การกลับมาของฮีโร่ – ตอนที่ 114

ตอนที่ 114

ตอนที่ 114

อัตราความสําเร็จ 100 เปอร์เซ็นต์

กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ซูฮยอนต้องพิชิตอุโรโบรอสปลิดชีวิตแร้งและนักเวทย์แห่งความมืดกลุ่มหนึ่ง ท้ายสุดซูฮยอนก็บรรลุเป้าหมายสูงสุดเสียที

ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด แร้งถึงถูกนับให้เป็นภัยคุกคามอีกหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่เหลือ ทั้งๆที่การสังหารอูโรโบรอสเพียงอย่างเดียวก็ได้รับอัตราความสําเร็จถึง 99 เปอร์เซ็นต์แล้วแท้ๆ

แต่ช่างเถอะคิดมากไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ตอนนี้ซูฮยอนควรจัดงานเฉลิมฉลองมากกว่าในที่สุด การทดสอบชั้นที่ 30 ก็จบลงอย่างสมบูรณ์

“เจ้ายืนไหวแน่นะ?”มัลคอล์มถามขณะเข้าไปประคองร่างซูฮยอน

ชายชราแอบชําเลืองมองซากศพมอนสเตอร์ขนาดมหึมาหลายครั้งเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันพิ ศวงเกินไปสําหรับเขา

“ผมรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยเองครับ ผู้อาวุโสไม่ต้องกังวล”

“ดีแล้วที่เจ้าไม่เป็นอะไรมาก แต่เจ้าสิ่งนั้น…”

“มันคือพลังที่ผมได้รับมาหลังจากสังหารอูโรโบรอส”

“เรื่องจริงรี สังหารมันได้โดยที่เจ้าไม่เป็นอะไรเลยเนี่ยนะ?”

มัลคอล์มผู้มีความรู้และเชี่ยวชาญเรื่องเกี่ยวกับอูโรโบรอสมากที่สุดตั้งคําถาม

ตามจริงซูฮยอนต้องเผชิญหน้ากับความยากลําบากหลายอย่างระหว่างช่วงชิงพลังของอูโรโบรอส โชคดีที่เขาสามารถดูดซับพลังเวทย์ของมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ได้ผ่านสกิลจําแลงแต่การใช้คุณลักษณะติดขัดบ้างเล็กน้อย เพราะเขายังไม่ชินกับมัน

แต่ผลสรุปสุดท้าย การครอบครองพลังอันยิ่งใหญ่ มักแลกมาด้วยค่าตอบแทนมหาศาลเสมอ

“เรื่องขี้ปะติ้วนะครับ ผมจัดการมันได้สบายๆ ” ซูฮยอนตอบด้วยท่าทางมั่นใจ

การต่อสู้ไม่ได้ยากลําบากมาก

<<ในชีวิตก่อน ฉันเคยถือครองพลังที่ยิ่งใหญ่มากกว่านี้หลายสิบเท่า>>

ซูฮยอนเคยเป็นถึงอดีตบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุด พลังที่เขาครอบครองในอดีตมีอานุภาพรุนแรง ไม่รู้กี่เท่า ไม่เพียงแค่นั้น เขายังควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์ตามใจปรารถนา

พลังที่พึ่งได้รับมาใหม่ แม้พวกมันจะต่อต้านไม่ยอมให้ซูฮยอนควบคุมโดยดี แต่เขาไม่นึกกังวลหรือคิดว่าพวกมันเป็นปัญหา กลับกันเขารู้สึกตื่นเต้นเสียมากกว่า ถึงขั้นหัวใจดวงน้อยๆกระโดดโลดเต้นไปมา เพราะสมรรถนะโดยรวมของเขาก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว

มัลคอล์มรู้สึกยกภูเขาออกจากอก เขาพยักหน้าแล้วกล่าวเสริม “โชคดีที่เจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง ข้าค่อยโล่งใจหน่อย”

หลังจากช่วยพยุงซูฮยอนในยืนขึ้นอย่างมั่นคงชายชราพลันสูญเสียเรี่ยวแรงของตัวเองไป

เขาล้มนั่งลงไปกับพื้น สายตาจ้องมองซากศพอูโรโบรอสและเอ่ยคําพูด

“ขอบคุณเจ้ามาก”

“เรื่องเล็กน้อยครับ ผู้อาวุโสไม่ต้องขอบคุณผมหรอก”

“เจ้ายังกล้าพูดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยอีกรึ? เจ้าประสบความสําเร็จอย่างล้นหลามต่างหาก”

เป็นไปไม่ได้เลยที่อูโรโบรอส สัตว์อสูรทรงพลังจะสิ้นลมหายใจ ใครจะไปคิดว่าบาปกรรมที่มัลคอล์ม “สร้างขึ้น” มาเนิ่นนานจะถูกชําระภายในวันนี้

“ข้าขอบคุณเจ้าจากก้นบึงหัวใจ ข้าไม่รู้จริงๆว่าควรตอบแทนเจ้าเยี่ยงไรดี”

“ผู้อาวุโส” ซูฮยอนย่อตัวลงและยกมือเหี่ยวย่นของมัลคอล์มขึ้นมากุมไว้

“ผมก็ขอบคุณผู้อาวุโสเช่นกัน” “หม? เจ้าขอบคุณข้าเรื่องอะไร? ข้าไม่เคยทําอะไรให้เจ้าเลยด้วยซ้ํา”

“ไมตรีจิตเล็กๆน้อยๆ ที่ท่านแสดงออกมาต่อคนแปลกหน้า อาจเป็นเพราะท่านรู้สึกสํานึกผิดเลยอยากไถ่บาป แต่สําหรับผู้รับอย่างผม มันเป็นการต้อนรับขับสู้ที่หาที่เปรียบไม่ได้”

ช่วงสองถึงสามวันที่ผ่านมา มัลคอล์มคอยอํานวยความสะดวกให้ซูฮยอนเป็นอย่างดี โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เขาจัดที่หลับที่นอนและหุงหาอาหารให้กับคนต่างบ้านต่างเมือง

แม้เขาจะเป็นคนแปลกหน้าภูมิหลังไม่แน่ชัด แต่ก็ยังได้รับคําอนุญาตจากเจ้าบ้านสามารถอ่านหนังสือเล่มใดก็ได้ตามต้องการอีก

ยิ่งไปกว่านั้นมัลคอล์มยังเป็นคนแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับมิรุให้เขาทราบอีกด้วย

แม้สิ่งที่มัลคอล์มทําไปทั้งหมดเป็นเพราะความสํานึกผิด แต่สําหรับซูฮยอน ในฐานะที่เขาเป็นผู้ได้รับการดูแลโดยตรงจากมัลคอล์ม เขาคิดว่ามันเป็นความเมตตารูปแบบหนึ่ง

“ข้ารับไม่ได้”

“การสังหารอูโรโบรอส สําหรับผมถือว่าเป็นการตอบแทนความเมตตาของผู้อาวุโสครับ”

คําพูดของซูฮยอนทําให้นัยต์ตาของมัลคอล์มสั่นระริกอย่างหนัก

“ดังนั้นภาระที่ผู้อาวุโสกังวล ต่อไปนี้ผู้อาวุโสไม่ต้องเก็บมันมาคิดให้เสียสุขภาพนะครับ”

“เจ้าหนุ่มทําไมร่างกายของเจ้าถึง…”

ร่างกายของซูยอนค่อยๆพร่ามัว

หลังจากนั้นไม่นาน มัลคอล์มรู้สึกว่าน้ําหนักการกุมมือของซูฮยอนจางหายไปเรื่อยๆ ราวกับว่าความรู้สึกเมือครู่เป็นเพียงภาพดวงตาไม่มีรูปธรรม

ชายชราเอื้อมมือออกไปข้างหน้าเพื่อสัมผัสไหล่ซูฮยอน

อย่างไรก็ตามมือของมัลคอล์มยืนไปได้ครึ่งทาง

ร่างกายซูฮยอนอันตรธานหายไปกลางอากาศ

“หม..”

ปรากฏการณ์ตรงหน้าเหมือนภาพความฝัน

ชายหนุ่มชื่อซูฮยอนที่เคยมีตัวตนอยู่ตรงหน้า จู่ๆก็หายไปต่อหน้าต่อตา

มัลคอล์มยังคงนั่งอยู่บนพื้นเช่นเดิม ภายในสมองทบทวนคําพูดทิ้งท้ายของซูฮยอน

คุณได้รับ 500,000 คะแนนความสําเร็จ]

[คุณบรรลุความสําเร็จระดับสูงสุด]

[การทดสอบในชั้นที่ 30 ถูกเคลียร์อย่างสมบูรณ์

[กําลังประเมินอันดับความสําเร็จ

[คุณได้อันดับ 1]

[ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 1..]

[…]

ได้รับเนตรที่สามคุณลักษณะของอูโรโบรอส ถูกบันทึกให้เป็นคุณลักษณะใหม่ถาวร]

[คุณลักษณะของคุณซ้อนทับกับสกิลจําแลง : เนตรที่สาม คุณสามารถเปิดใช้งานได้ผ่านสกิลจําแลง]

ข้อความเด้งขึ้นมาในหัวของซูฮยอน

สิ่งแรกที่ดึงดูดความสนใจของซูฮยอนคือคะแนนความสําเร็จที่มหาศาล ต่อมาเป็น คุณลักษณะใหม่เอี่ยม

<<เนตรที่สามถูกบันทึกให้เป็นคุณลักษณะถาวรงั้นเหรอ? >>

คุณลักษณะถาวรหมายถึงคุณลักษณะพิเศษจําพวกหนึ่งที่ผู้ตื่นขึ้นสามารถครอบครองได้

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คุณลักษณะจําพวกหนึ่ง เป็นเหมือนสกิลติดตัวที่ประทับไว้บนร่างกาย ของผู้ครอบครอง

สกิลจําแลงทําให้ซูฮยอนสามารถใช้คุณลักษณะใหม่ได้ชั่วคราว ข้อเสียของสกิลจําแลงคือเขาต้องได้รับคุณลักษณะมาก่อนถึงจะสามารถใช้งานได้ ซึ่งมันยุ่งยากพอสมควร

แต่มันก็เป็นสกิลโกงหนึ่งสกิล เพราะเขาสามารถเปลี่ยนคุณลักษณะใหม่ได้ตลอดเวลา ไม่ผูกมัดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

ตามปกติผู้ตื่นขึ้นที่ครอบครองคุณลักษณะมีส่วนน้อยมาก ยากต่อการพบเห็น เพราะ คุณลักษณะไม่สามารถซื้อขายได้ด้วยคะแนนความสําเร็จ ดังนั้นคุณลักษณะจึงหายากสุดๆ

แต่ก็มีผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S บางคนโชคดีได้ครอบครองคุณลักษณะพิเศษ ยกตัวอย่างเช่น ฮวางจุนเพิ่ง

คุณลักษณะที่อีกฝ่ายครอบครองคือแปลงร่างเป็นมังกร ของขวัญที่ฟ้าประทานให้ หากเขาไม่ด่วนเสียชีวิตลงไปก่อน ชื่อเสียงในฐานะผู้ตื่นขึ้นของเขาปานนี้คงโด่งดังไปทั่วโลก

“คุณลักษณะของอูโรโบรอส.”

คาดการณ์จากการใช้สกิลจําแลง เนตรที่สามของอูโรโบรอสอาจถูกจัดให้อยู่ในอันดับสูงกว่าคุณลักษณะทั้งสองที่ซูฮยอนเคยใช้

หากสมมุติว่าคุณลักษณะทั้ง 2 ที่ซูฮยอนเคยครอบครอง มีความสามารถคล้ายคลึงกัน “เนตรที่สาม” ถือได้ว่าเป็นเวอร์ชั่นอัพเกรด มันสมบูรณ์ขึ้นกว่าคุณลักษณะเก่าพอสมควร

<<อยากรู้จังว่าฉันสามารถใช้คุณลักษณะ 2 อย่างพร้อมกันได้ไหม? >>

เนตรที่สามเพียงอย่างเดียว ถือได้ว่าเป็นคุณลักษณะที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง เพราะเขารู้แจ้งเห็นจริงมาด้วยตนเอง ว่าความสามารถของมันเป็นอย่างไร

แต่การที่เขาต้องเปลี่ยนคุณลักษณะใหม่ไปเรื่อยๆ เป็นเหตุให้ซูฮยอนต้องคอยปรับตัวให้เข้ากับคุณลักษณะใหม่ตลอดเวลา พอลองมาคิดทบทวนอีกที เหมือนการทดสอบที่ผ่านมาจะได้ของรางวัลไม่คุ้มค่าเหนื่อยเท่าที่ควร

<<ช่างเถอะ พอมาลองใช้หลักเหตุและผลมันก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น>>

ซูฮยอนมองโลกในแง่บวก

ไม่ว่ายังไงในอนาคตเนตรที่สามก็ถูกกําหนดให้เปลี่ยนไปเป็นคุณลักษณะอื่นอยู่ดี เพราะเขาตัดสินใจมานานแล้วว่าสกิลจําแลงเหมาะสมกับคุณลักษณะใด

ดังนั้นรางวัลทุกอย่างที่เขาได้รับมาในวันนี้ แม้จะไม่มากแต่ก็มีความหมาย เพื่อรอวันที่เขาได้ครอบครองคุณลักษณะที่ต้องการ เนตรที่สามยังคงมีค่าให้เก็บรักษาไว้

“เหนือสิ่งอื่นใด…” ซูฮยอนปรายตาสํารวจทิวทัศน์โดยรอบและกล่าวพึมพํากับตัวเอง

“น่าคิดถึงจริงๆ เมื่อก่อนฉันก็เคยมาเหยียบที่นี่เหมือนกัน”

“ที่นี่”คือย่านใจกลางเมือง เสียงเอะอะมะเพิ่งส่งผลให้สภาพแวดล้อมดูมีชีวิตชีวา

โลกแห่งนี้เต็มไปด้วยแสงสี บรรยากาศในเมืองรื่นรมย์ เสียงดนตรีบรรเลงคลอเบาๆพร้อมเสียงหัวเราะแช่มชื่นของผู้คนดังออกมาไม่ขาดสาย

<<แฟนเทเชีย>>

คือชื่อของโลกในชั้นที่ 31

ซูฮยอนก้าวเดินไปตามท้องถนนและสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัว

โลกแห่งนี้ให้ความรู้สึกเหมือนโลกยุคปัจจุบันที่ซูฮยอนอาศัย แม้ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์จะล้าหลังไปบ้าง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าวิถีการดําเนินชีวิตของชาวพื้นเมืองมีความคล้ายคลึงกับโลกยุคปัจจุบัน

เพราะมีหลายอย่างเหมือนกัน ทําให้มีผู้ตื่นขึ้นบางคนยอมทิ้งบ้านเกิด แล้วย้ายตัวเองมาลงหลักปักฐานอยู่ในโลกแห่งนี้แทน

<<และแน่นอนว่าภายในเมืองเต็มไปด้วยมิจฉาชีพจํานวนมาก>>

เมืองที่มีสภาพการเป็นอยู่ที่ดี ไม่แสนเข็ญเกินไป ย่อมมีเงื่อนงําบางอย่างปกปิดเอาไว้ โดยเฉพาะโลกบนชั้นที่ 31

หากใครก็ตามที่ค้นพบความจริง ทัศนคติที่เคยมองโลกชั้นที่ 31 ในแง่ดี จะแปรเปลี่ยนทันที

<<ช่างเถอะ มันเป็นเรื่องที่ควรกังวลภายหลัง ไม่ใช่ตอนนี้>>

ซูฮยอนออกเดินตามหาโรงแรม ใช้เวลาไม่นานเขาก็เจอโรงแรมเป้าหมาย ชั้นที่หนึ่งของโรงแรมเป็นโรงเหล้าสําหรับสังสรรค์เสียงพูดคุยดังเจี๊ยวจ๊าว แต่โชคดีที่เสียงรบกวนไม่ดังไปถึงห้องพักแสดงว่าโซนห้องพักต้องสร้างด้วยเทคนิคพิเศษบางอย่าง ถึงสามารถเก็บเสียงรบกวนจากภายนอกได้เป็นอย่างดี

“เหนื่อยมาทั้งวัน ขอพักผ่อนสมองหน่อยก็แล้วกัน”

หลังจากซูฮยอนจ่ายค่าห้องพักและเข้าห้องที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้ เขาก็เปิดประตูมิติกลับบ้านในโลกแห่งความจริง

ครั้นมาถึงโลกแห่งความจริงซูฮยอนล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วหลับตา สักพักเขาก็จมสู่ห้วงนิท

ซูฮยอนนอนหลับอุตุตลอดทั้งวัน เพราะการต่อสู้สุดเข้มข้นเป็นผลให้สกิลอมตะถูกเปิดใช้งานร่างกายของเขาจึงเหนื่อยล้ามากกว่าปกติ

“ฉันหลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอ”

ซูฮยอนลุกขึ้นจากเตียงนอนและเดินไปยังห้องนั่งเล่น ปากอ้ากว้างหาวหวอดใหญ่ออกมา

คิ้ว…

มิรุนอนหมอบอยู่บนพื้นห้องนั่งเล่น

ซูฮยอนลูบไล้ใบหน้าและล้างเนื้อตัว

นานมากที่เขาไม่ได้รู้สึกสดชื่นแบบนี้ การอาบน้ําทําความสะอาดร่างกายด้วยน้ําอุ่นในบ้านของตัวเอง สร้างความกระปรี้กระเปร่าให้แก่ซูฮยอนเหลือล้น

หลังจากอาบน้ําล้างตัวเสร็จ ซูฮยอนซับผมให้แห้งด้วยผ้าขนหนู เมื่อผมเริ่มหมาด เขาจึงเอื้อมมือไปหยิบมือถือขึ้นมา แล้วกดเบอร์ไปหาคนที่เขาอยากคุย นั่นคือ กิลด์มาสเตอร์จียอน

<<ขอโทษค่ะไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้ กรุณาฝากข้อความไว้>

“สงสัยเธออาจยุ่งอยู่กับภารกิจส่วนตัว

ซูฮยอนโทรอีกหลายรอบ แต่เธอก็ยังไม่รับสาย มีโอกาสเป็นไปได้ว่าตอนนี้เธออาจง่วนอยู่ในหอคอยแห่งการทดสอบ ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ส่วนใหญ่แทบไม่เคยเว้นว่างการปีนปายหอคอย ดังนั้นเวลาที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในหอคอย จึงมากกว่าโลกแห่งความจริง

<<น่าเสียดายจัง ฉันอยากพูดคุยกับเธอหน่อยแท้ๆ>>

ซูฮยอนบ่นพึมพํากับตัวเองและกดมือถือโทรไปหาคนใหม่

“สวัสดี มีอะไรให้ช่วยงั้นเหรอ?”

เสียงทักทายอย่างเป็นกันเองดังออกมาจากปลายสาย ซูฮยอนไม่ได้ยินเสียงนี้มาสักพักใหญ่ๆ

“พวกเราไม่ได้เจอหน้ากันมานานแล้วสินะ สบายดีไหม?”

คนที่คุยอยู่ปลายสายคือผู้ตื่นขึ้น คิมดูอุย ซึ่งทํางานให้กับสํานักงานรับรองเหล่าสหายผู้ตื่นขึ้น

หลักจากได้รับสายจากซูฮยอน คิมดูอุยรีบแจ้นออกจากอาคารสํานักงาน

ซูฮยอนและเขาเคยติดต่อกันแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆแล้วก็ห่างหายไปคนละทาง เพราะทั้งคู่ไม่มีความจําเป็นอะไรต้องพูดคุยกันทุกวัน

และที่สําคัญตัวซูฮยอนเองก็ไม่ค่อยสูงสิงกับทางสํานักงานมากนัก หากถามว่าระหว่างซูฮยอนและทางสํานักงานมีความเกี่ยวข้องกันไหม บอกเลยว่ามี

แต่มันค่อนข้างแปลกสําหรับคนทั่วไป เพราะเหมือนทางสํานักงานจะยอมทําตามคําสั่งของซูฮยอนราวลูกไก่อยู่ในกํามือ

<<เขากุมจุดอ่อนของผู้อํานวยการอย่างที่ฉันได้ยินมาจริงๆสินะ>>

คิมดูอุยก้าวขึ้นรถแท็กซี่ สายตามองวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างและคิดกับตัวเองในใจ

<<ในอนาคตเขาจะกลายเป็นคลื่นลูกใหญ่ ที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้>>

ช่วงที่ผ่านมาคิมดูอุยตามเก็บข้อมูลเกี่ยวกับซูฮยอนมาโดยตลอด เขาตริตรองข้อมูลซ้ําไปซ้ํามาเพื่อหาจุดอ่อนของซูฮยอน หลังจากนั้นไม่นานเขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองสมองทึบ จุดอ่อนของซูฮยอนคืออะไรกันแน่ เขาก็หาคําตอบไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่ให้ความสนใจซูฮยอน ทางสํานักงานเองก็ติดตามความเคลื่อนไหวของซูฮยอนอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่แค่สํานักงานเกาหลีเท่านั้น ทั่วทั้งโลกก็จับตาซูฮยอนไม่ต่างกัน

<<การระบาดในเมืองอันยัง , บุกโจมตีดันเจี้ยนระดับสีน้ําเงิน , กวาดล้างกิลด์ดัมพ์, สังหารฮวางจุนเผิง…>>

ยิ่งไปกว่านั้น

เขาเป็นผู้ท้าทายเพียงคนเดียวของการทดสอบที่กล้าเลือกระดับความยากที่ 10

ในหมู่แรงค์ S ด้วยกัน ซูฮยอนถือได้ว่าเป็นคนที่ประสบความสําเร็จอย่างล้นหลาม แรงค์ S มีตัวตนหลายคน แต่จะมีสักกี่คนสง่าผ่าเผยเหมือนซูฮยอน

เมื่อก่อนซูฮยอนถูกหลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ว่า เขาจะเป็นผู้ตื่นขึ้นที่มีอนาคตอันรุ่งโรจน์รออยู่ปลายทาง แต่ปัจจุบันเขากลับกลายเป็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกไปเสียแล้ว

“แต่ทําไมเขาถึงอยากพบฉันกันนะ?”

เป็นไปได้ไหม ว่าเขาอยากได้ความช่วยเหลือจากฉัน?

รถแท็กซี่ที่คิมดูอุยโดยสาร หยุดจอดอยู่ตรงหน้าร้านกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะยออิโด

ภายในร้านกาแฟเขามองเห็นซูฮยอนกําลังนั่งรออยู่ เนื่องจากร้านกาแฟมีขนาดเล็กทําให้โต๊ะนั่งรับประทานมีไม่เยอะ

เกาะยออิโดมีร้านกาแฟเล็กๆลักษณะนี้นับไม่ถ้วน แม้แต่มุมทึบแสงเข้าไม่ถึงยังมี

“อ่าว มาถึงตอนไหน?” ซูฮยอนเป็นฝ่ายร้องทักก่อน

“พึ่งมาถึงน่ะ”

คิมดูอุยยื่นมือออกไปหาซูฮยอน หลังจากจับมือทักทายตามมารยาทเสร็จ เขาสั่งกาแฟและเริ่มถาม

“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกล่ะ อย่างบอกนะว่าจะมีดันเจี้ยนระดับสีน้ําเงินโผล่ขึ้นมาอีก นายคงไม่เรียกฉันออกมาเพราะอยากเห็นหน้าตาของฉันหรอกนะ”

“นายเนี่ยเป็นคนพูดจาโผงผางไม่เปลี่ยนเลยนะ น่าสนใจดี”

“ตัวฉันเองไม่ชอบคนพูดอ้อมค้อมวกไปวนมา เวลาเป็นสิ่งมีค่า ควรให้เกียรติกันและกันจริงไหม”

“มีเหตุผล เพราะงั้นฉันถึงอยากคุยส่วนตัวกับนายยังไงหล่ะ ฉันเองก็มีอุปนิสัยไม่ต่างจากนายสําหรับฉัน การคุยกับนายสะดวกกว่าคุยกับคนอื่นเยอะ”

ซูฮยอนคั่นหน้าหนังสือที่อ่านค้างไว้และวางลงบนโต๊ะ คิมดูอุยเห็นชื่อเรื่องบนหน้าปกจึงป ริปากถามด้วยความสงสัย

“นายชอบอ่านหนังสือเหรอ?”

“ชอบนะ เป็นงานอดิเรกยามว่าง หากเป็นไปได้ฉันอยากหมกตัวอยู่ในร้านกาแฟแห่ง นี้ตลอดทั้งวันโดยที่ไม่ต้องทําอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากก้มหน้าอ่านหนังสือ เงินเก็บฉันมีเป็นปึกๆจะซื้อกาแฟหรือเหมาทั้งร้านก็ทําได้”

“นายเองเป็นถึงผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S เลยนะ ทําไมถึงเจียดเวลาว่างไม่ได้”

คิมดูอุยได้ฟังคําอธิบายของซูฮยอน เขาอดแสดงสีหน้าขยายขี้เท่อไม่ได้

ความฝันที่ซูฮยอนพูดเมื่อครู่ คนหมู่มากสามารถทําตามได้ง่ายๆ โดยเฉ พาะคนร่ํารวยเงินทองหรือคนมีอํานาจอยู่ในมือการหาเวลาว่างทําตามสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบไม่ใช่ เรื่องยากเลยสักนิด

“งานอดิเรกเก็บไว้เพลิดเพลินตอนไหนก็ได้จริงไหม”

ซูฮยอนส่ายหน้าเบาๆ ราวกับว่าเขาไม่อยากคุยเรื่องนี้อีกต่อไป

คิมดูอุยเป็นคนมีไหวพริบ เขาพยักหน้าเข้าใจและปิดปากเงียบ ไม่นานกาแฟที่เขาสั่งก็มาเสิร์ฟถึงโต๊ะบรรยากาศอึมครึมเริ่มสลายตัว ต้องขอขอบคุณพนักงานที่มาเสิร์ฟกาแฟในจังหวะเหมาะเจาะ

“เมื่อไม่นานฉันพึ่งผ่านการทดสอบชั้นที่ 30”

มือของคิมดูอุยที่กําลังยกกาแฟขึ้นจิบหยุดชะงักลง “งั้นนายก็ไปถึงชั้นที่ 31 แล้วสินะ”

“ใช่ พึ่งถึงนะ”

“ฉากหน้าชั้นที่ 31 เป็นสถานที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ฉากหลังเหมือนไม่สวยหรูเท่าที่ควร

“นายเชื่ออย่างงั้นจริงๆเหรอ?”

หลังจากได้ยินคําพูดของซูฮยอน มือคิมดูอุยที่ประคองแก้วกาแฟสั่นงัก

เขาถอนมือออกจากแก้วกาแฟแล้วถามด้วยน้ําเสียงแผ่วเบา

“นายรู้ลึกแค่ไหน?”

การกลับมาของฮีโร่

การกลับมาของฮีโร่

คิมซองอิน ฮีโร่ ที่แข็งแกร่งที่สุดของมวลมนุษยชาติ

เขาเดิมพันด้วยพลังทั้งหมดของเขา ในการต่อสู้กับเหล่ามอนสเตอร์ที่กำลังรุกรานโลก

ทว่า…ความตั้งใจของเขาก็ไม่สำเร็จ โลกมนุย์ถูกทำลาย

แต่ตำนานยังไม่ตาย เมื่อเขาได้มีโอกาสย้อนกลับไปในอดีต เมื่อ 20 ปีที่แล้ว

การเดินทางครั้งใหม่ของเขาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท