ตอนที่ 116
อีก!!
ควอนจางฮยอกกลืนน้ําลายลงคอหลังจากได้ยินคําซักถามของซูฮยอน
สํานักงานใหญ่ผู้ตื่นขึ้นปาวประกาศชัดเจนห้ามใช้ยาเสพติด เบลนดิ้ง บนโลกชั้นที่ 31 ขั้นเด็ดขาด
แต่คําปาวประกาศก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า วิธีการดังกล่าวไม่อาจยับยั้งยาเสพติดได้ พ่อค้ายาเสพติดสาละวนขายยาให้ผู้เสพต่อเนื่องอย่างไม่เกรงกลัว
เมื่อไม่ได้ผลทางสํานักงานจึงมีการบังคับใช้กฎหมายฉบับใหม่ ท้ายที่สุดหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องก็ไม่สามารถสกัดกั้นช่องทางยาเสพติดได้อยู่ดี
นั่นจึงกลายเป็นเหตุผลทําไมควอนจางฮยอกจึงไม่ใส่ใจและไม่คิดว่าเบลนดิ้งเป็นอันตราย
แต่สถานการณ์ให้ปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว
“ไม่เพียงแต่นายจะติดการเสพ เบลนดิ้ง ขึ้นสมอง นายยังพัวพันขายของต้องห้ามให้กับตัวแทนจําหน่ายของเปโตรอีก..” ซูฮยอนมองหน้าคว็อนจางฮยอก
เขาก้มตัวลงแล้วหยิบ เบลดดิ้น จากพื้นขึ้นมาอย่างระมัดระวังและพูดต่อ
“ตามกฏที่ออกมาล่าสุด ฉันสามารถทําโทษนายที่นี่ได้เลย”
ความหนาวเย็นแล่นพล่านไปทั่วร่างกายของคว็อนจางฮยอก
สํานักงานไม่มีทางยุ่มย่ามเรื่องบนชั้นที่ 31 แน่นอน แต่กับคนตรงหน้ามันต่างออกไป ซูฮยอนเป็นผู้ตื่นขึ้นมากความสามารถและปัจจุบันเขายังอยู่บนชั้นที่ 31
มิหนําซ้ําซูฮยอนยังรู้ด้วยว่าควอนจางฮยอกเป็นใครมาจากไหน เพราะซูฮยอนทราบดีในประเทศเกาหลีใต้ มีพลเมืองชื่อ คว็อนจางฮยอก อาศัยอยู่ในเมืองอันยัง ถ้าซูฮยอนส่งเรื่องให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เขามีหวังโดนจับแหงๆ
สถานการณ์ตอนนี้ ควอนจางฮยอกติดอยู่ในกับดักอย่างสมบูรณ์ ทุกอย่างมืดแปดด้าน ไร้หนทางหนี้
“คือว่า…”ควอนจางฮยอกพูดตะกุกตะกักพลางทําทางท่าน่าเห็นใจ
“ให้ความร่วมมือกับฉันก็พอ”
ซูฮยอนยิ้มย่องผ่องใส แต่ในทางกลับกัน คว็อนจางฮยอกน้ําตานองหน้า
หลังจากทั้งคู่เข้ามาในโรงเหล้า คว็อนจางฮยอกกระดกเบียร์ไม่หยุด เขารู้สึกว่าปากของตัวเองแห้งผาก อวัยวะภายในร่างกายแสบร้อน
ซูฮยอนพูดขณะสายตามองดูอีกฝ่ายนั่งเคาะขวดเบียร์ “ไม่ต้องเกร็ง”
“ขะ…เข้าใจแล้ว”
ร่องรอยของความวิตกกังวลมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ฉายขึ้นบนใบหน้าควอนจางฮยอก ดูเหมือนอีกฝ่ายจะกลัวซูฮยอนตราหน้าว่าตัวเขาเป็นผู้กระทําผิด
“เอาล่ะ สรุปเรื่องที่นายเล่ามาและการจับต้นชนปลายของฉัน” ซูฮยอนพยายามเรียบเรียงเนื้อหา
ควอนจางฮยอกนั่งหลังตรงและนึกย้อนกลับไปถึงคําพูดเมื่อครู่ที่เล่าให้ซูฮยอนฟัง
“นายเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราว ถูกต้องไหม?”
“ถูกต้อง”
“นายไม่เกี่ยวข้องกับเปโตรโดยตรง หน้าที่ของนายคือนําของไปส่งมอบให้กับลูกค้า หลังจากทํางานเสร็จเรียบร้อย นายจะได้รับส่วนแบ่ง เบลนดิ้ง เป็นค่าตอบแทนสินะ”
“ประมาณนั้น”
“ หมายความว่ามีผู้ตื่นขึ้นจํานวนหนึ่งได้เสพ เบลนดิ้ง ฟรีๆ ทั้งๆที่ตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับเปโตรเหมือนนายด้วย?”
“นายพูดถูก และพวกเขาส่วนใหญ่ไม่มีใครเกี่ยวข้องกับเปโตรอย่างลึกซึ้งเลยสักคน”
“อืม…”
“ฉันพูดด้วยความสัตย์จริง ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเบื้องลึกจริงๆนะ”
“ไม่ว่านายจะเกี่ยวข้องหรือเปล่า ไม่ใช่ประเด็นสําคัญ พอมาคิดดูดีๆฉันควรส่งตัวนายให้ทางสํานักงานดีไหม?”
“อย่านะ ฉันสํานึกผิดแล้ว”
ซูฮยอนเมินเฉยต่อกิริยาควอนจางฮยอก เขาใช้นิ้วมือเคาะโต๊ะเป็นจังหวะพลางส่งเสียงดื่ม
<<ทําไมคนอย่างเปโตรถึงยอมลดตัวลงมาสุงสิงกับชายแหลกเหลวพรรค์นี้ด้วยหนอ?>>
สําหรับเปโตรชั้นที่ 31 เขาเป็นเหมือนพระเจ้า จะดลบันดาลอะไรก็ได้ตามใจปรารถนา ดังนั้นเขาไม่มีทางลดตัวไปพบหน้าคนอ่อนหัดที่สามารถไต่มาถึงชั้นที่ 31 โดยเลือกความยากระดับที่ 1เป็นการส่วนตัวอย่างแน่นอน
“เอ่อคือว่าจะเป็นอะไรไหม หากฉันอยากถามว่า เบลนดิ้ง มันผิดปกติตรงไหน” ควอนจางฮยอกถาม
“นายเป็นคนเสพเองกับตัว ยังไม่รู้อีกเหรอ?”
“เอ๊ะ? เรื่องอะไรกัน?”
“เฮ้อช่วยไม่ได้จะอธิบายให้ฟังก็แล้วกัน เมื่อไม่นานมานี้ เบลนดิ้ง เริ่มแทรกซึมบนแผ่นดินสหราชอาณาจักร ไม่ใช่แค่สหราชอาณาจักรเท่านั้น ประเทศทั่วโลกก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน”ซูฮยอนเงื้อมือออกไปหยิบเบลนดิ้งที่ควอนจางฮยอกแบกไว้ออกมาและกล่าวต่อ “เบลนดิ้งทั้งหมดถูกลักลอบนําออกจากที่นี่ โดยใช้คะแนนความสําเร็จเป็นสกุลเงินซื้อขาย สาเหตุที่ยาเสพติดไปโผล่บนแผ่นดินสหราชอาณาจักรได้นั้น เพราะใบสินทรัพย์ต่างมิติ สิ่งของที่หลุดออกไปจากที่นี่ไปจบอยู่บนฝ่ามือผู้มั่งคั่ง ในโลกชันที่ 31 อาจมองว่าเป็นแค่หญ้าธรรมดาแต่สําหรับพวกเขา”
“พวกเขาคงคิดประมาณว่า ตัวเองกําลังได้เสพสุขสิทธิพิเศษเฉพาะผู้ตื่นขึ้นเท่านั้น ใช่ไหม?”
“นายก็ฉลาดเหมือนกันนิ นึกว่าโง่จนกู้ไม่กลับเสียอีก” ซูฮยอนผงกหัว
“สําหรับพวกเขาสิ่งเหล่านี้ไม่ต่างอะไรกับใช้เงินซื้อสิทธิพิเศษ เพื่อให้ตัวเองลิ้มลองความรู้สึกเลิศล้ําเหมือนผู้ตื่นขึ้นสักครั้งในชีวิต ส่วนยาเสพติดเป็นเพียงของแถม แต่ปัญหาที่แท้จริงของการลักลอบนําของออกมาขายโลกภายนอก คือการสูญเสียคะแนนความสําเร็จไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
ใบสินทรัพย์ต่างมิติ หนึ่งใบมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 50,000 คะแนน
สําหรับซูฮยอนในปัจจุบัน ราคาใบสินทรัพย์ต่างมิติเป็นเรื่องขี้ประติ้ว แต่สําหรับผู้ตื่นขึ้นที่พึ่งไปถึงชั้นที่ 31 ถือว่าเป็นคะแนนความสําเร็จที่มีมูลค่ามหาศาล
จํานวนคะแนนความสําเร็จที่เสียไปกับการลักลอบขน เบลนดิ้ง ออกมาสู่โลกภายนอก มีมูลค่าสูงถึงพันล้าน
“ที่สําคัญที่สุดมีผู้ตื่นขึ้นจํานวนมากปักหลักอยู่บนชั้นที่ 31 ถาวร เพราะ เบลนดิ้ง โดยเฉพาะซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่ามันเป็นประเด็นที่ปล่อยทิ้งคาราคาซังไม่ได้ แม้ในตอนนี้จํานวนผู้ตื่นขึ้นที่ตัดสินใจอยู่บนชั้นที่ 31 จะมีไม่เยอะมาก แต่การดํารงอยู่ของเบลนดิ้ง ในอนาคตอันใกล้ เบลนดิ้งจะกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น ผลสุดท้ายจํานวนผู้ตื่นขึ้นที่ตัดสินใจอาศัยอยู่บนชั้นที่ 31จะ ค่อยๆเพิ่มขึ้น”
ในปี พ.ศ. 2021 มีผู้ตื่นขึ้นอัตราส่วน 1 ต่อ 10 ตัดสินใจเลือกอยู่บนชั้นที่ 31
อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวจะค่อยๆแปรเปลี่ยนไปในอนาคต จาก 1 ต่อ 10 เปลี่ยนเป็น 5 ต่อ 10
พวกเขาหันหน้าหนีโลกแห่งความจริงและเลือกใช้ชีวิตอยู่ในหอคอยแห่งการทดสอบ เพื่อใช้เวลาเสพยาอย่างเต็มที่
หากไม่มียาเสพติดตัวนี้ ผู้ตื่นขึ้นคงไม่ตัดสินใจปักหลักอยู่บนชั้นที่ 31 และคะแนนความสําเร็จหลายพันล้าน คงไม่สูญเปล่าไปกับเรื่องไร้สาระ การคงอยู่ของ เบลนดิ้ง อธิบายอีกนัยหนึ่งคือมันเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ต่อมนุษย์ชาติ
ที่สําคัญที่สุด.
<<เปโตร ไอ้เจ้าบ้านั่นเป็นตัวปัญหาอย่างแท้จริง>>
เบลนดิ้ง แปรรูปมาจากหญ้าชนิดหนึ่ง ซึ่งพบเจอได้ทั่วไปบนชั้นที่ 31 ทว่าเปโตรใช้ข้อได้เปรียบนั้นเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง เขาสร้างเครือข่ายยาเสพติดขนาดใหญ่ขึ้น จนปัจจุบันการใช้เบลนดิ้ง เริ่มเลวร้ายลงเรื่อยๆ
นอกจากเปโตรจะทําเบลนดิ้งไว้เสพเองแล้ว เขายังแจกจ่ายและขายให้กับลูกค้าที่สนใจเพื่อสนองต้องการของตนเองและเงินตรา
สายตาซูฮยอนเปลี่ยนไปจ้องมอง เบลนดิ้ง ที่ห่อด้วยผ้าสีขาววางกองไว้อยู่บนโต๊ะ
เขาทําท่าครุ่นคิดอะไรสักอย่าง ก่อนพูดขึ้น
“ของกลางพวกนี้ ฉันจะยึดเอาไว้”
“เอ๊ะ?”
“เอ๊ะ” ของนายหมายความว่าไงห้า? นายคิดว่าฉันจะยอมอะลุ่มอล่วย ให้นายเสพสุขกับยาพวกนี้ต่อไปงั้นเหรอ”
“หากนายยึดของไป ฉันก็แย่สิ”
“อย่ากังวล ฉันมีงานอย่างอื่นให้นายทํา” ซูฮยอนมีความคิดดีๆเด้งขึ้นมาในหัว
เขาหยิบของกลางขึ้นมาหนึ่งห่อแล้วส่งให้ควอนจางฮยอก
“จากนี้ไป ฉันอยากให้นายช่วยโฆษณาชื่อของฉันให้หน่อย”
ซูฮยอนยิ้มมุมปากและมองไปยังดวงตาของคว็อนจางฮยอกที่กําลังสั่นกลัว
เปโตร ราชาผู้ปกครองโลกชั้นที่ 31
ไม่สิ ต้องบอกว่าเขาใช้ชีวิตเยี่ยงขัตติยมานะถึงจะเหมาะสมกว่า เงิน สาวงาม ยาเสพติดและลูกน้องที่บูชาเขาประดุจพระเจ้า
การใช้ชีวิตเฉกเช่นเขา เป็นความฝันของใครหลายๆคน
ภายในที่พักซึ่งตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งภายในเมือง เปโตรนอนเอนหลังอยู่แถวสวนหญ้าหน้าบ้านและจุดไฟ ก่อนหยิบ เบลนดิ้ง เอาไปอังไฟ เมื่อควันสีขาวลอยฟุ้งออกมา เขาสูบควันสีขาวเข้าไปเต็มปอด
ไม่นานการมองเห็นก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นสีเหลืองอ่อน โลกทั้งใบเหมือนตกอยู่ในความฝันนุ่มละมุนราวกับว่าตัวเขาปล่อยใจให้ไหลไปตามเกลียวคลื่นแห่งความมึนเมาอย่างเพลิดเพลิน
เขากลั่นควันเอาไว้ในปอดสักพัก สัมผัสรสชาติของมันแล้วพ่นออกมาจากปาก
เปโตรค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น สิ่งแวดล้อมทุกอย่างกลายเป็นสีเหลืองทั้งหมด ด้านหลังของเขามีชายร่างบึกบึนเปลือยท่อนบน ผมสีเหลือง นัยน์ตาสีเหลือง นอนหงายท้องอยู่บนพื้น
เปโตรหยิบเบลนดิ้งม้วนสําเร็จรูปขึ้นมา โบกสะบัดใกล้ดวงตาและบ่นพึมพํา
“น่าเสียดายที่ฤทธิ์ของมันอ่อนไปหน่อย”
ร่างกายของเขาเริ่มมีการต่อต้านเบลนดิ้งมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปฤทธิ์ยาจึงมีผลกระทบต่อเขาน้อยลงเรื่อยๆ แม้อาการกระสันยายังคงอยู่ แต่ความรู้สึกพึงพอใจหลังจากสูบยาไม่เหมือนกับในอดีตอีกต่อไป
เปโตรรีบผุดลุกจากที่นั่ง เพราะมีแขกหน้าใหม่วิ่งปรอเข้ามาหา
“มีอะไร?”เขาถามพลางยกมือถอดแว่นกันแดดออก
แขกที่มาใหม่เป็นเพื่อนคนสนิทของเขา ซึ่งคบหากันมาเนิ่นนาน ชื่อ ลุกค์
อีกฝ่ายมองดูเปโตรหยิบเบลนดิ้งม้วนใหม่ขึ้นมาและปริปากซักถาม “พักหลังๆ นายชักจะใช้พวกมันบ่อยเกินไปแล้วนะ รู้ตัวไหม?”
“ใครสนกันล่ะ ยาตัวนี้หาง่ายจะตาย”
“เบลนดิ้งออกฤทธิ์โดยการดูดกลืนพลังงานในร่างกายของผู้ใช้ หากนายยังเอาแต่สู บมันไป”
“พอซักที มาถึงก็รู้จี้จุกจิก ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าจะปักหลักอยู่ที่นี่ ไม่ขึ้นไปชั้นถัดไปต่อให้พลังงานหายหมดก็ช่างหัวมันสิ”
เปโตรเขม็งมองลุกค์ด้วยสายตาเดือดดาล
การบ่นกระปอดกระแปดใช้ไม่ได้ผลกับเปโตรมาตั้งแต่แรก ถ้าการบ่นของลุกค์ใช้ได้ผลจริงๆ ปานนี้เปโตรคงหันหลังให้ยาได้นานแล้ว
ประมาณหนึ่งเดือนหลังจากเปโตรลองใช้ เบลนดิ้ง เขาก็ถอนตัวไม่ขึ้น
ลุกค์ถอยหายใจอย่างเอือมระอาและตัดสินใจเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “2-3 วันที่ผ่านมา มีคนขโมย เบลนดิ้ง ที่จัดเตรียมไว้ส่งออก นายได้ยินข่าวหรือยัง?”
“ได้ยินสิ อย่าให้รู้นะว่าเป็นใคร จะกระทืบให้ตายเลยคอยดู”
เปโตรเปล่งเสียงกรนมาทางจมูกอย่างเกรี้ยวกราด
แค่หนึ่งคําพูดของเขาสามรถปลุกระดมผู้ตื่นขึ้นในชั้นที่ 31 ได้อย่างน้อย 1000 คน แต่กลับมีไอ้ปัญหาอ่อนไม่รู้จักหัวนอนปลายตีนกล้ากระตุกหนวดเสือโดยการขโมย เบลนดิ้งของเขาไปอย่างไม่เกรงกลัว แถมยังทําโจ่งแจ้งภายในอาณาเขตของเขาอีก
“ตัวแทนจําหน่ายหน้าใหม่ของเรา ผู้ตื่นขึ้นชาวเกาหลี ชื่อ ควอนจางฮยอก มาหาฉันเป็นการส่วนตัว เขานําข้อมูลสําคัญมาบอก”
“ข้อมูลอะไร?”
“เขาบอกว่า รู้ว่าใครเป็นคนร้ายขโมยเบลนดิ้งไปจากพวกเรา”
“จริงเหรอ? ไอ้ลูกกะหรี่นั่นเป็นใคร?”
“คิมซูฮยอน ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ประจําเกาหลีใต้”
ขณะกําลังฟังคํารายงานจากลูกค์ เปโตรสวมใส่เสื้อเชิ้ตเรียบง่าย แว่นกันแดดเหน็บเก็บไว้บนหัว
เพราะฤทธิ์ยาเบลนดิ้งส่งผลกระทบต่อระบบประสาททําให้เขามีอาการมึนเมา จนกระทั่งเมื่อครู่ร่างกายของเขาอ่อนเปลี้ยไปอย่างกะทันหัน เพราะได้รับฟังเรื่องที่น่าใจหาย ต่อให้คนใกล้ตายหากได้ยิน ยังต้องฝืนกระเด้งตัวขึ้นมารับฟัง
“นายบอกว่าใครนะ”เปโตรถาม
“ หูของนายยังปกติดีอยู่ไหม? ตั้งใจฟังให้ดีๆ ฉันบอกว่าคนร้ายตัวจริงก็คือคิมซูอยอน ตอนนี้เขาอยู่บนชั้นที่ 31”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น ฉันแค่แคลงใจทําไมไอ้เวรถึงหยุดอยู่ที่นี่ ปกติเขาต้องพากเพียรปีนป่ายหอคอยอย่างไม่หยุดพักไม่ใช่เหรอไง”
“ใครจะไปรู้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันมั่นใจ ซูฮยอนให้ความสนใจ เบลนดิ้ง ซึ่งอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเรา”
“พ่อมันเถอะ…”
เปโตรเคยได้ยินข่าวมาว่าซูฮยอนไต่มาถึงชั้นที่ 31 แต่เขาไม่ได้สนใจมันมากขนาดนั้น
เมื่อไม่นานนี้มีผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S คนหนึ่งมาถึงชั้นที่ 31 ด้วยเช่นกัน แต่เขาไม่ได้หยุดพักเขาเลือกท้าทายการทดสอบต่อไปทันที โดยไม่สนใจว่าสภาพแวดล้อมบนโลกชั้นที่ 31 จะเป็นยังไง
แต่ไอ้เวรนี่เสือกเลือกหยุดพักอยู่ชั้นที่ 31
“เขาให้ความสนใจ เบลนดิ้ง แสดงว่าเขาคงรับรู้ถึงความมหัศจรรย์ของเจ้าสิ่งนั้นแล้วสินะ”เปโทรถาม
“น่าจะใช่”
“ไอ้ชั่วนั่น แสร้งวางท่าเป็นอัศวินประกายแสง แต่สุดท้ายพฤติกรรมของมันก็ไม่ต่างอะไรกับหัวขโมย”
ซูฮยอนกล้าแย่งชิงเบลนดิ้งอย่างโจ่งแจ้ง หมายความว่าอีกฝ่ายพยายามเชิดของและไม่ยอมจ่ายเงินค่าสินค้า
“พวกเราจะทําอะไรต่อ? สอดแนมเขาเงียบๆ หรือส่งคนไปเจรจากับเขาโดยเสนอเบลนดั้งจํานวนหนึ่งให้?”ลุกค์ถาม
“นายบ้าไปแล้วหรือไง?”
คําแนะนําของลุกค์ทําให้การแสดงออกของเปโตรดูน่าเกลียด
“ในเมื่อมันกล้ามากระตุกหนวดของฉัน ฉันจะเล่นกับมันด้วย”
“พวกเขาบอกฉันเท่านี้”
ควอนจางฮยอกรีบมาแจ้งข่าวจากคนระดับสูงให้ซูฮยอนรับทราบ คําสั่งที่ออกมาใหม่ล่าสุดคือใครก็ตามหากพบเห็นซูฮยอนต้องจับตาดูอีกฝ่ายเอาไว้ อย่าให้คลาดสายตา รอจนกว่าพรรคพวกคนอื่นๆจะตามมาสมทบ..
“พวกเขาต้องการให้นายจับตาดูฉันไว้งั้นเหรอ?” ซูฮยอนถามกลับ
“ใช่ เหมือนพวกเขากําลังตามล่าตัวนายอยู่ คุณชายซูฮยอน”
ควอนจางฮยอกเป็นแค่คนสํามะเลเทเมา เขาทํางานให้เปโตรเพราะต้องการเบลนดิ้งเท่านั้น
แต่คําสั่งที่ออกมาใหม่ เปโตรต้องการให้คนในองค์กรจับตาดูซูฮยอนเอาไว้เนี่ยนะ มันเป็นคําสั่งเฉดหัวให้ไปตายชักๆ
แน่นอนว่าการตายของลูกกะโล่ คนระดับสูงคงไม่สนใจใยดี
“อย่างนี้นี่เอง พวกเขาอยากได้ตัวฉันจริงๆด้วย “ซูฮยอนบ่นพึมพําและยิ้มกริ่ม ภายใต้รอยยิ้มมีเลศนัยบางอย่างแฝงไว้
เมื่อคว็อนจางฮยอกเห็นรอยยิ้มของซูฮยอน เขารู้สึกใจคอไม่ดีแปลกๆ เนื้อตัวเริ่มเย็นเฉียบ
“คุณชายวางจะทําอะไรต่อไป?”
“นายช่วยคาบข่าวไปบอกพวกเขาหน่อย”
“บอกว่าอะไร?”
“นายไปแจ้งข่าวให้พวกเขาทราบ ฉันจะนั่งรออยู่ตรงนี้ พอพวกเขาทราบ เดี๋ยวพวกเขาก็มาหาฉันเองแหละ”
ทั้ง 2 คนนั่งพูดคุยกันอยู่ในโรงเหล้า นอกจากอาหารเรียบง่ายและชาล้างคอ จนถึงตอนนี้พวกเขาไม่ได้สั่งเมนูใหม่เพิ่มเลย ขนาดพวกเขานั่งแช่กันอยู่นานมากก็ไม่มีใครสนใจ
“นายบ้าไปแล้วหรือไง? คิดปะทะกับพวกเขาซึ่งๆหน้า โดยไร้แผนการเนี่ยนะ?”
“จะกังวลอะไร หากฉันพลาดตายขึ้นมา สุดท้ายมันก็เป็นผลดีกับนายไม่ใช่เหรอ?”
“เอ๊ะ?”
“เรื่องของนาย ไม่ว่าจะเรื่องการเป็นตัวแทนขายเบลนดิ้งหรืออาศัยอยู่ในเมืองอันยัง ฉันไม่เคยพูดให้ใครฟังเลยแม้แต่คนเดียว”
หัวสมองของคว็อนจางฮยอกหมุนประมวลผลคําพูดของซูฮยอน
ในกรณีนี้หมายความว่า
“ถ้าฉันตกตาย เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับนายจะหายวับไปกับอากาศ ไม่ล่วงรู้ไปถึงหูผู้อื่น”
นี่คือฉากจบที่สมบูรณ์แบบอย่างยิ่งสําหรับคว็อนจางฮยอก สมมุติเหตุการณ์ลงเอยอย่างที่ว่าจริงๆเขาก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ในชั้นที่ 31 ได้อย่างสบายใจ พร้อมเสพสุข เบลนดิ้งได้ตามต้องการ
“ในเมื่อเข้าใจ ก็รีบไปได้แล้ว หากพลาดโอกาสนี้ นายคงต้องใช้สมองคิดให้หนักขึ้น เพื่อหาฆ่าฉันให้ได้”
“รับทราบครับ คุณชาย”
ทันทีที่ซูฮยอนพูดจบ ควอนจางฮยอกผลักเก้าอี้ไปข้างหลังและลุกขึ้นยืน ก่อนวิ่งพรวดออกไปจากโรงเหล้าอย่างเร่งเรีบและมุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่เขาคิดไว้ในใจ
แม้คว็อนจางฮยอกจะมาถึงชั้นที่ 31 โดยเลือกความยากระดับที่ 1 แต่ยังไงเขา ก็เป็นผู้ตื่นขึ้นคนหนึ่งดังนั้นความเร็วของเขาจึงเร็วกว่าคนปกติ
ซูฮยอนใช้หลังพิงเก้าอี้และเพลิดเพลินไปกับรสชาติของชาด้วยท่าทางผ่อนคลาย
<<ฉันอยากรู้จัง พวกเขาจะมาหาฉันตอนไหนกันนะ?>
สิบนาที ยี่สิบนาที คงไม่พอสําหรับเตรียมการ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเปโตรต้องใช้เวลาสักพักในการเรียกรวมพลผู้ตื่นขึ้นจํานวนมาก เพื่อต่อกรกับผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S อย่างไรก็ตามการเรียกรวมพลไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แม้จะเป็นตัวเปโตรก็ตาม
ซูฮยอนหวังลึกๆในใจอยากให้เปโตรเลือกวิธีเจรจามากกว่า หากเป็นเช่นนั้น มันสามารถย่นระยะทางที่ห่างไกลให้สั้นลงและการเผชิญหน้าระหว่างเขากับเปโตรจะได้เร็วขึ้น
แต่ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเลือกทางไหน ก็ไม่สําคัญสําหรับเขา
<<ไม่ช้าก็เร็ว ฉันก็ต้องเจอหน้าอีกฝ่ายอยู่ดี>>
ซูฮยอนไม่จําเป็นต้องขยับร่างกายให้เปลืองเรี่ยวแรง เขามีหน้าที่แค่นั่งคอยอย่าง อดทนและรอให้แขกเดินมาหาด้วยตนเอง
หลังจากควอนจางฮยอกวิ่งออกไปได้ไม่นาน มีผู้ตื่นขึ้นจํานวนหลายร้อยคนรว มตัวเป็นกลุ่มเป็นก้อนแออัดอยู่บริเวณด้านนอกโรงเหล้า ซึ่งด้านในซูฮยอนกําลังนั่งจิบชารออย่างสําราญใจ