การกลับมาของฮีโร่ – ตอนที่ 110

ตอนที่ 110

ตอนที่ 110

“อ๊ววว พวกมันน่าขยะแขยงเป็นบ้า” ซูฮยอนพึมพํา

ซูฮยอนก้มหน้ามองตามพื้นและผนัง ทั่วทุกที่มีดวงตากลมโตโผล่ออกมา เขาไม่รู้ว่าดวงตาเหล่านั้นโผล่ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆพวกมันจ้องมองมายังเขา บ้างทีสาเหตุที่อูโรโบรอสหยุดการเคลื่อนไหวกะทันหัน อาจเป็นเพราะอูโรโบรอสสัมผัสกลิ่นอายของซูฮยอนได้จากภายใน

“หรือว่าเจ้าสัตว์อสูรจะมีความสามารถตรวจจับสิ่งผิดปกติทั้งภายนอกและภายใน??

ซูฮยอนได้ทําพลาดครั้งใหญ่ไปซะแล้ว

“เฮ้อ ไม่ยักกะรู้ว่าเจ้าสัตว์อสูรมีความสามารถตรวจตัวสอบภายในร่างกายได้ด้วย เป็นความสะเพร่าของตัวเองแท้ๆ”

ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเขาหาข้อมูลของสัตว์อสูรไม่มากพอ ถึงจะทราบเรื่องภายหลังเขาก็หันหลังกลับไปไม่ได้แล้ว การเอาชนะสัตว์อสูรมีแค่วิธีนี้เท่านั้น

แผนที่ซูฮยอนวางไว้คือโจมตีอูโรโบรอส สร้างบาดแผลทั้งภายนอกและภายใน เหตุผลที่เขาต้องลงมือทําทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว เพราะการทดสอบในชั้นที่ 30 ครั้งนี้ เขาหัวเดียวกระเทียมลีบ ไม่มีลูกมือคอยช่วย

ในเมื่อทําพลาดไปแล้ว ก็ช่างมันเถอะ

ฟ้อ!!

ซูฮยอนละความคิดไร้แก่นสารทิ้งไป แล้วยกความสนใจทั้งหมดหันหน้าไปมองงูที่กําลังส่งเสียงขู่

ฟอ!! ฟอ!!

งูไม่ได้อยู่เป็นกระหย่อม ทุกซอกทุกมุมที่สายตาซูฮยอนมองเห็น มีกระจายตัวอยู่เต็มไปหมด

“เจ้างูพวกนี้อาศัยอยู่ในร่างกายมานานหรือว่าแท้จริงแล้วพวกมันเป็นลูกของอูโรโบรอส?”

ซูฮยอนเรียกพวกมันว่าเจ้าตัวเล็ก งูแต่ละตัวมีขนาดพอๆกับอนาคอนดา เนื่องจากตามพื้นมีงูเลื้อยยั้วเยี้ยเต็มไปหมด ภาพที่ปรากฏออกมาจึงเหมือนหนอนกําลังชอนไช

แม้ขนาดตัวของพวกมันจะใหญ่พอๆกับอนาคอนดา แต่ซูฮยอนคิดว่าเมื่อเทียบกับอูโรโบรอส ขนาดตัวของพวกมันเล็กกว่าหลายเท่า

“ดูเหมือนว่างูพวกนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของระบบป้องกัน”

เช่นเดียวกับระบบกันภูมิคุ้มของมนุษย์ ที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อต่อต้านไวรัส และงูเหล่านั้นมีการทํางานที่คล้ายคลึงกัน เพื่อเป็นหลักประกันให้อูโรโบรอสปลอดภัยทั้งภายนอกและภายใน

พิษสีดําและงูตัวเล็กๆที่แฝงอยู่ในลําตัวขนาดใหญ่ มีไว้เพื่อสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งคอยทําหน้าที่กําจัดสิ่งแปลกปลอมอย่างซูฮยอน

ซูฮยอนชักดาบออกมาจากฝักอีกครั้ง หลังจากเก็บเข้าฝักไว้ช่วงก่อนหน้า ตรงหน้าเขาสามารถมองเห็นงูตัวเล็กตัวน้อยมากกว่าหนึ่งพันตัว เขาเชื่อว่าหากเดินลึกเข้าไป ข้างในต้องมีไม่น้อยกว่าหมื่นตัวอย่างแน่นอน

“ฉันต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้

พรึบ!!

ซูฮยอนถีบตัวพุ่งผ่านงูจํานวนมาก ระหว่างทางงูไม่ปล่อยให้เหยื่อคลาดสายตา พวกมันพุ่งเข้าใส่ซูฮยอนพร้อมแยกเขี้ยวสีดํา

ฉัวะ! ฉัวะ!!

เขาตวัดดาบฟันงูที่กระโจนเข้าประชิดตัว งูตัวขาดเป็น 2 ท่อน บาดแผลฉกรรจ์แต่กลับไม่มีเลือดกระเซ็น ที่เป็นเช่นนี้เพราะตัวงูสร้างขึ้นมาจากกายเนื้อล้วนๆ ทําให้ไม่มีเลือดหล่อเลี้ยง แม้กระทั่งเครื่องในก็ไม่มีให้เห็น

เพราะฉะนั้นพวกมันจึงไม่กลัวความตาย ตามพื้นมีชากงูหลายตัวชักกระตุกยั้วเยี้ย แต่พวกมันก็ถาโถมเข้าใส่ซูฮยอนโดยไม่มีความลังเล

ฉัวะ!!

ดาบของซูฮยอนกวัดแกว่งอย่างต่อเนื่องไม่มีพัก ทันใดนั้นเองเส้นทางที่ถูกเคลียร์จนโล่ง ก็มีงูแทรกออกมาจากพื้น ดูเหมือนว่าพวกมันจะสามารถโผล่ไปไหนก็ได้ตามใจปรารถนา

ฟอ!!

คมเขี้ยวของงูพุ่งทะลวงมาจากหลังคอซูฮยอน

เขารีบใช้สกิล [ร่างแยกเงา]

ฉีก!!

ซูฮยอนแกว่งดาบฟันตัวงูขาดครึ่ง เขาต้องควบคุมจิตใจไม่ให้วอกแวกและหันมาใส่ใจสภาพแวดล้อมรอบตัว เนื่องจากงูแทรกซึมมาจากทุกทิศทุกทาง พวกมันไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนัก แต่พวกมันมีจํานวนเยอะเกินไป

“ฉันชักช้าไม่ได้อีกแล้ว

ยังเหลือหนทางอีกยาวไกลที่ซูฮยอนต้องฝ่าฟัน จากนี้เป็นต้นไปจะเป็นการต่อสู้เชิงกายภาพ

“ฉันต้องตามหาหัวใจของมันให้เจอ”

เขาจําเป็นต้องถนอมพลังเวทย์เอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทําได้ ไม่รู้ว่าภายในร่างกายใหญ่โต หัวใจหลักของอูโรโบรอสหลบซ่อนอยู่จุดไหน เนื่องจากเขาไม่รู้ตําแหน่งที่แน่นอนและไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน การสงวนพลังเวทย์เอาไว้ใช้ยามจําเป็นจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

วุป!!

ซูฮยอนยื่นมือเข้าไปที่มิติย่อย ควานหาหอกปราบมังกรที่รังสรรค์มาจากฝีมือคิมแดโฮ

หอกปราบมังกรเหลืออยู่ในการครอบครองของเขาไม่มากนัก ถ้าไม่จําเป็นจริงๆเขาก็ไม่อยากหยิบมันขึ้นมาใช้ แต่อาวุธที่มีประสิทธิภาพสามารถจัดการศัตรูหลายตัวได้พร้อมกันจนเหี้ยนคงหนีไม่พ้นหอกปราบมังกร

“ถ้าเรื่องนี้ไปถึงหูคิมแดโฮล่ะก็ ฉันโดนด่าตะเพิดแน่ๆ”

คิมแดโฮพูดกรอกหูให้ฟังทุกครั้งเกี่ยวกับการเก็บรักษาหอกปราบมังกรให้ดีๆ แต่ซูฮยอนกลับหยิบออกมาใช้อย่างสิ้นเปลือง เพราะตัวเลือกของเขามีไม่มาก เพื่อเป้าหมายและความสําเร็จ หอกปราบมังกรจึงกลายเป็นอาวุธคู่ใจชั่วคราว

ซูฮยอนจับหอกในมือแน่น ศัตรูตรงหน้ามีหลายตัวทําให้เขาไม่ต้องเสียเวลาเล็งเป้าหมาย

เพราะศัตรูตรงหน้าเป็นเป้าหมายที่ควรถูกกําจัด ซูฮยอนงอตัวไปด้านหลังเล็กน้อยเหมือนกัน ธนูและเหวี่ยงหอกสุดวงแขน

หรือ!!

เมื่อเทน้ําร้อนลงไปในกาน้ําชา กลิ่นหอมอ่อนๆของใบชาลอยอบอวลไปทั่วห้อง นักเวทย์แห่งความมืดจํานวนหนึ่งยืนเรียงหน้ากระดานอยู่หลังแร้ง

มัลคอล์มมองชายชราตรงหน้าที่ได้รับการปรนนิบัติจากนักเวทย์แห่งความมืดหลายคนด้วยสายตางุ่นง่าน

“เจ้าเปลี่ยนไปมาก” มัลคอล์มกล่าว

“ไม่หรอก เจ้าเปลี่ยนไปมากกว่าข้าเสียอีก”

สิ้นเสียงคําพูดแร้ง มัลคอล์มจ้องมองไปยังนักเวทย์แห่งความมืดที่ยืนอยู่ด้านหลังของแร้ง

นักเวทย์แห่งความมืดที่มักแสดงสีหน้าบูดบึงใส่มัลคอล์ม เมื่อสบตากับมัลคอล์ม พวกเขารีบก้มหน้าลงพยายามหลีกเลี่ยงสายตา พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าแร้ง เจ้านายที่พวกเขาเคารพนับถือ คอยเป็นมือเป็นเท้าให้รู้จักกับมัลคอล์มเป็นการส่วนตัวด้วย

“เอาล่ะ อธิบายมาได้แล้ว”มัลคอล์มกล่าว

“เจ้าฉลาดหลักแหลม ข้ายังต้องอธิบายอีกเหรอ?”

“ฝีมือเจ้างั้นรึ?”มัลคอล์มถามพลางวางถ้วนชาลง

“ผู้ปรารถนามีอํานาจเบ็ดเสร็จเหนืออูโรโบรอสมีแค่เจ้า”

“ ข้ารู้สึกทุกขารมณ์ทุกครา เมื่อต้องออกหน้ายืมมือของเจ้าในการควบคุมสัตว์ตนนั้น”

“ถ้าเจ้ายังสํานึกว่าข้าคือเพื่อนของเจ้า…”

“ข้าพูดด้วยความสัตย์จริง เจ้าถือเป็นเพื่อนคนสําคัญของข้า ไม่มีความหมายแฝงอื่น”

มัลคอล์มเพ่งมองใบหน้าของแร้งพลางยกถ้วยชาขึ้นจิบ อีกฝ่ายเป็นเพื่อนของเขาจริงๆ แต่ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา พวกเขาจึงคุยกันซึ่งๆหน้าเป็นครั้งแรก สําหรับเขา ในใจมีแต่ความผิดหวังมากกว่าความยินดี

“นานมาแล้ว เจ้าบอกว่าเวทย์แห่งความมืดคือศาสตร์ขั้นสูงกว่าเวทย์ทั่วไป” มัลคอล์มหลับตากล่าว ภายในหัวหวนนึกถึงคําพูดของแร้งที่เคยพูดเมื่อนานมาแล้ว

“เจ้ายังคิดอย่างงั้นอยู่อีกไหม”

“ข้ารู้สึกเสียใจจริงๆ”แร้งวางถ้วยชาลงและผลักให้ห่างออกจากตัว ราวกับว่าเขาไม่ต้องการยกมันขึ้นมาดื่มอีก

“ตามจริงพวกเรา 2 คนควรเป็นเพื่อนยากของกันและกัน”

“เจ้าไม่ใช่เพื่อนของข้าอีกต่อไป” ความหมายที่แท้จริงของคําพูดแร้ง คงมีความหมายประมาณนี้ ซึ่งมัลคอล์มไม่ใส่ใจเรื่องนั้นอยู่แล้ว เนื่องจากเขาไม่เคยมองแร้งเป็นเพื่อนเลยสักครั้งและคําพูดของอีกฝ่ายเหมือนจะไม่เห็นมัลคอล์มเป็นเพื่อนด้วยเช่นกัน

แร้งเลิกสนใจเวทย์แขนงสามัญ และหันหน้าศึกษาเวทย์แห่งความมืดเต็มตัว เพราะเขาเชื่อว่าศาสตร์มืดเป็นสิ่งเลิศล้ํามากที่สุด ซึ่งเขาแตกต่างจากมัลคอล์ม หลังจากมัลคอล์มค้นพบความจริงเกี่ยวกับเวทย์แห่งความมืด เขาเลือกหันหลังให้มันโดยไม่รีรอ

“บอกมา เจ้ามาทําอะไรที่นี่”มัลคอล์มพูด

“มัลคอล์ม มีวิธีไหนบ้างที่จะทําให้ความสัมพันธ์ของพวกเราสามารถย้อนกลับไปยังจุดที่พวกเราเคยเป็น”

“เคยเป็น?”

“ถูกต้อง เจ้าไม่คิดถึงความรู้สึกเก่าๆมั่งรึ พวกเราศึกษาค้นคว้าและทําความเข้าใจร่วมกัน เดินไปในเส้นทางเดียวกัน”

“ข้าเคยพูดไปแล้ว ว่าตัวข้าไม่ใช่นักเวทย์แห่งความมืดอีกต่อไป ข้าเป็นเพียงชายชราแก่หงําเหงือกธรรมดาคนหนึ่ง” มัลคอล์มพูดพร้อมส่ายหน้า ราวกับจะสื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างของพวกเรามันจบลงไปนานแล้ว

ใบหน้าของแร้งบูดเบี้ยวชั่วพริบตา ไม่นานเขาก็แสดงใบหน้ายิ้มแย้มออกมา “ข้าเข้าใจการตัดสินใจของเจ้ามีอภิสิทธิ์เป็นของตัวเอง”

“ข้าจะไม่ฝืนใจบังคับเจ้าให้กลับมาเรียนเวทย์แห่งความมืด สิ่งที่ข้าต้องการคือสิ่งนี้”แร้งเอื้อมมือไปด้านหลังแล้วหยิบหนังสือส่งให้มัลคอล์ม

“การประกอบพิธีคิเมียร่า?”

พิธีคิเมียร่าเป็นเวทย์แขนงหนึ่งของเวทย์แห่งความมืด หนังสือเล่มนี้อธิบายถึงวิธีการนํามนุษย์ มอนสเตอร์ สัตว์อสูร มาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน

“เจ้าเอามาให้ข้าดูทําไม บอกไว้ก่อนว่าข้าไม่มีความรู้เกี่ยวกับคิเมียร่า”

“ไม่จริง เจ้ารู้บางอย่างเกี่ยวกับมัน อย่ามาโกหกข้า”แร้งพูดราวกลับว่ารู้ทุกอย่าง เขาสายหน้า และหยิบหนังสือขึ้นมา

“ยิ่งไปกว่านั้นในหมู่พวกเรา เจ้ามีความรู้เกี่ยวกับอูโรโบรอสมากที่สุด”

เมื่อคําพูดของแร้งจบลง ดวงตามัลคอล์มเบิกกว้าง ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงเสียงคํารามของอูโรโบรอส ใบหน้าเริ่มซีดเผือก

“อย่าบอกนะว่า… เจ้า?”

“จะเกิดอะไรขึ้นหากมนุษย์มีพลังเทียบเท่าอูโรโบรอส?”แร้งพูดพร้อมแสะยิ้ม

“เจ้าไม่คิดว่ามันเป็นการก้าวข้ามขีดจํากัดของมนุษย์มั่งรึ?”

ตูม!! ตูม! ตูม!!

ฉีก!!

ซูฮยอนเหวี่ยงหอกปราบมังกรออกไปอีกครั้ง อานุภาพของมันกวาดล้างงูที่ขวางอยู่ตรงหน้าจนเหี้ยน เมื่อหอกลอยออกไปจากมือ เขาหยิบดาบขึ้นมาและวิ่งตือไปยังเส้นทางที่ถูกหอกเคลียร์จนโล่ง

“ฉันเหลือหอกสํารองอีกแค่ 3 เล่มเท่านั้น”

เดิมที่เขามีหอกพกติดตัวไปทั้งหมด 7 เล่ม ช่วงที่ผ่านมาเขาใช้ไปแล้วประมาณ 4 เล่ม

เขาคาดคะเนไว้หอกที่เหลืออาจถูกใช้จนหมดภายในวันนี้ก็ได้ ทําให้จิตใจของซูฮยอนรู้สึกปวดร้าวเล็กน้อย

เพราะวัสดุหลักในการสร้างหอกปราบมังกรคือหินอีเธอร์ หอก 1 เล่มใช้หินอีเธอร์จํานวนมาก นอกจากนี้กว่าจะสร้างได้แต่ละเล่มยังกินเวลาอีกหลายวัน

“ฉันควรเก็บหอกที่เหลือเอาไว้ก่อน

หอกปราบมังกรเป็นอาวุธที่สามารถผลาญชีวิตของงูได้ง่ายๆและยังใช้แรงเพียงเล็กน้อย ในตอนนี้ร่างกายของซูฮยอนยังคงมีกําลังวังชาเหลืออยู่ ต่อจากนี้ไปเขาวางแผนว่าจะพึ่งพาดาบให้มากขึ้น

ตึก!! ตึก!!

เสียงเต้นเป็นจังหวะดังออกมาอย่างแผ่วเบาจากระยะไกลๆ ฟังจากเสียงมันเป็นเสียงเต้นของหัวใจไม่ผิดแน่

“ในที่สุด”

แม้หูของซูฮยอนจะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจ แต่เขารู้ดีว่าหัวใจไม่ได้อยู่ใกล้ๆละแวกนี้ หลอดเลือดที่ซูฮยอนกําลังย่างก้าวไปเรื่อยๆมีลมพัดออกมาเป็นระยะๆ และตลอดเส้นทางยังมีทางปลีกย่อยเต็มไปหมด

กระนั้นหัวใจกลับอยู่ใกล้กว่าที่เขาเคยคิดไว้ ซูฮยอนเอาหูแนบผนังและพยายามหาแหล่งกําเนิดเสียง เสียงที่ดังแทรกซึมออกมาจากผนังหลอดอาหาร ดังก้องเป็นจังหวะหากซูฮยอนอยากไปถึงห้องหัวใจเร็วๆ เขาต้องทะลวงทางตรงและเดินตามเสียงไป

“อืม…ไม่น่ายากนะ”

ซูฮยอนไม่รู้ว่าผนังหลอดอาหารมีความหนามากแค่ไหน ทว่าภายในตัวมีแต่เนื้อเปราะบางไม่มีเกล็ดแข็งๆคอยรับการกระแทก เขาจึงคิดว่าการทะลวงผ่านมันไปคงไม่ยากอะไร

“ฉันควรหาโอกาสขอบคุณคิมแดโฮภายหลังซะแล้วสิ

ซอยอนหยิบหินก้อนเล็กๆออกมาจากกลางหน้าอกชุดเกราะ สิ่งที่หยิบออกมาเป็นอุปกรณ์ขยายพลังเวทย์ เขาคลําหาจุดบนผนังสักพักก่อนวางก้อนหินเป็นรูปวงกลม

ฟอ!!

แน่นอนว่าฝูงงูไม่ยอมรออยู่เฉยๆให้เหยื่อทําตามอําเภอใจ พวกมันกระโจนเข้าหาซูฮยอนอีกหน ปากอ้ากว้างเผยเขี้ยวแหลมคม

ซูฮยอนคิดไว้อยู่แล้วว่าต้องเจอสถานการณ์แบบไหน เขากระชับดาบในมือแล้วสะบัดดาบ

ฉัวะ!!

ตูม!

เปลวเพลิงลุกโชนหมุนวนบนใบดาบของซูฮยอน กําแพงเปลวเพลิงผุดขึ้นมาจากดินป้องกันตัวซูฮยอนรอบทิศ งูตัวใดก็ตามที่กระโจนหวังโจมตี ยังไม่ทันเข้าประชิดตัว ทั้งเนื้อทั้งตัวกลับโดนกําแพงเปลวเพลิงแผดเผา ลําตัวดําหงิกงอ

ยังไม่หมดเปลวเพลิงไม่ยอมมอบดับ มันยังทําหน้าที่ห่อหุ้มซูฮยอนเอาไว้เหมือนลูกโลกและแผ่คลื่นความร้อนออกมาอย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าจะคงรูปกําแพงเปลวเพลิงได้ไม่นาน แต่มันก็เพียงต่อการถ่วงเวลา

“เสร็จแล้ว”

ซูฮยอนผสมผสานพลังเวทย์ของตัวเองลงไปในอุปกรณ์ขยายพลังเวทย์ ที่ถูกจัดวางเป็นรูปทรงกลมบนผนัง

วุป!! วุป!!

ก้อนหินที่จัดเรียงไว้ส่องสว่างแสงพิสุทธิ์ออกมา ซูฮยอนรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าพลังงานยังไม่เพียงพอ เขาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดและเน้นสมาธิทั้งหมดไปกับการโคจรพลังเวทย์

“อดทนไว้ อีกแค่นิดเดียว”

ฟ่อ!!!

งูกลุ่มหนึ่งเจาะผ่านกําแพงเปลวเพลิงมาได้และพุ่งเข้าหาซูฮยอน คมเขี้ยวแหลมแทงทะลุชุดเกราะคมเขียวฝังลงบนหัวไหล่ของเขา

ทันทีที่พิษสีดําซึมผ่านชั้นผิวหนังของซูฮยอน เกราะศักดิ์สิทธิ์ฟอลคอนเริ่มขับพิษออกจากร่างกายอัตโนมัติ

ซูฮยอนเมินเฉยต่อความเจ็บปวดบนหัวไหล่ สมาธิจดจ่อไปกับการปล่อยพลังเวทย์

“เอาล่ะ!”

หลังจากซูฮยอนประคับประคองพลังเวทย์แล้วถ่ายเทเข้าไปในก้อนหิน ในที่สุดพลังงานก็เติมเต็มเสียที

หมับ!!

ซูฮยอนดึงออกมาจากหัวไหล่แล้วโยนมันออกไปไกลๆ ก่อนซอยเท้าวิ่งหนีถอยห่างจากจุดเดิม

ตูม!! ตูม!!

คลื่นพลังเวทย์อันเข้มข้นแพร่กระจายออกมาจากก้อนหิน ไม่นานเสียงระเบิดก็ดังขึ้น พื้นที่โดยรอบสั่นสะเทือนอย่างหนัก แรงระเบิดทําให้ผนังหลอดอาหารของอูโรโบรอสฉีกกระชากออกจากกัน

การระเบิดทําให้ผนังแปรสภาพเป็นรูกลวงโบ๋ พื้นที่แห่งใหม่ดูกว้างขวางกว่าเดิม ไม่มีวี่แววหรือร่องลอยของหัวใจอยู่ในโดมแห่งนี้ แต่เสียงเต้นของหัวใจได้ยินเด่นชัดขึ้น

ฟอ!!!

กลางพื้นที่กว้างขวางแทนที่จะเป็นหัวใจ กลับกลายเป็นว่ามีฝูงงูจํานวนมากคลานรอการมาเยือนซูฮยอนอยู่

“เฮ้อ ไม่จบไม่สิ้นจริงๆ”

ตึก!! ตึก!!

หัวใจอยู่ที่นี่ไม่ผิดแน่ แค่มองไม่เห็นเท่านั้น

“ฉันมั่นใจว่ามันต้องอยู่ที่นี่

ซูฮยอนเพ่งสายตามองสํารวจสภาพแวดล้อมอย่างรอบคอบ ท่ามกลางฝูงงูหลายร้อยตัว มีอยู่หนึ่งจุดที่มีฝูงงูพิษรวมตัวโดยเฉพาะ และภายในกลุ่มงูพิษมีช่องไฟเว้นไว้เห็นสะดุดตา ซึ่งซูฮยอนมองเห็นว่าข้างในมีวัตถุทรงกลมปริศนา รูปทรงคล้ายๆแตงโมวางอยู่ในช่องไฟนั้น

“ใช่หรือป่าวนะ??

ดวงตาของซูฮยอนเปล่งประกายวาวโรจน์ หากเดาไม่ผิดสิ่งนั้นต้องเป็นแกนกลางพลังงานที่ทําหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของสัตว์อสูรตัวนี้เป็นแน่

ทันทีที่ซูฮยอนค้นพบสิ่งต้องสงสัย เขาอัดพลังเวทย์อันแข็งแกร่งลงไปที่ขาและตัดสินใจใช้สกิลกระโดดออกมาฉับพลัน

การกลับมาของฮีโร่

การกลับมาของฮีโร่

คิมซองอิน ฮีโร่ ที่แข็งแกร่งที่สุดของมวลมนุษยชาติ

เขาเดิมพันด้วยพลังทั้งหมดของเขา ในการต่อสู้กับเหล่ามอนสเตอร์ที่กำลังรุกรานโลก

ทว่า…ความตั้งใจของเขาก็ไม่สำเร็จ โลกมนุย์ถูกทำลาย

แต่ตำนานยังไม่ตาย เมื่อเขาได้มีโอกาสย้อนกลับไปในอดีต เมื่อ 20 ปีที่แล้ว

การเดินทางครั้งใหม่ของเขาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท