ตอนที่ 129
“นายนี่มันจองหองจริงๆ”
ผู้ตื่นขึ้นคนหนึ่งก้าวเดินมาข้างหน้าอย่างห้าวหาญ กิริยาท่าทางเหมือนกับทนฟังเสียงคําพูดอวดดีของซูฮยอนไม่ไหวอีกต่อไป
ซูฮยอนจําชื่อของชายตรงหน้าได้ เพราะเขาเคยได้ยินชื่อชายตรงหน้าผ่านหูมาก่อนในชาติที่แล้ว
แต่อีกฝ่ายไม่มีจุดเด่นอะไรน่าจดจําเป็นเหตุให้ซูฮยอนจําใบหน้าไม่ได้
<<จอห์น คลีส ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S คนแรกของประเทศอินเดีย>>
คําว่า [คนแรก] ถือได้ว่าเป็นเครื่องหมายพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตัวเองได้อย่างดี เพราะมันสามารถตีความหมายได้ว่าเขาเดินนําผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ในประเทศตัวเองอยู่หนึ่งก้าว แต่สําหรับซูฮยอน ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นแรงค์ S คนแรกของโลก เขาก็ไม่เกรงกลัวและไม่เก็บมาคิดให้รกสมอง…
“จองหองหรือไม่ เดี๋ยวนายก็รู้เอง”
“เงียบปากซะ!”
วุป!!
จอห์น คลีส กระแทกฝามือลงพื้นดินเต็มแรง ปากขนาดใหญ่โผล่ออกมาบริเวณข้อเท้าของซูฮยอนอีกรอบ แต่รอบนี้แตกต่างจากรอบแรก เพราะปากขนาดใหญ่หมายมั่นกลืนซูฮยอนลงไปทั้งตัว
ปัง!
ปากที่กําลังกลืนกินตัวซูฮยอนเข้าไป โดนหมัดซัดเต็มเปา เขี้ยวมโหฬารร่วงหล่นออกมาจากปาก..
“รามิกค์! โลว์!! ช่วยหน่อย”
จอห์น คลีส ตะโกนเรียกเพื่อนร่วมทีมอีก 2 คนให้มาช่วยเหลืออีกแรง การพูดคุยด้วยท่าทีสนิทสนม ประหนึ่งว่าพวกเขาเป็นกัลยาณมิตรกันเนิ่นนาน
ทั้ง 2 คนที่ถูกเรียกตัว พุ่งเข้าโจมตีซูฮยอนคนละทาง
ฟรึ่บ!!
ฉัวะ!! ฉัวะ!!
ชายหนุ่ม 2 คน ตวัดดาบฟันฝูงที่เลื้อยขวางทางเดิน งูทุกตัวที่สัมผัสกับคมดาบ ลําตัวขาดครึ่งออกจากกันทันทีแล้วระเบิดตูมกลายเป็นดอกไม้ไฟโลหิต เศษชิ้นเนื้อและละอองเลือดลอยเต็มอากาศ
“ฉันมีเรื่องอยากจะเตือนพวกนายสักหน่อย”
“นะ นี่มัน!!”
“อะไรกัน!!”
รามิกค์ และ โลว์ รีบก้มหน้าสํารวจมือและเท้า พวกเขาพบว่าตัวเองไม่สามารถขยับประชิดตัวซูฮยอนได้อีก ร่างกายหยุดชะงักอยู่กับที่ ไม่ยอมทําตามคําสั่ง มือและเท้าที่เปื้อนเลือดงูสีม่วง และสีน้ำเงิน เริ่มแปรสภาพกลายเป็นหิน
“ พวกนายคิดจริงๆเหรอว่าภาพหลอนที่กําลังเผชิญหน้ากันอยู่ เป็นเหมือนภาพหลอนทั่วๆ ไป?” ซูฮยอนถาม
“ไม่จริง…”
“บัดซบ!!”
พิษกําลังแพร่กระจายไปตามส่วนต่างๆของร่างกายอย่างต่อเนื่อง พวกเขาพยายามสงบสติและตั้งใจขับพิษที่แทรกซึมผ่านชั้นผิวหนัง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีสกิลชําระพิษ แต่การยับยั้งพิษไม่ให้แพร่กระจายไปมากกว่านี้ พื้นฐานสามารถทําได้โดยการใช้พลังเวทย์เป็นตัวช่วย
พิษที่พวกเขากําลังประสบปัญหา เป็นผลมาจากสกิลภาพหลอน หากจอห์นนี่ แบรดคลายผลของสกิลออกไปภาพหลอนตรงหน้าจะหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ปัญหาคือตอนนี้พวกเขากําลังอยู่ในสงครามแก่งแย่งอันดับ จอห์นนี่ แบรดไม่มีทางคลายภาพหลอนออกแน่นอน และผลสุดท้ายพวกเขาอาจตกรอบเพราะพิษที่กําลังแล่นไปทั่วร่างกาย
“ให้ตายเถอะ พวกไม่ได้เรื่อง”
มิราลด์ที่ตั้งหลักอยู่ไกลสุดและกําลังเตรียมการโจมตีชุดใหม่ เมื่อเห็นเพื่อนในทีมคนอื่นๆตกอยู่ในสภาพอเนจอนาถ เธออดสบถออกมาอย่างหัวเสียไม่ได้
ไม่นานสกิลของมิราลด์ก็แผลงฤทธิ์ แมลงหลายพันตัวบินฉวัดเฉวียนรอบตัวซูฮยอน พวกมันเป็นแมลงที่มีต่อมพิษร้ายแรงไม่ต่างกับฝูงที่สร้างขึ้นมาจากภาพหลอนจอห์นนี่ แบรด
ความรุนแรงของพิษสามารถคร่าชีวิตผู้คนได้อย่างง่ายดาย ทว่า….
ฉัวะ!!!
ซูฮยอนชักดาบออกมาจากผักและทําการกวัดไกวดาบทําลายภาพหลอนทิ้ง
ตูม!
ภาพหลอนถูกทําลายลงชั่วพริบตา การโจมตีเพียงครั้งเดียวก็สามารถสังหารแมลงหลายพันตัวลงได้พร้อมกันโดยไม่ต้องเปลืองแรง
เมื่อมิราลด์รู้ว่าภาพหลอนของเธอหลุดออกจากการควบคุม เธอสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจเท้าเผลอก้าวถอยหลังไปโดยห้ามใจไม่อยู่
ฟรึ่บ!!!
ซูฮยอนกระทืบเท้าพุ่งตัวไปข้างหน้า คนที่เขาหมายตาเอาไว้เป็นคนแรกคือ จอห์น คลีส เหตุผลเป็นเพราะอีกฝ่ายอยู่ใกล้เขามากที่สุด
<<ไม่ดีแน่ ฉันต้องหนีออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด>>
รามิกค์ และ โลว์ ฝันขยับเท้าที่กําลังกลายเป็นหินก้าวถอยหลัง สายตาตรึงไว้ที่ร่างกายซูฮยอน เพื่อคอยรับมือสถานการณ์สุดวิสัย
แต่ทันใดนั้นซูฮยอนก็หันหน้ามามองพวกเขาฉับพลัน ดวงตาสีเหลืองอําพันกระพริบวูบวาบ
[เนตรที่สาม – ผู้ล่า]
ร่างกายของพวกเขาแข็งที่อขยับเขยื้อนไม่ได้แม้แต่นิ้ว แข็งเกร็งไปทั่วร่างราวกับว่ากล้ามเนื้อโดนงูขนาดใหญ่บีบรัด การที่ร่างกายพวกเขาอัมพาตในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไม่ใช่เรื่องดี เพราะอาจมีภยันตรายผลาญชีวิตพวกเขาได้ง่ายๆ
ปัง!
“อึก!!”
“อ๊ากกก!!”
ซูฮยอนเมินจอห์นคลีสและเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ไปเป็นชายหนุ่ม 2 คนที่กําลังคิดถอยหนี มือของเขาเอื้อมออกไปจับหัวทั้ง 2 คนอย่างละข้าง จากนั้นก็กระแทกหัวของพวกเขาลงพื้นเต็มกําลัง
เมื่อเห็นว่าซูฮยอนละเลยจากเขาไป จอห์น คลีสรีบประสานมือเข้าหากัน
โลงศพหอกเหล็กกล้า]
โลงศพสีดําขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินแล้วกระหนาบซ้ายขวาของซูฮยอน โลงศพฉวยโอกาสทีเผลอพุ่งเข้าหาซูฮยอนและขังเขาเอาไว้ด้านใน
ภายใน [โลงศพหอกเหล็กกล้า] ประกอบไปด้วยหนามเล็กๆนับพันชิ้นติดไว้บริเวณฝ่าโลงศพ ความคมของมันเหมือนหอกเหล็กกล้าทุกประการ หากผู้ตื่นขึ้นเผลอติดอยู่ในโลงศพ ร่างกายของพวกเขาจะโดนหนามแหลมคมเจาะจนเป็นรูพรุนและจะสิ้นใจอย่างทุกข์ทรมาน
<<เสร็จฉันล่ะ>>จอห์น คลีสคิดในใจ
เขาเริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายชัยชนะ
<<ไม่ว่านายจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน ถ้าเกิดติดอยู่ใน โลงศพหอกเหล็กกล้า] ของฉันล่ะก็ นายหมดโอกาสหนีแน่>>
แต่ทว่า………..
กึก!! กึก!!
ฝาโลงศพที่ปิดแน่นสนิทพลันค่อยๆเปิดแง้มขึ้น จอห์น คลีส ผู้เป็นเจ้าของสกิล [โลงศพหอกเหล็กกล้า] ตกใจตาถลนและตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดผวา
“อะไรกัน!! เป็นไปไม่ได้!!”
ซูฮยอนใช้มือข้างเดียวผลักฝาโลงศพให้เปิดออก ส่วนมืออีกข้างทําลายหนามแหลมคมยับเยิน
หนามที่แทงทะลุได้แม้กระทั่งเหล็กแผ่นหนาๆ โดนหมัดของซูฮยอนกระหนําต่อยจนบิดงอเสียรูปทรง
ในไม่ช้าโลงศพสีดําที่จอห์นคลีสเป็นผู้สร้างขึ้นก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ จอห์น คลีสกระโดดถอยหลังเพื่อร่ายสกิลอย่างอื่น ยังไม่ทันได้ตั้งท่าดีเขารู้สึกว่าบริเวณหนังหัวปวดแสบปวดร้อนอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“อ๊ากกกก!!”
เปลวเพลิงสีครามลุกโชติช่วงขึ้นบนหนังหัวของ จอห์น คลีส ความร้อนแผดเผาเส้นผมจนได้กลิ่นไหม้เกรียมลอยโชยออกมา จอห์น คลีส อดทนต่อความเจ็บปวดไม่ไหว ล้มกลิ้งล้มหงายไปตามพื้น
“ตัวปัญหา เหลือแค่เธอแล้วสินะ” ซูฮยอนปรายตามองมิราลด์
จากทั้งหมด 4 คน เธอเป็นเพียงคนเดียวที่เหลือรอด มิราลด์กันจําเบ้า เนื้อตัวสั่นงันงก
ขณะชายหนุ่ม 3 คน ผู้สมรู้รวมคิดเสียท่าให้ซูฮยอนและถูกโต้กลับอย่างทารุณกรรม ตัวเธอไม่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นเธอตระหนักเป็นอย่างดี ว่าภาพหลอนของเธอใช้กับซูฮยอนไม่ได้ผล
“มะ..ไม่จริงใช่ไหม?”
เธอคิดมาเสมอ หากพวกเขา 4 คนรวมพลังกันจะสามารถเอาชนะซูฮยอนได้ง่ายๆ ฉะนั้นความพ่ายแพ้จึงไม่เคยอยู่ในความคิด
แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาพรรคพวกของเธอแพ้หมดสภาพ ซูฮยอนตัวคนเดียวกลับเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะไปได้อย่างท่วมท้น
ชายหนุ่ม 2 คนที่โดนพิษงูเล่นงานทําให้ร่างกายเคลื่อนไหวไม่สะดวก หากพวกเขาวิ่งหนีมาหาเธอได้ทันท่วงที เธอสามารถขับพิษให้พวกเขาและเปลี่ยนไปใช้แผนสํารองที่เตรียมเอาไว้ แต่ใครจะไปคิดซูฮยอนจะเปลี่ยนเป้าหมายจาก จอห์น คลีส กะทันหัน แล้วเลือกโจมตีชายหนุ่ม 2 คนนั้นก่อน
อย่างไรก็ตามมิราลด์ยังไม่เข้าตาจน…
“นะ…นายใจเย็นๆก่อน ฉันมีเรื่องอยากบอกกับนาย ตอนนี้พวกเราควรหยุดมือแค่นี้ แล้วหันมาจับเข่าคุยกันดีกว่า”
“ทําไมล่ะ?”
เมื่อเห็นซูฮยอนก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัวและปราศจากความลังเล มิราลด์สะดุ้งไหล่สั่นและพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ภาพหลอนของฉันถูกนายทําลายถูกต้องไหม? แสดงว่าภาพหลอนที่ฉันใช้ใส่กล้องถ่ายทอดสดก็หายไปด้วยเช่นกัน หากนายลงมือโจมตีฉันตอนนี้ ภาพที่ออกมาจะถ่ายทอดสดไปทั่วโลก”
“งั้นเหรอ?”
“ถ้าเป็นแบบนั้นนายอาจตกอยู่ในที่นั่งลําบากก็ได้ จริงไหม? กิลด์ที่ทั้ง 3 คนสังกัด จะโกรธแค้นนาย เกลียดชังนาย สุดท้ายพวกเขาจะตามราวีนายไม่เลิกเพราะภาพที่ถ่ายทอดสด คือนายกําลังโจมตีเพื่อนร่วมทีมโดยไร้เหตุผลและกระทําเกินกว่าเหตุ ผู้ชมทางบ้านก็เหมือนกัน มีหวังพวกเขาตั้งกระทู้ด่าทอนายเสียๆหายๆแน่”
“ที่เธอพูดมาก็มีเหตุผลนะ สมมุติฉันทุบตีเธอไปด้วยอีกคน ชื่อเสียงที่สั่งสมมาของฉันคงปนนี้หมด” ซูฮยอนกล่าวตอบ
ซูฮยอนคิดไว้อยู่แล้วว่าคําพูดที่จะออกมาจากปากของเธอจะเป็นอะไร ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างกับจินตนาการที่คิดไว้มากนัก..
“ใช่ไหมล่ะ ที่สําคัญสมาชิกในทีมหมดสติไปแล้ว 3 คน หากพวกเรา 2 คน เดินหน้าออกจากเขาวงกตด้วยกัน พวกเราจะสามารถเข้าสู่รอบถัดไปได้ทันที จริงไหม?”
“นั่นสินะ เป็นความคิดที่ไม่เลว จะได้จบการทดสอบบ้าๆสักที” ซูฮยอนกล่าวตอบ
“เป้าหมายของฉันคือผ่านเข้าสู่รอบถัดไป เพื่อรับเงินรางวัลและสิทธิพิเศษแค่นั้นเอง ฉันไม่คาดหวังชัยชนะเลยสักนิด ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาย เพราะงั้นหยุดมือแค่นี้เถอะ”
<<ชายหนุ่มที่เปี่ยมล้นไปด้วยพรสวรรค์อย่างเขา ต้องคาดหวังในชัยชนะอย่างแน่นอน แต่สําหรับฉัน ชัยชนะไม่ใช่เป้าหมายที่เพ่งเล็งเอาไว้>>
สิ่งที่เธอต้องการ คือเงินรางวัลและสิทธิพิเศษที่ทางผู้จัดงานจัดเตรียมเอาไว้สําหรับผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายของสงครามแก่งแย่งอันดับ หากเธอผ่านเข้าสู่รอบถัดไปได้ เกียรติยศมากมายจะหลั่งไหลมาหาเธอไม่ขาดสาย
การที่เธอสามารถดิ้นรนเข้าสู่รอบถัดไปได้สําเร็จ หมายความว่าในบรรดาผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ที่เข้าร่วมงานทั้งหมด 175 คน เธอไม่ได้อยู่อันดับรั้งท้าย
สําหรับผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S เงินรางวัลที่ได้จากการผ่านเข้าสู่รอบถัดไปไม่ได้มากมายอะไร ตามปกติพวกเขาก็มีรายได้ไม่ขาดมืออยู่แล้ว สิ่งที่ใครหลายๆคนหมายตาคือสิทธิพิเศษที่ได้รับจากสงครามแก่งแย่งอันดับต่างหาก แม้แต่ตัวเธอเองก็คาดหวังด้วยเช่นกัน
การผลักดันให้ตัวเองได้อันดับสูงๆ ย่อมหมายความว่าคนผู้นั้นเป็นผู้ตื่นขึ้นมากความสามารถหลังจากสงครามแก่งแย่งอันดับยุติลง ผู้ตื่นขึ้นคนนั้นจะกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในการโจมตีดันเจี้ยน ทําให้ผลกําไรที่ได้จากการโจมตีดันเจี้ยมได้เป็นกอบเป็นกํา ไม่ว่าจะเป็นเงินตราหรือหินอีเธอร์
“นายคิดว่าไงบ้าง? คําพูดของฉันฟังดูเข้าท่าใช่ไหมล่ะ?”มิราลด์ถาม
“ก็จริง…” ซูฮยอนตอบกลับพร้อมส่ายหัว
“แต่ฉันไม่ชอบความคิดของเธอนะสิ”
“อะไรนะ?”
แม้ว่าภาพถ่ายทอดสดจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ซูฮยอนก็ยังเลือกมุ่งหน้าไปหามิราลด์อย่างแข็งขัน สําหรับเขาความคิดของมิราลด์ตื้นเขินเกินไป เธอเป็นฝายแทงข้างหลังเขาก่อน แต่พอแพ้หมดรูป เธอกลับมานั่งเกลี้ยกล่อมให้ซูฮยอนเข้าสู่รอบถัดไปด้วยกันซะงั้น
“นายคิดจะทําอะไร! หยุดนะ!! ทั้งหมดเป็นแค่การแข่งขันทั่วไป พวกเราไม่เคยคู่อาฆาตกันเสียหน่อย อย่าลงไม้ลงมือกันเลย”มิราลด์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
ซูฮยอนเอื้อมมือออกไปหาเธอแล้วพูดตอบ “ “ฉันขอโทษเธอจริงๆ เธอต้องทําความเข้าใจด้วยว่าสาเหตุที่ฉันทําลงไป เพราะฉันไม่มีทางเลือก”
ซูฮยอนพูดต่อ ขณะจับหัวของมิราลด์ด้วยมือข้างเดียว “โลกก็เป็นเช่นนี้”
นัยน์ตาของมิราลด์เบิกโพลง คําพูดที่เปล่งออกมาจากปากซูฮยอน เป็นคําพูดที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี
<<ฉันขอโทษนายจริงๆ นายต้องทําความเข้าใจด้วยว่าสาเหตุที่พวกเราทําลงไป เพราะพวกเราไม่มีทางเลือก โลกก็เป็นเช่นนี้ คนเก่งเกินหน้าเกินตา มักมีจุดจบไม่สวย>>
นั่นคือคําที่เธอเคยพูดให้ซูฮยอนฟังช่วงก่อนหน้านี้ และยามนี้ซูฮยอนก็ส่งคําพูดของเธอกลับคืนมา เธอตระหนักเป็นอย่างดีว่าเหตุผลที่เขาเหลือเธอไว้คนสุดท้าย ไม่ใช่เพราะเขามองข้ามและยอมปล่อยเธอไป แต่เขาอยากเก็บเธอไว้จัดการที่หลังต่างหาก..
“อย่าทําฉันเลย ฉันขอยอมแพ้”มิราลด์ประกาศยอมจํานนโดยไม่ลังเล
“ยอมแพ้แล้วไง ฉันไม่สน”
ปัง!!
แม้มิราลด์จะประกาศออกมาชัดถ้อยชัดคําว่า [ขอยอมแพ้] แต่ซูฮยอนไม่อินังขังขอบ เขาจับหัวของเธอกระแทกพื้นเต็มกําลัง พื้นดินยุบตัวแตกละเอียด หน้าของมิราลด์ฝังดินมิดหัว
ร่างกายของมิราลด์ อ่อนแอกว่าชาย 3 คนมาก ส่งผลให้เธอได้รับความเจ็บปวดรวดร้าวสุดพรรณนาไปเต็มๆ
“ต่อให้เธอยอม แต่คิดเหรอว่าฉันจะยอมรามือง่ายๆ”
ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ในทีมจํานวน 4 คน โดนซูฮยอนทุบตีจนตกอยู่ในสภาพสะบักสะบอม ทุกคนนอนแน่นิ่งไม่กระดิกกระเดี้ย ซูฮยอนยกมือปัดเศษฝุ่นที่เกาะอยู่ตามเนื้อตัว และหมุนตัวมุ่งหน้าไปทางออก
[มิราลด์ , จอห์น คลีส , รามิกค์ , โลว์ หมดสภาพต่อสู้ พวกเขาถูกคัดออกจากการทดสอบ]
จอห์นนี่ แบรดที่เฝ้าชมการต่อสู้ผ่านกล้องถ่ายทอดสด เมื่อเห็นว่าทั้ง 4 คนหมดสภาพต่อสู้ เขาจึงทําการปลดทั้ง 4 คนออกจากการทดสอบทันที ซึ่งหมายความว่า การทดสอบของทีมที่ 3 ซูฮยอนลอยตัวผ่านเข้ารอบต่อไปเพียงคนเดียว
**************
“กรณีที่เกิดขึ้น นายคิดว่าเพราะเขาแข็งแกร่งหรือทั้ง 4 คนเป็นแค่ไก่อ่อนสอนขัน?” กอร์ดอน โรฮันรับชมการต่อสู้ผ่านหน้าจอหันหน้าไปถามจอห์นนี่ แบรด
จอห์นนี่ แบรดตอบกลับด้วยน้ำเสียงเนิบนาบเช่นเคย “น่าจะเป็นเพราะความแข็งแกร่ง”
“เอาจริงดิ? เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เป็นเรื่องจริง เขาแข็งแกร่งมาก”
กอร์ดอนโรฮันเหลือบมองจอห์นนี่แบรดที่ยืนอยู่ข้างตัว อีกฝ่ายซ่อนใบหน้าที่แท้จริงเอาไว้ภายใต้เสื้อฮูด เขามองไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายก็จริง แต่เสียงที่เปล่งออกมาฟังดูค่อนข้างเด็กกว่าที่คิดไว้ การพูดของจอห์นนี่แบรดแต่ละครั้งเหมือนเด็กที่พยายามดัดเสียงเรียนแบบผู้ใหญ่มากกว่า อย่างกับว่าจอห์นนี่แบรดไม่ประสงค์เปิดเผยเสียงที่แท้จริงของตนเอง
จอห์นนี่แบรดเป็นคนเงียบขรึมไม่ค่อยพูดจากับกอร์ดอนโรฮันบ่อยนัก พวกเขายืนข้างกัน ฉะนั้นลมหายใจที่หนักหน่วงคล้ายคนกําลังตื่นเต้นของจอห์นนี่แบรด จึงไม่อาจหลุดรอดไปจากสายตาของกอร์ดอนโรฮันได้
“นายคิดว่าเขาเก่งแค่ไหน ยังกลบใต้อยู่อีกหรือป่าว?” กอร์ดอนโรฮันถาม
“ฉันคิดว่าเขาซ่อนความสามารถที่แท้จริงเอาไว้อีกเยอะ นอกจากใช้ดาบทําลายภาพหลอน ฉันไม่เห็นเขาใช้ดาบต่อสู้กับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นเลย”
“นายไม่คิดบ้างเหรอว่า ดาบของเขาอาจมีไว้เพื่อหลอกตาศัตรูก็ได้?”
“การเหวี่ยงหมัดแต่ละครั้งของเขาดูเงอะงะ หมายความว่าการโจมตีที่เขาชํานิชํานาญมากที่สุดต้องเป็นดาบไม่ผิดแน่”
“ฉันก็คิดแบบเดียวกัน ในเมื่อนายเห็นพ้องต้องกันเหมือนกับฉัน แสดงว่าฉันคิดถูกสินะ”
พวกเขามีความคิดเห็นไปในอีหรอบเดียวกัน หมายความว่าซูฮยอนโจมตีเพื่อนร่วมทีม 4 คนอย่างหมดสภาพ โดยไม่จําเป็นต้องหยิบอาวุธหลักขึ้นมาใช้
“ข่าวลือบอกว่าเขาเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง เหมือนจะเป็นความจริง” กอร์ดอนโรฮันพูด
ชื่อเสียงของซูฮยอนกลายเป็นที่รู้จักวงกว้างมากขึ้น หลังจากทราบว่าเขาท้าทายความยากในหอคอยแห่งการทดสอบระดับที่ 10 เมื่อเขาได้มาเหยียบตําแหน่งแรงค์ S เขาถูกหลายฝ่ายขนานนามว่าเป็นดาวรุ่งดวงใหม่แห่งวงการผู้ตื่นขึ้น
เวลาล่วงเลยไปประมาณหนึ่งปี เขาสามารถผลักดันตัวเองก้าวเข้าสู่รอบถัดไปของสงครามแก่งแย่งอันดับ โดยการปราบผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ทั้ง 4 คน อยู่หมัด ความแข็งแกร่งของเขาเติบโตอย่างก้าวกระโดด
<<เขาอยู่เหนือความคาดหมายของฉันจริงๆ คนมากความสามารถแบบเขา ไม่รู้ว่าบนโลกจะมีอยู่ทั้งหมดกี่คน>>
กอร์ดอนโรฮันไถ่ถามจอห์นนี่แบรดด้วยสีหน้าตื่นเต้น “นายคิดว่าสงครามแก่งแย่งอันดับมีใครเป็นม้ามืดเหมือนเขาอีกไหม?”
“ฉันก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าในบรรดาผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด มีคนแข็งแกร่งซ่อนตัวอยู่อีกหรือป่าว…ขอเช็คหน่อยแล้วกัน” จอห์นนี่ แบรดกวาดตามองผู้ตื่นขึ้นที่เข้าร่วมการแข่งขันผ่านหน้าจอ “รู้สึกจะมีอยู่นะ”
“เป็นใครงั้นเหรอ?”
“ฉันขอเก็บเป็นความลับดีกว่า บอกนายไปก็หมดสนุกกันพอดี” จอห์นนี่ แบรดตอบกลับอย่างคลุมเครือ
หลังจากได้รับคําตอบแสนกํากวม กอร์ดอนโรฮันก้มหน้ามองไปที่หน้าจอเหมือนเดิม
เมื่อทีมที่ 3 ของซูฮยอนยุติลง ทีมที่ 4 ก็รับช่วงต่อ
<<ทีมต่อไป ใครกันที่จะได้เป็น [ตัวจริง] และสามารถผ่านเข้าสู่รอบถัดไปได้กันนะ?>>
กอร์ดอนโรฮันไม่ต้องการให้คนไร้ความสามารถผ่านเข้าสู่รอบต่อไป เขาอยากให้รอบต่อไป มีแต่คนที่มีฝีมือ [อย่างแท้จริง] เท่านั้น
ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S มากความสามารถ ถึงจะเหมาะแก่การเป็นคู่ต่อสู้ของเขา เพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ว่ากอร์ดอนโรฮัน คือผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ที่ยอดเยี่ยมและแข็งแกร่งที่สุด
“ถึงรอบของเขาแล้ว”
“นายเห็นคนนั้นไหม เขาก็เป็น [ตัวจริง] ที่นายกําลังตามหาเช่นกัน” จอห์นนี่ แบรดพูด
“ผู้ชายคนนั้นเหรอ?” กอร์ดอนโรฮันมองไปยังหน้าจอแล้วเอียงหัวลงข้างหนึ่ง “ฉันไม่เคยเห็นเขาผ่านตามาก่อนเลยแฮะ”
กอร์ดอนโรฮันพยายามใช้สมองนึกสุดความสามารถ แต่ก็นึกไม่ออกว่าอีกฝ่ายมีชื่อว่าอะไร..