนที่กำลังเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา นายถึงกับไปด้วยตัวเอง มีเป้าหมายอะไรอย่างอีกแบบแฝงหรือป่าว?”
“ไม่เชิงมีเป้าหมายอื่นหรอก ฉันต่อสู้กับชาวเอเชียด้วยกันจนเบื่อ เลยอยากเปลี่ยนคู่ต่อสู้เป็นฝรั่งมังค่ามั้ง จะได้เปลี่ยนบรรยากาศ”ซูฮยอนพูดพร้อมยิ้มมุมปาก
“พูดง่ายๆ อย่างลองของใหม่ ว่างั้นเถอะ”จีย็อนตอบกลับ
“เธอรู้ไหม ข้อมูลที่ฉันเล่าให้ฟัง นอกจากฉันไม่เคยมีผู้อื่นรู้มาก่อน มันเป็นข้อมูลที่โคตรสำคัญ ฉะนั้นเธอจึงเก็บข้อมูลเอาไว้คิดวิเคราะห์ภายหลังได้”
“อืม…”
ซูฮยอนพูดถูก…ข้อมูลของเขาเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน ถ้าคำพูดของเขาเป็นความจริง มันเป็นเรื่องที่ไม่อาจปล่อยปละละเลย…เธอต้องใช้หน่วยข่าวกรองในกิลด์ เพื่อตรวจหาความจริง
แต่สำหรับเธอ คำพูดของซูฮยอนเป็นคำพูดที่ฟังดูน่าเชื่อถือ ต่อให้วันนั้นกิลด์ดัมพ์ไม่โผล่หัวออกมา
อย่างน้อยที่สุดหลักจากดันเจี้ยนระดับสีเขียวในสหรัฐอเมริกาถูกกำกัดออกไป เผลอๆอาจได้ของรางวัลตอบแทนมาอีก เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกถึง 2 ตัว..
“จีย็อน เธอรู้จักกิลด์ในสหรัฐอเมริกาบ้างไหม ฉันไม่รู้จักผู้ตื่นขึ้นในสหรัฐอเมริกาเลยสักคน ทำให้ติดต่อไปหาพวกเขาไม่ได้”
“ทำไมนาย ถึงไม่ลองไปสอบถามผู้อำนวยการดูหล่ะ?”
“ฉันเคยมีความคิดไปถามผู้อำนวยการเหมือนกัน แต่คิดไปคิดมา กิลด์ริปเปอร์น่าจะมีสายสัมพันธ์กับกิลด์ฝั่งสหรัฐอเมริกามากว่า ผู้อำนวยการมีอำนาจอยู่ในประเทศเกาหลีเท่านั้น อำนาจของเขาใช้กับสหรัฐอเมริกาไม่ได้”
“เข้าใจแล้ว ฉันจะพยายามเป็นสะพานให้นายก็ได้”
“โอ้ ฉันได้ยินมาว่ากิลด์เธอมีเครื่องบินส่วนตัว ขอยืนหน่อยได้หรือป่าว ฉันไม่อยากไปที่ๆผู้คนพลุกพล่าน เช่น สนามบิน”
จีย็อน : ಠ_ಠ