“เราเป็นนักเดินทาง ตอนนี้มันมืดแล้วเราเลยเข้ามาพักที่นี่!”
จีเย่เอ่ยตอบ
มันเป็นเหตุผลที่ไม่ค่อยเหมาะ แต่มันก็เป็นเหตุผลที่ตอบคำถามได้หลายข้อ
ท้ายที่สุดแล้วที่นี่ก็เป็นเพียงแค่โลกแห่งการต่อสู้ชั่วคราว และไม่จำเป็นต้องมีตัวตนและะภูมิหลัง
“หลวงจีนและนักดาบ!”
“ไม่ว่าจะมองยังไง พวกคุณก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักศิลปะการต่อสู้”
“แต่นี่คือคำแนะนำของฉัน พวกคุณควรไปค้างคืนที่อื่นดีกว่า พื้นที่รอบวัดไม่ใช่ที่ที่ดีเท่าไหร่นัก!”
อย่างไรก็ตามหยานซีเซียไม่ได้ตั้งใจที่อธิบายอย่างระเอียด แต่ทว่าเขากลับขมวดคิ้วและกล่าวกับพวกเขา
อ้างอิงจากหนัง ในตอนนี้หยานซีเซียอาศัยอยู่ในวัดหลานรั่วเพื่อซ่อนตัวจากนักดาบที่พยายามแข่งขันกับเขาเพื่อแย่งชิงตำแหน่ง ‘นักดาบอันดับหนึ่งของโลก’ เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อสังหารปีศาจต้นไม้
สำหรับตอนนี้ทั้งสองฝ่ายต่างมีเส้นทางของตัวเอง ตราบใดที่ปีศาจสังหารแค่คนเลวที่ไม่สามารถต้านทานการยั่วยวนได้ หยานซีเซียก็ไม่สนใจอีกฝ่าย
“ขอบคุณสำหรับคำเตือน”
“อย่างไรก็ตามเราต่างก็เป็นคนที่ค่อนข้างกล้าหาญและไม่กลัวภูติผีปีศาจ!”
จีเย่ยิ้ม
เขาไม่ได้กล่าวเกินจริง ด้วยสมบัติที่มีพลังระดับวิสามัญอย่างโทเท็มหนังหมาป่า เขาจึงสามารถทำลายผีและปีศาจธรรมาได้โดยไม่ต้องเสียเหงื่อ
“คุณชื่ออะไรเหรอ?”
เห็นได้ชัดว่าเขารู้คำตอบนี้อยู่แล้ว
เนื่องจากในตอนที่หยานซีเซียหยุดเคลื่อนไหว จีเย่ก็สามารถรับรู้ข้อมูลของชายคนนี้ผู้ที่มีเคราไม่น้อยกว่าหลู่จือเซินได้โดยตรง
[หยานซีเซีย (จุดยืน : เป็นมิตร)]
[ระดับ : วิสามัญอันดับ 4]
[ขั้น : ผู้บัญชาการ]
[รายละเอียด : ผู้เชี่ยวชาญด้านดาบและเวทมนตร์ เขาเป็นผู้พิพากษาที่โด่งดังใน 26 จังหวัดทางตะวันออกและตะวันตกของซานไห่กวน และเขาก็เกลียดเจ้าหน้าที่ที่ทุจริตมากที่สุด และเนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ที่ทรยศอยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจ เขาจึงอาศัยอยู่อย่างสันโดษในวัดหลานรั่วชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการสังหารในโลก]
เมื่อพวกเขารวมเรื่องนี้กับข้อมูลที่พวกเขาได้รับจากภูเขาทมิฬซึ่งเป็นค่ายศัตรู จีเย่ก็เข้าใจความหายของสิ่งที่ผู้จัดการสาวชุดม่วงกล่าวก่อนหน้านี้ว่าสามารถเพิ่ม ‘ความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างอารยธรรมของมนุษย์ที่แตกต่างกัน’
ในสนามรบแห่งโชคชะตา ผู้ที่ทำภารกิจลับบางอย่างเสร็จสิ้นก็จะได้รับข้อมูลซึ่งเกี่ยวข้องกับโลกของสนามรบแห่งโชคชะตา
ตัวอย่างเช่น ความสามารถและภูมิหลังของวีรบุรุษในค่ายของทั้งสองฝ่าย จำนวนคนทั้งหมดในค่ายตัวเอง…
เมื่อเวลาผ่านไปในสนามรบ แม้กระทั่งข้อมูลตำแหน่งของบุคคากรในทั้งสองฝ่ายจะสามารถได้รับจากอีกฝ่าย
นี่หมายความว่าหากบุคลากรส่วนใหญ่ในฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกสังหาร มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนซ่อนตัวโดยใช้สกิลหรือชุดคลุมล่องหนเพื่อถ่วงเวลาจนกว่าจะสิ้นสุดสนามรบแห่งโชคชะตา
แน่นอนว่าสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงไม่โจมตีกันและอยู่อย่างสันติในสนามรบแห่งโชคชะตาเช่นนี้ เวลาก็อาจจะไหลเร็วขึ้นก็เป็นได้
แต่ในท้ายที่สุด บุคลากรในค่ายที่ก่อตัวขึ้นในสนามรบแห่งโชคชะตาก็จะไม่ทำตามความต้องการของผู้เล่นเสมอไป
ในตอนท้าย พวกเขาก็จะทำให้สงครามเริ่มต้นขึ้น
“สกุลของฉันคือหยาน สำหรับชื่อของฉัน มันไม่มีค่าพอที่จะกล่าวถึง”
หยานซีเซียหยิบดาบขึ้นมาและกลับเข้าไปในบ้าน แต่เขาก็หันกลับไปมองงจีเย่หลังงจากเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว
“คุณเป็นคนที่ดูดีมากและทำให้ฉันนึกถึงตัววเองในตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันจะให้คำแนะนำอย่างหนึ่ง ระวังตัวในตอนกลางคืนและอย่าหมกมุ่นกับความคิดที่โง่เขลา!”
หยานซีเซียมีความรู้สึกแปลกประหลาด
ในอดีต เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่คิดว่าตัวเองกล้าหาญและต้องการค้างคืนในวัดหลานรั่ว เขาจะให้คำแนะนำกับอีกฝ่าย แต่หากอีกฝ่ายยืนกราน เขาก็จะไม่ใส่ใจที่จะคุยกับพวกเขาอีกต่อไป
แต่ทว่าในวันนี้ ชายสองคนนี้นั้นแตกต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายหนุ่มที่ถือดาบ หยานซีเซียอดไม่ได้ที่จะกล่าวอีกสองสามคำ
“เป็นเพราะเขาดูเหมือนฉันในตอนที่ฉันยังเด็กเหรอ…”
เขายังคงพึมพำด้วยความสับสนในตอนที่เขาหันหลังกลับและเดินเข้าไปในห้องของเขา
“…”
จีเย่ผู้ที่ยืนอยู่ในพื้นที่โล่งก็มีสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย
ในทางทฤษฏีแล้ว เขาควรรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้รับคำชมจากวีรบุรุษชื่อดัง
อย่างไรก็ตามปรมจารย์หยาน ด้วยเคราขใหญ่ ดวงตาเล็ก และริมฝีบากอวบของคุณ คุณไม่ได้ดูดีตามมาตรฐานเลย!
“ผู้นำหลู่ นอนแยกห้องกันนะ และคืนนี้ก็ระวังตัวด้วย”
จีเย่รู้ว่าหยานซีเซียมีนิสัยชอบพูดติดตลก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่ส่ายหัว
หลังจากนั้นเขาก็สั่งหลู่จือเซิน
“ครับ!”
หลู่จือเซินพยักหน้า
จีเย่เคยบอกเขาเกี่ยวกับวัดหลานรั่วก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาแล้ว
ตอนนี้ทั้งสองนอนอยู่ในวัด ปีศาจาพันปีก็น่าจะส่งลูกน้องมาล่อลวงพวกเขาอย่างแน่นอน
แต่จีเย่แทบจะรอโอกาสเช่นนี้ไม่ไหว!
จีเย่ต้องการให้พวกเขาแยกกันเพราะเขาสนใจ ‘ค่าย’ ของต้นไม้ปีศาจ เขาต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อค้นหาว่าเธออยู่ที่ไหน
ด้วยวิธีนี้ เขาก็จะสามารถดำเนินการต่อไปได้ในวันพรุ่งนี้
แต่หากเขาและหลู่จือเซินอยู่ในห้องเดียวกัน การรวมตัวของพวกเขาก็อาจคุกคามกับอีกฝ่ายและพวกมันก็อาจจะไม่กล้ามาหา
และเรื่องนั้นก็อาจทำให้พวกเขาเสียโอกาสในการได้รับข้อมูล!
…
เมื่อเปิดประตูห้องปฏิบัติธรรม จีเย่ก็หยิบลูกปัดสีขาวออกมาจากกระเป๋าและวางที่ผนัง
ทันใดนั้นห้องก็สว่างขึ้น ไอเทมที่ดูเหมือนไข่มุกเรืองแสงในตำนานชิ้นนี้ อันที่จริงแล้วก็คือโคมไฟพลังงานแสงอาทิยต์ขนาดเล็กที่แลกเปลี่ยนมาจากถิ่นฐานเทคโนโลยี
หลังจากนั้นจีเย่ก็หยิบไอเทมอีกชิ้นอีกมา นั่นก็คือคริสตัลสีแดงขนาดเท่ากำปั้น
[คริสตัลทับทิม]
[ระดับ : วิสามัญอันดับ 1]
[ขั้น : ขัดเกลา]
[รายละเอียด : สิ่งประดิษฐ์คริสตัลที่มีเลือดเทียมระดับวิสามัญ]
คริสตัลทับทิมชิ้นนี้มาจากถิ่นฐานเกมของเจ้าอ้วนจู่ และมันสามารถเก็บเลือดของมนุษย์ได้
เนื่องจากพวกเขาอยู่ในโลกแห่งโปเยโปโลเย คริสตัลทับทิมชิ้นนี้ซึ่งใช้เติมเลือดในตอนที่จำเป็นนั้นมีประโนชน์อย่างอื่นอีกอย่างไม่ต้องสงสัย
มันสามารถใช้วาดยันต์ได้!
หยานซีเซีย ชายที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ข้างพวกเขานั้นมีระดับวิสามัญอันดับ 4 เท่านั้น
ตามทฤษฏีแล้ว ภูเขาทมิฬซึ่งแข็งแกร่งที่สุดของอีกฝ่ายก็ไม่ควรจะมีระดับเกินระดับวิสามัญอันดับ 5
จีเย่และหลู่จือเซินอาจไม่มีรากฐานที่มั่นคงเพียงพอที่จะต่อสู้กับคนเช่นนั้นได้ตามลำพัง แต่เมื่อร่วมมือกัน พวกเขาก็อาจจะมีโอกาส
อย่างไรก็ตามพวกเขาเห็นจากข้อมูลที่ว่าภูมิหลังของอีกฝ่ายเป็น ‘แม่ทัพ’ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าลูกน้องของเขาจะเป็นทหารผีเช่นเดียวกับปีศาจภูเขาทมิฬในหนัง
แม้ว่าทหารจะไม่มีระดับที่สูงก็ตาม แต่หากพวกมันสร้างรูปขบวนต่อสู้ แม้แต่ปรมจารย์ระดับวิสามัญก็ไม่สามารถผ่านพวกมันไปได้
ในช่วงเวลาเช่นนี้ สกิลรูปขบวนของลุงเก้านั้นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการโจมตีอย่างไม่ต้องสงสัย!
ในขณะที่นิ้วของเขาชุ่มไปด้วยเลือดเทียมระดับวิสามัญ จีเย่ก็ตั้งสมาธิสักพักหนึ่ง
เขายกมือขึ้นอย่างรวดเร็วและในเสี้ยวินาที เขาก็วาดยันต์ขับไล่บนฝ่ามือของเขา
“เอ๊ะ…”
เขาเลิกคิ้วทันทีที่วาดยันต์เสร็จ
เขาโบกมือที่มียันต์และชกไปข้างหลังโดยไม่หันหลังกลับ
ทันใดนั้นยันต์ที่ถูกวาดด้วยเลือดระดับวิสามัญก็เปล่งแสงสีแดงออกมา
ตูม!
หลังจากนั้นร่างที่มืดมนก็พุ่งออกไปราวกับว่ามันถูกค้อนหนักทุบ มันกระแทกเข้ากับผนังห้องและล้มลงบนพื้น จากนั้นมันก็นอนนิ่งหลังจากกระตุกสองครั้ง!
ยันต์ขับไล่ของจจีเย่นั้นอยู่ระดับไหน? ทำไมถึงดูน่าเกรงขามขนาดนี้?
อันที่จริงหลังจากกำจัดเผ่าวิญญาณแล้ว จีเย่ก็หยุดใช้ค่าประสบการณ์ไปกับยันต์
จนถึงตอนนี้เขาก็เกือบจะบรรลุความเชี่ยวชาญขั้นต่ำในยันต์ขับไล่แล้ว
มันได้ผลมากเพราะสิ่งที่ถูกขับไล่กลับเป็นเพียงซากศพที่แห้งเหี่ยว
ในหนัง ผู้ที่ถูกปีศาจต้นไม้พันปีสังหารล้วนกลายเป็นศพเช่นนี้และซ่อนตัวอยู่ในห้องใต้หลังคาในบ้าน เนื่องจากนิ้วของหนิงไฉ่เฉินถูกเล็บตัดในตอนที่เขาปิดประตู เลือดจึงดึงดูดศพที่แห้งเหี่ยวให้มาที่นี่
เนื่องจากหนิงไฉ่เฉินเป็นตัวเอก เขาจึงได้รับการปฏิบติที่แตกต่างและไม่ได้รับอันตราย
จีเย่ไม่ได้เลือดไหล แต่เลือดเทียมระดับวิสามัญนั้นน่าดึงดูดศพยิ่งกว่าเลือดมนนุษย์ธรรมอย่างเห็นได้ชัด
แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นตัวเอก แต่เขาก็เคยสังหารผู้นำของเผ่าวิญญาณมาก่อน ดังนั้นซากศพที่แห้งเหี่ยวสองสามตัวจึงไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา
“มีเสียงต่อสู้!”
ตรงข้ามห้องของจีเย่ หยานซีเซียนั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียงเพื่อบ่มเพาะ ดวงตาของเขาก็เบิกโพลงหลังจากมีเสียงดังขึ้น เขาลุกขึ้นยืนทันทีและหยิบดาบทองเหลืองของเขา
แม้ว่าเขาจะบอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับอีกฝ่ายเป็นเวลาหนึ่งพันปี…
เขานั้นเป็นคนอบอุ่นมากกว่ารูปลักษณ์ของเขา เมื่อการกระทำชั่วร้ายเกิดขึ้นที่ห้องฝั่งตรงข้าม แน่นอนว่าเขาจะไม่สามารถนั่งดูได้!
ตูม ตูม ตูม…
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาหน้าต่างออกมา
เขาก็เห็นว่าในห้องตรงข้าม จีเย่เปิดหน้าต่างและโยนร่างที่เหี่ยวแห้งออกมา
“ฉันเข้าใจแล้ว่าฉันประเมินชายหนุ่มคนนี้ต่ำเกินไป!”
“แม้ว่าซากศพที่แห้งเหี่ยวเหล่านี้จะจัดการได้ไม่ยาก แต่แม้กระทั่งผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ที่ประสบความสำเร็จก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นไหวเมื่อเผชิญหน้ากับพวกมัน เขาคล้ายกับฉันในตอนที่ฉันยังเด็กจริงๆ…”
เมื่อเห็นว่าจีเย่ป้องหมัดโค้งคำนับเขาจากห้องหนึ่ง หยานซีเซียก็รู้สึกประหลาดใจและแสดงความเห็นที่ค่อนข้าง ‘สำคัญตัวเอง’
ติ้ง! ติ้ง! ติ้ง!
ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงเพลงไพเราะซึ่งลอยอยู่ในอากาศยามค่ำคืนเหมือนกับกระแสน้ำในวัดหลานรั่ว