ตอนที่ 126
ตุ้ม!! ตุ้ม!!
ดอกไม้ไฟแตกตัวกลางหาว เสียงพูดคุยร้องระเบ็งเซ็งแซ่ของผู้คนดังออกมาทั่วสารทิศซูฮยอนและฮันจุนส่ายหัวพร้อมกัน ขณะสายตามองดูฝูงชนที่พากันออกมายืนบนถนนในซานฟรานซิสโกคับคั่ง
“บรรยากาศเหมือนบอลโลก 2002 เลยแฮะ” ซูฮยอนพูด
“เอ๊ะ…บอลโลก 2002 ถ้าจําไม่ผิดเกาหลีก็จัดงานด้วยเหมือนกัน หมายความว่าพี่ก็ออกมาชมดอกไม้ไฟอยู่ข้างถนนเหมือนในตอนนี้เหรอครับ”ฮักจุนถาม
“ตอนนั้นฉันยังเด็ก ความทรงจําเลยคลุมเครือ แต่ฉันจําได้ดีว่าผู้คนสนใจดอกไม้ไฟมากกว่าการแข่งขันบอลโลกเสียอีก”
“งั้นเหรอครับ”
“ใช่ เผลอๆในตอนนั้นคนอาจมีน้อยกว่านี้ด้วยซ้ํา”
ถนนซานฟรานซิสโกในช่วงเวลานี้ ไม่เหลือช่องไฟให้เดินส่วนทางกันเลยแม้แต่น้อย ไหล่ของผู้คนเบียดเสียดกันเป็นว่าเล่น
จุดหมายที่ซูฮยอนและฮักจุนกําลังมุ่งหน้าไปคือหอคอยกอร์ดอน สาเหตุที่ไม่มีลีจุนโฮร่วมทางมาด้วย เพราะเขาออกจากโรงแรมตั้งแต่รุ่งสาง เขาเลยกะว่าจะไปดักรอพวกซูฮยอนอยู่ที่หอคอยกอร์ดอนล่วงหน้า
“ทั้ง 2 คน ทางนี้!!”
สุ่มเสียงของลีจุนโฮตะโกนออกมาท่ามกลางฝูงชน เนื่องจากบริเวณรอบๆคราคร่ําไปด้วยกลุ่มคนจํานวนมาก ต่อให้พูดคุยผ่านทางมือถือ การมองหาตัวกันให้เจอก็เป็นเรื่องยากอยู่ดี
“วันนี้คนเยอะมาก ฉันเกือบสําลักคลื่นฝูงชนตายแล้วไหมล่ะ”ลีจุนโฮพูด
“ขอโทษที่ปล่อยให้นายรอนาน” ซูฮยอนกล่าวตอบลีจุนโฮด้วยน้ําเสียงสํานึกผิด
“ไม่ต้องขอโทษหรอก ฉันมาที่นี่ไม่ใช่เพราะสนใจการแข่งขัน หน้าที่ของฉันคืออํานวยความสะดวกในแก่พวกนายต่างหากเล่า”
พูดคุยจบทั้ง 3 คนหมุนกายแล้วเดินเข้าไปในหอคอยกอร์ดอน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุดในโลก ทางเว็บไซต์ของหอคอยกอร์ดอนมีประกาศสําคัญออกมาว่าจะหยุดให้บริการอย่างไม่มีกําหนด ฉะนั้นด้านในหอคอยกอร์ดอนจึงเงียบเหงาผิดหูผิดตา ส่งผลให้พวกซูฮยอนคิดว่าฝูงชนที่คลาคล่ําอยู่เต็มถนนข้างนอกเมื่อครู่เป็นเพียงเรื่องโกหก
“สนามแข่งขันอยู่ชั้นใต้ดิน เรามีเวลาเตรียมตัวอีกประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนการแข่งขันจะเปิดม่านขึ้น ฉันจัดการลงทะเบียนให้พวกนายเรียบร้อยหมดแล้ว ที่เหลือพวกนายแค่ไปแจ้งชื่อให้เจ้าหน้าที่ทราบแล้วรอจนกว่างานจะเริ่มก็พอ” ลีจุนโฮกล่าว
“ขอบคุณมาก” ซูฮยอนยิมและตอบกลับ
“เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอยากพูดคํานั้น ฉันเป็นคนอาสาทํามันด้วยตัวเอง คําขอบคุณฉันไม่ต้องการหรอก ฉันไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนพวกนาย ในฐานะที่พวกเราเป็นเพื่อนกัน สิ่งเดียวที่ฉันสามารถทําได้และแบ่งเบาภาระของพวกนาย คงมีแค่งานเบ็ดเตล็ดจิ๊บจ๊อยพวกนี้แหละ”
ลิฟต์นําพวกเขา 3 คนลงไปยังชั้นใต้ดิน ตัวลิฟต์ดําดิ่งลึกลงไปเรื่อยๆจากความลึกประมาณ10 ชั้น เพิ่มขึ้นเป็น 20 ชั้นในระยะเวลาชั่วอึดใจ
“ฮักจุน นายต้องควบคุมอารมณ์ให้ดีๆห้ามปล่อยให้ความโกรธเข้าครอบงําจิตใจเด็ดขาดและที่สําคัญอย่าปล่อยให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บร้ายแรงเข้าใจไหม ส่วนซูฮยอน” ลีจุนโฮแตะไหล่ซูฮยอนพลางพูดออกมาขณะลิฟต์กําลังชะลอความเร็ว
“คนที่จะไขว่คว้าชัยชนะมาได้ คงเป็นนายใช่ไหม?”
“แน่นอนสิ”
ดึง
ในที่สุดลิฟต์ก็นําพวกเขามาถึงที่หมาย จอแสดงผลไม่ได้ระบุไว้ว่าพวกเขาอยู่ชั้นที่เท่าไหร่
ยืนรอไม่นานประตูลิฟต์แง้มเปิดออก แสงไฟเจิดจ้าส่องผ่านเข้ามาในลิฟต์
“โอ้โห้ ”เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ฮักจนเผลออุทานออกมาอย่างห้ามใจไม่อยู่
ซูฮยอนก็มีสีหน้าประหลาดใจไม่ต่างกับฮักจุน ซึ่งนานๆจะมีสักครั้งที่มีอะไรทําให้เขาประหลาดใจฉากที่ปรากฏตรงหน้าเหนือคําบรรยายอย่างแท้จริง
“ใหญ่โตโอฬารสุดๆ”ซูฮยอนบ่นงมงํา
“สุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ ตอนที่ฉันลงสํารวจสนามแข่งขันครั้งแรก ฉันก็ประหลาดใจเห มือนกัน”
ภาพที่ปรากฏแก่สายตาพวกเขาคือสนามแข่งขันรูปแบบโดม เพดานด้านบนยกสูงขึ้นหลายร้อยเมตรความใหญ่ของมันอย่าว่าแต่แสนคนเลย ล้านคนก็บรรจุไหว สนามแข่งขันใหญ่ยิ่งกว่าสนามบอลโลกเสียอีก
<<สนามแข่งขันใหญ่แค่ไหนกันแน่นะ?>>
ซูฮยอนและฮักจุนมีความคิดแบบเดียวกันเด้งขึ้นมาในหัว ลีจุนโฮที่เห็นสีหน้าคับข้องใจของทั้ง 2 คน จึงอาสาคลายข้อสงสัย..
“พื้นที่ทั้งหมดของซานฟรานซิสโกมีเนื้อที่ประมาณ 147,037 เอเคอร์ สนามแข่งขันใต้ดินกินเนื้อที่ไปประมาณ 0.5 เปอร์เซ็นต์ คิดคํานวณเป็นตัวเลขออกมาได้ราวๆ 735 เอเคอร์หรือ 1,859
“735 เอเคอร์เหรอครับ แล้วมันใหญ่ขนาดไหนกัน” ฮักจุนถามแล้วทําหน้าฉงน เพราะตัวเลขเยอะเกินไป เขาจึงทําความเข้าใจไม่ได้
ลีจุนโฮยักไหล่แล้วตอบกลับอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเขาคิดเผื่อไว้อยู่แล้วว่าฮักจุนจะถามอะไรต่อไป
“คงยากเกินไปสําหรับนายสินะ เอาแบบเข้าใจง่ายๆที่แห่งนี้ใหญ่กว่าสวนสาธารณะยออิโดฮันกังถึง 4 เท่า”
“4 เท่า? พูดเป็นเล่น”
“สวนสาธารณะยอ โดฮันกังมีเนื้อที่ประมาณ 187 เอเคอร์หากนําไปคูณ 4 สวนสาธา รณะยออิโดฮันถึงจะใหญ่กว่าสนามแข่งขันแห่งนี้ประมาณ 13 เอเคอร์ ซึ่งมันเป็นตัวเลขที่น้อยมากๆเทียบกันแล้วแทบไม่มีความต่าง ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะยกอะไรมาเปรียบเทียบให้ใกล้เคียงกับสนามแข่งขัน แต่นายลองคิดดูนะ สนามแข่งขันสร้างอยู่ชั้นใต้ดินไม่ได้สร้างขึ้นด้านบน คิดแค่นี้ สวนสาธารณะยออิโดฮันกุ้งก็เทียบไม่ติดแล้ว”
ซูฮยอนที่ได้ฟังคําอธิบายจากปากของลีจุนโฮอดตกใจกับความจริงไม่ได้ ไม่น่าเชื่อว่าสนามแข่งขันแห่งนี้จะใหญ่กว่าสวนสาธารณะยออิโดฮันกุ้ง
“กว่าจะสร้างที่แห่งนี้ออกมาได้เสร็จสมบูรณ์ ท่าทางกอร์ดอนโรฮันจะหมดเงินไปเยอะพอสมควร” ซูฮยอนพูด
“หินอีเธอร์ที่ค้นพบบนแผ่นดินสหรัฐอเมริกาประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ตกอยู่ในมือของกอร์ดอนโรฮัน เพราะบริษัทของเขามีเทคโนโลยีแปรรูปหินอีเธอร์หลายชนิด หลังจากแปรรูปเสร็จสรรพก็ค่อยขายทอดตลาดอีกที และยังไม่นับรวมผลงานการโจมตีดันเจี้ยนของเขาอีกนะ”ลีจุนโฮเอื้อน
“เขาเคยเป็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการน้ํามันมาก่อน ตอนนี้เขายังเป็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการหินอีเธอร์อีกเหรอเนี่ย” ฮักจุนพึมพํา
“เพราะแบบนั้นเขาจึงถูกยกย่องให้เป็นชายที่รวยที่สุดในโลกยังไงล่ะ รู้ไหมว่าสนามแข่งขันที่พวกนายเห็นสร้างมาจากหินเธอร์ทั้งหมด”ลีจุนโฮพูดพลางใช้กําปั้นที่ห่อหุ้มด้วยพลังทุบฝาผนัง
พวกเขา 3 คนรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่แทรกซึมผ่านฝาผนังออกมา แต่พักหนึ่งก็เงียบหายไป เหมือนกับว่าฝาหนังมีกลไกดูดซับแรงกระแทกติดตั้งเอาไว้
“การสร้างสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ภายในชั้นใต้ดินด้วยความลึกระดับนี้ เทคโนโลยีกระจายแรงกระแทกโดยมีหินอีเธอร์เป็นพลังงานขับเคลื่อนเป็นสิ่งจําเป็นมากๆ เพื่อป้องกันไม่ให้สนามแข่งขันถล่มลงเพราะการต่อสู้ ฉันนับถือกรรมกรที่สร้างสนามแข่งขันขึ้นมาจริงๆ พวกเขาต้องผ่านความลําบากมาเยอะมากแน่ๆ”
“น่าสนใจ” เมื่อทราบว่าสนานแข่งขันมีเทคโนโลยีกระจายแรงกระแทกติดตั้งเอาไว้ ฮักจนพูดอ อกมาด้วยแววตาตื่นเต้น
ภายในสนานแข่งขันมีกล้องขนาดใหญ่หลายร้อยตัวคอยถ่ายทอดสดให้คนทางบ้านได้รับชมเหมือนนั่งติดขอบสนาม ทันใดนั้นกล้องตัวหนึ่งก็จับภาพไปทางซูฮยอนและฮักจุน
“ประหลาดใจกันพอหรือยัง รีบเข้าไปข้างในเถอะ หากยังยืนประหลาดใจต่อไป พวกนายอาจกลายเป็นผู้เข้าร่วมการแข่งขันกลุ่มสุดท้ายก็ได้”
ลีจุนโฮพูดกระตุ้นซูฮยอนและฮักจุน จากนั้นจึงนําทางพวกเขาไปยังสนามแข่งขัน ซูฮยอนและฮักจุนหันหน้ามองรอบข้างด้วยความสนอกสนใจ ผู้ชมที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์บางคนจดจําใบหน้าของซูฮยอนได้ พวกเขารีบโน้มตัวไปหาคนที่นั่งด้านข้างแล้วกระซิบกระซาบชื่อของซูฮยอนออกมา
<<พวกเขามาชมการแข่งขันด้วยตัวเองอย่างงั้นเหรอ?>>
ผู้ชมการแข่งขันมองลงไปยังสนามผ่านผนังกระจกที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันชีวิตและป้องกันเหตุสุดวิสัย
ผู้ชมส่วนใหญ่เป็นเศรษฐีในยุคปัจจุบันอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะข้างกายพวกเขามีผู้ตื่นขึ้นแรงค์ A ติดสอยห้อยตามมาด้วย ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาต้องเสียเงินไปเป็นจํานวนมากเพื่อจับจองจุดนั่งชมสงครามแก่งแย่งอันดับที่ดีที่สุดและใกล้ชิดขอบสนามแบบนี้
<<ผนังแบบพิเศษและจ้างผู้ตื่นขึ้นแรงค์ A มาเป็นบอดี้การ์ด…>>
ซูฮยอนทราบดีว่าการจ้างผู้ตื่นขึ้นแรงค์ A เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวต้องใช้เงินมากขนาดไหน…
ระหว่างเขากําลังกวาดสายตาสํารวจผู้ชมบนอัฒจันทร์ เขาก็ไปสะดุดเข้ากับใบหน้าคุ้นเคยของใครบางคน…
<<ซงฮย็องกิ?>>
เมื่อซูฮยอนมองเห็นร่างกายของซงฮย็องกิ อีกฝ่ายก็มองเห็นซูฮยอนด้วยเช่นกัน เขาโบกมีอหย็อยๆทักทายซูฮยอนและหันหน้าไปพูดกับชายสูงอายุที่อยู่ข้างๆอีกสักพัก ก่อนเดินออกมาจากอัฒจันทร์ที่ครอบทับด้วยผนังกระจกโปร่งใส
“เฮ้!! ซูฮยอน ดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง”
“เฮ้อ…นายตะโกนเสียงเรียกฉันซะเสียงดังเชียว ไม่อายคนอื่นเลยหรือไง”ซูฮยอนถอนหายใจออกมาและเดินไปหาซงฮย็องกิ
“ฉันคิดไว้อยู่แล้วว่านายต้องมาแน่ๆ ที่นี่ฉันไม่รู้จักใครเลยสักคน รอคนเดียวจนเบื่อจะแย่อยู่แล้วเนี่ย”
“พวกเราเลือกเวลาอีกไม่มาก เดินไปคุยไปดีกว่า”
“ได้สิ” ซงฮย็องกิยื่นมือออกไปโอบไหล่ของซูฮยอน สีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดีราวกับว่าสบายใจที่ได้เห็นซูฮยอน
หลังจากพาซงฮย็องกิไปรวมกลุ่มกับพวกเขา ลีจุนโฮก้มมองนาฬิกาข้อมือและหมุนกายเตรียมไปนั่งชมการแข่งขันบนอัฒจันทร์ “ฉันคงต้องไปแล้ว ทําให้เต็มที่และระวังอย่าให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บล่ะ”
“จะพยายามก็แล้วกัน ขอคุณสําหรับคําอวยพร”
ซูฮฮยอนและฮักจุนกล่าวอําลาพร้อมกัน ลีจุนโฮพยักหน้ารับและหันหน้าไปทักทายซงฮยองกิพอประมาณ ก่อนเดินไปยังอัฒจันทร์
ขณะพวกเขา 3 คนเดินลึกเข้าไปใจกลางสนามแข่งขัน ซูฮยอนโพล่งถามข้อสงสัยออกมา “คนที่นายคุยด้วยบนอัฒจันทร์เป็นใครเหรอ?”
“อ่อ…คุณพ่อฉันเอง”
“พ่อของนายอย่างงั้นเหรอ?”
“พะ..พ่อ?” ฮักจุนที่เงี่ยหูฟังทั้ง 2 คนคุยกันเบิกตาโพลง “อย่าบอกนะเขาคือ CEO ของซองอิลกรุ๊ป?”
ซองอิลกรุ๊ป บริษัทที่ไม่เพียงมีชื่อเสียงในเกาหลีเท่านั้น แต่ซองอิลกรุ๊ปโด่งดังไปทั่วโลกและซงฮย็องกิเป็นลูกชายคนสุดท้องของครอบครัว
“ถูกต้อง คุณพ่อมาไกลถึงสหรัฐอเมริกา เพื่อมารับชมการแข่งขันโดยเฉพาะ ตามปกติท่านไม่ค่อยแยแสกับงานลักษณะนี้สักเท่าไหร่ แต่แปลกมากที่ครั้งนี้ท่านสนใจ”
“คุณพ่อมาให้กําลังใจคุณหรือปาว?” ฮักจุนถาม
“ไม่หรอก คุณพ่อไม่ได้มาให้กําลังใจฉัน แค่คําพูดให้กําลังใจง่ายๆท่านยังไม่พูดออกมาสักคํา” ซงฮยองกิทําสีหน้ากระอักกระอ่วนประหนึ่งว่าความสัมพันธ์ของเขากับพ่อไม่ลงรอยกันเท่าไหร่
“แม้ว่าฉันจะไม่ถูกกับคุณพ่อ แต่ในฐานะที่ฉันเป็นลูก ก็ต้องเข้าไปทักทายตามภาษาพ่อลูกเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ทว่าสําหรับฉันมันเป็นช่วงเวลาที่ตันอกทันใจสุดๆ เผอิญพวกนายมาพอดีฉันเลยหาข้ออ้างแยกตัวออกมาได้”
“มิน่าเล่า พอนายเห็นฉัน สีหน้าของนายถึงมีความสุขเหลือเกิน”
“แน่นอนสิ หากคุณพ่อไม่อยู่ที่นี่ เจอหน้านายก็ไม่ทําให้ฉันมีความสุขหรอก”
“รวมไปถึงมิรุด้วยใช่ไหม?”
“มิรุเป็นข้อยกเว้นเฟ้ย”
ซงฮยองกิไปรอกลางสนามแข่งขันพร้อมกับซูฮยอนและฮักจุน แต่เหมือนซงฮย็องกิจะประหม่านิดหน่อย เพราะเขาเหลียวซ้ายแลขวาตลอดเวลา ไม่นานหลังจากนั้นผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S จํานวนหนึ่งก็เริ่มทยอยมายืนรออยู่บนสนามแข่งขัน
เวลาเปิดงานเริ่มจวนแจเข้ามาทุกที ทําให้ตอนนี้สนามแข่งขันที่กว้างใหญ่เนืองแน่นไปด้วยผู้ตื่นขึ้นหลายร้อยคน
<<อย่างที่คิดไว้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมาร่วมงานครั้งนี้ >>
แม้ว่างานอีเว้นท์สงครามแก่งแย่งอันดับจะจัดขึ้นโดยกอร์ดอนโรฮัน แต่ก็มีผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S หลายคนไม่ให้ความสนใจ เมื่อลองไปพิจารณาตามความเป็นจริงที่ว่า ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ทั่วโลกมีอย่างน้อย 2 คน หรือมากสุด 4 คนต่อประเทศ กะจํานวนด้วยสายตางานสงครามแก่งแย่งอันดับค รั้งนี้ มีผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ครึ่งหนึ่งไม่ได้เข้าร่วม
<<ครึ่งต่อครึ่งอย่างงั้นเหรอ คนที่เข้าร่วมงานมีเยอะพอสมควร>>
การพูดคุยพบปะผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ด้วยกันเองไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพวกเขาต่างมีงานและภารกิจที่ต้องสะสางล้นมือ ส่งผลให้พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้จักคุ้นเคยกัน
ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ยืนเว้นระยะห่าง ไม่ยอมสุงสิงหรือพูดคุยกับใครหน้าไหนทั้งนั้น สีหน้าเต็มไปด้วยความอึดอัด มีแต่กลุ่ม ซูฮยอน ฮักจุก และ ซงฮยองกิ เท่านั้นที่ร่วมตัวกันถึง 3 คน
“จะปล่อยให้พวกเรารออีกนานแค่ไหนกันเนี่ย” ซงฮยองกินั่งชันเข่าบนพื้นและบ่นกระปอดกระแปดออกมาอย่างหมดความอดทน
สงครามแก่งแย่งอันดับถึงเวลาเริ่มแล้วแท้ๆ แต่สถานการณ์ในสนามแข่งขันยังคงเงียบกริบ
“อีกไม่นานหรอก รอไปก่อน” ซูฮยอนตอบ
“ไม่นานเหรอ? แล้วมันเมื่อไหร่กันล่ะ?”
ซูฮยอนเงยหน้าขึ้นมองเพดานสนามแข่งขันและพูดขึ้นว่า “เหมือนงานกําลังจะเริ่มแล้วนะ”
ปรี้ด!!
เสียงนกหวีดดังมาจากเพดานสนามแข่งขัน ผู้ตื่นขึ้นเงยหน้ามองพร้อมกัน ใบหน้าที่พวกเขาเห็นจนชินตากําลังก้มมองมาด้านล่าง
“กอร์ดอน โรฮัน”
“เจ้าภาพหลักมาสายนะรู้ตัวไหม?”
“คนที่ยืนถัดจากเขาเป็นใครกัน?”
ข้างๆกอร์ดอนโรฮันมีใครบางคนยืนขนาบอยู่ เขาสวมใส่เสื้อแขนยาวสวมฮูดปิดบังใบหน้าเอาไว้ บรรยากาศรอบตัวเคร่งขรึม
เมื่อกอร์ดอนโรฮันปรากฏตัว สนามแข่งขันที่เงียบกริบเริ่มเกิดเสียงพูดคุยเซ็งแซ่
กอร์ดอนโรฮันมองผู้ตื่นขึ้นที่ยืนอยู่กลางสนามแข่งขันและกล่าวขึ้นว่า “ขอขอบคุณผู้ตื่นขึ้นทุกคนที่ตัดสินใจเข้าร่วมงานของฉัน และขอขอบคุณผู้ชมทางบ้านจากทั่วมุมโลกที่ให้ความสนใจงานครั้งนี้อย่างใกล้ชิด”
เสียงพูดของกอร์ดอนโรฮันดังก้องกังวานไปทั่วสนามแข่งขันขนาดใหญ่ คําพูดที่เปล่งออกมาจากปากของเขาถูกแปลเป็นภาษาต่างประเทศอย่างรวดเร็วและบรรยายใต้คลิปวิดีโอที่กําลังถ่ายทอดสดเผยแพร่ไปทั่วโลก ความพร้อมเพรียงที่เกิดขึ้น แสดงว่ากอร์ดอนโรฮันแอบเตรียมการมาหลายปี เพื่องานวันนี้โดยเฉพาะ
“ผมไม่ชอบพูดยืดเยื้อ ต่อความยาวสาวความยืด อีกอย่างสุนทรพจน์ยาวความคงไม่ถูกใจพวกคุณใช่มั้ย ขออนุญาตกล่าวเข้าประเด็น ผมขอแนะนํากรรมการผู้ตัดสินสงครามแก่งแย่งอันดับให้ทุกท่านได้รู้จัก” กอร์ดอนโรฮันพูดจบ ก็ผายมือไปทางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ผมมั่นใจว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ต้องเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเขามาบ้าง คนที่ยืนอยู่ข้างผมเป็นผู้คิดค้นระบบประเมินผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ขึ้นมา เขามีชื่อว่า จอห์นนี่ แบรด!!”
ชื่อที่ไม่คาดคิดเป็นเหตุให้ผู้ตื่นขึ้นทุกคนส่งเสียงฮือฮาออกมา
“จอห์นนี่ แบรด?”
“เขามาที่นี่จริงดิ?”
จอห์นนี่ แบรด เป็นชื่อที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้ตื่นขึ้น แต่สําหรับประชาชนทั่วไปอาจไม่ค่อยพูดถึง เขามากนัก เครื่องประเมินผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ที่ประเทศทั่วโลกนิยมใช้ จอห์นนี่แบรดหนึ่งในผู้ตื่นมากฝีมือเป็นคนคิดค้นระบบประเมินนั้นขึ้นมาและต่อมาเขาถูกยกย่องให้เป็นผู้ตื่นขึ้นที่ชํานาญสกิลภาพหลอนมากที่สุดในโลก…
<<กอร์ดอน โรฮัน และ จอห์นนี่ แบรด…>>ซูฮยอนคิดในใจ
ผู้ตื่นขึ้นชั้นแนวหน้าของโลกยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กัน ถือได้ว่าเป็นฉากเปิดงานสงครามแก่งแย่งอันดับที่น่าตื่นตาตื่นใจ
<<เตรียมงานได้ครบครัน สมกับที่เป็นกอร์ดอนโรฮัน>>
ซูฮยอนสันนิษฐานในใจ การปรากฏตัวของจอห์นนี่แบรด ไม่ใช่เป็นแค่กรรมการตัดสินเพียงอย่างเดียว..
<<จอห์นนี่ แบรด เชี่ยวชาญด้าน ภาพหลอน เวทมนตร์ และ คาถาอาคม>>
ความสามารถที่เขาครอบครองทําให้ไม่มีใครสามารถระบุ จุดอ่อน จุดแข็ง ที่แน่ชัดข องจอห์นนี่แบรดได้อย่างแจ่มแจ้ง และเนื่องด้วยจอห์นนี่แบรด มีความสามารถรอบด้าน เขาจึงดูกผู้คนมากหน้าหลายตาเชิดชูให้เป็นผู้ตื่นขึ้นที่มีทักษะการต่อสู้มากที่สุดในโลก
“ทุกคนโปรดเงียบ…”
หลังจากกอร์ดอนโรฮันเงียบไปสักพัก พื้นของสนามแข่งขันจรัสแสงเรืองรองออกมาฉับพลัน..
“ฤกษ์งามยามดีได้มาถึง สงครามแก่งแย่งอันดับถึงคราวเปิดม่านขึ้น ณ บัดนี้”