หลังจากที่เห็นว่าซูฟ่านเป็นคนโทรมาเว่ยเจียงตูก็เลิกกลัว
เขารับโทรศัพท์
“น้องซูฟ่าน…”
แม้ว่าเว่ยเจียงตูจะพูดในตอนบ่ายว่าจะเรียกพี่เรียกน้องกับซูฟ่านแต่ตัวเขาเองก็ยังไม่ชินกับมัน
เขามีความชัดเจนมากเกี่ยวกับตัวตนของเขา เขาเป็นเพียงเจ้าของร้านตัวเล็ก ๆ มูลค่าหลายร้อยล้านคือจุดสูงสุดของเขา
แม้แต่ในช่วงเวลาสูงสุดนั้นเขาก็ยังไม่คู่ควรเป็นพี่น้องกับซูฟ่าน
ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้?
แต่ดูเหมือนว่าซูฟ่านจะไม่ดูถูกเขาเพียงเพราะอีกฝายแข็งแกร่งกว่าตัวเองมาก
สิ่งนี้ทําให้เว่ยเจียงตุรู้สึกสบายใจมากขึ้นและความเคารพต่อซูฟ่านก็มากขึ้น
นี่คือสิ่งที่ชายหนุ่มอายุสิบเก้าปีทําได้และอนาคตของชายคนนั้นก็จะไร้ขอบเขต
เว่ยเจียงตูชื่นชมซูฟ่านมาก
“พี่เว่ย ฉันจะบอกคุณว่าเรื่องโจวฟูเหิงฉันได้แก้ไขแล้ว”
“เราได้จัดการเรื่องอย่างสงบแล้ว คุณไม่จําเป็นต้องกังวลมากเกินไป”
หลังจากที่เว่ยเจียงตูฟังเขาก็ตื่นเต้นไปทั้งตัว
แววตาที่งุนงงของเขาเป็นประกายขึ้นมาทันที!
“โอ้ น้องซูฉันไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี!”
“จากนี้ไปคุณสามารถมาหาฉันได้ทุกเมื่อแม้ว่าฉันจะไม่มีความสามารถมากนัก แต่ฉันจะทําให้ดีที่สุดเพื่อช่วยคุณอย่างแน่นอน!”
เว่ยเจียงตูตื่นเต้นจนพูดน้ำลายกระเซ็น บุหรี่ในมือก็ถูกโยนลงในที่เขี่ยบุหรี่ด้วย
“พี่เว่ยสุภาพเกินไปแล้ว ฉันหวังว่าคุณจะลุกกลับมาเร็ว ๆ นี้ ฉันเชื่อคุณ”
“ใช่ ฉันจะขอบคุณคุณ ฉันจะทําให้ได้อย่างแน่นอน!”
ประโยคนี้สะเทือนใจอย่างมากกับเว่ยเจียงตูที่เพิ่งล้มลง
เขาเกือบจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่
หลังจากโทรศัพท์กับเว่ยเจียงตูแล้วซูฟ่านและฉินเสี่ยวหยุนก็กินจนอิ่มและเริ่มเมา
ทั้งสองออกจากโรงแรม
ฉินเสี่ยวหยุนก็ดื่มไปเช่นกัน เธอได้เรียกผู้ช่วยมารอที่ประตูแล้ว
ฉินเสี่ยวหยุนต้องการไปส่งซูฟ่านแต่ซูฟ่านปฏิเสธ
เพราะเขาต้องซื้ออะไรบางอย่าง และอีกอย่างเขายังต้องการเห็นรางวัลหลังจากที่เขาเปลี่ยนอนาคต
หูฟังของเขาสั่นหลังจากพูดคุยกับเว่ยเจียงตู
แต่เนื่องจากฉินเสี่ยวหยุนอยู่ด้วย ซูฟ่านจึงต้องเป็นมันไปก่อน
ทันทีที่พวกเขาแยกจากกันซูฟ่านก็ใส่หูฟัง
“โฮสต์ทําภารกิจสําเร็จและรางวัลคือทักษะ “One Eye Ten Lines หนึ่งดวงตาสิบมุมมอง” ช่วยให้โฮสต์อ่านหนังสือได้อย่างรวดเร็ว เช่น หนังสือสามร้อยหน้าโฮสต์สามารถอ่านได้ภายในสองนาที”
เชี่ยสกิลนี้!
ซูฟานช็อก!
ทักษะนี้อยู่ยงคงกระพันมากเมื่อใช้ร่วมกับทักษะไม่มีวันลื่น
ด้วยวิธีนี้ซูฟ่านก็สามารถอ่านหนังสือและจดจําได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าเขาจะอ่านอะไรก็ตาม!
ไม่ว่าจะเป็นการสอบหรือความต้องการอื่น ๆ ในอนาคตก็ไม่หวั่น
ก่อนหน้านี้ซูฟานยังรู้สึกจืดชืดเล็กน้อยกับทักษะไม่มีวันลืมของเขาที่ได้มา
แต่เมื่อรวมกันแล้วมันคือทักษะที่ใช้งานได้จริงอย่างแท้จริง
หลังจากได้รับรางวัลของตัวเองซูฟ่านก็ไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างพึงพอใจ
เขาซื้อผลไม้และของโภชนาการ ซื้อหนังสือการเงินและเศรษฐศาสตร์อีก 5 เล่ม แล้วนั่งแท็กซี่ไปโรงพยาบาลทหาร
ในขณะที่อยู่บนท้องถนนซูฟ่านก็อ่านและจัดจําหนังสือทั้งห้าเล่มที่มีทั้งหมดมากกว่า 1,000 หน้า
ตอนนี้เขาอาศัยเพียงระบบในการลงทุนเท่านั้นแต่ไม่มีความรู้ทางวิชาชีพใด ๆ เกี่ยวกับการทําธุรกิจเลย
เขาต้องชดเชยเรื่องนี้
เสียงหนังสือพลิกอย่างรวดเร็วหลังรถทําให้คนขับแท็กซี่มองเขาผ่านกระจกมองหลังนับครั้งไม่ถ้วน
บ้ารึไงใครจะอ่านได้แบบนี้
คนขับรถแท็กซี่นึกขึ้นในใจของเขา
ซูฟ่านมาถึงวอร์ดของหลินมู่เฉิงพ่อของหลินอี้ถงแล้ว
ครอบครัวนี้กําลังพูดคุยและหัวเราะกัน แต่เมื่อซูฟ่านมาพวกเขาก็รีบทักซูฟ่าน
แม้แต่หลินมู่เฉิงที่กําลังนอนอยู่ตอนนี้ก็ยังลุกขึ้นนั่งทักทายซูฟานอย่างลําบาก
สําหรับพวกเขาซูฟ่านคือผู้ช่วยให้รอด!
“พี่ซูฟ่าน!”
หลินจื้องยิ้มและรีบวิ่งกอดคอซูฟ่าน
“พี่ซูฟ่าน คิดถึงแทบตายเลย!”
“อี้ถงอย่าทําแบบนั้นกับพี่ซูฟ่านของเธอ เธอโตเป็นสาวแล้วนอกจากนี้เขาก็มีแฟนแล้วด้วย!”
แม่ของหลินอี้ถง หลินเสวี่ยเหมยเถ้าแก่เนี้ยของบาร์บีคิวบ้านทองดุ
หลินอี้ถงทําหน้านิ่ง
“ไม่ใช่! ไม่เลย! พี่ซูฟ่านบอกฉันว่าเขากับชูหยุนซีไม่ใช่คู่รักกัน!”
“นอกจากนี้ พี่ซูฟ่านก็สัญญากับฉันไว้แล้วว่าเขาจะแต่งงานกับฉันเมื่อฉันเป็นผู้ใหญ่! ใช่ไหมพี่ซูฟ่าน!”
หลินอี้ถงกอดซูฟ่านไม่ปล่อย
แม้ว่าเธอจะอายุสิบหกหรือสิบเจ็ดปี แต่เธอก็ชอบซูฟ่านมาตลอดตั้งแต่เริ่มรู้จักความรัก
เธอเป็นผู้หญิงที่ร่าเริง เธอชอบคน ๆ หนึ่งเธอก็จะกระตือรือร้นมากโดยไม่มีการเสแสร้ง
หลินเสวี่ยเหมยรู้สึกละอายใจที่ได้เห็นสภาพของลูกสาวของเธอ
“หลินอี้ถงถ้าเธอทําเช่นนี้อีกครั้งฉันจะตีเธอ! ดูสิปล่อยพี่ซูฟ่านได้แล้ว!”
“ไม่งั้นพี่ชายของเธอจะไม่มีทางแต่งงานกับเธอหรอก!”
หลินเสวี่ยเหมยขู่
คราวนี้ซูฟ่านช่วยครอบครัวของเธอไว้ หลินเสวี่ยเหมยต้องรู้สึกขอบคุณอย่างแน่นอน
หลินเสวี่ยเหมยรู้สึกโล่งใจที่เห็นว่าลูกสาวของเธอชอบซูฟ่าน
หากซูฟ่านสามารถแต่งงานกับลูกสาวของเธอได้จริง ๆ หลินเสวี่ยเหมยก็จะยกมือเห็นด้วย
แต่หลินอี้ถงยังเด็กเกินไปและการศึกษาของเธอก็ยังมีความสําคัญ
การแต่งงานเป็นสิ่งที่จะพูดถึงในภายหลัง!
เมื่อหลินเสวี่ยเหมยพูดอย่างนั้น หลินอี้ถงก็คลายคอของซูฟ่านอย่างไม่เต็มใจ
“งั้นให้พี่ซูฟ่านพูดด้วยตัวเองว่าต้องการแต่งงานกับฉันในอนาคตหรือเปล่า!”
“นี่….”
ตอนนี้หลินอี้องถามซูฟาน
“อันที่จริง ฉันกับชูหยุนซีคบกันแล้ว”
“อะไรนะ?!”
หลินอี้ถงรู้สึกว่าเธอถูกโจมตีอย่างหนัก เพราะพี่ชายคนโปรดของเธอกําลังคบกับไอดอลที่เธอชอบ
ความรู้สึกนี้เหมือนเป็นความสัมพันธ์ที่แตกสลายเป็นสองเท่า
หลินอี้ถงต้องชะลอตัวลง
“แต่อย่าพูดถึงเรื่องนี้กับคนอื่นนะ เธอก็รู้ว่าอาชีพของหยุนซีกําลังเติบโต ถ้าคนรู้เรื่องความสัมพันธ์นี้ ”
“ฉันเข้าใจพี่ซูฟ่าน…”
แม้ว่าหลินอี้ถงจะแพ้ แต่เธอก็ยังหวังว่าซูฟ่านและชูหยุนซีจะมีความสุข
ซูฟ่านรู้จักบุคลิกของหลินอี้ถง
เธอไม่เคยเปิดปากพูดเรื่องไร้สาระกับคนอื่นยิ่งถ้าสิ่งนี้จะทําลายภาพลักษณ์ของชูหยุนซีด้วยแล้ว
“ดูสิ พี่ชายของเธอมีแฟนแล้ว อย่าทําตัวน่ารําคาญไปเลย! ไม่อ่านคนรึไง!”
หลินเสวี่ยเหมยบ่นลูกสาวของเธอ
แต่เธอก็ผิดหวังเล็กน้อยเมื่อพูดแบบนั้น
“คุณป้า อย่าไปว่าจริงจังเลยมันเป็นแค่อารมณ์ของเด็ก”
“นี่ของที่ผมซื้อให้ลุง”
หลังจากพูดแล้วซูฟ่านก็มอบของให้หลินเสวี่ยเหมย
“เธอมาที่นี่แล้วยังจะเอาอะไรมาอีกทําไม”
หลินเสวี่ยเหมยหยิบของออกไปในขณะที่พูดพึมพํา
“คุณลุงเป็นยังไงบ้าง”
ซูฟ่านนั่งลงข้างเตียงและพูดด้วยความเป็นห่วง
หลินมู่เฉิงมองไปที่ซูฟ่านอย่างขอบคุณ เอื้อมมือออกไปจับมือซูฟ่าน
“โอ้ ซูฟานฉันไม่รู้จะขอบคุณยังไงแล้ว! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ชีวิตฉันคงแย่แน่!”
หลินมู่เฉิงพูดด้วยดวงตาที่เปียกชื้น
ซูฟ่านรีบหยิบกระดาษทิชชูที่อยู่ข้าง ๆ เขายื่นให้หลินมู่เฉิง
“ลุงอย่าพูดอย่างนั้น คุณกับป้ามองดูผมโตขึ้นมาและใช้เวลาอยู่กับผมมากกว่าพ่อแม่เสียอีก”
“ตอนหลังที่ผมออกไปอยู่กับปู่ย่าก็อาศัยอยู่ไกลจากคุณ ผมไม่มีโอกาสได้พบกับคุณอีกเลย ผมล่ะกลัวว่าคุณจะคิดว่าฉันไม่มีรู้จักกตัญญด้วยซ้ำ!”
ซูฟ่านพูดด้วยความจริงใจมากจากก้นบึงของหัวใจ