ตอนที่ 130
รอบคัดเลือกของสงครามแก่งแย่งอันดับดําเนินมาถึงรอบที่ 7
ในรอบที่ 7 ภารกิจที่ทีม 7 สุ่มได้ คือ ภายในระยะเวลา 10 นาที สมาชิกในทีมทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจปกป้องกันและกันจากฝูงมอนสเตอร์ แต่ก่อนที่ผลสรุปการทดสอบจะออกมา ผู้ชมที่จับตาดูการทดสอบอยู่ภายนอกต่างเบิกตากว้างกับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“มาไม้นี้จริงดิ? บ้าดีเดือดชิบเป๋ง!!”
“โหดร้ายสุดๆ”
ซงฮย็องกิและฮักจุนที่กําลังชมการทดสอบผ่านหน้าจอขมวดคิ้วพร้อมกัน กล้องจับภาพในเห็นผู้เข้าแข่งขัน 5 คน แต่การทดสอบเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน กลับมีผู้เข้าแข่งขัน 3 คนนอนหมดสติบนพื้น แขน ขา ของพวกเขางอผิดรูป ชายคนที่ 4 เมื่อเห็นว่าคนที่ทําร้ายเพื่อนร่วมทีม 3 คนกําลังย่างก้าวใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขารีบกล่าวยอมแพ้โดยไม่คิดให้เสียเวลา ทําให้รอบที่ 7 มีคนผ่านเข้ารอบเพียงคนเดียว
เมื่อทราบผลว่าตัวเองผ่านเข้ารอบเพียงคนเดียว ผู้ที่ หักแขน หักขา ของชาย 3 คนและบีบบังคับให้อีกคนยอมแพ้ ยิ้มเยาะออกมาอย่างได้ใจ
“ไอ้หมอนั้นจงใจชัดๆ คนอื่นๆในทีมสวนกลับไม่ได้สักคน” ซูฮยอนกล่าวขณะสายตามองหน้าจอ
ฮักจุนพยักหน้าเห็นด้วย “พี่พูดถูก”
“ทุกคนคงคิดเหมือนกับฉันสินะ ว่าเขามีฝีมือไม่หยอก”
“เขาชื่ออะไรเหรอครับ พอรู้บ้างไหม?”
“เขาชื่อ โทมัส มาธิอัส จากประเทศเยอรมนี เขาเพิ่งได้ตําแหน่งแรงค์ S เมื่อไม่นานมานี้เอง”
“เมื่อไม่นาน? ไม่น่าเชื่อ”ฮักจุนพินิจมองโทมัสที่ยืนโดดเดี่ยวอยู่บนหน้าจอ
อายุของเขาอยู่ในช่วง 20 กลางๆ กระเดียด 20 ปลายๆ มีผมสีแดงผิดธรรมชาติมองเห็นได้สะดุดตา กิริยาท่าทางภายนอกของเขาเหมือนเป็นผู้ชายอารมณ์ดี อัธยาศัยเป็นกันเอง ต่อล้อต่อเถียงกับคนอื่นไม่เก่ง เพราะตลอดการแข่งขันเขาไม่เคยหุบรอยยิ้มเลยสักครั้ง
“เขาแข็งแกร่งถึงขนาดนี้เลย?”
หากนับรวมซูฮยอนไปด้วย โทมัสถือเป็นคนที่ 2 ที่แสดงพลังเก่งกล้าของตนเองออกมาแล้วคว้าชัยชนะมาได้อย่างท่วมท้น ทุกคนที่ชมการทดสอบผ่านหน้าจอสามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังของเขาอย่างชัดเจน ฮักจุนจึงไม่อยากยอมรับว่าเขาพึ่งได้ตําแหน่งแรงค์ S เมื่อไม่นาน
“ฉันคาดเดาว่า เขาคงสาละวนปืนปายหอคอยแห่งการทดสอบ มากกว่าการขวนขวาย ชื่อเสียง อํานาจ และ เงินทอง ฉันมั่นใจว่ามีผู้ตื่นขึ้นอีกหลายคนมีลักษณะนิสัยเหมือนเขา ในเมื่อกิจวัตรประจําวันวกเวียนอยู่ในหอคอยแห่งการทดสอบ ไม่แปลกหากพวกเขาไม่เป็นที่รู้จัก” ซงฮย็องกิกล่าว
“เพราะอะไร ทําไมเขาถึงตัดสินใจเข้าร่วมสงครามแก่งแย่งอันดับเอาปานนี้?”
“เหตุผลก็ง่ายๆ เขาคงกังขาความแข็งแกร่งของตนเองนั้นแหละ อารมณ์ประมาณว่า เมื่อเทียบกับผู้ตื่นขึ้นที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ตัวฉันแข็งแกร่งแค่ไหนกันนะ?] อะไรทํานองนี้ แต่บอกไว้ก่อนคําพูดที่ฉันพูดออกมาเป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น”
“อืม…มีโอกาสเป็นไปได้สูง”ฮักจุนพยักหน้า สายตาจดจออยู่บนหน้าจออีกครั้ง
โทมัสเตะตัดขาเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆไปหมด ทําให้เหลือเขาเพียงคนเดียวและตอนนี้เขาก็กําลังเดินหน้าทําการทดสอบต่อไปอย่างไม่ลดละ เนื่องจากเขามีทักษะการต่อสู้ติดตัวสูงเทียมเมฆ เขาจึงกล้าลุยเดี่ยวโดยไม่แสดงอาการเคร่งเครียดออกมาให้เห็นผ่านสีหน้า ไม่ต้องบอกก็เดาได้ว่าตําแหน่งรอบถัดไปเขายึดไว้เป็นของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
“ฮักจุน ถ้าเกิดว่านาย”ซูฮยอนกระอีกกระอักครู่หนึ่งและกล่าวต่อ “ถ้ารอบต่อไป นายบังเอิญเผชิญหน้ากับเขา ฉันอยากให้นายยอมถอนตัวออกจากการแข่งขัน ได้ไหม?”
“ไม่มีปัญหาครับ ผมจะทําตามคําพูดของพี่” ฮักจุนพูดตอบและลอบตรวจสอบใบหน้าซูฮยอน
ใบหน้าของซูฮยอนนิ่งเฉยไร้อารมณ์ แต่ฮักจุนสนิทชิดเชื้อและใช้เวลาร่วมกับซูฮยอนมาเนิ่นนาน
ต่อให้ซูฮยอนไม่พูด ฮักจุนก็สามารถบอกได้ว่าปัจจุบันซูฮยอนมีความรู้สึกเช่นไร
อารมณ์ของซูฮยอนกําลังเดือดพล่านด้วยความโกรธมากถึงมากที่สุด
ไม่นานก็ถึงรอบการทดสอบของหมายเลข 17 ฮักจุนที่ได้รับหมายเลข 17 สามารถผ่านเข้าสู้รอบถัดไปได้อย่างไม่ยากเย็น สมาชิกในทีม 17 ร่วมแรงร่วมใจช่วยกันคนละไม้คนละมือ กลมเกลียวกันดุจเพื่อนร่วมรบ ไม่แตกสามัคคีกันเองเหมือนที่มอื่นๆ เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะในทีม 17 มีผู้ตื่นขึ้นจากตะวันออกกลางคนหนึ่งขึ้นชื่อลือชาเรื่องความยุติธรรม เขามีความแข็งแกร่งที่ไม่อาจดูแคลนได้ คนในทีมจึงยอมเชื่อฟังและตั้งให้เขาเป็นหัวหอกหลักของทีม
สมาชิกในทีม 17 จํานวน 5 คน ผู้ที่สามารถเข้าสู่รอบถัดไปได้มีแค่ 2 คน นั้นก็คือ ผู้ตื่นขึ้นจากตะวันออกกลางและฮักจุน
ฮักจุนวิ่งซื้อไปหาซูฮยอนและกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ “พี่ได้ดูผมหรือป่าว?”
“ฉันเห็นเต็ม 2 ตาเลยแหละ นายเก่งมาก”
“เย้! ผมทําสําเร็จแล้ว! โทรไปบอกยันซอนดีกว่า เอ๊ะ!! เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย พี่ชายผมโทรไปหาเธอไม่ได้”
“อย่าลืมสิ ว่าพวกเรากําลังยืนอยู่ในภาพหลอนที่จอห์นนี่ แบรดสร้างขึ้น ไม่แปลกที่นายจะโทรไปหาเธอไม่ได้ เงียบๆและนั่งพักหายใจหายคอซะ นายกําลังรบกวนสมาธิของฉันอยู่ รู้ตัวไหมเนี่ย”
รอบคัดเลือกผ่านพ้นไปได้อย่างราบรื่น ซงฮย็องกิที่เข้าทดสอบเป็นคนสุดท้ายในกลุ่ม ก็สามารถผ่านเข้าสู่รอบถัดไปได้อย่างง่ายดาย แต่รอบที่ผู้คนในความสนใจมากที่สุด คงเป็นรอบของกอร์ดอนโรฮัน ผลลัพธ์สุดท้ายที่ออกมาคือ กอร์ดอนโรฮันสามารถคว้าชัยชนะมาได้ด้วยตัวคนเดียวเฉกเช่นซูฮยอน
“อย่างที่ผมคิดไว้ เขาแข็งแกร่งมากจริงๆ”ฮักจุนพูด
กอร์ดอนโรฮันทําการทดสอบด้วยมือเปล่า ราวกับต้องการให้ซูฮยอนรู้แจ้งถึงศักยภาพที่แท้จริงของเขา
ตลอดการทดสอบเขาไม่ใช้สกิลและเทคนิคพิเศษใดๆ เขาใช้เพียงกําปั้นที่ห่อหุ้มด้วยพลังเวทย์เท่านั้น กําปั้นที่ห่อหุ้มด้วยพลังเวทย์แข็งแกร่งดุจเหล็กชั้นยอด ทุกครั้งที่กําปั้นกระแทกลงบนหัวมอนสเตอร์ ส่วนหัวมักระเบิดเหมือนแตงโมก็ไม่ปาน ความสามารถที่เขาแสดงออกมาส่งผลให้ สมาชิกในทีม 4 คนหมองหม่น
“ไม่แปลก เพราะเขาคือ กอร์ดอนโรฮัน ถ้าเขาถูกคัดออกตั้งแต่รอบแรกถึงจะแปลก” ซงฮย็องกิตอบกลับชัดถ้อยชัดคํา
การอยู่ทีมเดียวกับกอร์ดอนโรฮัน ไม่ต้องดูการทดสอบจนจบ ก็คาดเดาผลลัพธ์ล่วงหน้าได้ว่าใครจะผ่านเข้าสู่รอบถัดไป
ฮักจุนเห็นด้วยกับคําพูดของซงฮย็องกิ กอร์ดอนโรฮันถูกยกย่องให้เป็นผู้ตื่นขึ้นที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ฝีไม้ลายมือย่อมเป็นของจริงอย่างแน่แท้..
เมื่อเสร็จสิ้นรอบคัดเลือก ผู้เข้าแข่งขันมีเวลาพักผ่อนให้ร่างกายหายอ่อนล้า 1 วันเต็ม
ผู้ที่ผ่านเข้าสู่รอบถัดไปมีด้วยกันทั้งสิ้น 66 คน จากเดิน 70 คน แต่เพราะมี 4 ทีม ที่มีผู้เข้าแข่งขันผ่านเข้ารอบเพียงคนเดียว ทําให้จํานวนคนที่ควรเป็น 70 ลดเหลือ 66 คน
เจ้าภาพกล่าวปิดม่านรอบคัดเลือกและเชื้อเชิญผู้ตื่นขึ้นที่ผ่านเข้ารอบ ขึ้นไปนอนพักผ่อนบนชั้นสูงสุดของหอคอยกอร์ดอน บนชั้นที่ 190 ถึงชั้นที่ 199 ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นโรงแรมโดยเฉพาะ
“ว้าว อลังการมาก”
ฮักจุนกวาดตามองรอบห้องด้วยแววตาแปลกประกาย ปากอ้าค้างไม่ยอมหุบ ตลอดชีวิตของฮักจุน เขาไม่เคยเข้าพักโรงแรมหรูหราโอ่อ่ามาก่อน เมื่อมีโอกาสได้เห็นสภาพห้องพักภายในหอคอยกอร์ดอน ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมที่ดีที่สุดในโลก เขาจึงอดกลั้นความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ไหว..
“ใช่ อลังการสมคําร่ำลือจริงๆ ว่าแต่นายมาทําอะไรที่นี่? ห้องนายอยู่ข้างๆไม่ใช่เหรอ”
“ก็ผมไม่ชอบอยู่คนเดียวนี่นา ผมแวะหาพี่ชายซงฮย็องกิมาแล้ว แต่เขาผลักไสไล่ส่งผมออกจากห้องอย่างไร้เยื่อใย เฮ้อ น่าเศร้าใจจริงๆ”
“นายเป็นเจ้าพ่อสังคมขนานแท้ เจอหน้ากันแป๊ปเดียวก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นได้ซะแล้ว”
ฮักจุนที่ซูฮยอนเคยพบในชาติก่อน บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเลือดเย็นและมืดมน แต่ฮักจุนที่ยืนอยู่ตรงหน้าในปัจจุบันแตกต่างจากชาติก่อนอย่างสิ้นเชิง ซูฮยอนนึกสงสัยอยู่บ่อยครั้งว่าระหว่างฮักจุนชาติก่อนกับฮักจุนปัจจุบัน พวกเขาเป็นคนๆเดียวกันจริงเหรอ
หากซูฮยอนไม่บังเอิญเจอฮักจุน ช่วงที่กําลังเผชิญหน้าหอคอยแห่งการทดสอบ เขาอาจคิดว่าฮักจุนตรงหน้าเป็นคนละคนกับในชาติก่อนก็ได้
“ฮักจุน นายมีความมั่นใจมากแค่ไหนเกี่ยวกับรอบถัดไป?”ซูฮยอนถาม
“บอกตามตรงว่าผมไม่มั่นใจเลยสักกระติด ทั้ง พี่ กอร์ดอนโรฮัน และ โทมัส ต่างเป็นคนที่แข็งแกร่ง จะให้ผมเอาอะไรไปสู้ คงไปไม่ถึงรอบชิงชนะเลิศหรอกครับ”
“ฉันไม่ได้ถามว่านายจะไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้ไหม ฉันแค่อยากรู้ว่านายมั่นใจมากแค่ไหน สําหรับรอบถัดไปแค่นั้นเอง”
“อืม…ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับรอบชิงชนะเลิศล่ะก็…”ฮักจุนทําท่าครุ่นคิด
“ผมบรรลุเป้าหมายแรกเรียบร้อย เป้าหมายต่อไปของผม คือการเข้ารอบให้ได้ลึกที่สุด เท่าที่ร่างกายตัวเองรับไหว”
“รอบถัดไป มันไม่ง่ายอย่างที่นายคิดหรอกนะ”
“ผมรู้ แต่คนที่สามารถเอาชนะผมได้ คงมีแค่ไม่กี่คน”
ฮักจุนมีพรสวรรค์ติดตัวมาแต่กําเนิด เขากลายเป็นผู้ตื่นขึ้นไล่เลี่ยกับซูฮยอนและปืนป่ายหอคอยแห่งการทดสอบพัฒนาความสามารถเรื่อยมา ทั้งซูยอนและฮักจุนมีความแข็งแกร่ง ไม่ทิ้งห่างกันมาก แต่ซูฮยอนมีข้อได้เปรียบอยู่ 2 จุดใหญ่ๆ จุดที่ 1 คือประสบการณ์ จุดที่ 2 คือ ความรู้
ซูฮยอนมีความทรงจําจากชาติก่อนติดตัวมา นอกจากความทรงจํา ร่างกายของเขายังสืบทอดประสบการณ์ต่อสู้มาด้วย ทําให้ซูฮยอนล้ำหน้าคนอื่นอยู่หนึ่งก้าวใหญ่
<<หากฉันไม่มีความทรงจําจากชาติก่อน ฉันคงยกระดับความแข็งแกร่งอย่างรวดเร็วไม่ได้ เมื่อเทียบกับในอดีตความแข็งแกร่งของฉันพัฒนาเร็วมาก ฮักจุนก็เช่นกัน ฉันแค่ชี้แนะแนวทางให้เขานิดหน่อย เขาสามารถนําคําชี้แนะไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะแก่ตนเองและเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด>>
ซูฮยอนทราบถึงความแข็งแกร่งของฮักจุนดีกว่าใคร พรสวรรค์แต่กําเนิดของเขากําลังผลิดอกออกผลงอกเงยออกมาเรื่อยๆ ความสามารถของฮักจุนในปัจจุบันยังคงตามหลังผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S คนอื่นหลายก้าวก็จริง แต่สําหรับซูฮยอน ฮักจุนถือได้ว่าเป็นผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ที่มองข้ามไม่ได้ เพราะทักษะการต่อสู้ของฮักจุนเหนือล้ำกว่าผู้ตื่นขึ้นบางคนเสียอีก ภายในหนึ่งหรือสองปีต่อจากนี้ฮักจนต้องแข็งแกร่งมากกว่าตอนนี้แน่
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว นายมีเรื่องที่อยากปรึกษาฉันอีกไหม ถ้าไม่มีนายไปพักผ่อนห้องของตัวเองเถอะ ให้ร่างกายได้พักบ้าง” ซูฮยอนพูด
“ก็ได้ครับ!”
ฮักจุนขานรับและเดินออกจากห้อง สักพักหูของซูฮยอนก็ได้ยินเสียงฮักจุนคุยกับใครบางคนอยู่หน้าประตู เขาสันนิษฐานว่าคนที่กําลังคุยกับฮักจุน ต้องเป็นยันซอนอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อเสียงฝีเท้าของฮักจุนเดินพ้นหน้าประตูไป ซูฮยอนล้มตัวนอนเอกเขนกลงบนเตียงขนาดใหญ่ที่สามารถนอนด้วยกันได้มากถึง 3-4 คน เขายังไม่รีบปิดไฟ สายตาเหม่อมองเพดาน พลางคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาหลายอย่าง
<<โทมัส มาธิอัส>>
ซูฮยอนหวนนึกถึงใบหน้าของชายคนหนึ่งที่เคยเห็นผ่านหน้าจอถ่ายทอดสด
โทมัส หักแขน หักขา เพื่อนร่วมทีมอย่างอํามหิต กลยุทธ์ที่บีบบังคับให้เพื่อนร่วมทีมยอมจํานน มีตั้งหลากหลายวิธี แต่เขากลับเลือกใช้วิธีโหดร้ายทารุณ หลังจากการทดสอบเสร็จสิ้น เขาได้รับคําแจ้งเตือนจากทีมผู้บริหารสงครามแก่งแย่งอันดับ แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ยี่หระกับเรื่องที่เกิดขึ้น ท่าทางพระอิฐพระปูนของเขาทําให้หลายฝ่ายเกิดความกังวล โทมัสไม่ได้ทําผิดกฎการแข่งขัน จึงตัดสิทธิ์เขาออกไม่ได้ บางที่รอบถัดไปความรุนแรงที่เป็นฝีมือของเขาอาจเกิดขึ้นอีกครั้ง
<<คนอย่างเขาไม่ควรเข้าร่วมสงครามแก่งแย่งอันดับเลยจริงๆ ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากให้เขาปืนป่ายอยู่ในหอคอยแห่งการทดสอบโดยไม่สนโลกมากกว่า>>
หลังจากพักร่างกายมา 1 วันเต็ม รอบถัดไปของสงครามแก่งแย่งอันดับกําลังเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเวลาเปิดงาน 14.00 น. เหมือนรอบคัดเลือก
สหรัฐอเมริกาเป็นช่วงเวลาบ่ายสองโมงตรง อากาศร้อนอบอ้าวเพราะแสงแดด แต่เกาหลีเป็นช่วงเวลากลางคืน อากาศเย็นฉ่ำ
“พี่ได้ตรวจสอบปฏิกิริยาของผู้คนหลังจากสงครามแก่งแย่งอันดับรอบคัดเลือกจบลงบ้างหรือป่าว?”ฮักจุนถาม
“ฉันยังไม่แตะมือถือเลย เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ซูฮยอนตอบ
“พี่กลายเป็นดาวค้างฟ้าไปแล้วนะสิ ไม่เชื่อพี่ลองดูนี้”
ระหว่างเดินไปขึ้นลิฟต์ฮักจุนยื่นมือถือไปตรงหน้าซูฮยอน ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอเป็นกระทู้พูดคุยที่โพสต์ลงบนเว็บไซต์ชื่อดังระดับโลก
ซูฮยอนหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาตรวจสอบให้เห็นชัดๆ ผู้คนจํานวนมากกําลังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหัวข้อเกี่ยวกับอันดับความแข็งแกร่งของผู้เข้าร่วมงาน ที่พวกเขาถือวิสาสะแต่งตั้งขึ้นเอง
ฉันคิดว่ากอร์ดอนเก่งสุด
-กอร์ดอนโรฮันเดินตามก้นซูฮยอนต้อยๆ เอาอะไรมาพูดว่ากอร์ดอนโรฮันเก่งที่สุด ปัญญาอ่อนสิ้นดี กอร์ดอนโรฮันต่อสู้ด้วยมือเปล่า หมายความว่าเขาไม่อยากน้อยหน้าซูฮยอน เลยตัดสินใจลอกเลียนแบบ เจ้าโง่ไปวิเคราะห์ใหม่ซะไป
-กอร์ดอนโรฮันเนี่ยนะเดินตามก้นซูฮยอน? สังเกตจากลักษณะการพิมพ์เลือกที่รักมักที่ชัง นายคงเป็นคนประเทศเกาหลีละสิท่า ปล่อยวางทิฐิลงบ้าง เกิดหน้าแตกขึ้นมา ระวังหมอไม่รับเย็บเอานะ เตือนด้วยความหวังดี
-ขอแย้ง ฉันคิดว่าโทมัสต่างหากที่เป็นม้ามืด แม้ว่าเขาจะเลือกใช้วิธีโหดร้ายไปหน่อยก็เถอะ ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนวิกลจริตหรือปาว”
-โทมัสไม่ได้เป็นคนวิกลจริตเฟ้ย
-เห็นด้วยกับความคิดเห็นข้างบน จากการพินิจพิเคราะห์ด้วยมันสมอง 200 IQ ฉันคาดว่าสติของโทมัสยังคงสมประกอบ ไม่ได้บ้าเหมือนภาพลักษณ์ที่เห็น
-พูดแบบเป็นกลาง ไม่ลําเอียง โทมัสโหดเหี้ยมเกินไป เขาลอบแทงข้างหลังเพื่อนร่วมทีมก่อน ผิดกลับซูฮยอนที่เป็นฝ่ายถูกกระทํา และ ตอบโต้คนในทีมกลับไป พวกเขา 2 คน มีนิสัยแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ฉันเชื่อว่าซูฮยอนเก่งสุด
-ทุกคนหุบปากและหยุดเพ้อฝันซะ คิมซูฮยอน คือคนที่เก่งที่สุดโว้ย!
ชื่อกระทู้ที่ซูฮยอนกําลังอ่านมีชื่อว่า (อันดับความแข็งแกร่งของผู้เข้าแข่งขันรอบคัดเลือกเนื้อหาในกระทู้ผู้เขียนได้ระบุเอาไว้ชัดเจน ว่าการจัดอันดับ 10 คน ที่เขียนในกระทู้มาจากความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ไม่เกี่ยวข้องกับงานแต่ประการใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เนื่องด้วยการจัดอันดับไม่ได้ประกาศออกมาจากทางการ ผู้ท่องโลกอินเตอร์เน็ตจํานวนมากเริ่มแสดงความคิดเห็นของตัวเองลงไป จนเกิดปรากฏการณ์ถกเถียงครั้งยิ่งใหญ่ ชื่อที่มีการกล่าวถึงมากสุดมีด้วยกันทั้งสิ้น 3 คนด้วยกัน ได้แก่ ซูฮยอน กอร์ดอนโรฮัน และ โทมัส
“ตามโพสต์ที่ผมอ่าน พี่เป็นหนึ่งในสามผู้ตื่นขึ้นอันดับต้นๆที่มีผู้คนพูดถึง” ฮักจุนเอ่ย
“สามอันดับแรก?”
“ใช่ครับ ความคิดเห็นส่วนใหญ่ คาดกันว่าพี่และกอร์ดอนโรฮัน มีฝีมือทัดเทียมกัน”
“ตามจริงชื่อที่ควรกล่าวถึงต้องเป็น 4 คน ไม่ใช่ 3 คน” ซูฮยอนตอบ
“4 คนเหรอครับ?”ฮักจุนอุทานออกมาด้วยความมึนงง เขาข้องใจว่าคนที่ซูฮยอนยกให้เป็นอันดับที่ 4 คือใคร
“พี่บอกว่ามี 4 คน นอกจากพี่ กอร์ดอนโรฮัน และ โทมัส อีกคนคือใครครับ?”
“ฉันไม่บอกหรอก ปล่อยให้นายไปลุ้นเองดีกว่า”
ฮักจุนไต่ถามซูฮยอนว่าคนที่ 4 เป็นใคร แต่ซูฮยอนบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบและตั้งหน้าตั้งตาเดินน้ำอ้าวมุ่งหน้าไปสนามแข่งขัน ฮักจุนพยายามรบเร้าคาดกั้นคําตอบอย่างเอาเป็นเอาตาย ทว่าไม่สําเร็จ
“โย้วทั้ง 2 คน นอนหลับเต็มอิ่มไหม?”ซงฮย็องกิกล่าวโอภาปราศรัย เขาล่วงหน้ามารอพวกซูฮยอนอยู่ก่อน ในมือเตรียมถุงมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบเอาไว้เคี้ยวแก้เบื่อ
ฮักจุนแสดงท่าทางหน้าบอกบุญไม่รับ ต้นเหตุเป็นเพราะซูฮยอนไม่ยอมตอบคําถามคลายข้อสงสัย เขาเดินดุมๆไปหยุดอยู่ข้างตัวซงฮย็องกิ
ซงฮย็องกิที่สังเกตเห็นฮักจุนมีอารมณ์บูด จึงยื่นถุงมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบให้ปลอบขวัญ ฮักจุน ไม่ปฏิเสธน้ำใจ แถมยังแสดงสีหน้าร่าเริงออกมาอย่างฉับพลันอีกต่างหาก
“สนามแข่งขันปรับเปลี่ยนไปเยอะเลยนะครับ”ฮักจุนเคี้ยวมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบแก้มตุ่ยพูด
“เรียบง่าย ไม่โก้หรู แก่นเรื่องทําความเข้าใจได้ง่ายกว่ารอบแรกเยอะ”
รอบคัดเลือกสนามแข่งขันขาวโพลนไปหมดทุกซอกทุกมุม เนื่องจากใช้ภาพหลอนในการทดสอบผู้แข่งขัน แต่รอบที่ 2 สนามกลายสภาพมาเป็นปกติเหมือนเดิม กว้างโล่งคล้ายเวทีประลองความสามารถทั่วไป เป็นอย่างที่ลีจุนโฮเคยพูดไว้สนานแข่งขันมีขนาดใหญ่กว่าสวนสาธารณะยออิโดฮันกังหลายเท่า ไม่มีข้าวของหรือต้มไม้วางระเกะระกะ จึงเหมาะแก่การต่อสู้อย่างยิ่งยวด
“เห็นสภาพสนานแล้ว คันไม้คันมืออยากต่อสู้ขึ้นมาเลยแฮะ”
“โครงสร้างรอบๆสนามแข่งขันติดตั้งเวทย์รับแรงกระแทกเอาไว้ พื้นที่พวกเราเหยียบอยู่ก็ค่อนข้างแข็งแรงเหมือนกัน แม้จะต่อสู้สุดกําลัง สนามก็ไม่น่าฟังง่ายๆ”
ซูฮยอนถูกใจโครงสร้างของสนามแข่งขันมากเป็นที่สุด อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่า หากเกิดการต่อสู้ขึ้นจริง ผู้ชมติดขอบสนามจะปลอดภัยจากลูกหลงต่างๆที่ถาโถมออกมาจากน้ำมือผู้ตื่นขึ้น
ยืนรอไปได้สักพัก ในที่สุดเข็มนาฬิกาก็ชี้มาที่เลข 2 ซึ่งหมายความว่างานสงครามแก่งแย่งอันดับกําลังเริ่มขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเวลา 14.00 น. มาถึง กอร์ดอนโรฮันปรากฏตัวขึ้นที่ตําแหน่งเดิม สีหน้าของเขาราวกับว่าอยากรีบเบิดงานเต็มทน
“อย่างที่ผมเคยประกาศออกไป รอบที่ 2 จะใช้รูปแบบการแข่งขันตัวต่อตัว ผู้ที่สามารถคว้าชัยชนะมาได้ จะผ่านเข้าสู่รอบต่อไป แต่ผู้ที่แพ้จะตกรอบ กติกาเข้าใจง่ายใช่ไหมล่ะ”
“เข้าใจง่ายก็จริง แต่ฉันมีข้อสงสัย นายจะใช้อะไรตัดสิน ว่าใครจะคู่ใคร?” ซงฮย็องกิยกมือขึ้นถาม
กอร์ดอนโรฮันดีดนิ้วและตอบกลับ “เป็นคําถามที่ดี การจับคู่จะใช้วิธีเหมือนรอบคัดเลือก”
“ใช้รูปแบบการสุ่มเหมือนเดิม?”
“ถูกต้อง”
“ฉันมีคําถาม ฉันสามารถชี้ตัวได้ไหมว่าอยากสู้กับใคร ไม่อยากสู้กับใคร”ซูฮยอนถาม
นับเป็นครั้งแรกที่ซูฮยอนเปิดปากพูดท่ามกลางชุมนุมชน กอร์ดอนโรฮันปรายตามองซูฮยอนประหนึ่งคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมีคําถาม ความตกใจคงอยู่ได้ไม่นาน เขาสายหัวและตอบกลับ
“เสียใจด้วย นายไม่สามารถระบุตัวคู่ต่อสู้ได้ เพราะมันไม่ยุติธรรมกับคนอื่น” กอร์ดอนโรฮันพูด
“ทําอย่างกับว่าวิธีของนายยุติธรรมมากนักแหละ”
“จําคําที่ฉันเคยบอกให้ฟังได้ไหม ถ้านายคิดว่าวิธีของฉันมีปัญหา ไม่พอใจกับกฎกติกา หรืออยากมีเรื่องกับฉัน นายสามารถท้าทายฉันได้เสมอ ฉันยินดีสนองให้” กอร์ดอนโรฮันยิ้มตอบ
ดูท่าทางกอร์ดอนโรฮันจะมั่นใจตัวเองเต็มเปี่ยม ว่าผู้ตื่นขึ้นทุกคนที่รวมตัวอยู่ในสนามแข่งขัน เขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด
เมื่อได้ยินคํายั่วยุของกอร์ดอนโรฮัน ซูฮยอนหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความไม่พอใจ ก่อนถอนหายไปออกมาเฮือกใหญ่
ซูฮยอนรู้ดีว่ากอร์ดอนโรฮันกําลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงไม่ผลีผลามเดินตามไปตามเกมของอีกฝ่ายเหนือสิ่งอื่นใด กอร์ดอนโรฮันไม่ใช่คนที่ซูฮยอนอยากประมือด้วย
“ผู้เข้าแข่งขันทุกคน ใครมีข้อสงสัยอยากถามอีกบ้าง? ถ้าไม่มีพวกเรามาเริ่มต้นการจับคู่กันเถอะ”
เปาะ!!
ดึง! อึ้ง!! ดึง!!
ทันทีที่กอร์ดอนโรฮันดีดนิ้ว ภาพโฮโลแกรมที่รวบรวมรายชื่อผู้ผ่านเข้ารอบ ปรากฏขึ้นข้างตัวของเขา
รายชื่อผู้เข้าแข่งขัน 2 คน ถูกสุ่มให้จับคู่กันเรียงสลับตําแหน่ง บน กับ ล่าง
ซูฮยอนกวาดตามองหาชื่อตัวเอง ใช้เวลาไม่นานก็หาชื่อตัวเองเจอ ชื่อของเขาอยู่ตําแหน่งด้านบน ส่วนชื่อของคู่ต่อสู้อยู่ตําแหน่งด้านล่าง
[คิมซูฮยอน]
[โทมัส มาธิอัส]
ครั้นเห็นชื่อคนที่เขาต้องเผชิญหน้าด้วย ซูฮยอนเผยอยิ้มมุมปากออกมาเล็กๆ