เขามองไปที่เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนผู้ที่สั่นเล็กน้อยหลังจากฟังคำกล่าวของเขา เธอไม่ได้พูดออกมาในทันที แต่เธอกลับมองไปรอบๆ ราวกับเธอกังวลเกี่ยวกับบางสิ่ง
“ไม่ต้องห่วง ที่นี่มีแค่เราสองคน!”
จีเย่มองเข้าไปในดวงตาของเธอและพยักหน้า
เขามั่นใจเรื่องนี้เพราะโทเท็มหนังหมาป่าในแขนของเขาสามารถดูดซับพลังวิญญาณในระยะที่กำหนดได้
นอกจากนี้เขายังสามารถใช้สิ่งนี้เพื่อสัมผัสได้ว่าไม่มีสายตาสอดแนมของปีศาจต้นไม้อยู่รอบๆ
สำหรับปีศาจต้นไม้ มันจะไม่เข้ามาในวัดหลานรั่วง่ายๆ เนื่องจากมันหวาดกลัวหยานซีเซีย!
“พลังของปีศาจต้นไม้นั้นทรงพลังมาก!”
ในที่สุดความหวังอันริบหรี่ก็ปรากฏขึ้นในแววตาที่กังวลของเนี่ยเสี่ยวเชี่ยน
“ไม่ต้องกังวล!”
“หลวงจีนคนนั้นเป็นพวกพ้องของฉัน เขาเข้าใจพลังแห่งพุทธวัชระอรหันต์และเก่งกาจในการปราบปีศาจและกำจัดสิ่งชั่วร้าย นอกจากนี้ยังมีนักบวชลัทธิเต๋าอยู่ห้องตรงข้าม โอ้เขาเป็น… ศิษย์พี่ของฉัน ใช่แล้วศิษย์พี่ใหญ่ มันเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาที่จะมีอายุมากกว่าฉัน!”
“ดังนั้นไม่ต้องกังวล!”
เพื่อทำให้เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนสบายใจ เขาจึงใส่สีตีไข่เข้าไป
อย่างไรก็ตามจีเย่ไม่ได้เพิ่มความมั่นใจของเขาในการเอาชนะปีศาจต้นไม้
หลังจากย่อยพลังวิญญาณที่ได้รับจากการแย่งชิงเผ่าวิญญาณและต้นเถาวัลย์วิญญาณกระหายเลือด วิญญาณหัวหน้าหมาป่าที่เขาอัญเชิญออกมาได้ด้วยโทเท็มหนังหมาป่าก็มาถึงระดับวิสามัญอันดับ 4
ด้วยคริสตัลทับทิมในมือ เขาสามารถแม้กระทั่งมาถึงระดับวิสามัญอันดับ 5 ได้หากเขาเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับวิญญาณหัวหน้าหมาป่าด้วยเลือดเทียมในช่วงเวลาคับขัน
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่กังวลเกี่ยวกับปีศาจต้นไม้และปีศาจภูเขาทมิฬหลังจากรู้ถึงความแข็งแกร่งของหยานซีเซีย
“หากเธอช่วยฉัน ฉันยินดีที่จะเป็นทาสของคุณำปตลอดชีวิตเพื่อทดแทนบุญคุณ!”
จีเย่ปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณหัวหน้าหมาป่าออกมาเล็กน้อย
ในฐานะวิญญาณที่อ่อนไหวต่อเรื่องแบบนี้ เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนจึงไม่สงสัยในคำพูดของเขา เธอลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับจีเย่ในทันที
“ปีศาจต้นไม้มีลูกน้องสิบตัว หนึ่งในนั้นมีระดับการบ่มเพาะใกล้เคียงกับฉัน เธอชื่อเสี่ยวฉิง…”
จากนั้นเธอก็เปิดริมฝีปากรูปเชอร์รี่ของเธอและบอกจีเย่เกี่ยวกับสิ่งที่เธอรู้
จีเย่ยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับระดับการบ่มเพาะของเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนด้วย
นี่เป็นเพราะเขาสามารถรับรู้ข้อมูลของผีสาวอมตะคนนี้ได้แล้ว
[เนี่ยเสี่ยวเชี่ยน (จุดยืน : เป็นมิตร)]
[ระดับ : วิสามัญอันดับ 2]
[ขั้น : ชั้นยอด]
[รายละเอียด : หญิงสาวจากตระกูลของเจ้าหน้าที่ทางการ ถูกคนร้ายสังหารในตอนที่เธอเดินทางผ่านวัดหลานรั่วและจบลงด้วยการถูกควบคุมโดยปีศาจต้นไม้พันปี เธอเป็นคนใจดีและบรรเลงพิณเก่ง!]
ระดับวิสามัญอันดับ 2 ขั้นชั้นยอด เห็นได้ชัดว่าระดับของเธอลดลงเนื่องจากเธอเป็นเพียงภาพฉาย
เธอ ‘เป็นมิตร’ นี่หมายความว่าก่อนหน้านี้เธอมีแนวโน้มที่จะ ‘เป็นกลาง’ มาก่อนซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของจีเย่
อันที่จริงจีเย่จ้องมองไปที่ดวงตาของเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนตลอดเวลาโดยการสังเกตสีหน้าของเธอ
จากข้อมูลที่ผู้จัดการสาวชุดม่วงระบุไว้ว่าตัวละครที่ได้รับความนิบมมากในอารยธรรมที่หลากหลายนั้นจะเป็นภาพฉายของร่างกายที่แท้จริงซึ่งหมายความว่านิสัยของพวกเขาจะไม่เปลี่ยนไป ท้ายที่สุดแล้วหากเป็นแบบนั้น มันคงไม่เหมาะกับเป้าหมายที่จะให้มนุษย์จากอารยธรรมอื่นเข้าใจวีรบุรุษเหล่านี้
อย่างไรก็ตามนี่คือสนามรบแห่งโชคชะตา เราไม่สามารถใช้หนังเป็นข้อมูลอ้างอิงได้ทั้งหมด
เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้น โทเท็มหนังหมาป่าก็จะไม่ใช่แค่ปล่อยกลิ่นอายวิญญาณออกมา
อย่างไรก็ตามหลังจากเห็นข้อมูลของเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนก็เห็นได้ชัดเจนว่ามันเป็นข้อมูลที่อยู่ในความทรงจำของเขา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวล!
นอกเหนือจากนั้นเขาก็ได้รับข้อมูลบางอย่างจากเนี่ยเสี่ยวเชี่ยน
ในทางทฤษฏีแล้ว เนื่องจากเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนสามารถเปลี่ยนจุดยืนของเธอได้ ปีศาจต้นไม้พันปีก็สามารถต่อสู้อยู่ฝ่ายเขาได้!
อย่างไรก็ตามนี่อาจจะเป็นเรื่องยากมาก
ตามข้อมูลของเนี่ยเสี่ยวเชี่ยน เธอถูกปีศาจต้นไม้พันปีส่งไปเป็นคู่หมั่นของปีศาจภูเขาทมิฬ นั่นหมายความว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นอน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอีกฝ่ายมีโอกาสสูงที่จะเอาปีศาจต้นไม้พันปีไปอยู่ฝ่ายพวกมีน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาต้องพิจารณาถึงทัศนคติของ ‘ศิษย์พี่ใหญ่’ หยานซีเซียเมื่อทำงานร่วมกับปีศาจต้นไม้พันปี
ดังนั้นจึงเป็นไปได้ยากที่พวกเขาจะทำงานร่วมกันได้
ในการเปรียบเทียบ การได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสนามรบหลังจจากสังหารปีศาจต้นไม้พันปีนั้นเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด
บางทีมันอาจไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะปีศาจต้นไม้
วิธีแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดก็คือหากวีรบุรุษที่เข้ามาพร้อมเขาคือจูกัดเหลียงหรือหลิวปั๋วเวิน… แต่น่าเสียดายที่เป็นหลู่จือเซิน
พูดตามตรง เขาเต็มใจเลือกวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายและตรงประเด็นมากกว่าวิธีแก้ปัญหาที่ต้องใช้ความคิด!
สำหรับเรื่องที่น่าปวดหัว บางทีอาจจะดีกว่าที่จะปล่อยมันให้กับอีกสองคน?
ใช่แล้วอีกสองคน
หลังจากเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนเปลี่ยนฝ่าย เขาก็ได้รับข้อความใหม่
[ข้อมูลที่ได้รับ : จำนวนผู้เข้าร่วมฝ่ายคุณ : 4 คน!]
…
เคร้งงง! เคร้งงง!
เช้าวันรุ่งขึ้น หยานซีเซียก็ตื่นขึ้นมาเนื่องจากเสียงปะทะกันของอาวุธ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปิดประตูและเดินออกไป
ด้านนอกที่พื้นโล่งของวัดหลานรั่ว ชายหนุ่มและหลวงจีนที่พักค้างคืนนั้นถือไม้เท้าและดาบในมือของพวกเขาในจณะที่พวกเขาแลกเปลี่ยนฝีมือกันตลอดเวลา
นี่คือสิ่งที่ทำให้เกิดเสียงรบกวนการนอนหลับ!
“พวกคุณไม่ได้กล่าวว่าจะอยู่แค่ตอนกลางคืนเท่านั้น? ทำไมพวกคุณถึงไม่ออกไปในตอนที่ฟ้าสว่างแล้วล่ะ?” หยานซีเซียตะโกนใส่พวกเขาอย่างไม่พอใจ
“โอ้ ตอนแรกฉันก็จะออกไปแล้วปรมจารย์หยาน”
“แต่จู่ๆ ฉันก็เห็นแจ้งเกี่ยวกับเทคนิคดาบของฉันในตอนเช้า ดังนั้นพวกพ้องของฉันจึงเป็นคู่ซ้อมให้ฉัน ฉันกำลังวางแผนที่จะทำให้ศิลปะดาบสังหารปีศาจที่สร้างขึ้นเองเสร็จสมบูรณ์”
“ฉันคิดว่าฉันน่าจะอยู่ที่นี่อีกสักพีกหนึ่ง”
ชายหนุ่มผู้ถือดาบยิ้มให้กับเขา
จากนั้นชายหนุ่มคนนั้นก็หันไปมองหลวงจีนและกล่าวอย่างตื่นเต้น
“ผู้นำหลู่ ฉันจะใช้มังกรเหินเวหานะ!”
จากนั้นเขาก็ฟันดาบแนวนอน!
เคร้งงง! เคร้งงง!
เกิดเสียงปะทะกันระหว่างไม้เท้ากับดาบอีกครั้ง
“นี่มันจะถือว่าเป็นมังกรเหินเวหา!?”
“จากชื่อ ฉันรู้ว่าการเคลื่อนไหวนี้ควรจะปล่อยออกมาจากตำแหน่งที่สูงกว่า และฟันดาบลงมาในขณะที่คุณกลายเป็นหนึ่งเดียวกับดาบ ในตอนที่่ดาบกระทบกัน มันก็เหมือนกับสายฟ้าฟาด หรือเหมือนกับมังกรอมตะที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้า มันน่าจะเป็นการหลอมรวมความแข็งแกร่งและความเร็วอย่างสมบูรณ์”
“การเคลื่อนไหวของเด็กคนนี้อาศัยพละกำลังดิบอย่างสมบูรณ์ การโจมตีของเขาไม่มีวิถีที่แท้จริง เมื่อเขาให้ความสำคัญกับสิ่งหนึ่ง เขาก็จะละเลยสิ่งหนึ่ง”
“เขาจะส้รางเทคนิคของตัวเองด้วยมาตรฐานดังกล่าวได้ยังไง เขากล้าตั้งชื่ออย่างมังกรเหินเวหาได้ยังไง?”
หยานซีเซียเบิกตากว้างในขณะที่เขามองไปที่ชายหนุ่มที่กำลังต่อสู้กับหลวงจีนที่ทรงพละกำลังดิบเทียบเท่ากับชายหนุ่มคนนั้น
ทันใดนั้นหยานซีเซียก็นึกถึงอะไรบางอย่างและพึมพำออกมา “เดี๋ยวก่อน เด็กคนนี้ตั้งใจทำแบบนี้เหรอ? เขาเรียกมันว่ามังกรเหินเวหา แต่เขาใช้การเคลื่อนไหวทลายภูผาของเสือ!”
“อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นยังไง เทคนิคดาบนี้ก็แย่มาก เน้นเฉพาะความแข็งแกร่ง ไม่มีความเร็วหรือความยืนหยุ่นของการเคลื่อนไหว”
ในท้ายที่สุดเขาก็ส่ายหัวของเขา
“ลืมไปซะ ฉันจะยุ่งกับพวกคุณไม่ได้!”
หยานซีเซียหันไปรอบๆ และลากหมาป่าเทาตัวใหญ่ออกมาจากห้อง
มันเป็น ‘อาหาร’ ที่เขาได้รับจากการล่าสัตว์ในป่าเมื่อคืนที่ผ่านมา
“บลอนดี้?”
อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาลากหมาป่าออกมาและกำลังมุ่งหน้าไปที่ทะเลสาบเพื่อถลกหนังและแล่เนื้อ ชายหนุ่มผู้ที่ฝึกซ้อมกับหลวงจีนก็ได้เบิกตากว้าง
จากนั้นเขาก็รีบวิ่งไปอย่างกระวนกระวาย
“อ๊ะ บลอนดี้! ปรมจารย์หยาน คุณไปเอาหมาป่าตัวนี้มาจากไหน?”
ราวกับยืนยันอะไรบางอย่างได้ ชายหนุ่มคนนั้นมองไปที่หมาป่าตัวใหญ่ในมือของเขาที่ดูไม่เหมาะกับชื่อ ‘บลอนดี้’ และเอ่ยถามเขาด้วยสีหน้าเศร้าใจ
หยานซีเซียรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาก็ยังตอบตามความจริง “เห็นได้ชัดว่านี่คือหมาป่าที่ฉันล่าได้เมื่อคืน อย่าบอกฉันนะว่าเป็นสัตว์เลี้ยงของคุณ?”
“มันคือสัตว์เลี้ยงของฉันจริงๆ!”
ชายหนุ่มเสียใจมากจนใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง เขาพยักหน้าอย่างจริงใจ